คนนี้เหล่านี้ล้วนเป็นหัวหน้าของเขา โดยเฉพาะนายกเทศมนตรีสื่อผู้จัดการหวังแอบตกใจ เพราะฟังจากน้ำเสียงของเขาแล้ว ราวกับเขากำลังสั่งงานนายกเทศมนตรีหวง ขนาดคนที่รวยที่สุดในเมืองเทียนไห่ยังไม่กล้าสั่งนายกเทศมนตรีแบบนี้เลยแพทย์ศักดิ์สิทธิ์เย่คนนี้เป็นใครกันแน่?หวงโหยวเหว่ยตอบตกลงทันที เขาไม่กล้าที่จะละเลยคำพูดของเย่เทียนหยู่ เมื่อเขากลับไปเขาจะเล่าทุกอย่างให้พ่อฟังโดยไม่พลาดแม้แต่คำเดียวหลังจากรีบร้อนกระวนกรวาย พนักงานของกรมพลเรือนก็มาที่นี่พร้อมเครื่องมือต่าง ๆเมื่อถึงเวลาต้องลงนาม เย่เทียนหยู่ก็ให้เฉินเข่อซินลงนามเองเฉินเข่อซินตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและพูดอย่างเร่งรีบ: “ไม่ ๆ พี่เย่ คุณกำลังซื้อบ้านของตัวเอง ไม่ใช่ฉันสักหน่อยนะคะ”เย่เทียนหยู่พูดอย่างช่วยไม่ได้: “เดิมทีผมก็ซื้อบ้านหลังนี้ให้คุณอยู่แล้วนะ”“ไม่เอาค่ะ ฉันมีเงินนะ ตอนนี้ฉันมีสามสิบห้าล้านแล้ว ฉันซื้อเองได้แล้วล่ะค่ะ ฉันไม่คุ้นเคยกับการใช้ชีวิตในบ้านดี ๆ แบบนี้หรอกนะคะ”เฉินเข่อซินพูดเย่เทียนหยู่คิดว่าถ้าบ้านหลังนี้เป็นชื่อของเขา การจะให้เฉินหมินและเฉินเข่อซินมาอยู่อาศัยคงเป็นเรื่องยาก แต่เขาอยากให้พวกเธอมีชีวิตที
เย่เทียนหยู่วางโทรศัพท์มือถือลงแล้วพูดว่า “ผมยังมีธุระต่อ ในเมื่อที่นี่ไม่มีอะไรแล้ว เราขอตัวกลับก่อน”“ครับ พี่เย่เชิญจัดการธุระก่อนเถอะครับ ไว้คราวหน้าผมมีโอกาสเลี้ยงอาหารค่ำคุณ” ซูเหวินฮวาพูดทันที แม้ตอนนี้เขาจะร้อนใจที่จะผูกมิตรและเสวนากันมากกว่านี้ แต่การกินตอนอาหารร้อนเกินคงไม่ใช่เรื่องดีนักหวงโหยวเหว่ยรู้สึกอึดอัดใจ สิ่งที่เขาต้องการจะพูดถูกซูเหวินฮวาแย่งพูดไปก่อนอีกครั้ง“เข่อซิน ไปกันเถอะ”เย่เทียนหยู่ไม่อยู่ต่อให้เสียเวลาและพาเฉินเข่อซินออกไปทันที หลังจากขึ้นรถแล้ว เขาพูดว่า “เข่อซิน หลังกลับไปแล้ว คุณกับคุณน้าจัดเก็บของให้เรียบร้อยแล้วย้ายเข้าไปในวิลล่านะ”“อ่า ไม่ได้นะคะ วิลล่านี้เป็นของพี่เย่ เรา...”“ปล่อยไว้แบบนั้นมันก็ยังอยู่เหมือนเดิม ไม่สู้เข้าไปใช้งานดีกว่านะ” เย่เทียนหยู่ขัดจังหวะในขณะนี้ เฉินเข่อซินเริ่มรู้สึกตัวและถามว่า: “พี่เย่ นี่พี่หลอกฉันเหรอ? พี่แค่อยากซื้อวิลล่าให้ฉันหรือเปล่า?”เย่เทียนหยู่ยิ้มแห้ง ไม่รู้ว่าจะตอบยังไง“ต้องใช่แน่ พี่เย่ ทำไมพี่ถึงดีกับฉันขนาดนี้” เฉินเข่อซินจ้องไปที่เย่เทียนหยู่ เธออดคิดไม่ได้ว่าพี่เย่ต้องชอบเธอแน่ทุกคนต่างก็บ
