“อะไรนะ?”“ลูกค้าจะซื้อ?”อู๋ลี่และคนอื่น ๆ สับสนไปหมด เป็นไปได้ยังไง?เธอยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้จนถึงกับเสียการควบคุม “เป็นไปไม่ได้ ก็สภาพคนพวกนั้นอย่างกับขอทาน จะไปมีปัญญาซื้อวิลล่าไหวได้ยังไงกัน”“นักต้มตุ๋น ต้องเป็นพวกนักต้มตุ๋นแน่!”“หุบปาก!”“ลูกค้าคือพระเจ้า พูดแบบนั้นได้ยังไง? ออกไปไตร่ตรองกับตัวเองซะ!”เมื่อผู้จัดการหวังได้ยินดังนั้นเขาก็ตะโกนด้วยความโกรธทันทีคนที่อยู่รอบหลิวอิ๋งอิ๋งคงจะเป็นลูกค้าสินะ พวกเขายืนอยู่ข้าง ๆ แท้ ๆ แต่กลับยังกล้าพูดแบบนั้น แต่แบบนั้นก็ดี จะได้กระตุ้นนายเด็กคนนี้เสียหน่อยเพราะมองเด็กหนุ่มตรงหน้านี่ ก็ดูเหมือนจะซื้อวิลล่าไม่ไหวจริง ๆ เขาหันกลับมาแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม: “สวัสดีครับ คุณคือลูกค้าที่อิ๋งอิ๋งพูดถึงหรือเปล่าครับ”“ไม่ต้องมาพูดไร้สาระกันหรอกครับ”“ผมจะซื้อวิลล่าหลังนี้แน่นอน!”เย่เทียนหยู่กล่าว“ได้ครับ คุณเย่ เชิญด้านนี้ครับ เราไปนั่งคุยกันที่ห้องวีไอพีดีกว่า” เมื่อได้ยินดังนั้น ผู้จัดการหวังก็ยิ้มออกมาทันทีและเชิญเขาอย่างสุภาพ“คุณยังถือว่าไม่เลวนะครับ ถึงคุณจะไม่เชื่อว่าผมซื้อไหว แต่ก็ยังรักษาท่าทางของตนไว้”เย่เทียนหยู่พูด “ส
เมื่อได้ยินดังนั้น เย่เทียนหยู่ก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดเป็นเพราะหลิวอิ๋งอิ๋งพูดทวงความยุติธรรม ถึงได้ทำให้เธอเกิดอันตรายจริง ๆ!ในสายตาคนอื่น เหตุการณ์ในโรงพยาบาลมาถึงจุดนี้แล้วถือว่าจบลงได้อย่างสวยงาม แต่ในมุมมองของเย่เทียนหยู่ เป็นแบบนี้มันยังไม่พอเขารู้สึกว่า หม่าจวี๋ ลูกพี่ลูกน้องของหม่าจุนต้องเป็นคนที่ถูกลากเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง ดังนั้น การลงโทษเพียงครั้งเดียวก็เพียงพอแล้วเดิมทีถ้าเขาปฏิบัติต่อหลิวอิ๋งอิ๋งอย่างดี เย่เทียนหยู่อาจไม่รู้เรื่องนี้ก็ได้ และเขาคงไม่มีทางทำอะไรมากไปกว่านี้ แต่วันนี้เป็นพวกเขาเองที่ทำตัวเอง“หลิวอิ๋งอิ๋ง ไม่ต้องกังวล ผมจะคืนความยุติธรรมให้คุณในเรื่องนี้อย่างแน่นอน” เย่เทียนหยู่ยืนยัน“อย่าดีกว่าค่ะ ถึงยังไงพวกเขาก็มีอำนาจมาก ฉันได้ยินมาว่านายกเทศมนตรีสื่อก็ช่วยเหลือพวกเขาด้วย หมอเย่ คุณเก่งแค่ทักษะทางการแพทย์เท่านั้น และตอนนี้พวกเขาก็ไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือจากคุณนนะคะ อย่าให้เรื่องนี้มันไปทำร้ายคุณเลยนะคะ”หลิวอิ๋งอิ๋งกล่าวเป็นแค่หมอเหรอ?ผู้จัดการหวังขมวดคิ้ว หมอคนหนึ่งจะซื้อวิลล่าได้เหรอ?ดูท่าว่าที่อู๋ลี่ทำไปเมื่อกี้ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไ
