เมื่อได้ยินดังนั้น เย่เทียนหยู่ก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดเป็นเพราะหลิวอิ๋งอิ๋งพูดทวงความยุติธรรม ถึงได้ทำให้เธอเกิดอันตรายจริง ๆ!ในสายตาคนอื่น เหตุการณ์ในโรงพยาบาลมาถึงจุดนี้แล้วถือว่าจบลงได้อย่างสวยงาม แต่ในมุมมองของเย่เทียนหยู่ เป็นแบบนี้มันยังไม่พอเขารู้สึกว่า หม่าจวี๋ ลูกพี่ลูกน้องของหม่าจุนต้องเป็นคนที่ถูกลากเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง ดังนั้น การลงโทษเพียงครั้งเดียวก็เพียงพอแล้วเดิมทีถ้าเขาปฏิบัติต่อหลิวอิ๋งอิ๋งอย่างดี เย่เทียนหยู่อาจไม่รู้เรื่องนี้ก็ได้ และเขาคงไม่มีทางทำอะไรมากไปกว่านี้ แต่วันนี้เป็นพวกเขาเองที่ทำตัวเอง“หลิวอิ๋งอิ๋ง ไม่ต้องกังวล ผมจะคืนความยุติธรรมให้คุณในเรื่องนี้อย่างแน่นอน” เย่เทียนหยู่ยืนยัน“อย่าดีกว่าค่ะ ถึงยังไงพวกเขาก็มีอำนาจมาก ฉันได้ยินมาว่านายกเทศมนตรีสื่อก็ช่วยเหลือพวกเขาด้วย หมอเย่ คุณเก่งแค่ทักษะทางการแพทย์เท่านั้น และตอนนี้พวกเขาก็ไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือจากคุณนนะคะ อย่าให้เรื่องนี้มันไปทำร้ายคุณเลยนะคะ”หลิวอิ๋งอิ๋งกล่าวเป็นแค่หมอเหรอ?ผู้จัดการหวังขมวดคิ้ว หมอคนหนึ่งจะซื้อวิลล่าได้เหรอ?ดูท่าว่าที่อู๋ลี่ทำไปเมื่อกี้ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไ
“นั่นสิคะ นายน้อยซู มีตำแหน่งใหญ่โตขนาดไหน ฉันกลัวแต่ว่าเขาคงจะไม่รู้ฐานะของท่านน่ะสิคะ” อู๋ลี่กล่าวนายน้อยซูขมวดคิ้วเมื่อได้ยินดังนั้น แต่ไม่ว่าจะยังไง หากเขากล้าทำการหลอกลวง เขาจะทำให้อีกฝ่ายเสียใจที่มาเกิดบนโลกนี้อย่างแน่นอน ต่อจากนั้นเขาก็เดินจากไปพร้อมกับอารมณ์ขุ่นมัวอู๋ลี่ดูภูมิใจ เมื่อเห็นนายซูเป็นแบบนี้ เขาคงจะโกรธมากหลิวอิ๋งอิ๋ง อย่างแกยังคิดจะมาสู้กับฉัน กับไอ้ยาจกนั่นยังคิดจะให้ผู้จัดการหวังมาจัดการเธอ ไม่แหกตาดูเลยหรือไงว่าฉันเป็นอะไรกับผู้จัดการหวังและก็เป็นไปตามคาด ผู้จัดการหวังไม่ได้สนใจไอ้หมอนั่น ก็แค่พูดอย่างที่ควรพูดกับลูกค้าเท่านั้นหวงโหยว่เหว่ยส่ายหน้าแล้วเดินตามไปก่อนจะพูดว่า: “พี่ซู ไม่ต้องรีบร้อน ถามให้ชัดเจนก่อนค่อยจัดการ”หลังจากทะเลาะกับเย่เทียนหยู่เมื่อคราวก่อน เขาก็เติบโตขึ้นไม่น้อย ซึ่งนั่นก็ทำให้หวงหงเจียนมีความสุขมาก และรู้สึกขอบคุณเย่เทียนหยู่มากยิ่งขึ้นครั้งล่าสุด เขาไม่เพียงแต่ได้สร้างศักดิ์ศรีลูกผู้ชายคของเขา ทั้งยังไม่ถูกภรรยาและตระกูลของเธอคอยบงการ แม้แต่ลูกชายของเขาก็ยังซื่อสัตย์และเชื่อฟังมากขึ้นสิ่งสำคัญที่สุดคือเขารู้สึกได้ว่าลูกช