หยางต้าฝูกำลังจะพยักหน้าเห็นด้วย ในเวลานี้เอง แม่บ้านก็เข้ามาแล้วพูดว่า “ท่านประธาน คุณชายเย่มาถึงด้านหน้าแล้วค่ะ”“อะไรนะ มาถึงแล้วเหรอ! ไปเร็ว ไปทักทายคุณชายกันเถอะ”เมื่อหยางต้าฝูได้ยินดังนั้น เขาก็ลุกขึ้นและพาผู้คนไปที่ประตูวิลล่า แล้วยืนรออยู่ที่ประตูในทันทีซ่งเหวินป๋อและซ่งหยางตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากลังเลอยู่สักพัก พวกเขาก็เดินตามเขาไป แต่พวกเขาก็ยืนอยู่หลังประตู เพราะพวกเขาอยากรู้ว่าใครเป็นคนสำคัญแต่ท่านประธานหยางเองก็ไม่ได้ขับไล่พวกเขา ไม่แน่พวกเขาอาจมีโอกาสได้พูดคุยกับคนสำคัญ แบบนั้นพวกเขาก็มีโอกาสได้เติบโตแต่ภาพเบื้องหน้านี้ สมาชิกตระกูลหยางบางคนที่ไม่รู้สถานการณ์ต่างก็ตกตะลึงอย่างยิ่งด้วยฐานะของหยางต้าฝู เขามักถูกผู้คนมากมายจับตามองอยู่ตลอดเวลา แม้แต่ผู้นำระดับสูงของเมืองเทียนไห่ไม่รู้ว่าจะต้อนรับแขกคนสำคัญแบบไหนกัน แต่มันช่างดูยิ่งใหญ่จริง ๆหลังจากรออยู่ครู่หนึ่ง บุคคลนั้นก็ยังมไม่าถึง หยางต้าฝูขมวดคิ้วและถามแม่บ้านที่แท้แล้วหลังจากที่เย่เทียนหยู่เข้ามา เขาก็นึกถึงอะไรบางอย่างและหยุดไปสักพัก จึงอาจใช้เวลาพอสมควร แต่ไม่นานนักเขาก็ขับรถกลับเข้ามาอย่างรวดเ
เมื่อเห็นเย่เทียนหยู่เหลือบมอง ซ่งหยางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวล รู้สึกตัวอีกทีพวกเขาก็เดินเข้าไปข้างในแล้วซ่งเหวินป๋อมองดูลูกชายของเขาแล้วเดินตามเขาเข้าไปคนอื่น ๆ เองก็เช่นกันเมื่อมาถึงด้านในแล้ว หยางต้าฝูเหลือบมองผู้คนที่ตามมา เขาขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “พวกคุณทุกคนรออยู่ในห้องนั่งเล่นก่อน ผมมีธุระที่ต้องจัดการกับคุณชายเย่”ทุกคนตอบรับ รวมถึงซ่งเหวินป๋อและซ่งหยางแม้ว่าพวกเขาจะสงสัยเกี่ยวกับเรื่องที่ประธานหยางกำลังพูดถึงกับคุณชายเย่ แต่ด้วยสถานะของพวกเขา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่กล้าขัดคำสั่งของประธานหยางเย่เทียนหยู่ก็เดินเข้าไปข้างในโดยมีหยางต้าฝูนำทาง และไม่นานก็มาถึงสถานที่คุมขังมีคนคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างประตู ซึ่งก็คือคนที่พ่ายแพ้ให้กับเย่เทียนหยู่เมื่อคราวก่อนคนผู้มีฝีมือมากขนาดนี้ แต่กลับต้องมาถูกกุมขังอยู่ที่นี่ ดูเหมือนหยางต้าฝูคงอยากจะจัดการเรื่องนี้ให้สำเร็จจนทุ่มแรงไปมากตอนนี้ภายในห้อง คู่พ่อลูกหลิวกวงและหลิวเจี๋ยกำลังมีสีหน้าสิ้นหวังพวกเขานึกว่าหนีจากเมืองเทียนไห่ได้อย่างปลอดภัยและออกจากอาณาจักรมังกร แต่เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าหยางต้าฝูจะลงมือกับพวกเขา และใช้กำลังทั้ง
