คนนี้เหล่านี้ล้วนเป็นหัวหน้าของเขา โดยเฉพาะนายกเทศมนตรีสื่อผู้จัดการหวังแอบตกใจ เพราะฟังจากน้ำเสียงของเขาแล้ว ราวกับเขากำลังสั่งงานนายกเทศมนตรีหวง ขนาดคนที่รวยที่สุดในเมืองเทียนไห่ยังไม่กล้าสั่งนายกเทศมนตรีแบบนี้เลยแพทย์ศักดิ์สิทธิ์เย่คนนี้เป็นใครกันแน่?หวงโหยวเหว่ยตอบตกลงทันที เขาไม่กล้าที่จะละเลยคำพูดของเย่เทียนหยู่ เมื่อเขากลับไปเขาจะเล่าทุกอย่างให้พ่อฟังโดยไม่พลาดแม้แต่คำเดียวหลังจากรีบร้อนกระวนกรวาย พนักงานของกรมพลเรือนก็มาที่นี่พร้อมเครื่องมือต่าง ๆเมื่อถึงเวลาต้องลงนาม เย่เทียนหยู่ก็ให้เฉินเข่อซินลงนามเองเฉินเข่อซินตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและพูดอย่างเร่งรีบ: “ไม่ ๆ พี่เย่ คุณกำลังซื้อบ้านของตัวเอง ไม่ใช่ฉันสักหน่อยนะคะ”เย่เทียนหยู่พูดอย่างช่วยไม่ได้: “เดิมทีผมก็ซื้อบ้านหลังนี้ให้คุณอยู่แล้วนะ”“ไม่เอาค่ะ ฉันมีเงินนะ ตอนนี้ฉันมีสามสิบห้าล้านแล้ว ฉันซื้อเองได้แล้วล่ะค่ะ ฉันไม่คุ้นเคยกับการใช้ชีวิตในบ้านดี ๆ แบบนี้หรอกนะคะ”เฉินเข่อซินพูดเย่เทียนหยู่คิดว่าถ้าบ้านหลังนี้เป็นชื่อของเขา การจะให้เฉินหมินและเฉินเข่อซินมาอยู่อาศัยคงเป็นเรื่องยาก แต่เขาอยากให้พวกเธอมีชีวิตที
เย่เทียนหยู่วางโทรศัพท์มือถือลงแล้วพูดว่า “ผมยังมีธุระต่อ ในเมื่อที่นี่ไม่มีอะไรแล้ว เราขอตัวกลับก่อน”“ครับ พี่เย่เชิญจัดการธุระก่อนเถอะครับ ไว้คราวหน้าผมมีโอกาสเลี้ยงอาหารค่ำคุณ” ซูเหวินฮวาพูดทันที แม้ตอนนี้เขาจะร้อนใจที่จะผูกมิตรและเสวนากันมากกว่านี้ แต่การกินตอนอาหารร้อนเกินคงไม่ใช่เรื่องดีนักหวงโหยวเหว่ยรู้สึกอึดอัดใจ สิ่งที่เขาต้องการจะพูดถูกซูเหวินฮวาแย่งพูดไปก่อนอีกครั้ง“เข่อซิน ไปกันเถอะ”เย่เทียนหยู่ไม่อยู่ต่อให้เสียเวลาและพาเฉินเข่อซินออกไปทันที หลังจากขึ้นรถแล้ว เขาพูดว่า “เข่อซิน หลังกลับไปแล้ว คุณกับคุณน้าจัดเก็บของให้เรียบร้อยแล้วย้ายเข้าไปในวิลล่านะ”“อ่า ไม่ได้นะคะ วิลล่านี้เป็นของพี่เย่ เรา...”“ปล่อยไว้แบบนั้นมันก็ยังอยู่เหมือนเดิม ไม่สู้เข้าไปใช้งานดีกว่านะ” เย่เทียนหยู่ขัดจังหวะในขณะนี้ เฉินเข่อซินเริ่มรู้สึกตัวและถามว่า: “พี่เย่ นี่พี่หลอกฉันเหรอ? พี่แค่อยากซื้อวิลล่าให้ฉันหรือเปล่า?”เย่เทียนหยู่ยิ้มแห้ง ไม่รู้ว่าจะตอบยังไง“ต้องใช่แน่ พี่เย่ ทำไมพี่ถึงดีกับฉันขนาดนี้” เฉินเข่อซินจ้องไปที่เย่เทียนหยู่ เธออดคิดไม่ได้ว่าพี่เย่ต้องชอบเธอแน่ทุกคนต่างก็บ