เย่เทียนหยู่ตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นหวงโหยวเหว่ย เขาไม่คิดว่าจะได้พบเขาที่นี่เมื่อเห็นกลุ่มคนที่เดินเข้ามา หลิวอิ๋งอิ๋งก็ยืนขึ้นโดยเพื่อทักทายพวกเขาตามสัญชาตญาณ ถึงจะยังไงซะฐานะของคนที่มาก็ไม่ธรรมดา พวกเขาเป็นถึงนายน้อยหวงและนายน้อยซูเย่เทียนหยูไม่ได้ห้ามเธอ ถึงเขาจะไม่ได้ใส่ใจ แต่หลิวอิ๋งอิ๋งก็ไม่ใช่เขา“นายน้อยหวง!”หลิวอิ๋งอิ๋งทักทายด้วยความเคารพเมื่อคุณชายหวงเห็นคนที่อยู่ข้าง ๆ เย่เทียนหยู่ลุกขึ้น เขาก็พยักหน้าและเดินอย่างเข้าไปอย่างรวดเร็วหลิวอิ๋งอิ๋งเองก็กล่าวทักทายซูเหวินฮวาด้วยคราวนี้ซูเหวินฮวาตอบรับอย่างสุภาพ จากนั้นจึงเดินไปที่ตำแหน่งของเย่เทียนหยู่กับผู้จัดการหวัง“แพทย์เซียนเย่ คุณมาที่นี่ได้ยังไงกันครับ?”หวงโหยวเหว่ยเผยรอยยิ้มประจบประแจงบนใบหน้าของเขา หลังจากเหตุการณ์ต่าง ๆ ในระยะนี้รวมกับที่พ่อของเขายังเพิ่งเตือนเขามาเมื่อคืนนี้ ว่าในอนาคตเขาจะต้องให้ความเคารพเย่เทียนหยู่ถึงที่สุดพ่อยังบอกอีกว่าไม่เพียงแต่ตระกูลซาเท่านั้นที่ถูกทำลายโดยเย่เทียนหยู่ แต่แม้แต่ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่อย่างซาป้าเทียนก็เสียชีวิตด้วยน้ำมือของแพทย์เซียนเย่เช่นกันหวงโหยวเหว่ยในตอนนั้นต
ไม่ต้องพูดถึงพวกเขา แม้แต่หวงโหยวเหว่ยที่รู้ถึงอำนาจและความสามารถของเย่เทียนหยู่อยู่แล้วก็ยังตกตะลึงเขารู้ว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ซูเหวินฮวาขาดเงินและต้องการแลกวิลล่าเป็นเงิน แต่ในตอนนี้เพื่อเอาใจแพทย์เซียนเย่ เขาคิดจะมอบมันไปโดยไม่เอาเงินสักบาทแต่หลังจากคิดดูอีกครั้ง เขาก็พอจะเดาได้คร่าว ๆ ว่าซูเหวินฮวากำลังคิดอะไรอยู่ แต่เขาเองก็ต้องแอบถอนหายใจ เพราะซูเหวินฮวากล้าหาญและเด็ดขาดกว่าเขามากยังไงซะนี่ก็เป็นเงินมากถึงห้าร้อยล้านความประหลาดใจแวบขึ้นมาในดวงตาของเย่เทียนหยู่ เขามองไปที่ซูเหวินฮวาและดูเหมือนเขาจะเดาความในใจของเขาออก จากนั้นเขาก็เอ่ยปากด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ไม่จำเป็นหรอกครับ ไม่ได้มีบุญคุณอะไรต่อกันผมก็จะไม่รับน้ำใจนี้ไว้ ผมไม่ชอบให้ใครต้องมาเสียเปรียบให้ผม”ผู้จัดการหวัง อู๋ลี่และคนอื่น ๆ ตกตะลึงอีกครั้ง เพียงแต่วันนี้พวกเขาตระหนักได้ว่าการที่พกวเขาดูถูกเย่เทียนหยู่ก่อนหน้านี้มันเป็นความผิดมหันต์“เรื่องนั้น… ถ้าอย่างนั้นเอาแบบนี้ได้ไหมครับ ผมคิดว่าราคาห้าร้อยล้านผมไม่กล้ารับ ผมรับเป็นราคาสี่ร้อยล้านบาท แพทย์เซียนเย่ ขอแค่ให้โอกาสผมได้รู้จักคุณเถอะนะครับ”ซูเหวินฮวาไม่เพี