“นั่นสิคะ นายน้อยซู มีตำแหน่งใหญ่โตขนาดไหน ฉันกลัวแต่ว่าเขาคงจะไม่รู้ฐานะของท่านน่ะสิคะ” อู๋ลี่กล่าวนายน้อยซูขมวดคิ้วเมื่อได้ยินดังนั้น แต่ไม่ว่าจะยังไง หากเขากล้าทำการหลอกลวง เขาจะทำให้อีกฝ่ายเสียใจที่มาเกิดบนโลกนี้อย่างแน่นอน ต่อจากนั้นเขาก็เดินจากไปพร้อมกับอารมณ์ขุ่นมัวอู๋ลี่ดูภูมิใจ เมื่อเห็นนายซูเป็นแบบนี้ เขาคงจะโกรธมากหลิวอิ๋งอิ๋ง อย่างแกยังคิดจะมาสู้กับฉัน กับไอ้ยาจกนั่นยังคิดจะให้ผู้จัดการหวังมาจัดการเธอ ไม่แหกตาดูเลยหรือไงว่าฉันเป็นอะไรกับผู้จัดการหวังและก็เป็นไปตามคาด ผู้จัดการหวังไม่ได้สนใจไอ้หมอนั่น ก็แค่พูดอย่างที่ควรพูดกับลูกค้าเท่านั้นหวงโหยว่เหว่ยส่ายหน้าแล้วเดินตามไปก่อนจะพูดว่า: “พี่ซู ไม่ต้องรีบร้อน ถามให้ชัดเจนก่อนค่อยจัดการ”หลังจากทะเลาะกับเย่เทียนหยู่เมื่อคราวก่อน เขาก็เติบโตขึ้นไม่น้อย ซึ่งนั่นก็ทำให้หวงหงเจียนมีความสุขมาก และรู้สึกขอบคุณเย่เทียนหยู่มากยิ่งขึ้นครั้งล่าสุด เขาไม่เพียงแต่ได้สร้างศักดิ์ศรีลูกผู้ชายคของเขา ทั้งยังไม่ถูกภรรยาและตระกูลของเธอคอยบงการ แม้แต่ลูกชายของเขาก็ยังซื่อสัตย์และเชื่อฟังมากขึ้นสิ่งสำคัญที่สุดคือเขารู้สึกได้ว่าลูกช
เย่เทียนหยู่ตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นหวงโหยวเหว่ย เขาไม่คิดว่าจะได้พบเขาที่นี่เมื่อเห็นกลุ่มคนที่เดินเข้ามา หลิวอิ๋งอิ๋งก็ยืนขึ้นโดยเพื่อทักทายพวกเขาตามสัญชาตญาณ ถึงจะยังไงซะฐานะของคนที่มาก็ไม่ธรรมดา พวกเขาเป็นถึงนายน้อยหวงและนายน้อยซูเย่เทียนหยูไม่ได้ห้ามเธอ ถึงเขาจะไม่ได้ใส่ใจ แต่หลิวอิ๋งอิ๋งก็ไม่ใช่เขา“นายน้อยหวง!”หลิวอิ๋งอิ๋งทักทายด้วยความเคารพเมื่อคุณชายหวงเห็นคนที่อยู่ข้าง ๆ เย่เทียนหยู่ลุกขึ้น เขาก็พยักหน้าและเดินอย่างเข้าไปอย่างรวดเร็วหลิวอิ๋งอิ๋งเองก็กล่าวทักทายซูเหวินฮวาด้วยคราวนี้ซูเหวินฮวาตอบรับอย่างสุภาพ จากนั้นจึงเดินไปที่ตำแหน่งของเย่เทียนหยู่กับผู้จัดการหวัง“แพทย์เซียนเย่ คุณมาที่นี่ได้ยังไงกันครับ?”หวงโหยวเหว่ยเผยรอยยิ้มประจบประแจงบนใบหน้าของเขา หลังจากเหตุการณ์ต่าง ๆ ในระยะนี้รวมกับที่พ่อของเขายังเพิ่งเตือนเขามาเมื่อคืนนี้ ว่าในอนาคตเขาจะต้องให้ความเคารพเย่เทียนหยู่ถึงที่สุดพ่อยังบอกอีกว่าไม่เพียงแต่ตระกูลซาเท่านั้นที่ถูกทำลายโดยเย่เทียนหยู่ แต่แม้แต่ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่อย่างซาป้าเทียนก็เสียชีวิตด้วยน้ำมือของแพทย์เซียนเย่เช่นกันหวงโหยวเหว่ยในตอนนั้นต
ไม่ต้องพูดถึงพวกเขา แม้แต่หวงโหยวเหว่ยที่รู้ถึงอำนาจและความสามารถของเย่เทียนหยู่อยู่แล้วก็ยังตกตะลึงเขารู้ว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ซูเหวินฮวาขาดเงินและต้องการแลกวิลล่าเป็นเงิน แต่ในตอนนี้เพื่อเอาใจแพทย์เซียนเย่ เขาคิดจะมอบมันไปโดยไม่เอาเงินสักบาทแต่หลังจากคิดดูอีกครั้ง เขาก็พอจะเดาได้คร่าว ๆ ว่าซูเหวินฮวากำลังคิดอะไรอยู่ แต่เขาเองก็ต้องแอบถอนหายใจ เพราะซูเหวินฮวากล้าหาญและเด็ดขาดกว่าเขามากยังไงซะนี่ก็เป็นเงินมากถึงห้าร้อยล้านความประหลาดใจแวบขึ้นมาในดวงตาของเย่เทียนหยู่ เขามองไปที่ซูเหวินฮวาและดูเหมือนเขาจะเดาความในใจของเขาออก จากนั้นเขาก็เอ่ยปากด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ไม่จำเป็นหรอกครับ ไม่ได้มีบุญคุณอะไรต่อกันผมก็จะไม่รับน้ำใจนี้ไว้ ผมไม่ชอบให้ใครต้องมาเสียเปรียบให้ผม”ผู้จัดการหวัง อู๋ลี่และคนอื่น ๆ ตกตะลึงอีกครั้ง เพียงแต่วันนี้พวกเขาตระหนักได้ว่าการที่พกวเขาดูถูกเย่เทียนหยู่ก่อนหน้านี้มันเป็นความผิดมหันต์“เรื่องนั้น… ถ้าอย่างนั้นเอาแบบนี้ได้ไหมครับ ผมคิดว่าราคาห้าร้อยล้านผมไม่กล้ารับ ผมรับเป็นราคาสี่ร้อยล้านบาท แพทย์เซียนเย่ ขอแค่ให้โอกาสผมได้รู้จักคุณเถอะนะครับ”ซูเหวินฮวาไม่เพี
ขณะที่อู๋ลี่กำลังรู้สึกเสียใจ โดยเฉพาะเมื่อได้ยินคำพูดของซูเหวินฮวา ซึ่งแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาจะสนับสนุนหลิวอิ๋งอิ๋งในอนาคตอย่างแน่นอนเธอไม่รู้ว่าต้นที่มาที่ไปของแพทย์เซียนเย่คนนี้คืออะไร แต่เขาน่าเกรงขามมากสิ่งที่ทำให้พวกเธอหวาดกลัวยิ่งกว่านั้นคือผู้จัดการหวังมีสีหน้าไม่พอใจและโกรธเคืองมาก เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์นี้ ผู้จัดการหวังอาจกำลังคิดวิธีจัดการเธอไม่เหนือไปกว่าความคาดหมาย ในเวลานี้ ผู้จัดการหวังตะโกนเสียงดัง: “อู๋ลี่ พวกเธอไสหัวเข้ามาหาผมเดี๋ยวนี้!”ท่าทีของอู๋ลี่และคนอื่น ๆ เปลี่ยนไป และพวกเธอแต่ละคนเดินเข้ามาด้วยท่าทางเรียบร้อย จากนั้นเขาก็ก้มหน้าลงและไม่มีใครกล้าพูดอะไรแม้แต่คำเดียว“แพทย์เซียนเย่ เมื่อครู่พวกเธอทำให้คุณขุ่นเคืองเพราะพวกเธอไร้ความรู้! คุณอยากจัดการกับพวกเธอยังไงดีครับ? ได้โปรดบอกเราได้เลยครับ” ผู้จัดการหวังกล่าวเย่เทียนหยู่เหลือบมองผู้จัดการหวัง แม้ว่าผู้จัดการหวังจะสงสัยตัวเขา แต่เขาก็ยังรักษาท่าทีของเขาได้ไม่เลว จะตำหนิเขาก็ไม่ได้ แต่ผู้หญิงพวกนี้ทำให้เขารังเกียจจริง ๆ“หลิวอิ๋งอิ๋ง คุณบอกเถอะ ว่าอยากให้จัดการยังไง?” เย่เทียนหยู่ถามหลิวอิ๋งอ
คนนี้เหล่านี้ล้วนเป็นหัวหน้าของเขา โดยเฉพาะนายกเทศมนตรีสื่อผู้จัดการหวังแอบตกใจ เพราะฟังจากน้ำเสียงของเขาแล้ว ราวกับเขากำลังสั่งงานนายกเทศมนตรีหวง ขนาดคนที่รวยที่สุดในเมืองเทียนไห่ยังไม่กล้าสั่งนายกเทศมนตรีแบบนี้เลยแพทย์ศักดิ์สิทธิ์เย่คนนี้เป็นใครกันแน่?