เมื่อเห็นเย่เทียนหยู่เหลือบมอง ซ่งหยางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวล รู้สึกตัวอีกทีพวกเขาก็เดินเข้าไปข้างในแล้วซ่งเหวินป๋อมองดูลูกชายของเขาแล้วเดินตามเขาเข้าไปคนอื่น ๆ เองก็เช่นกันเมื่อมาถึงด้านในแล้ว หยางต้าฝูเหลือบมองผู้คนที่ตามมา เขาขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “พวกคุณทุกคนรออยู่ในห้องนั่งเล่นก่อน ผมมีธุระที่ต้องจัดการกับคุณชายเย่”ทุกคนตอบรับ รวมถึงซ่งเหวินป๋อและซ่งหยางแม้ว่าพวกเขาจะสงสัยเกี่ยวกับเรื่องที่ประธานหยางกำลังพูดถึงกับคุณชายเย่ แต่ด้วยสถานะของพวกเขา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่กล้าขัดคำสั่งของประธานหยางเย่เทียนหยู่ก็เดินเข้าไปข้างในโดยมีหยางต้าฝูนำทาง และไม่นานก็มาถึงสถานที่คุมขังมีคนคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างประตู ซึ่งก็คือคนที่พ่ายแพ้ให้กับเย่เทียนหยู่เมื่อคราวก่อนคนผู้มีฝีมือมากขนาดนี้ แต่กลับต้องมาถูกกุมขังอยู่ที่นี่ ดูเหมือนหยางต้าฝูคงอยากจะจัดการเรื่องนี้ให้สำเร็จจนทุ่มแรงไปมากตอนนี้ภายในห้อง คู่พ่อลูกหลิวกวงและหลิวเจี๋ยกำลังมีสีหน้าสิ้นหวังพวกเขานึกว่าหนีจากเมืองเทียนไห่ได้อย่างปลอดภัยและออกจากอาณาจักรมังกร แต่เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าหยางต้าฝูจะลงมือกับพวกเขา และใช้กำลังทั้ง
“อยากได้เท่าไรบอกมาได้เลยนะครับ”แต่หลิวเจี๋ยที่อยู่ข้างๆ เขากลับเอาแต่มึนงงและรู้สึกกลัวพ่อของเขาไม่รู้จักเย่เทียนหยู่ แต่เขารู้จัก เมื่อดูท่าทางของหยางต้าฝูที่มีต่อเย่เทียนหยู่ตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าตัวตนของเย่เทียนหยู่นั้นไม่ธรรมดาจริง ๆหากเป็นแบบนี้ ทุกอย่างก็จะสมเหตุสมผลทั้งหมดเป็นเพราะ เย่เทียนหยู่!“คุณหมายความว่า เงินที่ถูกฉ้อโกงนั่นยังอยู่ในมือของคุณสินะ?” เย่เทียนหยู่พูดเบา ๆ เขาคิดว่าเงินถูกโอนไปต่างประเทศแล้ว และคงไม่สามารถเอาคืนมาได้แล้ว“คุณคือใคร?”หลิวกวงอดไม่ได้ที่จะถาม แม้ว่าเขาจะเห็นว่าหยางต้าฝูดูเหมือนจะนำทางเย่เทียนหยู่เข้ามา แต่เขาก็ยังรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติอยู่ดี เพราะยังไงคนคนนี้ก็ยังดูเด็กมา“ผมเป็นใครคุณไม่รู้ แต่ยังส่งคนมาฆ่าผมได้ตั้งสองสามครั้งเหรอ?”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้า“ฆ่าคุณ?”หลิวกวงสะดุ้งเล็กน้อยหลิวเจี๋ยพูดทันที: “พ่อ เขาคือเย่เทียนหยู่!”“อะไรนะ!”หลิวกวงตกตะลึงอย่าง ชายหนุ่มคือเย่เทียนหยู่ที่เขาต้องการจะฆ่าอย่างนั้นเหรอ?เมื่อมองแบบนี้ เรื่องทุกอย่างก็กระจ่างในทันทีแต่ทำไมประธานหยางถึงปฏิบัติต่อชายหนุ่มด้วยความเคารพแบบนี้ เขาอด
ในเวลานี้ หลิวเจี๋ยดูน่าสงสารอย่างยิ่ง เขาดูไม่เหมือนคนที่ทั้งเยือกเย็นและสงบเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปแต่เห็นได้ชัดว่าเย่เทียนหยู่ไม่มีความเห็นอกเห็นใจใด ๆ และพูดอย่างใจเย็น: “หลิวเจี๋ยก่อนหน้านี้คุณเย่อหยิ่งมากเลยไม่ใช่เหรอ? คุณชอบบอกผมว่าคุณเป็นคนที่อยู่เหนือกว่าผมอยู่เสมอไม่ใช่เหรอ?”“ทำไมตอนนี้ถึงยอมก้มหัวยอมรับความผิดพลาดกับคนชั้นต่ำแบบผมกันล่ะ?”เมื่อหลิวเจี๋ยได้ยินดังนั้น เขาก็เพิกเฉยต่อความอัปยศอดสูและร้องขอความเมตตา: “ผมยังเด็กและไม่รู้ความ และไม่เข้าใจถึงอำนาจของคุณ ตอนนี้ผมรู้ว่าผมผิดแล้วครับ ผมคุกเข่าขอร้องและผมจะกลับใจแน่นอนครับ““ไม่ต้องกังวล ผมจะไม่รบกวนหว่านหรูอีกแล้วครับ…”ปึง!ก่อนที่ หลิวเจี๋ยจะพูดจบ เขาก็ถูกเย่เทียนหยู่ถีบกระเด็นออกไปอย่างแรง ตัวเขากระแทกตัวไปอีกด้านก่อนจะตกลงบนพื้น เขาเหงื่อแตกออกมาเพราะความเจ็บปวดเขาเพิกเฉยต่อความเจ็บปวดบนนร่างกายและคลานกลับทันที เพียงแต่ว่าท่าทางของเขาดูไม่สะดวกนิดหน่อยเพราะว่ามือถูกมัดไว้“ชื่อหว่านหรูแกไม่มีสิทธิ์มาเรียกหรอก”เย่เทียนหยูเตะเสร็จก็พูดออกอย่างเย็นชา“ครับ ใช่แล้ว ไม่ต้องกังวล หลังจากวันนี้ผมจะอธิบายทุกอ
เขาไม่ได้รับคำสั่งจากราชามังกรให้หยุดด้วยซ้ำหลิวกวงเกือบเป็นอัมพาตด้วยความกลัว และพูดด้วยความหวาดกลัว: “ไม่นะ ผมพูดแล้ว ผมพูดแล้ว!”หยางต้าฝูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหยุดการเคลื่อนไหวของเขา และพูดอย่างเย็นชา: “บอกมา เงินอยู่ไหน และจะโอนกลับได้ยังไง”“ผมจะบอกให้ เงินถูกโอนไปยังบัญชีต่างประเทศของผมแล้ว และผมต้องไปที่นั่นด้วยตนเองก่อนจึงจะสามารถโอนเงินออกมาได้” หลิวกวงพูดอย่างรวดเร็ว“ลำบากขนาดนั้นเลยเหรอ?”“นี่เป็นวิธีเดียว และมันก็เป็นวิธีรักษาชีวิตของผมตั้งแต่แรก” หลิวกวงอธิบายเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ของหลิวกวง ก็สมเหตุสมผลอย่างยิ่งที่จะทำเช่นนั้นและหยางต้าฝูก็เชื่อเขาแต่เย่เทียนหยู่ขมวดคิ้วและพูดว่า: “ยุ่งยาก ผมรอไม่ไหวหรอก ถ้าอย่างนั้นก็ช่างมันไปเถอะ ผมไม่ต้องการเงินแล้ว ฆ่ามันซะ!”แม่งเอ๊ย!แบบนี้ก็ฆ่าเหรอ?หลิวกวงกำลังจะบ้า เด็กคนนี้เป็นมนุษย์หรือเปล่า เขาพูดอย่างวิตกกังวล: “ไม่นะ แค่ส่งคนมาติดตามผม พอไปถึงที่นั่นก็สามารถโอนเงินได้เลย”“เท่าไร?” เย่เทียนหยู่ถาม“สองพันห้าร้อยล้าน!”“แค่สองพันห้าร้อยล้านเหรอ?”“ผมโกงมามากบวกกับเงินของตัวเองด้วย แต่ค่าใช้จ่ายก็มหาศ