หยางต้าฝูกำลังจะพยักหน้าเห็นด้วย ในเวลานี้เอง แม่บ้านก็เข้ามาแล้วพูดว่า “ท่านประธาน คุณชายเย่มาถึงด้านหน้าแล้วค่ะ”“อะไรนะ มาถึงแล้วเหรอ! ไปเร็ว ไปทักทายคุณชายกันเถอะ”เมื่อหยางต้าฝูได้ยินดังนั้น เขาก็ลุกขึ้นและพาผู้คนไปที่ประตูวิลล่า แล้วยืนรออยู่ที่ประตูในทันทีซ่งเหวินป๋อและซ่งหยางตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากลังเลอยู่สักพัก พวกเขาก็เดินตามเขาไป แต่พวกเขาก็ยืนอยู่หลังประตู เพราะพวกเขาอยากรู้ว่าใครเป็นคนสำคัญแต่ท่านประธานหยางเองก็ไม่ได้ขับไล่พวกเขา ไม่แน่พวกเขาอาจมีโอกาสได้พูดคุยกับคนสำคัญ แบบนั้นพวกเขาก็มีโอกาสได้เติบโตแต่ภาพเบื้องหน้านี้ สมาชิกตระกูลหยางบางคนที่ไม่รู้สถานการณ์ต่างก็ตกตะลึงอย่างยิ่งด้วยฐานะของหยางต้าฝู เขามักถูกผู้คนมากมายจับตามองอยู่ตลอดเวลา แม้แต่ผู้นำระดับสูงของเมืองเทียนไห่ไม่รู้ว่าจะต้อนรับแขกคนสำคัญแบบไหนกัน แต่มันช่างดูยิ่งใหญ่จริง ๆหลังจากรออยู่ครู่หนึ่ง บุคคลนั้นก็ยังมไม่าถึง หยางต้าฝูขมวดคิ้วและถามแม่บ้านที่แท้แล้วหลังจากที่เย่เทียนหยู่เข้ามา เขาก็นึกถึงอะไรบางอย่างและหยุดไปสักพัก จึงอาจใช้เวลาพอสมควร แต่ไม่นานนักเขาก็ขับรถกลับเข้ามาอย่างรวดเ
เมื่อเห็นเย่เทียนหยู่เหลือบมอง ซ่งหยางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวล รู้สึกตัวอีกทีพวกเขาก็เดินเข้าไปข้างในแล้วซ่งเหวินป๋อมองดูลูกชายของเขาแล้วเดินตามเขาเข้าไปคนอื่น ๆ เองก็เช่นกันเมื่อมาถึงด้านในแล้ว หยางต้าฝูเหลือบมองผู้คนที่ตามมา เขาขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “พวกคุณทุกคนรออยู่ในห้องนั่งเล่นก่อน ผมมีธุระที่ต้องจัดการกับคุณชายเย่”ทุกคนตอบรับ รวมถึงซ่งเหวินป๋อและซ่งหยางแม้ว่าพวกเขาจะสงสัยเกี่ยวกับเรื่องที่ประธานหยางกำลังพูดถึงกับคุณชายเย่ แต่ด้วยสถานะของพวกเขา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่กล้าขัดคำสั่งของประธานหยางเย่เทียนหยู่ก็เดินเข้าไปข้างในโดยมีหยางต้าฝูนำทาง และไม่นานก็มาถึงสถานที่คุมขังมีคนคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างประตู ซึ่งก็คือคนที่พ่ายแพ้ให้กับเย่เทียนหยู่เมื่อคราวก่อนคนผู้มีฝีมือมากขนาดนี้ แต่กลับต้องมาถูกกุมขังอยู่ที่นี่ ดูเหมือนหยางต้าฝูคงอยากจะจัดการเรื่องนี้ให้สำเร็จจนทุ่มแรงไปมากตอนนี้ภายในห้อง คู่พ่อลูกหลิวกวงและหลิวเจี๋ยกำลังมีสีหน้าสิ้นหวังพวกเขานึกว่าหนีจากเมืองเทียนไห่ได้อย่างปลอดภัยและออกจากอาณาจักรมังกร แต่เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าหยางต้าฝูจะลงมือกับพวกเขา และใช้กำลังทั้ง
“อยากได้เท่าไรบอกมาได้เลยนะครับ”แต่หลิวเจี๋ยที่อยู่ข้างๆ เขากลับเอาแต่มึนงงและรู้สึกกลัวพ่อของเขาไม่รู้จักเย่เทียนหยู่ แต่เขารู้จัก เมื่อดูท่าทางของหยางต้าฝูที่มีต่อเย่เทียนหยู่ตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าตัวตนของเย่เทียนหยู่นั้นไม่ธรรมดาจริง ๆหากเป็นแบบนี้ ทุกอย่างก็จะสมเหตุสมผลทั้งหมดเป็นเพราะ เย่เทียนหยู่!