ขณะที่อู๋ลี่กำลังรู้สึกเสียใจ โดยเฉพาะเมื่อได้ยินคำพูดของซูเหวินฮวา ซึ่งแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาจะสนับสนุนหลิวอิ๋งอิ๋งในอนาคตอย่างแน่นอนเธอไม่รู้ว่าต้นที่มาที่ไปของแพทย์เซียนเย่คนนี้คืออะไร แต่เขาน่าเกรงขามมากสิ่งที่ทำให้พวกเธอหวาดกลัวยิ่งกว่านั้นคือผู้จัดการหวังมีสีหน้าไม่พอใจและโกรธเคืองมาก เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์นี้ ผู้จัดการหวังอาจกำลังคิดวิธีจัดการเธอไม่เหนือไปกว่าความคาดหมาย ในเวลานี้ ผู้จัดการหวังตะโกนเสียงดัง: “อู๋ลี่ พวกเธอไสหัวเข้ามาหาผมเดี๋ยวนี้!”ท่าทีของอู๋ลี่และคนอื่น ๆ เปลี่ยนไป และพวกเธอแต่ละคนเดินเข้ามาด้วยท่าทางเรียบร้อย จากนั้นเขาก็ก้มหน้าลงและไม่มีใครกล้าพูดอะไรแม้แต่คำเดียว“แพทย์เซียนเย่ เมื่อครู่พวกเธอทำให้คุณขุ่นเคืองเพราะพวกเธอไร้ความรู้! คุณอยากจัดการกับพวกเธอยังไงดีครับ? ได้โปรดบอกเราได้เลยครับ” ผู้จัดการหวังกล่าวเย่เทียนหยู่เหลือบมองผู้จัดการหวัง แม้ว่าผู้จัดการหวังจะสงสัยตัวเขา แต่เขาก็ยังรักษาท่าทีของเขาได้ไม่เลว จะตำหนิเขาก็ไม่ได้ แต่ผู้หญิงพวกนี้ทำให้เขารังเกียจจริง ๆ“หลิวอิ๋งอิ๋ง คุณบอกเถอะ ว่าอยากให้จัดการยังไง?” เย่เทียนหยู่ถามหลิวอิ๋งอ
คนนี้เหล่านี้ล้วนเป็นหัวหน้าของเขา โดยเฉพาะนายกเทศมนตรีสื่อผู้จัดการหวังแอบตกใจ เพราะฟังจากน้ำเสียงของเขาแล้ว ราวกับเขากำลังสั่งงานนายกเทศมนตรีหวง ขนาดคนที่รวยที่สุดในเมืองเทียนไห่ยังไม่กล้าสั่งนายกเทศมนตรีแบบนี้เลยแพทย์ศักดิ์สิทธิ์เย่คนนี้เป็นใครกันแน่?หวงโหยวเหว่ยตอบตกลงทันที เขาไม่กล้าที่จะละเลยคำพูดของเย่เทียนหยู่ เมื่อเขากลับไปเขาจะเล่าทุกอย่างให้พ่อฟังโดยไม่พลาดแม้แต่คำเดียวหลังจากรีบร้อนกระวนกรวาย พนักงานของกรมพลเรือนก็มาที่นี่พร้อมเครื่องมือต่าง ๆเมื่อถึงเวลาต้องลงนาม เย่เทียนหยู่ก็ให้เฉินเข่อซินลงนามเองเฉินเข่อซินตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและพูดอย่างเร่งรีบ: “ไม่ ๆ พี่เย่ คุณกำลังซื้อบ้านของตัวเอง ไม่ใช่ฉันสักหน่อยนะคะ”เย่เทียนหยู่พูดอย่างช่วยไม่ได้: “เดิมทีผมก็ซื้อบ้านหลังนี้ให้คุณอยู่แล้วนะ”“ไม่เอาค่ะ ฉันมีเงินนะ ตอนนี้ฉันมีสามสิบห้าล้านแล้ว ฉันซื้อเองได้แล้วล่ะค่ะ ฉันไม่คุ้นเคยกับการใช้ชีวิตในบ้านดี ๆ แบบนี้หรอกนะคะ”เฉินเข่อซินพูดเย่เทียนหยู่คิดว่าถ้าบ้านหลังนี้เป็นชื่อของเขา การจะให้เฉินหมินและเฉินเข่อซินมาอยู่อาศัยคงเป็นเรื่องยาก แต่เขาอยากให้พวกเธอมีชีวิตที
เย่เทียนหยู่วางโทรศัพท์มือถือลงแล้วพูดว่า “ผมยังมีธุระต่อ ในเมื่อที่นี่ไม่มีอะไรแล้ว เราขอตัวกลับก่อน”“ครับ พี่เย่เชิญจัดการธุระก่อนเถอะครับ ไว้คราวหน้าผมมีโอกาสเลี้ยงอาหารค่ำคุณ” ซูเหวินฮวาพูดทันที แม้ตอนนี้เขาจะร้อนใจที่จะผูกมิตรและเสวนากันมากกว่านี้ แต่การกินตอนอาหารร้อนเกินคงไม่ใช่เรื่องดีนักหวงโหยวเหว่ยรู้สึกอึดอัดใจ สิ่งที่เขาต้องการจะพูดถูกซูเหวินฮวาแย่งพูดไปก่อนอีกครั้ง“เข่อซิน ไปกันเถอะ”เย่เทียนหยู่ไม่อยู่ต่อให้เสียเวลาและพาเฉินเข่อซินออกไปทันที หลังจากขึ้นรถแล้ว เขาพูดว่า “เข่อซิน หลังกลับไปแล้ว คุณกับคุณน้าจัดเก็บของให้เรียบร้อยแล้วย้ายเข้าไปในวิลล่านะ”“อ่า ไม่ได้นะคะ วิลล่านี้เป็นของพี่เย่ เรา...”