หลิวกวงและลูกชายของเขาก็ตกตะลึงอย่างมาก ตอนนี้ฉีเฟยกรุ๊ปตกอยู่ในความยุ่งเหยิงและเต็มไปด้วยหนี้สินนี่มัน มีเรื่องดี ๆ แบบนี้ด้วยเหรอ อีกฝ่ายจะแลกเปลี่ยนสิ่งนี้กับชีวิตของเขาจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ?“มันไม่สำคัญหรอก แค่เสียเงิน ผมจ่ายไหว”เย่เทียนหยู่พูดหยางต้าฝูยิ้มแห้งด้วยสีหน้าสิ้นหวัง บางทีราชามังกรอาจมีเหตุผลของตัวเองก็ได้หลิวกวงไม่คิดเลยว่าจะมีเรื่องดี ๆ เช่นนี้เกิดขึ้น และอดไม่ได้ที่จะถามว่า “คุณเย่ คุณอยากได้ฉีเฟยกรุ๊ปจริง ๆ เหรอครับ”“ใช่!”เย่เทียนหยู่ยืนยันทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่ได้มีความแค้นเอาเป็นเอาตายต่อกัน ดังนั้นเขาจึงไม่มีเวลาโต้เถียงกับพวกเขาเหตุผลที่ต้องการยึดฉีเฟยกรุ๊ปในตอนนี้ก็เพราะ เมื่อมีการประกาศการภายในเมือง ฉีเฟยกรุ๊ปจะสามารถกลับมามีชีวิตอีกครั้งเมื่อถึงเวลานั้น แม้ว่าฉีเฟยกรุ๊ปจะล้มละลาย แต่ทางการก็จะต้องเข้าควบคุมกิจการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และจะไม่ตกไปอยู่ในมือของพวกเขาแน่นอน เพียงแต่ว่าตอนนี้ภายในเมืองยังไม่ได้รับแจ้งเรื่องข่าวใหญ่นี้ดังนั้นเขาจึงต้องการยึดฉีเฟยกรุ๊ปก่อนที่ข่าวจะถูกส่งต่อ“แต่ตอนนี้ฉีเฟยกรุ๊ปกำลังเผชิญกับภาวะล้มละลาย หากคุณรับม
เงินหนึ่งหมื่นล้านที่ถูกฉีเฟยกรุ๊ปเอาไปส่วนใหญ่ถูกส่งคืน เพราะคนจากด่านหลงเหมินจับคนได้และยืนยันว่าเงินส่วนใหญ่ยังอยู่ที่เดิมพื้นที่รกร้างขนาดใหญ่ใกล้กับกองขยะทางตะวันออกของเมืองจะช่วยให้ฉีเฟยกรุ๊ปได้เติบโตใครจะคิดว่าสถานที่ห่างไกลที่มีกองขยะและแม่น้ำที่ปนเปื้อนจะถูกเลือกให้เป็นสถานที่พัฒนาสำหรับเขตใหม่ และแม้กระทั่งกลายเป็นพื้นที่หลักของเมืองใหม่ได้ที่ดินหลายพันเอเคอร์ที่ฉีเฟยกรุ๊ปเกือบจะทิ้งร้างกำลังจะกลายเป็นที่ดินสำหรับทำเงินมหาศาลที่ด้านนอก ซ่งเหวินป๋อและลูกชายของเขาไม่ได้ออกมาด้วย โอกาสดี ๆ แบบนี้พวกเขาไม่ควรพลาด แต่ตอนนี้พวกเขารอมาเป็นเวลาค่อนข้างนานโชคดีที่เย่เทียนหยู่และคนอื่น ๆ ปรากฎตัวออกมาในเวลานี้หยางต้าฝูพูดด้วยความประหลาดใจ: “เหล่าซ่ง นี่คุณยังไม่กลับเหรอ?”“เหะ ๆ ประธานครับ ท่านบอกว่าวันนี้มีแขกคนสำคัญมาด้วยไม่ใช่เหรอ ผมก็อยากรู้จักเหมือนกัน คุณชายเย่ สวัสดีครับ ผมชื่อซ่งเหวินป๋อ ทำงานอยู่ในธุรกิจอัญมณีครับ” ซ่งเหวินป๋อริเริ่มทักทายเขาอย่างไร้ยางอายด้วยเวลาเพียงเท่านี้ พวกเขาได้รู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของเย่เทียนหยู่จากครอบครัวของหยางต้าฝู แต่พวกเขารู้เพียงว