หวงโหยวเหว่ยตอบตกลงทันที เขาไม่กล้าที่จะละเลยคำพูดของเย่เทียนหยู่ เมื่อเขากลับไปเขาจะเล่าทุกอย่างให้พ่อฟังโดยไม่พลาดแม้แต่คำเดียวหลังจากรีบร้อนกระวนกรวาย พนักงานของกรมพลเรือนก็มาที่นี่พร้อมเครื่องมือต่าง ๆเมื่อถึงเวลาต้องลงนาม เย่เทียนหยู่ก็ให้เฉินเข่อซินลงนามเองเฉินเข่อซินตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและพูดอย่างเร่งรีบ: “ไม่ ๆ พี่เย่ คุณกำลังซื้อบ้านของตัวเอง ไม่ใช่ฉันสักหน่อยนะคะ”เย่เทียนหยู่พูดอย่างช่วยไม่ได้: “เดิมทีผมก็ซื้อบ้านหลังนี้ให้คุณอยู่แล้วนะ”“ไม่เอาค่ะ ฉันมีเงินนะ ตอนนี้ฉันมีสามสิบห้าล้านแล้ว ฉันซื้อเองได้แล้วล่ะค่ะ ฉันไม่คุ้นเคยกับการใช้ชีวิตในบ้านดี ๆ แบบนี้หรอกนะคะ”เฉินเข่อซินพูดเย่เทียนหยู่คิดว่าถ้าบ้านหลังนี้เป็นชื่อของเขา การจะให้เฉินหมินและเฉินเข่อซินมาอยู่อาศัยคงเป็นเรื่องยาก แต่เขาอยากให้พวกเธอมีชีวิตที
เย่เทียนหยู่วางโทรศัพท์มือถือลงแล้วพูดว่า “ผมยังมีธุระต่อ ในเมื่อที่นี่ไม่มีอะไรแล้ว เราขอตัวกลับก่อน”“ครับ พี่เย่เชิญจัดการธุระก่อนเถอะครับ ไว้คราวหน้าผมมีโอกาสเลี้ยงอาหารค่ำคุณ” ซูเหวินฮวาพูดทันที แม้ตอนนี้เขาจะร้อนใจที่จะผูกมิตรและเสวนากันมากกว่านี้ แต่การกินตอนอาหารร้อนเกินคงไม่ใช่เรื่องดีนักหวงโหยวเหว่ยรู้สึกอึดอัดใจ สิ่งที่เขาต้องการจะพูดถูกซูเหวินฮวาแย่งพูดไปก่อนอีกครั้ง“เข่อซิน ไปกันเถอะ”เย่เทียนหยู่ไม่อยู่ต่อให้เสียเวลาและพาเฉินเข่อซินออกไปทันที หลังจากขึ้นรถแล้ว เขาพูดว่า “เข่อซิน หลังกลับไปแล้ว คุณกับคุณน้าจัดเก็บของให้เรียบร้อยแล้วย้ายเข้าไปในวิลล่านะ”“อ่า ไม่ได้นะคะ วิลล่านี้เป็นของพี่เย่ เรา...”“ปล่อยไว้แบบนั้นมันก็ยังอยู่เหมือนเดิม ไม่สู้เข้าไปใช้งานดีกว่านะ” เย่เทียนหยู่ขัดจังหวะในขณะนี้ เฉินเข่อซินเริ่มรู้สึกตัวและถามว่า: “พี่เย่ นี่พี่หลอกฉันเหรอ? พี่แค่อยากซื้อวิลล่าให้ฉันหรือเปล่า?”เย่เทียนหยู่ยิ้มแห้ง ไม่รู้ว่าจะตอบยังไง“ต้องใช่แน่ พี่เย่ ทำไมพี่ถึงดีกับฉันขนาดนี้” เฉินเข่อซินจ้องไปที่เย่เทียนหยู่ เธออดคิดไม่ได้ว่าพี่เย่ต้องชอบเธอแน่ทุกคนต่างก็บ
ในใจโจวฉิงรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่ต้นจนจบหม่าต้านก็เผยความรู้สึกหวาดกลัวออกมาไม่หยุด นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกตกใจไปชั่วขณะการแสดงออกของหม่าต้านหลังจากนั้น ราวกับคนใกล้ตายที่กำลังร้องขอชีวิตไม่หยุดไม่มีผิด ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นถึงความกลัวของเขาที่มีต่อคุณเย่ได้เป็นอย่างดีคนคนหนึ่ง เหตุใดถึงทำให้คนอีกคนกลัวได้มากขนาดนี้ แต่นั่นก็ทำให้เธอได้เห็นถึงสถานะและจุดยืนของเขาได้อย่างชัดเจนหลังจากที่โจวฉิงได้สติ ในใจก็กลับรู้สึกเหมือนมีม้ากำลังวิ่งพล่านไปทั่ว ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างมากในเวลานี้ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้ แต่ตอนนั้นเธอก็กลับไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการกดโทรออกเพียงครั้งเดียวเท่าที่เห็นแทบไม่จำเป็นต้องโทรเลยด้วยซ้ำ อารมณ์เหมือนแค่เขาไอออกมาก็สามารถทำให้หม่าต้านวิ่งมาคุกเข่าเพื่อร้องขอชีวิตได้เลยอย่าว่าแต่เธอเลย ขนาดหลินหว่านหรูเองก็ชะงักไปด้วยเช่นกัน แม้เธอจะรู้ดีว่าเย่เทียนหยู่เก่งกาจมาก แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนหยู่จะเก่งกาจได้มากถึงเพียงนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า โจวฉินเองก็เพิ่งจะพูดไป ว่าตระกูลไป๋เป