“คุณหมายความว่า เงินที่ถูกฉ้อโกงนั่นยังอยู่ในมือของคุณสินะ?” เย่เทียนหยู่พูดเบา ๆ เขาคิดว่าเงินถูกโอนไปต่างประเทศแล้ว และคงไม่สามารถเอาคืนมาได้แล้ว“คุณคือใคร?”หลิวกวงอดไม่ได้ที่จะถาม แม้ว่าเขาจะเห็นว่าหยางต้าฝูดูเหมือนจะนำทางเย่เทียนหยู่เข้ามา แต่เขาก็ยังรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติอยู่ดี เพราะยังไงคนคนนี้ก็ยังดูเด็กมา“ผมเป็นใครคุณไม่รู้ แต่ยังส่งคนมาฆ่าผมได้ตั้งสองสามครั้งเหรอ?”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้า“ฆ่าคุณ?”หลิวกวงสะดุ้งเล็กน้อยหลิวเจี๋ยพูดทันที: “พ่อ เขาคือเย่เทียนหยู่!”“อะไรนะ!”หลิวกวงตกตะลึงอย่าง ชายหนุ่มคือเย่เทียนหยู่ที่เขาต้องการจะฆ่าอย่างนั้นเหรอ?เมื่อมองแบบนี้ เรื่องทุกอย่างก็กระจ่างในทันทีแต่ทำไมประธานหยางถึงปฏิบัติต่อชายหนุ่มด้วยความเคารพแบบนี้ เขาอด
ในเวลานี้ หลิวเจี๋ยดูน่าสงสารอย่างยิ่ง เขาดูไม่เหมือนคนที่ทั้งเยือกเย็นและสงบเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปแต่เห็นได้ชัดว่าเย่เทียนหยู่ไม่มีความเห็นอกเห็นใจใด ๆ และพูดอย่างใจเย็น: “หลิวเจี๋ยก่อนหน้านี้คุณเย่อหยิ่งมากเลยไม่ใช่เหรอ? คุณชอบบอกผมว่าคุณเป็นคนที่อยู่เหนือกว่าผมอยู่เสมอไม่ใช่เหรอ?”“ทำไมตอนนี้ถึงยอมก้มหัวยอมรับความผิดพลาดกับคนชั้นต่ำแบบผมกันล่ะ?”เมื่อหลิวเจี๋ยได้ยินดังนั้น เขาก็เพิกเฉยต่อความอัปยศอดสูและร้องขอความเมตตา: “ผมยังเด็กและไม่รู้ความ และไม่เข้าใจถึงอำนาจของคุณ ตอนนี้ผมรู้ว่าผมผิดแล้วครับ ผมคุกเข่าขอร้องและผมจะกลับใจแน่นอนครับ““ไม่ต้องกังวล ผมจะไม่รบกวนหว่านหรูอีกแล้วครับ…”ปึง!ก่อนที่ หลิวเจี๋ยจะพูดจบ เขาก็ถูกเย่เทียนหยู่ถีบกระเด็นออกไปอย่างแรง ตัวเขากระแทกตัวไปอีกด้านก่อนจะตกลงบนพื้น เขาเหงื่อแตกออกมาเพราะความเจ็บปวดเขาเพิกเฉยต่อความเจ็บปวดบนนร่างกายและคลานกลับทันที เพียงแต่ว่าท่าทางของเขาดูไม่สะดวกนิดหน่อยเพราะว่ามือถูกมัดไว้“ชื่อหว่านหรูแกไม่มีสิทธิ์มาเรียกหรอก”เย่เทียนหยูเตะเสร็จก็พูดออกอย่างเย็นชา“ครับ ใช่แล้ว ไม่ต้องกังวล หลังจากวันนี้ผมจะอธิบายทุกอ
เขาไม่ได้รับคำสั่งจากราชามังกรให้หยุดด้วยซ้ำหลิวกวงเกือบเป็นอัมพาตด้วยความกลัว และพูดด้วยความหวาดกลัว: “ไม่นะ ผมพูดแล้ว ผมพูดแล้ว!”หยางต้าฝูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหยุดการเคลื่อนไหวของเขา และพูดอย่างเย็นชา: “บอกมา เงินอยู่ไหน และจะโอนกลับได้ยังไง”“ผมจะบอกให้ เงินถูกโอนไปยังบัญชีต่างประเทศของผมแล้ว และผมต้องไปที่นั่นด้วยตนเองก่อนจึงจะสามารถโอนเงินออกมาได้” หลิวกวงพูดอย่างรวดเร็ว“ลำบากขนาดนั้นเลยเหรอ?”