“อยากได้เท่าไรบอกมาได้เลยนะครับ”แต่หลิวเจี๋ยที่อยู่ข้างๆ เขากลับเอาแต่มึนงงและรู้สึกกลัวพ่อของเขาไม่รู้จักเย่เทียนหยู่ แต่เขารู้จัก เมื่อดูท่าทางของหยางต้าฝูที่มีต่อเย่เทียนหยู่ตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าตัวตนของเย่เทียนหยู่นั้นไม่ธรรมดาจริง ๆหากเป็นแบบนี้ ทุกอย่างก็จะสมเหตุสมผลทั้งหมดเป็นเพราะ เย่เทียนหยู่!“คุณหมายความว่า เงินที่ถูกฉ้อโกงนั่นยังอยู่ในมือของคุณสินะ?” เย่เทียนหยู่พูดเบา ๆ เขาคิดว่าเงินถูกโอนไปต่างประเทศแล้ว และคงไม่สามารถเอาคืนมาได้แล้ว“คุณคือใคร?”หลิวกวงอดไม่ได้ที่จะถาม แม้ว่าเขาจะเห็นว่าหยางต้าฝูดูเหมือนจะนำทางเย่เทียนหยู่เข้ามา แต่เขาก็ยังรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติอยู่ดี เพราะยังไงคนคนนี้ก็ยังดูเด็กมา“ผมเป็นใครคุณไม่รู้ แต่ยังส่งคนมาฆ่าผมได้ตั้งสองสามครั้งเหรอ?”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้า“ฆ่าคุณ?”หลิวกวงสะดุ้งเล็กน้อยหลิวเจี๋ยพูดทันที: “พ่อ เขาคือเย่เทียนหยู่!”“อะไรนะ!”หลิวกวงตกตะลึงอย่าง ชายหนุ่มคือเย่เทียนหยู่ที่เขาต้องการจะฆ่าอย่างนั้นเหรอ?เมื่อมองแบบนี้ เรื่องทุกอย่างก็กระจ่างในทันทีแต่ทำไมประธานหยางถึงปฏิบัติต่อชายหนุ่มด้วยความเคารพแบบนี้ เขาอด
ในเวลานี้ หลิวเจี๋ยดูน่าสงสารอย่างยิ่ง เขาดูไม่เหมือนคนที่ทั้งเยือกเย็นและสงบเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปแต่เห็นได้ชัดว่าเย่เทียนหยู่ไม่มีความเห็นอกเห็นใจใด ๆ และพูดอย่างใจเย็น: “หลิวเจี๋ยก่อนหน้านี้คุณเย่อหยิ่งมากเลยไม่ใช่เหรอ? คุณชอบบอกผมว่าคุณเป็นคนที่อยู่เหนือกว่าผมอยู่เสมอไม่ใช่เหรอ?”“ทำไมตอนนี้ถึงยอมก้มหัวยอมรับความผิดพลาดกับคนชั้นต่ำแบบผมกันล่ะ?”เมื่อหลิวเจี๋ยได้ยินดังนั้น เขาก็เพิกเฉยต่อความอัปยศอดสูและร้องขอความเมตตา: “ผมยังเด็กและไม่รู้ความ และไม่เข้าใจถึงอำนาจของคุณ ตอนนี้ผมรู้ว่าผมผิดแล้วครับ ผมคุกเข่าขอร้องและผมจะกลับใจแน่นอนครับ““ไม่ต้องกังวล ผมจะไม่รบกวนหว่านหรูอีกแล้วครับ…”ปึง!ก่อนที่ หลิวเจี๋ยจะพูดจบ เขาก็ถูกเย่เทียนหยู่ถีบกระเด็นออกไปอย่างแรง ตัวเขากระแทกตัวไปอีกด้านก่อนจะตกลงบนพื้น เขาเหงื่อแตกออกมาเพราะความเจ็บปวดเขาเพิกเฉยต่อความเจ็บปวดบนนร่างกายและคลานกลับทันที เพียงแต่ว่าท่าทางของเขาดูไม่สะดวกนิดหน่อยเพราะว่ามือถูกมัดไว้“ชื่อหว่านหรูแกไม่มีสิทธิ์มาเรียกหรอก”เย่เทียนหยูเตะเสร็จก็พูดออกอย่างเย็นชา“ครับ ใช่แล้ว ไม่ต้องกังวล หลังจากวันนี้ผมจะอธิบายทุกอ
เขาไม่ได้รับคำสั่งจากราชามังกรให้หยุดด้วยซ้ำหลิวกวงเกือบเป็นอัมพาตด้วยความกลัว และพูดด้วยความหวาดกลัว: “ไม่นะ ผมพูดแล้ว ผมพูดแล้ว!”หยางต้าฝูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหยุดการเคลื่อนไหวของเขา และพูดอย่างเย็นชา: “บอกมา เงินอยู่ไหน และจะโอนกลับได้ยังไง”“ผมจะบอกให้ เงินถูกโอนไปยังบัญชีต่างประเทศของผมแล้ว และผมต้องไปที่นั่นด้วยตนเองก่อนจึงจะสามารถโอนเงินออกมาได้” หลิวกวงพูดอย่างรวดเร็ว“ลำบากขนาดนั้นเลยเหรอ?”