“ช่างเถอะ เห็นแก่หน้าหว่านหรู ผมเองก็ไม่อยากจะเถียงกับคุณแล้วเหมือนกัน”เย่เทียนหยู่ส่ายหัวเบา ๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา และกำลังจะกดโทรออกแต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ของโจวฉิงก็ดังขึ้น เธอก้มลงมองครู่หนึ่ง ก่อนที่สีหน้าเปลี่ยนไปทันที ก่อนจะรีบพูดออกไปว่า “มะ หม่าต้านโทรมาค่ะ”“โอ้ พอดีเลย จะได้ประหยัดค่าโทรศัพท์ด้วย!”เย่เทียนหยู่พูดด้วยท่าทีเรียบเฉย“......”โจวฉิงจึงรีบกดรับสายอย่างช่วยไม่ได้ และเพื่อให้เย่เทียนหยู่ได้ยินเนื้อหาบทสนทนา เธอจึงกดเปิดลำโพงทันทีที่รับสาย พร้อมกับพูดด้วยความสุภาพออกไปว่า “ค่ะ ประธานหม่า!”แต่หม่าต้านกลับไม่สุภาพเลยแม้แต่น้อย เขาส่งเสียงฮึดฮัดออกมา พร้อมกับพูดขึ้นว่า “ประธานโจว คุณพิจารณาข้อเสนอที่เรามอบให้ไปถึงไหนแล้ว?”โจวฉิงเหลือบมองไปยังเย่เทียนหยู่ ก่อนจะพูดอย่างช่วยไม่ได้ออกไปว่า “ประธานหม่าคะ ข้อเรียกร้องของคุณค่อนข้างที่จะเข้มงวดเกินไป พวกเราไม่สามารถยอมรับได้จริง ๆ ค่ะ”“งั้นเหรอ หมายความว่าพวกคุณไม่ยินยอมสินะ?” หม่าต้านโกรธจัดโจวฉิงหันไปมองเย่เทียนหยู่อีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเขาไม่พูดอะไร ในใจก็ยิ่งรู้สึกไม่มั่นใจขึ้นมา แต่ก็ย
เมื่อเห็นว่าโจวฉิงเหมือนจะไม่ค่อยเชื่อในสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดสักเท่าไหร่ หลินหว่านหรูเองก็รู้สึกอารมณ์ไม่ดีอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยออกมาว่า “โจวฉิง แค่เงินไม่กี่หมื่นล้าน สำหรับเทียนหยู่แล้ว มันแทบไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยด้วยซ้ำ!”“เอ่อ......”โจวฉิงรู้สึกสับสนเล็กน้อย ที่เธอพูดออกมาว่าหลายหมื่นล้านนั้น เดิมทีก็เป็นคำพูดที่เกินจริงอยู่แล้ว แน่นอน เกี่ยวกับการสร้างโรงงาน รวมถึงการซื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ เงินที่ต้องเตรียมเอาไว้ให้กับค่าใช้จ่ายจำนวนหมื่นล้านมันจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากเมื่อหลินหว่านหรูเห็นว่าโจวฉิงยังไม่ค่อยเชื่อ เธอจึงหยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะเปิดข้อความให้ดู พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบออกไปว่า “ไม่งั้น คุณก็ลองดูสิ่งนี้ก่อนสิ”โจวฉิงอึ้งไปชั่วขณะ เธอพยายามลองมองอย่างละเอียด ก่อนที่ต่อมาสีหน้าจะเต็มไปด้วยความรู้สึกตกใจ และถามออกไปด้วยความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อขึ้นว่า “ห้าแสนล้านเหรอคะ?” ตั้งแต่เกิดมาเธอยังไม่เคยเห็นจำนวนเงินมหาศาลจนน่าตกใจมากขนาดนี้มาก่อน“นี่ เขาเป็นคนให้คุณเหรอคะ?”