“นี่เป็นวิธีเดียว และมันก็เป็นวิธีรักษาชีวิตของผมตั้งแต่แรก” หลิวกวงอธิบายเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ของหลิวกวง ก็สมเหตุสมผลอย่างยิ่งที่จะทำเช่นนั้นและหยางต้าฝูก็เชื่อเขาแต่เย่เทียนหยู่ขมวดคิ้วและพูดว่า: “ยุ่งยาก ผมรอไม่ไหวหรอก ถ้าอย่างนั้นก็ช่างมันไปเถอะ ผมไม่ต้องการเงินแล้ว ฆ่ามันซะ!”แม่งเอ๊ย!แบบนี้ก็ฆ่าเหรอ?หลิวกวงกำลังจะบ้า เด็กคนนี้เป็นมนุษย์หรือเปล่า เขาพูดอย่างวิตกกังวล: “ไม่นะ แค่ส่งคนมาติดตามผม พอไปถึงที่นั่นก็สามารถโอนเงินได้เลย”“เท่าไร?” เย่เทียนหยู่ถาม“สองพันห้าร้อยล้าน!”“แค่สองพันห้าร้อยล้านเหรอ?”“ผมโกงมามากบวกกับเงินของตัวเองด้วย แต่ค่าใช้จ่ายก็มหาศ
หลิวกวงและลูกชายของเขาก็ตกตะลึงอย่างมาก ตอนนี้ฉีเฟยกรุ๊ปตกอยู่ในความยุ่งเหยิงและเต็มไปด้วยหนี้สินนี่มัน มีเรื่องดี ๆ แบบนี้ด้วยเหรอ อีกฝ่ายจะแลกเปลี่ยนสิ่งนี้กับชีวิตของเขาจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ?“มันไม่สำคัญหรอก แค่เสียเงิน ผมจ่ายไหว”เย่เทียนหยู่พูดหยางต้าฝูยิ้มแห้งด้วยสีหน้าสิ้นหวัง บางทีราชามังกรอาจมีเหตุผลของตัวเองก็ได้หลิวกวงไม่คิดเลยว่าจะมีเรื่องดี ๆ เช่นนี้เกิดขึ้น และอดไม่ได้ที่จะถามว่า “คุณเย่ คุณอยากได้ฉีเฟยกรุ๊ปจริง ๆ เหรอครับ”“ใช่!”เย่เทียนหยู่ยืนยันทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่ได้มีความแค้นเอาเป็นเอาตายต่อกัน ดังนั้นเขาจึงไม่มีเวลาโต้เถียงกับพวกเขาเหตุผลที่ต้องการยึดฉีเฟยกรุ๊ปในตอนนี้ก็เพราะ เมื่อมีการประกาศการภายในเมือง ฉีเฟยกรุ๊ปจะสามารถกลับมามีชีวิตอีกครั้งเมื่อถึงเวลานั้น แม้ว่าฉีเฟยกรุ๊ปจะล้มละลาย แต่ทางการก็จะต้องเข้าควบคุมกิจการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และจะไม่ตกไปอยู่ในมือของพวกเขาแน่นอน เพียงแต่ว่าตอนนี้ภายในเมืองยังไม่ได้รับแจ้งเรื่องข่าวใหญ่นี้ดังนั้นเขาจึงต้องการยึดฉีเฟยกรุ๊ปก่อนที่ข่าวจะถูกส่งต่อ“แต่ตอนนี้ฉีเฟยกรุ๊ปกำลังเผชิญกับภาวะล้มละลาย หากคุณรับม
“ฮ่า ๆ.....”ในขณะเดียวกันนั้นเอง เจวี๋ยเทียนไม่สามารถอดทนต่อความตื่นเต้นได้อีกต่อไป เพราะผลที่ได้จากการดูดซับพลังเวทปีศาจในครั้งนี้ดีกว่าที่คาดเอาไว้มากสมบูรณ์แบบมากจริง ๆแน่นอน ทั้งหมดต้องขอบคุณเย่เทียนหยู่ที่รออยู่เฉย ๆ โดยที่ไม่มีการขัดจังหวะใด ๆ นั่นจึงทำให้เขาสามารถดำเนินการได้อย่างราบรื่น จากนั้นจึงพูดพลางหัวเราะเสียงดังออกไปว่า “เทียนหยู่ เห็นแก่ที่เมื่อกี้นายให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี อีกเดี๋ยวฉันจะเหลือศพที่สมบูรณ์ให้นายก็แล้วกัน!”