“นี่เป็นวิธีเดียว และมันก็เป็นวิธีรักษาชีวิตของผมตั้งแต่แรก” หลิวกวงอธิบายเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ของหลิวกวง ก็สมเหตุสมผลอย่างยิ่งที่จะทำเช่นนั้นและหยางต้าฝูก็เชื่อเขาแต่เย่เทียนหยู่ขมวดคิ้วและพูดว่า: “ยุ่งยาก ผมรอไม่ไหวหรอก ถ้าอย่างนั้นก็ช่างมันไปเถอะ ผมไม่ต้องการเงินแล้ว ฆ่ามันซะ!”แม่งเอ๊ย!แบบนี้ก็ฆ่าเหรอ?หลิวกวงกำลังจะบ้า เด็กคนนี้เป็นมนุษย์หรือเปล่า เขาพูดอย่างวิตกกังวล: “ไม่นะ แค่ส่งคนมาติดตามผม พอไปถึงที่นั่นก็สามารถโอนเงินได้เลย”“เท่าไร?” เย่เทียนหยู่ถาม“สองพันห้าร้อยล้าน!”“แค่สองพันห้าร้อยล้านเหรอ?”“ผมโกงมามากบวกกับเงินของตัวเองด้วย แต่ค่าใช้จ่ายก็มหาศ
หลิวกวงและลูกชายของเขาก็ตกตะลึงอย่างมาก ตอนนี้ฉีเฟยกรุ๊ปตกอยู่ในความยุ่งเหยิงและเต็มไปด้วยหนี้สินนี่มัน มีเรื่องดี ๆ แบบนี้ด้วยเหรอ อีกฝ่ายจะแลกเปลี่ยนสิ่งนี้กับชีวิตของเขาจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ?“มันไม่สำคัญหรอก แค่เสียเงิน ผมจ่ายไหว”เย่เทียนหยู่พูดหยางต้าฝูยิ้มแห้งด้วยสีหน้าสิ้นหวัง บางทีราชามังกรอาจมีเหตุผลของตัวเองก็ได้หลิวกวงไม่คิดเลยว่าจะมีเรื่องดี ๆ เช่นนี้เกิดขึ้น และอดไม่ได้ที่จะถามว่า “คุณเย่ คุณอยากได้ฉีเฟยกรุ๊ปจริง ๆ เหรอครับ”“ใช่!”เย่เทียนหยู่ยืนยันทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่ได้มีความแค้นเอาเป็นเอาตายต่อกัน ดังนั้นเขาจึงไม่มีเวลาโต้เถียงกับพวกเขาเหตุผลที่ต้องการยึดฉีเฟยกรุ๊ปในตอนนี้ก็เพราะ เมื่อมีการประกาศการภายในเมือง ฉีเฟยกรุ๊ปจะสามารถกลับมามีชีวิตอีกครั้งเมื่อถึงเวลานั้น แม้ว่าฉีเฟยกรุ๊ปจะล้มละลาย แต่ทางการก็จะต้องเข้าควบคุมกิจการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และจะไม่ตกไปอยู่ในมือของพวกเขาแน่นอน เพียงแต่ว่าตอนนี้ภายในเมืองยังไม่ได้รับแจ้งเรื่องข่าวใหญ่นี้ดังนั้นเขาจึงต้องการยึดฉีเฟยกรุ๊ปก่อนที่ข่าวจะถูกส่งต่อ“แต่ตอนนี้ฉีเฟยกรุ๊ปกำลังเผชิญกับภาวะล้มละลาย หากคุณรับม
เย่เทียนหยู่ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ เรื่องนี้ในมุมมองของเขา ถือเป็นเรื่องที่แน่นอนแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ เขาจึงถามออกไปว่า “สายจากตำรวจใช่ไหม?”“อือ โทรกลับมาแล้วล่ะ!”“บ่ายวันนี้แม่ของฉันถูกตำรวจพาตัวไปแล้ว ทันทีที่เธอเข้าไป เธอก็สารภาพทุกอย่างออกมาอย่างละเอียดทันที”ก่อนหน้านี้ได้ยินแม่สาบานอย่างมั่นใจแล้วแท้ ๆ บวกกับที่ไม่ว่ายังไงเธอก็คิดเหตุผลที่อีกฝ่ายจะทำแบบนั้นไม่ออก เดิมทีคิดว่าคงจะไม่มีอะไรเกี่ยวกับแม่แล้วจริง ๆ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าแม่จะหลอกเธอมาโดยตลอดแม่ตระกูลหลินเองก็รู้สึกหมดหนทางเช่นกัน ตอนที่ถูกพาตัวไป