“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ พอเขาเห็นว่าฉันอยากจะลงทุนกับอุตสาหกรร
โจวฉิงรู้สึกสับสนนิดหน่อย ทำไมจู่ ๆ ถึงได้มาพูดเรื่องการร่วมมือได้ หรือว่าอีกฝ่ายจะสามารถแก้ปัญหาได้จริง ๆ เพียงแต่รอดูว่าตนจะสามารถให้ผลประโยชน์อะไรได้บ้างก็เท่านั้นใช่ จะต้องเป็นเช่นนั้นแน่นอน!เธอจึงรีบพูดออกไปว่า “คุณเย่คะ แล้วคุณคิดว่าเราควรจะร่วมมือกันในรูปแบบไหนถึงจะดีคะ?”“ผมว่าคุณเป็นคนเสนอจะดีกว่านะครับ” เย่เทียนหยู่พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบโจวฉิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อนึกถึงขีดจำกัดที่พ่อเธอมี เธอจึงพูดออกไปว่า “หากเป็นไปได้ พวกเราก็หวังว่าจะได้รับเงินลงทุนประมาณสองพันห้าร้อยล้านค่ะ จากนั้นหุ้นให้พวกคุณถือหุ้นหกสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ว่า การบริหารและการดำเนินงานต่าง ๆ ให้อยู่ในความรับผิดชอบของพวกเราค่ะ”ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างพิเศษเช่นนี้ อันที่จริงเธอเองก็ไม่กล้าที่จะหวังอะไรมากเหมือนกัน“สองพันห้าร้อนล้านมันน้อยเกินไป ทำให้น้ำกระเซ็นยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!”“งั้นเอาอย่างนี้นะ พวกเราจะมอบเงินลงทุนให้คุณหนึ่งหมื่นล้าน แลกกับหุ้นแปดสิบเปอร์เซ็นต์! และต้องให้หลินหว่านหรูเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องการบริหารด้วย คุณคิดว่าแบบนี้เป็นไงบ้าง?”หนึ่งหมื่นล้านงั้นเหรอ?โจวฉิงรู้สึกตกใจ นี
โจวฉิงรู้สึกสับสนเล็กน้อย นี่หลินหว่านหรูกำลังจะไปถามใครกันอย่างไรก็ตาม เธอเองก็ไม่ได้ถามอะไรมากนัก ทำได้เพียงรีบเดินตามไปเท่านั้น แม้เรื่องนี้จะเร่งด่วนมากก็ตาม แถมอีกฝ่ายยังกำหนดเวลาให้ถึงแค่ภายในวันนี้อีกต่างหาก ตำแหน่งที่เย่เทียนหยู่ทานข้าวก็อยู่ห่างจากที่นี่ไม่ไกลมากนัก ใช้เวลาเดินเพียงสามนาทีเท่านั้น ไม่นานทั้งสองก็เดินมาถึงด้านหน้าของห้องอาหารสุดหรูกันแล้วเห็นได้ชัดว่าราคาจะต้องแพงหูฉีกแน่นอน คนธรรมดาไม่มีทางมาทานข้าวในที่แบบนี้ได้ บรรยากาศด้านในเองก็ดีมากเช่นกัน ทั้งสะอาดเรียบร้อยทั้งสะดวกสบายตามห้องอาหารส่วนตัวที่เย่เทียนหยู่บอกเอาไว้ หลินหว่านหรูจึงได้เดินเข้าไปในทันทีโจวฉิงเองก็เดินตามหลังไปติด ๆ ทันทีที่เดินเข้าไป เธอก็เห็นชายหนุ่มอายุราว ๆ ยี่สิบกว่า ๆ คนหนึ่งนั่งอยู่ด้านในรูปลักษณ์ของเขานั้น ทั้งหล่อและมีเสน่ห์อย่างมาก รูปร่างเองก็ได้มาตรฐาน แค่มองแวบแรก ก็รู้ได้เลยว่าเขาจะต้องเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าสาว ๆ อย่างแน่นอนเขาคือใครกัน อย่าบอกนะว่าเขาคือแฟนของหลินหว่านหรู หลินหว่านหรูช่างตาดีเสียจริง แต่ก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมีความสามารถมากแค่ไหน คงไม่ได้เป็นแค่ผู้ชาย