“ปล่อยไว้แบบนั้นมันก็ยังอยู่เหมือนเดิม ไม่สู้เข้าไปใช้งานดีกว่านะ” เย่เทียนหยู่ขัดจังหวะในขณะนี้ เฉินเข่อซินเริ่มรู้สึกตัวและถามว่า: “พี่เย่ นี่พี่หลอกฉันเหรอ? พี่แค่อยากซื้อวิลล่าให้ฉันหรือเปล่า?”เย่เทียนหยู่ยิ้มแห้ง ไม่รู้ว่าจะตอบยังไง“ต้องใช่แน่ พี่เย่ ทำไมพี่ถึงดีกับฉันขนาดนี้” เฉินเข่อซินจ้องไปที่เย่เทียนหยู่ เธออดคิดไม่ได้ว่าพี่เย่ต้องชอบเธอแน่ทุกคนต่างก็บ
หยางต้าฝูกำลังจะพยักหน้าเห็นด้วย ในเวลานี้เอง แม่บ้านก็เข้ามาแล้วพูดว่า “ท่านประธาน คุณชายเย่มาถึงด้านหน้าแล้วค่ะ”“อะไรนะ มาถึงแล้วเหรอ! ไปเร็ว ไปทักทายคุณชายกันเถอะ”เมื่อหยางต้าฝูได้ยินดังนั้น เขาก็ลุกขึ้นและพาผู้คนไปที่ประตูวิลล่า แล้วยืนรออยู่ที่ประตูในทันทีซ่งเหวินป๋อและซ่งหยางตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากลังเลอยู่สักพัก พวกเขาก็เดินตามเขาไป แต่พวกเขาก็ยืนอยู่หลังประตู เพราะพวกเขาอยากรู้ว่าใครเป็นคนสำคัญแต่ท่านประธานหยางเองก็ไม่ได้ขับไล่พวกเขา ไม่แน่พวกเขาอาจมีโอกาสได้พูดคุยกับคนสำคัญ แบบนั้นพวกเขาก็มีโอกาสได้เติบโตแต่ภาพเบื้องหน้านี้ สมาชิกตระกูลหยางบางคนที่ไม่รู้สถานการณ์ต่างก็ตกตะลึงอย่างยิ่งด้วยฐานะของหยางต้าฝู เขามักถูกผู้คนมากมายจับตามองอยู่ตลอดเวลา แม้แต่ผู้นำระดับสูงของเมืองเทียนไห่ไม่รู้ว่าจะต้อนรับแขกคนสำคัญแบบไหนกัน แต่มันช่างดูยิ่งใหญ่จริง ๆหลังจากรออยู่ครู่หนึ่ง บุคคลนั้นก็ยังมไม่าถึง หยางต้าฝูขมวดคิ้วและถามแม่บ้านที่แท้แล้วหลังจากที่เย่เทียนหยู่เข้ามา เขาก็นึกถึงอะไรบางอย่างและหยุดไปสักพัก จึงอาจใช้เวลาพอสมควร แต่ไม่นานนักเขาก็ขับรถกลับเข้ามาอย่างรวดเ
ตอนนี้กลับมาคุกเข่าอยู่ต่อหน้าตัวเองแบบนี้งั้นเหรอ?แม้แต่แม่ตระกูลซุนเองก็รู้สึกไม่อยากจะเชื่อ พวกเขารู้ดีว่าซุนต้าอวี่นั้นให้ความสำคัญกับหน้าตามาก ในช่วงเวลานี้เขากลับกล้าทำเรื่องแบบนี้ได้และเธอเองก็ยังสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวที่อยู่ในใจของสามีตนอีกด้วยซุนต้าอวี่ไม่เพียงแค่คุกเข่าลงเท่านั้น แต่ภายใต้สายตาที่ดูตกตะลึงของทุกคน เขาก็พูดด้วยความโกรธไปว่า “พวกเธอสองคนมัวยืนทำอะไรอยู่ ยังไม่รีบมาคุกเข่าลงอีก”“เพราะพวกเธอนั่นแหละที่มาทำตัวไม่เหมาะสมที่นี่ในวันนี้ ถึงได้เผลอไปล่วงเกินท่านราชามังกรเข้า ยังไม่รีบมารับผิดกับท่านราชามังกรอีก”ในใจเขาแอบด่าไม่หยุด เฉินอู่คนนั้นเป็นผู้มีทำนาจมากในแดนตะวันออกนี้ บุคคลสำคัญหลายคนต่างก็ต้องการเอาใจเขา เมื่อพบท่านราชามังกร ตัวเขาเองยังคุกเข่าลงเลยแล้วเหตุใดพวกเธอถึงจะไม่คุกเข่าลงล่ะ?และก็เป็นเพราะเหตุนี้เอง การที่เขาคุกเข่าลงนั้น มันก็สมควรแล้วสีหน้าของแม่ตระกูลซุนดูไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ถือว่าเธอได้เข้าใจถึงสถานการณ์ตรงหน้าเป็นอย่างดีแล้ว ว่ายังไงก็ต้องขอความเมตตาจากท่านราชามังกรแต่ว่า เธอไม่อยากที่จะทำเรื่องขายหน้าแบบนี้เลย