ในตอนนั้นเอง เขาได้ปล่อยจิตสังหารออกมาอย่างบ้าคลั่งเริ่มแรกมาก็หยางผั่วจวิน จากนั้นก็มีคนที่ชื่อหยู่เทียนโผล่มา แต่ละคนต่างมีความแข็งแกร่งที่น่ากลัว ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังเด็กขนาดนี้อีกต่างหากหากให้เวลามากกว่านี้ ทั้งสองคนอาจจะสามารถละลวงไปถึงระดับเทพยดาแดนดินเลยก็ได้ พอถึงตอนนั้น ต่อให้บรรพจารย์จะน่ากลัวมากแค่ไหน ก็เกรงว่าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขายังไงซะ อายุของพวกเขา รวมถึงพรสวรรค์ที่มีก็ชัดเจนมากอยู่แล้วดังนั้น เขาจึงมีความคิดที่จะฆ่าอีกฝ่ายขึ้นมาจริง ๆ“คุณจะฆ่าผมเหรอ?” เย่เทียนหยู่พูดด้วยความตกใจ ก็แค่พลังเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวไม
“ภายใต้การรุกและถอย ดูเหมือนเจ้าตำหนักหยู่จะตกอยู่ในอันตรายเข้าให้แล้ว!”เมื่อประโยคนี้ถูกพูดออกมา ทุกคนต่างก็แตกตื่นทันที!เป็นแบบนี้จริง ๆ เหรอเนี่ย!ไม่แปลกใจเลยที่เจวี๋ยเทียนจะมีพลังที่น่าสะพรึงกลัวขนาดนี้ได้ นี่มันชักจะไม่ยุติธรรมเกินไปแล้ว“แข็งแกร่ง แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ตู๋เปียนฝูจึงพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “ประมุขแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ เกรงว่าคงแข็งแกร่งกว่าตอนที่หยางผั่วจวินแข็งแกร่งที่สุดอีกล่ะมั้ง สมแล้วที่เป็นถึงท่านประมุข!”คนจากสำนักเจวี๋ยฉิงรู้สึกตกตะลึง ต่างก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกต่อให้เจ้าตำหนักซิวหลัวจะซ่อนพลังเอาไว้จริง ๆ แล้วอย่างไร เมื่อต้องเผชิญหน้ากับประมุขสำนักเจวี๋ยฉิงของพวกเขา ก็มีแต่ต้องตายสถานเดียวในขณะเดียวกันนั้นเอง ทูตใหญ่ก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนเตือนอย่างเร่งรีบออกไปว่า “เจ้าตำหนักหยู่ เจวี๋ยเทียนกำลังเล่นตุกติก เขาใช้เวทอาคมปีศาจเพื่อเพิ่มพลังให้ตัวเอง อย่าสู้กับเขา!”เมื่อคำนี้ถูกพูดออกมา ศิษย์สำนักเจวี๋ยเทียนคนอื่น ๆ ก็ถึงได้เข้าใจ ว่าเหตุใดจู่ ๆ พลังของประมุขถึงได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วขนาดนี้“ไม่เป็นไร!”“แบบน
แม้ว่าจะเป็นเพียงกระบวนท่าเดียว แต่ก็สามารถทำให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่น่ากลัวของเย่เทียนหยู่ได้ ประมุกสำนักดอกไม้อย่างเยว่เหลียนหานและศิษย์ในสำนักนอกจากรู้สึกตกใจกับความแข็งแกร่งของเย่เทียนหยู่แล้ว ยังรู้สึกอับอายในใจอีกด้วยตอนแรกพวกเธอต่างพากันดูถูกอีกฝ่ายแทบจะตลอดเวลา กระทั่งยังคิดว่าอีกฝ่ายเป็นแค่เด็กไม่รู้จักโตด้วยซ้ำแม้จะสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงก่อนจะลงไปต่อสู้กับเจวี๋ยเทียน แต่ในใจลึก ๆ ก็ยังรู้สึกว่าไม่น่าเชื่อถืออยู่ดี โชคดีที่ไม่ได้พูดออกไปจริง ๆ ไม่เช่นนั้นคงจะรู้สึกอายมากกว่านี้เป็นแน่ในเวลานี้ เมื่อเห็นท่าทีสง่างามและดูมั่นใจของเย่เทียนหยู่แล้ว ดวงตาของสองพี่น้องเยว่เหลียนหานและเยว่เหลียนเวยต่างก็แสดงออกถึงความชื่นชมอย่างลึกซึ้งออกมาคนที่มีความสง่างามและทรงพลังเช่นนี้ ช่างทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจและรู้สึกชอบได้จริง ๆเพียงแต่น่าเสียดาย ที่หน้าตาอาจจะบกพร่องไปนิดหน่อยเพราะไม่อย่างนั้น ป่านนี้คงทำให้ผู้หญิงนับหมื่นหลงใหลได้แน่ ต่อให้เป็นพวกเธอสองพี่น้องก็อาจจะตกหลุมรักได้เช่นกันหลินเจวี๋ยตาเบิกกว้าง ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเจ้าตำหนักถึงไม่ต้องการให้เขาช่วย
“งั้นก็เข้ามาเลย!”สีหน้าเจวี๋ยเทียนดูเย็นชา เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลอีก ไม่แน่ว่าอีกฝ่ายอาจจะแค่ขู่เฉย ๆ ก็ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ตนยังมีเวทอาคมที่เตรียมเอาไว้อยู่ในมือ ใครหน้าไหนจะสู้กับตนได้กัน?เสียงพูดยังไม่ทันจะจบ เขาก็เคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็วราวกับภูตผี ก่อนจะไปหยุดยืนอยู่ตรงตำแหน่งจุดศูนย์กลางของลานประลองทันทีเย่เทียนหยู่เองก็เช่นกัน เขาเคลื่อนไหวแทบจะในทันที ก่อนจะมายืนอยู่ตรงข้ามกับเจวี๋ยเทียนเพียงแต่ว่า พลังที่ทั้งสองแสดงออกมานั้นไม่ได้ชัดเจนสักเท่าไหร่ จึงยากที่จะบอกได้ว่าใครแข็งแกร่งกว่ากันโดยเฉพาะเย่เทียนหยู่ ดูเหมือนว่าพลังของเขานั้นจะถูกควบคุมเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ราวกับน้ำในบ่อที่นิ่งสงบ ซึ่งทำให้เขาดูไม่เหมือนปรมาจารย์ผู้ทรงพลังเลยแม้แต่น้อยแต่ยิ่งมันเป็นแบบนี้ เจวี๋ยเทียนก็ยิ่งไม่กล้าที่จะประมาท เขามองตรงไปข้างหน้า ก่อนจะพูดอย่างเย็นชาออกไปว่า “เจ้าตำหนักหยู่ ผมจะลงมือแล้วนะ รับเอาไว้ให้ดีก็แล้วกัน!”“เริ่มเลยเถอะ!”เย่เทียนหยู่พูดอย่างใจเย็น ท่าทีดูไม่รีบร้อนแต่อย่างใดเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูถูกตนแบบนี้ นั่นจึงทำให้เจวี๋ยเทียนรู้สึกโ
“ครับ เจ้านาย!”เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เทียนหยู่ หยางผั่วจวินก็กลับไม่โต้แย้งเลยแม้แต่คำเดียว เขาเพียงก้มตัวและโน้มศีรษะด้วยท่าทีเคารพเท่านั้น ก่อนจะถอยกลับไปฉากนี้ ทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึงอีกครั้งอย่างอธิบายไม่ได้เมื่อกี้ท่าทีของหยางผั่วจวินดูหยิ่งยโสอย่างมาก แทบจะไม่มีใครสามารถเทียบเคียงเขาได้เลย แต่เมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับเจ้าตำหนักหยู่ กลับแสดงท่าทีเคารพออกมาเสียอย่างนั้น ให้เกียรติมากถึงขั้นเรียกว่าเจ้านายเลยด้วยที่สำคัญเลยก็คือ ดูเหมือนว่าเขาจะทำเพราะความเต็มใจเสียด้วยซ้ำนี่จึงยิ่งทำให้ในใจของเจวี๋ยเทียนเกิดความมืดมนขึ้นมานิดหน่อย แต่เมื่อลองนึกดูอีกที ต่อให้เจ้าตำหนักหยู่จะแข็งแกร่งมากแค่ไหน ก็คงไม่มีทางแข็งแกร่งถึงขั้นนั้นแน่นอนเว้นเสียแต่ว่า เขาจะเลื่อนขั้นถึงระดับเทพยดาแดนดินแล้วแต่นั่นก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ในวัยแค่นี้ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีใครสามารถทำได้ส่วนหยางผั่วจวิน เจ้าเด็กนั่นมีร่างกายที่แปลกประหลาด เขามีพรสวรรค์ที่โดดเด่น แตกต่างจากคนทั่วไปอย่างสิ้นเชิง นั่นจึงไม่อาจมองเขาเป็นแค่คนธรรมดาได้เพราะด้วยเหตุนี้ เจวี๋ยเทียนจึงคิดว่าเย่เทียนห