แขนขาเธอก็รู้สึกอ่อนแรงขึ้นมายิ่งไปกว่านั้น อีกฝ่ายยังพูดอีกว่า หากยอมสารภาพความจริงทั้งหมดออกมา และได้รับการให้อภัยจากผู้เสียหาย พร้อมกับลงนามในเอกสารยินยอม เธอก็จะสามารถออกไปได้ทันทีเพราะไม่เช่นนั้น เธอก็จะต้องติดคุกอย่างแน่นอน ส่วนจะติดกี่ปีนั้น ก็ขึ้นอยู่กับทัศนคติของตน และความร้ายแรงของความผิดที่ทำลงไปในตอนนี้ แม่ตระกูลหลินคิดว่าหลินหว่านหรูจะต้องให้อภัยตนอย่างแน่นอน เพราะเธอไม่มีทางที่จะส่งแม่แท้ ๆ เข้าคุกได้แน่ ดังนั้นจึงไม่ลังเลใจที่จะเปิดเผยทุกอย่างออกไป
เมื่อเห็นว่าไป๋เถามองมาที่ตนด้วยความโกรธ คุณนายไป๋ก็รู้สึกสับสนในทันที นี่มันหมายความว่ายังไง เธอไม่ได้เป็นคนทำให้เขาเป็นแบบนี้สักหน่อย เธอถึงกับไม่กล้ามองเขาอีก ก่อนจะหันไปมองเย่เทียนหยู่แทนเธอเห็นเพียงเย่เทียนหยู่ยืนอยู่ที่เดิมด้วยท่าทีสงบนิ่งและใสซื่อเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง เห็น ๆ อยู่ว่าไป๋เถาได้เปรียบตั้งแต่เริ่มแล้วนี่“ไอ้หนู ตกลงแกใช้กลอุบายอะไรอยู่กันแน่?” คุณนายไป๋พูดด้วยความโกรธ“พูดให้มันน้อย ๆ หน่อย ห้าหมื่นล้าน จะให้ได้เมื่อไหร่?” เย่เทียนหยู่พูดด้วยท่าทีเฉยเมย“ห้าหมื่นล้านอะไรกัน แกมันโกง แบบนี้ไม่นับ”“งั้นเหรอ?”เมื่อเย่เทียนหยู่ได้ยินคำนี้ ดวงตาของเขาก็แสดงถึงความโกรธเกรี้ยวทันที เขาเดินตรงไปหาคุณนายไป๋ และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ดูท่าแล้ว ที่สั่งสอนไปเมื่อเช้าไม่เข้าหัวเลยสินะ”“แก แกจะทำอะไร อย่าลืมนะ ข้าง ๆ คือสถานีตำรวจ ช่วยด้วย ชะ......”เพี้ยะ!“อ้าย!”คุณนายไป๋ร้องเสียหลง ก่อนที่มุมปากจะมีเลือดไหลออกมาเย่เทียนหยู่พูดพลางหัวเราะเยาะออกไปว่า “เมื่อกี้ใครเป็นคนพูดกัน ว่าอย่าแจ้งตำรวจ ผมจะถามคุณเป็นครั้งสุดท้าย เงินห้าหมื่นล้าน การเดิมพันยังถือว
สีหน้าของเย่เทียนหยู่ค่อนข้างเฉยเมย เขาส่ายหัวไปมา หลังจากผ่านไปสักพัก เขาก็สามารถมองออกหมดแล้ว การเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายดูละเอียดอ่อนมากจริง ๆ น่าจะมีคนคอยชี้แนะอยู่แน่นอนเพราะไม่เช่นนั้น ด้วยวิธีการฝึกฝนของพวกเขา ไม่มีทางที่จะมีทักษะการเคลื่อนไหวแบบนี้แน่ แต่แล้วอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ได้อยู่ดีเหตุผลที่เขายังไม่ลงมือมาจนถึงตอนนี้ ก็แค่ต้องการให้โอกาสพวกเขา แต่ในเมื่อพวกเขาไม่ต้องการ เช่นนั้นก็อย่าโทษที่ไม่เกรงใจก็แล้วกันไป๋เถากลับไม่รู้อะไรเลย สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เดิมคิดว่าคนตรงหน้าคงเก่งกาจมากแน่ ๆ กลับคิดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายเป็นคนถูกตนไล่ล่าแทน หากไม่เพราะเมื่อกี้มีโชคช่วยเอาไว้ ไม่แน่ว่าอีกฝ่ายคงโดนตนโจมตีไปแล้วที่สำคัญเลยก็คือ ในที่สุดเขาก็สังเกตเห็นพลังของอีกฝ่าย ซึ่งอยู่ในระดับพลังจันทราสูงสุด และอยู่ต่ำกว่าตนหนึ่งระดับที่แท้ไอ้เด็กนี่มันก็มีฝีมือแค่นี้เอง แทบไม่ได้น่ากลัวเหมือนที่ตนคิดเอาไว้เลยด้วยซ้ำไม่สำคัญว่าอีกฝ่ายจะอาศัยทักษะอันยอดเยี่ยมของร่างกายมากแค่ไหน พยัคฆ์ทมิฬเองก็อาจมีแนวโน้มที่จะถูกอีกฝ่ายโจมตีด้วยทักษะร่