เมื่อเทียบกับความตื่นเต้นของคู่สามีภรรยาตระกูลสวี่แล้ว พวกซุนต้าอวี่ทั้งสามคนกลับมีความตื่นเต้นในอีกแบบหนึ่งปกติซุนซวี่ได้ยินเรื่องราวความลึกลับและความแข็งแกร่งของราชามังกรมาก็มากมาย และหวังจะได้พบมาโดยตลอด กลับคิดไม่ถึงเลยว่า ตนจะกล้าหาญทำตัวอวดดีต่อหน้าคนคนนั้นได้นี่เท่าเขากำลังเต้นรำอยู่บนคมดาบไม่ใช่รึไง หากยังมีชีวิตอยู่ก็ถือว่าเป็นปาฏิหาริย์มากแล้ว เมื่อสังเกตเห็นสายตาของอีกฝ่ายที่มองมา ใบหน้าก็ซีดลงทันที เขาแทบจะฉี่ราดตรงนั้นเลยด้วยซ้ำสีหน้าของคุณแม่ตระกูลซุนเองก็ดูไม่ดีเช่นกัน ไม่มีความบ้าคลั่งหรือหยิ่งยโสเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไป ใบหน้าที่เหมือนแม่มดก็หายไปด้วยเช่นกัน เธอได้แต่ก้มหน้าเงียบ ๆ ไม่พูดอะไรซุนต้าอวี่รู้สึกเสียใจจนแทบกระอักเลือด พอเขานึกถึงการแสดงออกของของอาจารย์จูเมื่อสักครู่นี้ เดิมทีก็รู้สึกว่ามันผิดปกติอยู่แล้ว แต่เขากลับคิดไม่ถึงเลยสักนิดเมื่อกี้เขาถูกความโกรธครอบงำ และความแข็งแกร่งของตระกูลซุนก็ทำให้เขาเลอะเลือน เพราะไม่อย่างนั้น ด้วยไอคิวของเขาแล้ว เขาจะต้องสังเกตเห็นถึงความผิดปกติได้อย่างแน่นอนแต่เมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เสียใจไปก็ไม่ได้อะไ
แม้แต่ซุนต้าอวี่เองก็ยังรู้สึกงงงวยอย่างเห็นได้ชัด ข้อมูลชุดนี้ดูเหมือนว่าจะใหญ่เกินไปหน่อย เขารู้สึกไม่แน่ใจเกี่ยวกับสถานการณ์ตรงหน้าสักเท่าไหร่ เขาไปดูถูกท่านราชามังกรตั้งแต่เมื่อไหร่กันแล้วอีกอย่าง ใครคือท่านราชามังกร ราชามังกรแห่งพรรคมังกรน่ะเหรอ นั่นเป็นถึงชายผู้แข็งแกร่งที่อยู่บนจุดสูงสุดเชียวนะ ตัวเขาจะกล้าพูดจาเหลวไหลต่อหน้าท่านได้ยังไงช้าก่อน!จู่ ๆ ก็เหมือนว่าซุนต้าอวี่จะตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง หรือว่า เจ้าเด็กนั่นคือราชามังกรงั้นเหรอ?เป็นไปไม่ได้!ยังไงก็เป็นไปไม่ได้!ไม่ใช่แค่เขา คนอื่น ๆ เองก็หันมามองไปที่เย่เทียนหยู่ด้วยความสงสัย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเองก็คาดเดาไปในทิศทางเดียวกันสวี่อี้เองก็คิดแบบนั้นด้วยเช่นกัน แววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกสั่นสะท้านด้วยความไม่เชื่อ นี่มันจะเป็นไปได้ยังไงความสับสนยังคงแขวนอยู่บนใบหน้าสวี่กวง หมายความว่ายังไง ขณะที่เขากำลังจะถามทันทีที่เฉินอู่ตำหนิซุนต้าอวี่เสร็จ เขาก็รีบหันไปหาเย่เทียนหยู่ ก่อนที่จะทรุดเข่าลงหนึ่งข้าง พร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเคารพ และกล่าวขึ้นว่า “หนึ่งในสี่ผู้ส่งสารของพรรคมังกร ผู้ส่งสารอัสนี เฉิ