“อย่ากังวลไป นายน้อยซูสนใจอุตสาหกรรมเครื่องสำอางอยู่แล้วล่ะ ยิ่งไปกว่านั้น ทีมวิจัยพัฒนาที่เธอซื้อมาก็เก่งมาก ๆ เลยนะ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่พวกเขาพัฒนาก็ยอดเยี่ยมมาก”ซูถิงกล่าว“ฉันหวังว่าอย่างนั้นนะ!”หลินหว่านหรูถอนหายใจช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากตลาดอสังหาริมทรัพย์เริ่มซบเซามากขึ้น จึงเป็นเรื่องยากที่ตระกูลหลินจะเติบโต และเครื่องสำอางเป็นอุตสาหกรรมใหม่ที่เธอกำลังลงทุนอยู่พอดีถึงยังไงในฐานะผู้หญิง เธอก็รู้ดีว่าการหาเงินจากผู้หญิงเป็นเรื่องง่าย แต่สิ่งสำคัญคือการมีผลิตภัณฑ์ที่ดีก่อนเธอลงทุนไปแล้วกว่าห้าร้อยล้าน ถ้ายังไไม่ได้ผลตอบรับที่ดีมากพอ เกรงว่าคงจะไม่มีโอกาสอีกต่อไปแล้วไม่ถึงครึ่งชั่วโมงหลังจากที่ทั้งสองมาถึง นายน้อยซูเหวินฮุยก็มาถึงชั้นล่าง ซูถิงรีบเรียกหลินหว่านหรูให้ลงไปต้อนรับซูเหวินฮุยทันทีถึงยังไงซะ เขาก็เป็นถึงลูกชายคนโตของตระกูลซู!อุตสาหกรรมของตระกูลซูครอบคลุมหลายสาขาและมีอิทธิพลมาก พวกเขาเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลหลักแห่งเมืองเทียนไห่ดวงตาของซูเหวินฮุยเป็นประกายในทันทีเมื่อเขาเห็นหลินหว่านหรูเป็นครั้งแรกไม่รู้ว่าเป็นเพราะพันธุกรรมหรือเปล่า แต่มีข่าวลือว่า
ซูถิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ได้ยินแล้วพูดว่า “นายน้อยซู หว่านหรูคออ่อนจริง ไม่อย่างนั้นคุณจะดื่มอีกสามแก้ว หลังจากดื่มสามแก้ว เราจะหารือเกี่ยวกับความร่วมมือ”เมื่อได้ยินดังนั้น หลินหว่านหรูก็ตระหนักว่าถ้าดื่มสามแก้วลงไปจริง เธออาจจะไม่สามารถกลั้นไว้ได้นาน แต่เรื่องนี้ถูกเสนอขึ้นมาโดยซูถิง เธอจะปฏิเสธมันได้อย่างง่ายดายได้ยังไงหลังจากคิดดูแล้ว ถ้าดื่มแค่สามแก้วก็ยังพอลองดูได้นายน้อยซูเห็นท่าทางส่งซิกของซูถิงแล้วพูดว่า “ได้ สามแก้วก็สามแก้ว ถ้าประธานหลินดื่มสามแก้วนี้หมด เราจะหารือเกี่ยวกับความร่วมมือกันทันที”เขาไม่ได้บอกว่าตกลงจะร่วมมือ เขาเพียงแค่จะหารือเท่านั้นเมื่อเห็นนายน้อยซูยืนยันข้อตกลง หลินหว่านหรูก็พยักหน้าและมองแก้วเหล้าที่ซูถิงเทไวจนเต็มเกมอยู่ เธอหยิบแก้วขึ้นมาและดื่มหมดในอึกเดียวแต่ในขณะนี้เองก็มีคนผลักประตูเข้าไปเขาดึงดูดความสนใจของทุกคนทันที“หว่านหรู ถ้าดื่มไม่ไหวก็เลิกฝืนได้แล้ว”“สามแก้วใช่ไหม? ผมจะดื่มเอง!”คนที่มาคือเย่เทียนหยู่ซึ่งพุ่งตรงเข้ามา ร้านอาหารแห่งนี้เป็นของตระกูลซา พอดีกับที่เขาได้พบกับถานล่างเลยรู้ได้ทันทีว่าหลินหว่านหรูอยู่ในห้องไหน ดังนั้นเ
เย่เทียนหยู่ตกใจเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดว่าเธอจะเข้ามาใกล้ขนาดนี้ แถมยังโอบกอดเขาแน่น พร้อมกับเปิดปากพุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่งแบบนี้แม้จะดูเก้งก้างไปบ้าง แต่เขากลับรู้สึกมีอารมร์ร่วมในความเป็นจริงแล้ว ด้วยพลังอันแข็งแกร่งของเย่เทียนหยู่ เขานั้นไม่ได้ถูกควบคุมแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ส่วนใหญ่เป็นเพราะเสน่ห์อันเย้ายวนและความงดงามของจูเก่อหลิวหลีทั้งนั้นความรู้สึกต่อจูเก่อหลิวหลีตอนนี้เหมือนกันกับตอนหยางเฉียนเฉียน