“งั้นเหรอ คุณนายไปช่างเก่งกาจเสียจริง”“แน่นอน แต่ตอนนี้แกจะพูดอะไรมันก็สายไปแล้ว อีกเดี๋ยว แกก็จะได้รู้ ว่าการที่มาทำให้ฉันโกรธนั้น แกจะต้องเจอกับชะตากรรมที่น่าสมเพชมากแค่ไหน”“ดูท่าแล้ว คุณนายไป๋คงมั่นใจมากเลยสินะ งั้นเอาอย่างนี้ไหม พวกเรามาพนันกัน” เย่เทียนหยู่นึกถึงเงินห้าหมื่นล้านที่จะต้องให้เฉินเฟยเฟย ตอนนี้มีคนเอามาให้ถึงที่แล้วไม่ใช่รึไง“พนันงั้นเหรอ?”“ใช่แล้ว ถ้าผมชนะไป๋เถา คุณต้องให้ผมห้าหมื่นล้าน!”“ว่าไงนะ! ห้าหมื่นล้าน! ไอ้หนู แกรู้ไหม ว่าเงินห้าหมื่นล้านมันมากแค่ไหน แกจะเอาอะไรมาพนันกับฉัน?” คุณนายไป๋รู้สึกว่า ถ้าอีกฝ่ายไม่ได้บ้า ก็คงเป็นคนโง่ที่ไม่รู้อะไรเลยอย่าว่าแต่เด็กน้อยอย่างเขาเลย ต่อให้เป็นหัวหน้าใหญ่ไป๋ก็เกรงว่าคงไม่กล้าลงเดิมพันมากถึงห้าหมื่นล้านแบบนี้แน่“ก็ใช้ชีวิตของผมไง ถ้าผมแพ้ ชีวิตของผม พวกคุณจัดการได้ตามสบายเลย!”“ชีวิตที่ไร้ค่าอย่างแกเนี่ยนะ กล้าดียังไงเอามาเทียบกับเงินห้าหมื่นล้าน?” คุณนายไป๋หัวเราะออกมาเสียงดัง อย่าว่าแต่ไอ้สวะนี่เลย ชีวิตใครบ้างที่จะมีค่าถึงห้าหมื่นล้าน?“งั้นจะไม่พนันก็ได้ มาสู้กันเลยเถอะ” เย่เทียนหยู่พูดด้วยท่าท
สารวัตรเฉินที่ได้ยินก็โกรธจัดทันที คุณนายไป๋คนนี้คิดว่าตัวเองใหญ่มาจากไหน เธอไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย ขณะที่กำลังจะทำการตักเตือนแต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง เย่เทียนหยู่ก็พูดขึ้นมาก่อน เขาพูดพร้อมรอยยิ้มออกไปว่า “สารวัตรเฉินครับ ในเมื่อพวกเขาชอบก่อความวุ่นวาย ไม่งั้นก็ให้โอกาสพวกเขาสักครั้งเถอะครับ”“เอาแบบนี้ คุณชื่อไป๋เถาใช่ไหม หากว่าคุณยินดี พวกเราก็มาประมือกันสักหน่อย แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับทั้งสองฝ่าย ก็จะไม่มีการรับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิ้น” ไป๋เถากำลังจะปฏิเสธ แต่คุณนายไป๋ก็กลับพูดขึ้นมาก่อนว่า “ได้ แกเป็นคนพูดเองนะ ต่อให้แกตายไปนั่นมันก็สมควรแล้ว”ไป๋เถารู้สึกอึ้งทันที พี่สะใภ้ นี่คุณกล้าพูดแบบนี้ได้ยังไงก็พูดได้นี่ ยังไงก็ไม่ได้เป็นคนลงมือเองอยู่แล้ว แถมคนที่ถูกส่งไปตายก็ไม่ใช่ตัวเองอีกไม่ใช่รึไง?เขาเป็นคนที่ระมัดระวังตัวมาก ดังนั้น เขาจึงคอยสังเกตเย่เทียนหยู่อยู่ตลอดเวลาแต่ยิ่งสังเกตมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งไม่กล้ามองข้ามเขาไปมากเท่านั้นโชคดีที่สารวัตรเฉินรีบปฏิเสธขึ้นมา “ไม่ได้ครับ พวกคุณอาจจะประมือกันก็ได้ แต่ที่นี่คือสถานีตำรวจ จะให้เกิดเหตุการณ์เลือดตกยา