เมื่อคำพูดอันทรงพลังของเฉินอู่ดังขึ้น ทุกคนต่างก็หยุดชะงักกันไปตาม ๆ กัน ก่อนที่จะหันมองไปที่ประตูอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ทันทีที่หันไปมอง ก็เห็นเพียงชายที่ทรงพลังคนหนึ่งกำลังเดินผ่านประตูเข้ามาจากท่าทางรูปร่างของเขา รวมถึงออร่าที่ทรงพลังและน่าเกรงขามที่อยู่รอบตัว เหมือนว่าคนที่มาจะไม่ใช่คนธรรมดาซุนต้าอวี่ที่ได้ยินเสียงนั้น สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปทันที เมื่อเขาหันไปมอง ก็เห็นว่าเป็นเจ้าสำนักหมัดมวยเว่ยอู่ตัวจริง ต้องเข้าใจก่อนว่า เฉินอู่คนนี้ ไม่ได้เป็นเพียงเจ้าสำนักธรรมดาเท่านั้นลูกศิษย์ที่มีชื่อเสียงหลายคนของเขา ต่างก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดากันทั้งนั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่า ยังมีผู้มีอำนาจอีกมากมายแค่ไหน ที่ต้องการจะส่งลูกหลานของตัวเองให้มาคำนับเป็นศิษย์ของเขายกตัวอย่าง เช่นสวี่กวง เขาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่เมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ ที่เก่งกว่าแล้ว เขายังมีข้อบกพร่องอยู่มากแต่ถึงอย่างนั้น เฉินอู่คนนี้วางท่าหยิ่งยโสเกินไปรึเปล่า แค่เพราะสถานะที่เหนือกว่าของเขา ตระกูลซุนก็จะต้องกลัวเขาด้วยรึไงก่อนหน้ายังมีความเกรงใจอยู่ แต่ก็เป็นเพียงความเคารพเลื่อมใสก็เท่านั้นหากเรื่องนี้เกี่
“อย่าลืมสิ คุณเป็นคนพูดเองนะ ว่าตระกูลซุนสามารถทำลายตระกูลสวี่ของพวกเราได้ในพริบตา หากตระกูลที่แข็งแกร่งขนาดนี้ยังจัดการไม่ได้ แล้วพวกเราจะจัดการได้ยังไง”“คุณ!”แม่ตระกูลซุนโกรธมาก แต่โชคดีที่ในขณะนั้น ในที่สุดอาจารย์จูก็หยุดมือแล้ว แม้ว่าเย่เทียนหยู่จะไม่ได้สั่งให้หยุด แต่เขาก็ไม่กล้าทำต่อไปอีกอยู่ดีขืนยังทุบตีต่อ เขาได้ตายจริง ๆ แน่ หากเขาตาย ตนก็คงจบเห่ไปด้วยแต่ในตอนนี้ ใบหน้าของผู้นำตระกูลซุนก็ได้บวมจนเหมือนหัวหมูไปแล้ว แทบมองไม่เห็นโครงเดิมเลยด้วยซ้ำแต่ก็ยังถือว่าโชคดี ที่เขายังสามารถลุกขึ้นยืนได้ปกติดูเหมือนว่าอาจารย์จูจะไม่ได้ตีแบบสุ่มสี่สุ่มห้า เขายังพอมีขอบเขตอยู่บ้าง เพราะไม่อย่างนั้น ด้วยความแข็งแกร่งของเขา แค่สองสามทีก็สามารถทำให้ซุนต้าอวี่ตายได้ในทันทีแต่ซุนต้าอวี่เองก็รู้สึกถึงความอับอายอย่างมาก ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธปนเศร้า ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจอย่างมาก ที่ทำไมเขาถึงพาคนมาเพียงเท่านี้กันหากเขาเรียกตำรวจหรือคนอื่น ๆ มาที่นี่เดี๋ยวนี้ ยังจะกลัวว่าจะจัดการกับเด็กหนุ่มพวกนี้ไม่ได้อีกงั้นเหรออาจารย์จูไม่สนใจเขา และหันไปหาเย่เทียนหยู่แทน พร้อมกับพูดอย่