คือชมชอบ รู้สึกดี และถึงขั้นชอบเสียด้วยซ้ำแต่เนื่องจากความรับผิดชอบที่มีในใจ และความจริงที่ว่าหลินหว่านหรูคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะก้าวข้ามไปแม้แต่ก้าวเดียวแต่ท่าทีของจูเก่อหลิวหลีในตอนนี้ เสน่ห์ของจูเก่อหลิวหลี บวกกับฤทธิ์ยา ไม่นานมันก็ได้กระตุ้นความตื่นตัวของเย่เทียนหยู่ขึ้นมาเขาถึงกับไม่สามารถควบคุมตัวเองเอาไว้ได้ และเปิดปากออกโดยไม่รู้ตัว มือก็เริ่มเคลื่อนไหวไปบนร่างของจูเก่อหลิวหลี ความรู้สึกนั้น มันทำให้ตื่นเต้นจนแทบทนไม่ไหวสมบูรณ์แบบมาก!ต้องบอกเลยว่า หากพูดถึงแรงดึงดูดต่อผู้ชาย จูเก่อหลิวหลีนั้นไม่แพ้หลินหว่านหรูเลยแม้แต่น้อย เป็นคว
ขืนยังเป็นแบบนี้ต่อไป เกรงว่าแม้แต่โอกาสที่จะได้อยู่ข้าง ๆ คุณชายก็คงไม่เหลือ ดังนั้น เธอจึงตัดสินใจที่จะทำตัวให้กระตือรือร้นมากขึ้นถึงแม้จะไม่ได้เป็นภรรยาของคุณชาย ขอแค่ได้มีความสัมพันธ์กับคุณชายบ้าง ต่อไปเธอก็จะถือว่าเป็นผู้หญิงของคุณชาย และอย่างน้อยก็สามารถอยู่เคียงข้างคุณชายไปตลอดชีวิตได้เพราะไม่อย่างนั้น สักวันหนึ่งระยะห่างของเธอกับคุณชายก็คงจะไกลกันมากขึ้นเรื่อย ๆเพื่อเหตุนี้ เธอจึงตัดสินใจวางยา ยานี้ไม่ใช่ยาธรรมดา ไม่เพียงแต่ไม่มีสีและรสชาติเท่านั้น แต่ยังเป็นยาที่หายากอีกด้วย เพียงแต่ผลลัพธ์ของยานั้นกลับไม่ได้มีความเข้มข้นมากนักแต่ก็ไม่เป็นไร โชคดีที่ได้เจอกับมันโดยบังเอิญ บวกกับเสน่ห์ที่ดูแพรวพราวของเธออีกเพื่อเสริมเสน่ห์ของตัวเองแล้ว หลายวันมานี้เธอได้ทำการฝึกฝนอย่างหนัก เพื่อที่จะทำให้คุณชายหลงใหล และให้คุณชายยอมกลืนกินเธอแม้ว่าวันนี้จูเก่อหลิวหลีจะสวมกระโปรงสีดำแหวกข้าง และเสื้อคอลึก จนทำให้ขาเรียวยาวของเธอโผล่พ้นออกมา ซึ่งความมีเสน่ห์ของเธอทำให้เขารู้สึกใจสั่นเล็กน้อยแต่เย่เทียนหยู่ก็ไม่ได้คิดมากอะไร ในขณะที่ดื่มน้ำในมือ เขาก็เดินดูรอบ ๆ พร้อมกับเอ่ยชมขึ้นว่า
อันที่จริงแล้ว ครั้งนี้ไม่ใช่การเตรียมการของเย่เทียนหยู่ แต่เป็นการเตรียมการของมู่หรงอิน อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่ามู่หรงอินเองก็ไม่ได้รังเกียจที่จะจัดการเรื่องนี้ กระทั่งเธอยังยินดีที่จะทำเสียด้วยซ้ำเกี่ยวกับสถานการณ์ของบริษัทเทียนเฟิงกรุ๊ปสาขาตะวันออก ข้อมูลก็ได้ถูกส่งไปถึงหูของมู่หรงอินแล้ว ใบหน้าของเธอก็ปรากฏรอยยิ้มออกมาแม้จะมีความช่วยเหลือจากเย่เทียนหยู่อยู่แล้ว แต่การแสดงออกของหลินหว่านหรูนั้นก็ทำให้เธอพอใจมากจริง ๆเดิมทีภาพรวมของเทียนเฟิงกรุ๊ปก็ดีมากอยู่แล้ว เพียงแค่ปัญหาร้ายแรงบังเอิญมาเกิดที่สาขานี้ก็เท่านั้น เธอแค่ต้องการอยากจะเห็นการแก้ปัญหาของหลินหว่านหรู