แต่สีหน้าของเจวี๋ยซินกลับเริ่มเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาถึงขั้นยอมสละทุกอย่างออกไปจนหมดแล้วแท้ ๆ แต่กลับทำอะไรอีกฝ่ายได้เลยไม่มีกระทั่งบาดแผลเลยแม้แต่น้อย!เป็นไปได้ยังไง ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้!ทันใดนั้นเลือดก็พุ่งออกจากปาก ก่อนจะสลบไปในทันที“เจวี๋ยซิน!”เจวี๋ยเทียนตกใจมาก เขาจึงรีบตรวจสอบร่างกายของเขาโชคดี ที่มันเป็นแค่ผลข้างเคียงจากการใช้ยาจนร่างกายอ่อนแอลงก็เท่านั้น ก่อนจะนำยาสองสามเม็ดให้เขากิน จากนั้นจึงเรียกให้ยอดฝีมือคนอื่นพาไปดูแลต่อเมื่อเห็นเจวี๋ยซินกำลังถูกยกลงไปจากสนาม แววตาของหยางผั่วจวินก็เป็นประกาย ก่อนจะพูดว่า “เจวี๋ยเทียน เจวี๋ยซินถูกฉันจัดการจนอยู่ในสภาพนี้แล้ว มันกลายเป็นสวะไปแล้ว งั้นแกก็รีบขึ้นมาแก้แค้นแทนเขาเถอะ มาจัดการฉันซะสิ?”“......”คนอื่น ๆ ต่างก็หมดคำจะพูด หยางผั่วจวินคนนี้ต้องการจะทำให้เจวี๋ยเทียนโกรธจนตายเลยรึไง อวดดีเกินไปแล้วพวกเขาคิดแค่ว่าหยางผั่วจวินกำลังตั้งใจจะดูถูกเจวี๋ยเทียน แต่จริง ๆ แล้วหยางผั่วจวินแค่ต้องการต่อสู้เท่านั้นทุกคนต่างก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองเจวี๋ยเทียน เพื่อดูว่าจะรับมือกับอีกฝ่ายอย่างไรหากเขาปฏิเสธ นั่นก็เท่ากับ
เจวี๋ยซินส่งเสียงคำรามออกมาเสียงดัง ร่างกายของเขากลับมามีพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง ทำให้ท่าทีของเขาดูเหมือนคนบ้ายิ่งกว่าเดิม ดวงตาของเขาแดงก่ำสีหน้าของหยางผั่วจวินดูมืดลง เขารู้ ว่าอีกฝ่ายกำลังจะใช้ท่าไม้ตายแล้วหลังจากท่านี้ถูกปล่อยออกมา อีกฝ่ายจะไม่สามารถต่อสู้ได้อีกแน่นอนตัวเขาเองก็ทำการรวบรวมกำลังภายในของตนด้วยเช่นกัน ความน่าสะพรึงกลัวของชี่แท้ถูกหลอมรวมเอาไว้ที่หมัดทั้งสองข้างทันที เพื่อเตรียมพร้อมรับการโจมตีที่ดีที่สุดทุกคนต่างจ้องมองฉากตรงหน้าด้วยความตั้งใจ เพราะพวกเขารู้ดีว่าหลังจากทำการปล่อยท่านี้ออกไป ผลแพ้ชนะของทั้งสองก็จะปรากฏออกมาแล้วเป็นอย่างที่คิด เวลาหลังจากนั้นผ่านไปเพียงชั่วขณะ ความแข็งแกร่งอันทรงพลังทั้งสองก็เข้าปะทะกันอย่างรุนแรงทันใดนั้น บรรยากาศรอบ ๆ ราวกับฟ้าถล่มดินทลาย เสียงระเบิดที่น่ากลัวดังขึ้นซ้อนกันเป็นระยะ ๆ ทั่วทั้งพื้นที่โดยรอบมีเพียงกระแสของกำลังภายในที่น่าทึ่งลอยเต็มไปหมดพื้นที่ทั้งหมดถูกฉีกขาดอย่างสมบูรณ์ กลายเป็นพายุหมุนที่พัดผ่านไปมาทั้งสองคนติดอยู่ด้านในกับสถานการณ์ที่ไม่อาจมองเห็นได้อย่างชัดเจนผลกระทบที่เกิดจากพลังอันน