เย่เทียนหยู่หัวเราะเบา ๆ หน้าตาดูไร้เดียงสา เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูราบเรียบออกไปว่า “เธอตบผม หรือว่าผมจะป้องกันตัวเองไม่ได้เลยงั้นเหรอ?”“ใช่ ถูกต้องครับ!”“ที่คุณเย่ทำถือเป็นการป้องกันตัวครับ” หวงลี่เองก็รู้สึกว่าทนดูต่อไปไม่ได้ เขาจึงตัดสินใจพูดอย่างตรงไปตรงมาสารวัตรเฉินที่เห็นแบบนั้น ก็พยักหน้าให้กับหวงลี่เจ้าเด็กคนนี้ไม่เลวเลย ต่อไปถ้าฝึกฝนให้ดี เขาอาจจะสามารถเลื่อนตำแหน่งได้“การป้องกันตัวอะไรกัน ฉันไม่ได้ตบเขาสักหน่อย”คุณนายไป๋โกรธจัด เพราะเธอเพิ่งจะถูกตีไปแบบฟรี ๆ และที่สำคัญ ไอ้เด็กนี่ต่างหากเป็นคนที่ถูกจับตัวมา ทำไมถึงได้กล้าทำร้ายเธอได้“แต่คุณเป็นฝ่ายลงมือก่อน แถมอีกแค่นิดเดียวก็จะตบโดนเขาแล้ว ซึ่งในเวลานั้นก็สามารถป้องกันตัวได้ครับ แน่นอน หากตอนนี้เข้าพุ่งเข้าไปตบคุณต่อ แบบนั้นถึงจะถือว่าเขาทำผิดครับ”หวงลี่พูดยืนยันคุณนายไป๋ที่ได้ยินแบบนั้นก็โกรธจัด เธอจึงตะโกนออกไปว่า “เหลวไหล ไอ้หนู แกชื่ออะไร กล้าดียังไงมากลับดำเป็นขาว แกเชื่อไหมว่าฉันสามารถทำให้แกถอดเครื่องแบบออกได้ ณ เดี๋ยวนี้เลย?”สีหน้าหวงลี่เย็นชาขึ้นมาทันที ขณะที่เขากำลังจะพูดอยู่นั้นเอง“ผมไม
เย่เทียนหยู่ชะงักไปชั่วขณะ ผู้หญิงคนนี้กำลังพูดอะไรอยู่ พูดจาฟังไม่รู้ความ คงไม่ใช่ว่าน้ำไหลเข้าสมองไปแล้วหรอกนะ?หวงลี่ก็รู้สึกตกใจนิดหน่อย อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น นี่คุณนายไป๋เข้าใจอะไรผิดรึเปล่านะ แต่เขาก็ขี้เกียจที่จะอธิบาย เขาอยากที่จะพาเย่เทียนหยู่เดินผ่านไปให้เร็วที่สุดคุณนายไป๋เห็นสีหน้าของเย่เทียนหยู่ที่ดูสงบนิ่ง เกรงว่าอีกฝ่ายคงจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย เธอจึงพูดเยาะเย้ยขึ้นว่า “ดูท่าทางของแกแล้ว คงไม่รู้เลยสินะ ว่าชะตากรรมต่อไปของแกจะต้องเจอกับความอัปยศอดสูมากแค่ไหน!”“แกคงคิดสินะ ว่าแค่เข้าไปนอนในคุก ไม่นานก็จะถูกปล่อยตัวออกมา อย่าได้หวังลม ๆ แล้ง ๆ เมื่อแกเข้าไปข้างในแล้ว ฉันก็มีอีกร้อยแปดวิธีที่จะทำให้แกต้องทุกข์ทรมานยิ่งกว่าความตาย!” เย่เทียนหยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย หันไปหาหวงลี่ แล้วถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “คุณตำรวจหวงครับ คุณคือตำรวจใช่ไหม?”หวงลี่อึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะรีบพยักหน้าทันที “แน่นอนครับ!”“เช่นนั้นการที่เธอข่มขู่ผมต่อหน้าคุณแบบนี้ นี่ถือเป็นการหมิ่นประมาทรึเปล่าครับ?” เย่เทียนหยู่ถามหวงลี่นิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างขมขื่น แน่นอนว่านี่ถือเ