และจะใช้เวลานานแค่ไหนในการจัดการคิดไม่ถึงเลยว่าจะจัดการได้เร็วขนาดนี้ แถมยังกระตุ้นความกระตือรือร้นของพนักงานให้มีแรงผลักดันมากขึ้นอีกด้วยไม่เสียแรงที่ตนให้คนเตรียมข้อมูลพนักงานที่ละเอียดขนาดนั้นเอาไว้ให้เธอเลยจริง ๆในตอนที่เย่เทียนหยู่เดินออกจากบริษัท เขาเองก็กำลังคิดว่าจะหาบ้านที่เหมาะสมในบริเวณใกล้เคียง แล้วซื้อเอาไว้สักหลัง ไม่ว่ายังไงก็จะให้หลินหว่านหรูพักอยู่โรงแรมตลอดไปไม่ได้หรอกนี่เห็นได้ชัดว่ามันไม่เ
“เพราะเขาเป็นคนพูดเองว่า ไม่ว่าโลกจะกว้างใหญ่แค่ไหน แต่ภรรยาก็คือที่สุด!”“ถ้าไม่มีการอนุญาตจากฉัน เขาจะทำอะไรบุ่มบ่ามแน่นอน”“ฮ่า ๆ......”พอทุกคนได้ยินคำพูดของหลินหว่านหรู ก็แทบจะหัวเราะออกมาโดยไม่รู้ตัว จู่ ๆ ก็คิดว่าประธานหลินคนนี้ไม่เลวเลยจริง ๆเห็น ๆ อยู่ว่าอำนาจในมือนั้นเกินคาดเดา แต่เจ้าตัวกลับเป็นคนที่อ่อนโยนเช่นนี้เมื่อพูดถึงว่าภรรยาเป็นใหญ่ สีหน้าของหลินหว่านหรูก็แดงเพราะความเขินอายขึ้นมา สิ่งสำคัญคือเธอรู้สึกว่าควรจะดึงบรรยากาศกลับมาสักหน่อย เพื่อไม่ให้ทุกคนมุ่งคิดแต่จะเอาใจเธออย่างเดียว จนละเลยหน้าที่ในบริษัท แบบนั้นคงไม่ดีแน่เย่เทียนหยู่สามารถที่จะไม่สนใจผลประโยชน์ของบริษัทได้ กระทั่งปล่อยให้บริษัทล้มละลายไปเลยก็ตาม แต่เธอเองกลับไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ ถ้าตั้งใจจะทำแล้ว ก็ต้องทำให้ถึงที่สุด แล้วก็จะต้องแข็งแกร่งยิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วยเพราะไม่เช่นนั้น เธอจะมีหน้าไปพบอนาคตแม่สามีได้อย่างไรเมื่อเห็นปฏิกิริยาของทุกคน หลินหว่านหรูก็รู้สึกว่าตนทำถูกต้องแล้ว จากนั้นจึงกล่าวขึ้นอีกว่า “แต่ว่านะ ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้เอาแต่ใจเท่ากับเขา แต่สำหรับเรื่องงานแล้ว ฉันกลับมีความเข้
คำพูดนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึงและสั่นสะเทือนในใจขึ้นมาอีกครั้งถึงขนาดไม่สนใจว่าบริษัทจะล้มละลาย แม้แต่การขอร้องจากประธานบริษัทเองก็ยังไม่ได้ผลเลยด้วยซ้ำ!นี่เป็นเผด็จการและการปกป้องที่ไร้เหตุผลชัด ๆ!ในใจหลายคนก็อดสงสัยไม่ได้ว่าชายหนุ่มคนนี้คือใคร อาจจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับประธานบริษัท หรืออาจจะมีสถานะที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็ได้เมื่อเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น พวกเขาก็ยิ่งอดไม่ได้ที่จะหันไปมองหลินหว่านหรูด้วยความรู้สึกอิจฉาโดยเฉพาะผู้หญิงบางคน ในใจพวกเธอก็อดคิดไม่ได้ ว่าหากพวกเธอมีผู้ชายแบบนี้สักคน ต่อให้จะเป็นเพียงหนึ่งในหมื่น พวกเธอก็คงจะมีความสุขจนตายได้เลยการปกป้องที่ไม่มีเหตุผลแบบนี้ แม้แต่หลินหว่านหรูที่ถูกเย่เทียนหยู่ทะนุถนอมตลอดเวลาก็ยังรู้สึกใจเต้นเช่นกันเทียนหยู่ได้ทุ่มเททุกอย่างให้กับเธออย่างแท้จริง เขาทั้งมุ่งมั่นและตั้งใจทำเพื่อเธอพอนึกย้อนกลับไป เขาก็คอยปกป้องเธออยู่เงียบ ๆ มาโดยตลอดมาเช่นกันเพียงแค่ตัวเองก่อนหน้านี้นั้นกลับโง่เขลาเกินไป ไม่สามารถแยกแยะสถานการณ์ได้ ไม่เพียงแต่ไม่เข้าใจ แถมยังเข้าใจผิดเกี่ยวกับเขาตั้งหลายครั้งอีกด้วยตอนนี้พอมาคิดดูแล้
ดูท่าแล้ว อนาคตเธอคงจะก้าวหน้ามากแน่นอนพวกเขาอาจจะต้องระมัดระวังในการรับมือเอาไว้ให้ดีเมื่อจัดการเรื่องของจางเฉียงเสร็จ เรื่องของที่นี่โดยทั่วไปก็ถือว่าจบลงแล้ว เย่เทียนหยู่เองก็ไม่อยากอยู่ต่อ เขาจึงกล่าวเสียงต่ำขึ้นว่า “ทุกท่านก็คงเห็นกันแล้ว วันนี้ ที่นี่เกิดเรื่องที่ไม่ค่อยน่าพอใจบางอย่างขึ้น”“แต่โชคดีที่ผลลัพธ์ออกมาค่อนข้างดี ในที่สุดก็ขจัดเนื้อร้ายของบริษัทออกไปได้ ทำให้ทุกคนสามารถตั้งใจแสดงความสามารถของตนเองได้อีกครั้ง”“ผมรู้ดี นอกจากพวกเขาเหล่านี้แล้ว ในบริษัทก็ยังมีปัญหาน้อยใหญ่อยู่อีกมากมาย การเรียกเก็บส่วยใต้โต๊ะก็มีไม่น้อย ตามความคิดเดิมของผม ผมไม่คิดจะปล่อยไปเลยแม้แต่คนเดียว ต้องการจะจัดการให้หมดทุกคน”“อย่างมาก บริษัทก็อาจจะตกอยู่ในวิกฤตสักระยะ เพื่อเผชิญกับผลกระทบบางอย่าง”“อย่าว่าแต่วิกฤตเล็ก ๆ เลย ต่อให้จะขาดทุนไปหลายร้อยล้าน หรือหลายพันล้านก็ตาม มันก็ไม่มีความหมายอะไรทั้งนั้น ผมไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย!”เย่เทียนหยู่ยืนอยู่บนที่สูง แววตาดูมีอำนาจ เขากวาดสายตามองไปทั่วทุกทิศทาง ทุกคนที่ถูกเขามอง ต่างก็รีบก้มหน้าหลบเลี่ยงในทันที ไม่มีใครกล้าสบตาเขาเลยสักคนผ
“พอเถอะ!”เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เย่เทียนหยู่เองก็ไม่อยากเปลืองน้ำลายแล้ว จึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ผมเคยบอกไปแล้ว ผมไม่ได้สนใจเงินเลยแม้แต่น้อย สิ่งที่ผิดพลาดที่สุดของพวกคุณคือการดูถูกภรรยาของผม!”“ดังนั้น นอกจากจางเฉียงแล้ว พวกคุณที่เหลือ เอาเงินมาชดใช้ให้หมด แล้วไสหัวออกไปจากบริษัทซะ แล้วเราจะไม่ตามเอาความอีก!”“แต่ว่านะ จางเฉียง ไม่ว่าคุณจะแสดงออกยังไงก็ไม่มีประโยชน์ เก็บน้ำตาที่ไม่มีค่าเหล่านั้นเอาไว้เถอะ”“ไสหัวไปซะ แล้วเตรียมตัวรับหมายศาลเอาไว้ให้ดี!”เมื่อได้ยินดังนั้น หลายคนต่างก็พากันรู้สึกซาบซึ้งจนถึงขั้นน้ำตาไหลเมื่อต้องเผชิญหน้ากับบุคคลที่น่ากลัวเช่นนี้ การที่ตนสามารถถอยกลับมาได้อย่างปลอดภัยนั้น ก็นับว่าโชคดีที่สุดแล้วแต่จางเฉียงกลับรู้สึกอ่อนแรงอย่างสิ้นเชิง คิดไม่ถึงเลยว่าการที่ใบหน้าทั้งสองข้างบวมเป่งนั้นจะไม่มีผลอะไรเลย เมื่อนึกถึงชะตากรรมที่น่ากลัวของตัวเองแล้ว ใบหน้าของเขาก็ซีดเซียวทันทีเขาหันไปมองหลินหว่านหรูอีกครั้ง ความโกรธเคืองเกิดขึ้นในใจทันที ความชั่วร้ายภายในเองก็ปะทุขึ้นมา เขาจึงควักมีดเล่มเล็กออกมาจากกระเป๋า แล้ววิ่งตรงไปทางหลินหว่านหรูอ