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ถูกพูดออกมา ทุกคนตกตะลึกขึ้นอีกครั้งทั้งสวี่กวงและสวี่อี้ต่างก็ตาโตปากค้างเป็นรูปตัวโอ พวกเขาคาดหวังให้เย่เทียนหยู่โชคร้ายอยู่ตลอด ทำไมจู่ ๆ ถึงได้กล่าวขอโทษได้ล่ะพ่อตระกูลสวี่และคนอื่น ๆ ยังคงยืนอึ้งกันอยู่ ไม่เข้าใจสถานการณ์เลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อพ่อตระกูลสวี่ลองนึกย้อนดู หรือว่าอาจารย์จูสัมผัสถึงความเก่งกาจของเย่เทียนหยู่ได้กันนะซุนซวี่และแม่ตระกูลซุนต่างก็มีสีหน้าที่ดูบิดเบี้ยวและน่าเกลียดอย่างมากผู้นำตระกูลซุนหน้าตาเคร่งเครียด และพูดด้วยความโกรธว่า “อาจารย์จู คุณหมายความว่ายังไงกันแน่?”อาจารย์จูไม่สนใจเขาเลยด้วยซ้ำ เพิกเฉยต่อเขาโดยสิ้นเชิง ได้แต่ก้มหัวและโน้มตัวลง รอให้เย่เทียนหยู่พูดออกมาเย่เทียนหยู่หัวเราะฮึ ๆ ออกมา ก่อนที่จะชี้ไปทางผู้นำตระกูลซุน แล้วพูดขึ้นว่า “ไม่เลว ดีที่คุณยังรู้ตัวได้ทันเวลา เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน คุณก็จัดการกับตาแก่นี่ให้กลายเป็นหัวหมูซะ เรื่องวันนี้ผมก็จะไม่เอาความคุณอีก”ทุกคนต่างตกใจไปชั่วขณะ ทำร้ายแม่ตระกูลซุนกับซุนซวี่ไม่พอ นี่ถึงขั้นจะทำร้ายผู้นำตระกูลซุนอีกนี่มันแทบจะพลิกโลกแล้ว!ในตอนนี้เอง ทุกคนจ้องมองไปทาง
เมื่อเห็นท่าทีของน้องชายที่แตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง หลินหว่านหรูก็หันไปมองเย่เทียนหยู่ และกล่าวด้วยความซาบซึ้ง “เทียนหยู่ ขอบคุณนะ!”หากไม่มีการสั่งสอนและการชี้แนะจากเย่เทียนหยู่ น้องชายของเธอก็คงไม่มีความสามารถ ไม่มีความรับผิดชอบ และความกล้าที่ทำอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้แน่นอนเห็นได้ชัดว่า ที่น้องชายของเธอได้รับการฝึกฝนมาอย่างหนักหน่วง ส่วนหนึ่งก็ได้รับอิทธิพลมาจากเทียนหยู่แม้จะมีการบาดเจ็บระหว่างทางอยู่หลายครั้ง แต่หลินจื่อตงก็ไม่เคยยอมถอยเลยสักครั้ง แววตาแห่งความมุ่งมั่น เขาต่อสู้กับอีกฝ่ายคนแล้วคนเล่าอย่างไม่ย่อท้อหลังจากการต่อสู้ที่หนักหน่วง ในที่สุดคนเหล่านี้ก็ถูกโจมตีจนต้องถอยร่นกลับไปถึงแม้ว่า ด้วยพลังของเย่เทียนหยู่ อย่าว่าแต่เอาชนะพวกมือสังหารเล็ก ๆ เหล่านี้เลย เขาสามารถทำให้ร่างกายของบอดี้การ์ดเหล่านี้หายไปในพริบตาได้เลยด้วยซ้ำในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่พวกหลินหว่านหรูเท่านั้น แม้แต่พ่อแม่ตระกูลสวี่เองก็แอบพยักหน้าเงียบ ๆ แม้ว่าหลินจื่อตงจะไม่ได้เก่งกาจอะไร แต่ความมุ่งมั่นของเขาก็ไม่เคยลดลงเลยแม้แต่น้อยการต่อสู้ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ไม่กลัวความเจ็บปวด การแส