และการที่มู่หรงอินทำดีกับตนแบบนี้ ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะเทียนหยู่ รักรังนกก็ต้องรักตัวนกด้วยเมื่อย้อนกลับมาดูตัวเอง ทำไมตนถึงไม่มีแม่แบบนี้บ้างกันนะพูดถึงความแตกต่าง ความแตกต่างระหว่างเธอกับเทียนหยู่ในตอนนี้มันก็คือความรู้สึกแตกต่างที่แม่ของเธอเคยมองเธอกับเย่เทียนหยู่มาก่อน แต่คุณป้ากลับไม่เคยดูถูกตัวเธอเลยสักครั้ง กระทั่งอาจจะดูแลเอาใจใส่เธอมากกว่าเสียด้วยซ้ำเมื่อนึกถึงแม่ของตัวเอง ไม่รู้เลยว่าช่วงนี้เธอจะเป็นยังไงบ้าง อย่างจะโทรหาอยู่ลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ยังคงอดทนเอาไว้และต่อให้เธอจะไม่โทร แม่ของเธอก็ไม่คิดจะโทรหาเธออยู่ดีช่างเถอะ ทำไมจะต้องคิดมากขนาดนั้นด้วย อย่างน้อยก็ยังมีเทียนหยู่ที่ดีกับเธอ เมื่อนึกถึงเย่เทียนหยู่ ริมฝีปากหลินหว่านหรูก็อดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มออกมาเมื่อเวลาล่วงเลยจนมาถึงเที่ยงวัน หลินหว่านหรูก็ได้รับสายของเย่เทียนหยู่ ไม่นานเธอก็รีบลงจากตึกเพื่อออกไปข้างนอกทันทีที่เธอเพิ่งจะเดินออกมา เธอก็เห็นโจวฉิงที่ดำลังเดินอย่างเร่งรีบอยู่ด้านนอกเข้าในทันทีโจวชิงสวมใส่ชุดเดรส ร่างกายของเธอเพรียวบาง ขาเรียวยาว แต่สีหน้าของเธอกลับดูอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัด ใ
หลังจากที่คำนั้นถูกพูดออกมา ทุกคนต่างก็รู้สึกตื่นตัวขึ้นมาทันที หนึ่งในพนักงานถึงกับอดไม่ได้จนต้องร้องอุทานออกมาเสียงดัง“ประธานเย่คะ พวกเรารู้ดีค่ะ ว่าประธานหลินมีข้อขัดแย้งกับคุณ แต่ว่าประธานหลินเป็นคนดีมากเลยนะคะ เธอคือความหวังของบริษัท อย่างไล่เธอออกเลยได้ไหมคะ?”“ใช่ค่ะ ประธานเย่คะ ขอร้องล่ะค่ะ ให้ประธานหลินได้ทำงานที่นี่ต่อด้วยเถอะนะคะ”“ใช่แล้วครับ ประธานเย่ พวกเราต้องการประธานหลินครับ!”“ช่วยให้ประธานหลินได้ทำงานที่นี่ต่อด้วยเถอะนะครับ!”“......”เมื่อมีผู้นำ ก็ย่อมมีผู้ตาม ไม่นาน ทุกคนต่างก็พากันพูดขอร้องด้วยความตื่นเต้นเพื่อให้หลินหว่านหรูได้ทำงานที่บริษัทต่อ จะเห็นได้ว่า ในสายตาของพวกเขา หลินหว่านหรูทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีมากจริง ๆฉากแบบนี้ อย่าว่าแต่เย่ซานที่ได้รู้เรื่องอะไรยังรู้สึกอึ้งเลย แม้แต่หลินหว่านหรูเองก็รู้สึกสับสนไปด้วยเช่นกันเธอคิดไม่ถึงเลยว่า นี่เพิ่งจะผ่านไปเพียงไม่กี่วัน แต่ทุกคนก็กลับให้การสนับสนุนเธอมากถึงขนาดนี้เย่ซานรู้สึกตกใจ ในเวลานี้เขาเองก็เพิ่งจะเข้าใจ ว่าหลินหว่านหรูยอดเยี่ยมกว่าที่ตนคิดเอาไว้มาก การที่ท่านประธานพูดแบบนั้น เกรงว่าไม่ใช