“ขอโทษครับ ผมผิดไปแล้ว!”“ประธานหลินครับ ผมยังมีแม่อายุร้อยปีที่ต้องดูแล ไหนจะลูกน้อยที่อายุเพิ่งจะครบเดือนอีก ขอให้คุณเห็นแก่หน้าผู้สูงอายุและเด็กน้อยตาดำ ๆ ให้โอกาสผมอีกสักครั้งเถอะนะครับ”“คุณวางใจได้ เงินที่ถูกยักยอกไปทั้งหมด เราจะคืนกลับมาให้ครบถ้วน หากมีความต้องการอื่น ๆ ก็สามารถบอกได้เลยครับ”“ขอแค่ยอมปล่อยพวกเราไป พวกเราก็พร้อมทำทุกอย่างครับ”“......”สรุปแล้ว ทุกคนต่างก็พากันคุกเข่าลงบนพื้นและพูดขอร้อง อีกทั้งยังยอมที่จะชดใช้ค่าเสียหายอีกด้วยเพราะตอนนี้ปัญหาไม่ใช่แค่เรื่องเงินแล้ว แต่เป็นเรื่องที่จะต้องติดคุกจริง ๆ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาตัวเลขจากคดีของพวกเขาแล้ว เกรงว่าระยะเวลาในการรับโทษคงไม่ใช่น้อย ๆอีกอย่าง สำนักงานใหญ่ก็เป็นคนพูดเอง ว่าทุกอย่างประธานหลินสามารถจัดการได้ตามที่ต้องการนั่นหมายความว่า หากประธานหลินให้พวกเขามีชีวิตอยู่ พวกเขาก็จะมีชีวิตอยู่ หากประธานหลินให้พวกเขาตาย พวกเขาก็จะมีเพียงทางเลือกเดียว ซึ่งก็คือความตายดังนั้น พวกเขาในตอนนี้ จึงไม่ใส่ใจเรื่องหน้าตาหรือศักดิ์ศรีได้อีกต่อไปเมื่อเห็นคนรอบข้างพากันคุกเข่าลงกันทีละคน ในที่สุดจางเฉียงเองก็รู้สึก
กี่ปีแล้ว ในฐานะคุณหนูสามตระกูลหนานกง หนานกงย่าไม่เคยได้รับความอับอายเช่นนี้มาก่อน และตระกูลหนานกงเองก็ไม่เคยโดนดูถูกเช่นนี้มาก่อนเหมือนกันเธอเกือบจะพลิกโต๊ะด้วยซ้ำ เพื่อที่จะต่อสู้กับเทียนเฟิงกรุ๊ปให้ถึงที่สุด ไม่ใช่เพื่อจางเฉียง แต่เพื่อความรู้สึกโกรธในใจของเธอเองแต่สุดท้ายแล้ว เธอก็ยังต้องกดความโกรธในใจเอาไว้ เพราะเธอรู้ดีว่า เทียนเฟิงกรุ๊ปนั้นน่ากลัวเพียงใด ภายในมีแต่ประธานที่ถือหุ้นรายใหญ่ทั้งนั้น แถมยังมีผู้มีชื่อเสียงระดับสูงอีกมากมายที่ถือหุ้นในนั้นด้วยเกรงว่าเธอคนเดียวคงจะแบกรับเอาไว้ไม่ไหวจริง ๆ!ประการที่สอง ก็เป็นเพราะตอนนี้คือช่วงเวลาสำคัญที่ตระกูลหนานกงจะต้องก้าวข้ามตระกูลเย่อย่างเด็ดขาด จะให้เกิดความผิดพลาดขึ้นไม่ได้ และจะทำให้เสียการใหญ่เพราะเรื่องเล็กน้อยไม่ได้ด้วยเช่นกันแค่จางเฉียงคนเดียว จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำถึงขนาดนั้นส่วนเรื่องศักดิ์ศรีของตัวเอง ศักดิ์ศรีของตระกูลหนานกงนั้น จะต้องมีสักวัน ที่เธอสามารถเรียกคืนมันกลับมาได้แน่นอนและด้วยเหตุนี้ เมื่อเธอได้รับโทรศัพท์จากจางเฉียง หนานกงย่าจึงได้แสดงความโกรธออกมาอย่างเต็มที่ และด่าทอเขาอย่างรุนแรงไป