ผู้คนรอบข้างต่างก็พากันตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนในระหว่างที่กำลังต่อสู้ ตระกูลซุนก็กลับทะเลาะกันเองขึ้นมาเสียอย่างนั้นพ่อตระกูลสวี่และคนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกงงงวย เขาเริ่มไม่แน่ใจในสถานการณ์ตรงหน้าแล้ว แต่ผู้ชมที่อยู่ข้าง ๆ กลับเห็นได้อย่างชัดเจน เขามักจะรู้สึกว่าเย่เทียนหยู่นั้นไม่ธรรมดา และการที่อาจารย์จูล้มลงก็อาจจะเป็นฝีมือของเขาก็ได้ในตอนนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ของสวี่กวงก็ดังขึ้น เมื่อเห็นว่าเป็นอาจารย์ของเขาที่โทรมา เขาก็ละความสนใจจากละครฉากใหญ่ระหว่างอาจารย์จูและแม่ตระกูลซุนที่อยู่ตรงหน้าทันที ก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปด้านข้างเพื่อรีบรับสายโทรศัพท์“อาจารย์ครับ!”“อืม พ่อของเธออยู่ที่บ้านไหม?” อาจารย์เฉินแห่งสำนักหมัดมวยเว่ยอู่ เพิ่งจะผ่านทางมาที่บ้านตระกูลสวี่พอดี เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเคยสัญญาเอาไว้ว่าจะช่วยรักษาอาการบาดเจ็บภายในให้กับพ่อตระกูลสวี่ เขาจึงกะว่าแวะมาช่วยจัดการให้สักหน่อย“อยู่ครับ อยู่!”สวี่กวงพยักหน้ารัว ๆ พร้อมกับถามออกไปอย่างรีบเร่งว่า “อาจารย์มีธุระอะไรรึเปล่าครับ หากต้องการให้ผมช่วยอะไร ก็บอกมาได้เลยนะครับ”สถานะอาจารย์ถือว่าไม่ธรรมดา การได้คำนับ
พ่อตระกูลสวี่ที่เห็นฉากนี้ ก็แอบส่ายหัวเงียบ ๆเด็กคนนี้จบเห่แล้วเขาต้องตายแน่นอน!แทบทุกคนต่างก็เชื่อแบบนั้น รวมถึงสวี่เจียเจียเองก็ด้วยมีเพียงหลินจื่อตงและหลินหว่านหรูสองคนเท่านั้น โดยเฉพาะหลินหว่านหรู เธอเคยเห็นการโจมตีที่แข็งแกร่งของเย่เทียนหยู่มาแล้วหลายครั้ง ความเร็วแค่นี้ถือว่ากระจอกมากสำหรับเขาที่สำคัญก็คือ เย่เทียนหยู่นิ่งเฉยได้ขนาดนี้ จะต้องไม่มีปัญหาแน่นอนเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงเย่เทียนหยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนที่มือขวาของเขาจะดีดถั่วเมล็ดหนึ่งเบา ๆ ให้ลอยออกไป ตาเนื้อของคนทั่วไปแทบจะมองไม่เห็นเลยด้วยซ้ำแต่ท่านอาจารย์จูกลับถูกโจมตีเข้าที่ขาอย่างกะทันหัน ทำให้เขาล้มลงไปนอนกองอยู่บนพื้นในทันทีเดิมทีเขายังพอจะสามารถใช้มือพยุงตัวได้ แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มือของเขากลับถูกอะไรบางอย่างโจมตีจนหมดแรงไปซะดื้อ ๆจนล้มลงไปกองเหมือนหมาทันใดนั้น ทุกคนต่างก็อึ้งกันหมดพวกเขาเพียงแค่เห็นว่าอาจารย์จูพุ่งเข้าไปด้วยแรงที่ทรงพลัง มือขวาของเขาราวกับกรงเล็บ พุ่งตรงไปยังเย่เทียนหยู่ด้วยความน่าสะพรึงกลัว แต่ใครจะคิดล่ะว่า วินาทีต่อมาเขาจะเป็นแบบนี้เย่เทียนหยู่หัวเราะ ฮึ ๆ