แต่เขากลับเป็นคนที่เข้าถึงได้ง่าย ไม่มีความเย่อหยิ่งเลยแม้แต่น้อยกลับกัน กลายเป็นว่าคุณนายไป๋ต่างหาก ที่มักจะเชิดจมูกขึ้น ให้ความรู้สึกราวกับว่าทุกคนคือลูกน้องของเธอ แถมยังแสดงท่าทีเหมือนเป็นผู้สั่งการอีกต่างหาก พูดคำพูดที่ดูไม่สุภาพออกมาต่าง ๆ นานาไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย คนประเภทนี้ ยังจะกล้ามาสั่งให้รีบไปจับคนมาให้เร็วที่สุดอีกและเป็นเพราะหมายจับไม่สามารถออกมาได้ในทันที พวกเขาจึงได้โดนเธอด่าทออย่างรุนแรง ใช้คำพูดถากถางต่าง ๆ นานา แถมยังขู่ว่าจะปลดสารวัตรของพวกเขาออกอีกด้วยยังดีที่สารวัตรเฉินควบคุมอารมณ์เอาไว้ได้ กลับกัน หากเป็นตน ต่อให้ต้องคืนชุดเครื่องแบบ ตนก็จะต้องด่ากลับให้ได้อย่างแน่นอนนอกจากเขาแล้ว คนอื่น ๆ เองก็ดูเหมือนจะไม่ชอบคุณนายไป๋เช่นกัน ไม่สามารถรับพฤติกรรมที่ทั้งหยิ่งยโสและเอาแต่ใจของเธอได้จริง ๆก็แค่ไม่มีทางเลือกเท่านั้น ใครใช้ให้ตระกูลไป๋มีอำนาจมากขนาดนั้นกันล่ะ ตามที่ได้ยินมาจากผู้นำหลาย ๆ คน ทุกครั้งที่ได้เจอกับคุณนายไป๋ ก็มักจะสุภาพกับเธอเป็นพิเศษ ถึงขั้นให้ความเคารพอย่างมากเลยด้วยซ้ำเมื่อเห็นว่าหวังหลี่เดินค่อนข้างเร็ว เย่เทียนหยูก็ส่าย
“ใช่แล้ว พวกเราพี่น้องร่วมมือกัน บวกกับผู้ส่งสารทั้งสามคนในสำนักศักดิ์สิทธิ์ คนหนึ่งเป็นถึงปรมาจารย์ขั้นสูง อีกสองคนก็อยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นปลาย ในโลกใบนี้แทบไม่มีศัตรูเลยเลยจริง ๆ” สีหน้าของเจวี๋ยซินเองก็รู้สึกตื่นเต้นเช่นกัน“ในบรรดาสี่ตระกูล นอกจากสำนักเงาที่พอจะมีอำนาจอยู่บ้าง ตระกูลอื่น ๆ ก็แทบไม่มีอะไรให้ต้องกลัว” สีหน้าของเจวี๋ยฉิงเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง ความบ้าอำนาจที่แสดงออกมาอย่างชัดเจน“ก็จริงอย่างที่ว่ามา แต่ก็กลัวว่าคนนอกอาจจะเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วยนะสิ” พอเจวี๋ยซินนึกถึงบุคคลที่น่ากลัวสองคนนั้นขึ้นมา ก็ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวอยู่ตลอดเวลา“คนนอกงั้นเหรอ?”“แกหมายถึงชิงหลง หรือว่าอดีตราชามังกรแห่งพรรคมังกรกันล่ะ?” เจวี๋ยฉิงพูดอย่างเย็นชา“ก็พวกเขานั่นแหละ ความแข็งแกร่งของทั้งสองคนน่ากลัวเกินไป” เมื่อนึกถึงสองคนนั้น แววตาของเจวี๋ยซินก็เต็มไปด้วยความหวาดระแวงไม่มีใครรู้เลยว่า พลังของอดีตราชามังกรนั้นแข็งแกร่งกว่าที่ทุกคนเคยได้ยินมามาก ซึ่งเกรงว่าคงไม่ด้อยไปกว่าชิงหลงเสียด้วยซ้ำหากไม่มีโอกาสบังเอิญมาเผชิญหน้ากันสักครั้ง พวกเขาก็จะไม่รู้เลย“ไม่เป็นไร ตามที่ฉั