“สายเกินว่าที่แกจะเข้าไปขวางแล้วล่ะ”“ก็แล้วแต่แกจะคิด เสร็จรึยัง ฉันแทบรอไม่ไหวแล้วเนี่ย” หยางผั่วจวินพูดด้วยความตื่นเต้น รู้สึกราวกับว่าคนตรงหน้าคือสาวงามที่หาใดเปรียบแทบอยากกระโจนเข้าไปกระชากเสื้อผ้าออกจนเกลี้ยงเขาแทบรอไม่ไหวแล้วจริง ๆคนอื่น ๆ ต่างมองฉากนี้ด้วยความงงงวย และหมดคำจะพูดไปโดยสิ้นเชิงบางครั้งพวกเขาก็อยากจะพูดออกไปว่า เจ้าเด็กนี่กำลังรนหาที่ตายอยู่รึไง ในตอนแรกพวกเขาอาจจะคิดแบบนี้ แต่ผลที่ได้กลับกลายเป็นว่าหมัดที่ทรงพลังนั้นได้ตอบคำถามทั้งหมดกับพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่าพวกเขาคิดผิด กระทั่งผิดจนไม่อาจให้อภัยได้เลยทีเดียวแต่คำพูดนี้ กลับทำให้เจวี๋ยซินโกรธจัดทันทีเห็นเพียงกำลังภายในของเจวี๋ยซินที่กำลังพุ่งสูงขึ้นจนถึงจุดที่น่ากลัว ดวงตาสองข้างแดงก่ำ จ้องมองไปทางหยางผั่วจวินอย่างโหดเหี้ยม ก่อนจะพูดด้วยความโกรธออกไปว่า “เจ้าหนู แกตายซะเถอะ!”หลังจากที่เขาพูดจบ เจวี๋ยซินก็พุ่งตรงเข้าหาหยางผั่วจวินทันที พร้อมกับพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวจนน่าตกใจ“เข้ามาเลย!”หยางผั่วจวินเองก็ตรงเข้าไปเผชิญหน้าโดยตรงเช่นกัน เมื่อเขาเห็นพลังที่เพิ
เมื่อเห็นว่าหยางผั่วจวินไม่ได้รับบาดแผลเลยแม้แต่น้อย แถมยังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ อีกต่างหาก เจวี๋ยซินกลับแทบพังทลายอยู่รอมร่อ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เป็นคนที่ภูมิใจในตัวเองมาโดยตลอด จะให้ทนอับอายอยู่แบบนี้ได้อย่างไรเมื่อเจวี๋ยเทียนเห็นฉากนี้ สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยแย่แล้ว! สถานการณ์แบบนี้เขาไม่มีทางยอมแพ้แน่ เกรงว่าเขาคงจะเปิดใช้เวทอาคมเป็นแน่ จะทำอย่างไรดีเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงแววตาแดงก่ำของเจวี๋ยซิน เขาบ่นพึมพำขึ้นมาว่า “เวรเอ้ย ฉันไม่มีทางยอมแพ้ให้กับเด็กเมื่อวานซืนอย่างแกแน่!”ทันทีที่เขาพูดจบ มือขวาของเขาก็ยาเม็ดหนึ่งออดมา ก่อนจะกลืนมันลงไปทันทีสีหน้าเจวี๋ยเทียนเปลี่ยนไปอย่างมาก คนอื่นอาจจะยังไม่รู้ แต่เขากลับรู้ดีว่าเจวี๋ยซินคิดจะทำอะไรเขาต้องการที่จะหยุดยั้งเอาไว้ แต่สุดท้ายก็ยังไม่ทันแม้แต่จะได้เอ่ยปาก เพราะนอกจากสิ่งนี้ ก็แทบจะไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้อีกแล้วทุกคนต่างพากันชะงักไปชั่วขณะ การที่เลือกกินยารักษาบาดแผลในเวลานี้ เกรงว่าคงจะไม่ช่วยอะไรมากนักแต่ในเวลาต่อมา เจวี๋ยซินก็ได้เริ่มทำการใช้วิชามารที่คนทั่วไปไม่สามารถใช้ได้อย่าง วิชามหาเวทสลายชีพจรทันที ผ่านไป