“ฉันเองก็ไม่รู้ เธออาจจะต้องพึ่งตัวของเธอเองแล้วล่ะ”เมื่ออดีตราชามังกรพูดมาถึงตรงนี้ เขาจึงพูดอย่างช่วยไม่ได้ออกมาอีกว่า “เทียนหยู่ เรื่องของตระกูลเย่เธอเองก็น่าจะได้ยินมาบ้างแล้วใช่ไหม?”“อือ!”เย่เทียนหยู่พยักหน้า“เธอคิดเอาไว้บ้างไหม ว่าจะจัดการยังไง?” อดีตราชามังกรถาม“อีกไม่นานผมจะเดินทางไปที่อาณาจักรมังกรแล้วครับ” นี่คือแผนที่เย่เทียนหยู่คิดเอาไว้ในใจ สำหรับอาจารย์แล้ว เขาเองก็ไม่มีอะไรที่จะต้องปิดบัง“เธอนี่นะ จิตใจดีจนเกินไปจริง ๆ กะแล้วว่าจะต้องเลือกแบบนี้ แต่มีอีกเรื่องที่ฉันอาจจะต้องบอกเธอให้รู้เอาไว้ เกี่ยวกับเรื่องที่ตระกูลเย่ถูกกดขี่อยู่ตอนนี้ อันที่จริงเบื้องหลังมีผู้มีอำนาจที่แข็งแกร่งมาก ๆ ผู้หนึ่งคอยหนุนหลังอยู่น่ะสิ”“ใครเหรอครับ?”“ตอนนี้ฉันเองก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็นใคร แต่เขาก็เป็นถึงยอดฝีมือระดับเทพยาดาแดนดินที่แข็งแกร่งมากเลยทีเดียว”“แข็งแกร่งขนาดนั้นเลยเหรอครับ หากเป็นเช่นนี้ ตระกูลเย่ก็แทบไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลยน่ะสิครับ?”“นั่นเพราะยังไม่จำเป็นต้องให้เขาเป็นคนลงมือด้วยตัวเองน่ะสิ ถ้าหากเธอช่วยตระกูลเย่ เธอก็อาจจะเผลอไปล่วงเกินคนใหญ่คนโตผู้นั้นเข้าก็ไ
เมื่อคืนเธอสามารถหลับได้อย่างสบายใจ หลักจากที่ตื่นเช้าขึ้นมา พอหลินหว่านหรูลงจากเตียง เธอก็เห็นว่าเย่เทียนหยู่กำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารเช้าใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสุขช่วงหลายวันมานี้ เธอไม่เคยรู้สึกสบายใจเท่ากับเมื่อคืนมาก่อนเลยรู้สึกว่าชีวิตนี้ช่างสวยงามเหลือเกิน ทำไมตัวเองถึงได้มีความสุขมากขนาดนี้ช่วงเวลาเก้าโมงเช้า หลินหว่านหรูปรากฏตัวที่บริษัทตามเวลาเข้างาน หลังจากที่เธอทบทวนมาทั้งคืน เธอก็เปลี่ยนการตัดสินใจของเธอ นี่ยังไม่ถึงเวลาที่เธอจะต้องจากเทียนเฟิงกรุ๊ปไปเพราะแบบนั้นมันก็เท่ากับเธอกำลังหนีปัญหาในช่วงเวลาที่สำคัญ หรือต่อให้เธอจะต้องจากไปจริง ๆ เธอก็ควรที่จะสร้างผลงานให้เป็นชิ้นเป็นอันเสียก่อน เพราะไม่อย่างนั้น เธอคงจะรู้สึกผิดต่อความรักความเอ็นดูที่มู่หรงอินมีต่อเธอเป็นแน่เมื่อเห็นหลินหว่านหรู ทุกคนต่างก็แสดงความเคารพต่อเธอด้วยความจริงใจแม้ว่าจะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่การบริหารและการจัดการของหลินหว่านหรูก็ทำให้ทุกคนรู้สึกประทับใจมากจริง ๆประสิทธิภาพของบริษัทเองก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้ว่าปัจจุบันผลทางสถิติอาจจะยังไม่ชัดเจนมากนัก แต่มันก็ทำให้ทุกคนสามารถ