ซังหนี่ยังไม่ทันตั้งสติกลับมาได้บางทีอาจเป็นเพราะคำว่า “พี่สะใภ้” ที่เขาเรียกคำนั้น หรือบางทีอาจเป็นเพราะชื่อ “ฟู่จินหยวน” สามพยางค์นั้นของเขาฟู่จินหยวนดังนั้น......เขาก็คือลูกนอกสมรส......ที่พ่อของฟู่เซียวหานมีไว้ข้างนอกงั้นเหรอ?!แล้วเขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?ข้อมูลมากมายถาโถมเข้ามาในหัวของซังหนี่จนกระทั่งพ่อบ้านเดินเข้ามา “คุณชายรอง ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ครับ?”—— คุณชายรองการคาดเดาของซังหนี่เหมือนจะได้รับการยืนยันแล้ว แต่ความคิดกลับยิ่งสับสนมากขึ้นเวลานี้ ตระกูลฟู่รับเขากลับมาหมายความว่าอะไร?หรือว่าสถานการณ์ภายในจื้อเหอมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น?!ยังรอให้ซังหนี่หาคำตอบได้ พ่อบ้านก็พาฟู่จินหยวนเดินออกไปแล้วก่อนจะเดินจากไป เขายังหันมายิ้มให้เธออีกคิ้วของเธอกลับขมวดแน่นยิ่งกว่าเดิมเธอยืนอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่ง ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้โทรหาฟู่เซียวหานเขารับสายเร็วมาก แต่พอได้ยินเสียงเขา จู่ๆ ซังหนี่ก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดีแต่ฟู่เซียวหานดูเหมือนจะรำคาญแล้ว “มีธุระอะไร?”“ฉันอยู่ที่บ้านตระกูลฟู่”น้ำเสียงของเขานั้นซังหนี่คุ้นเคยเป็นอย่างดี ถ้าไม่ผิดจากที่คิด อ
ซังหนี่กลับไม่อยู่ตรงนั้นสายตาของฟู่เซียวหานกวาดมองผ่านไป ก่อนจะหยุดอยู่ที่คนที่ยืนอยู่ด้านหลังของคุณนายใหญ่—— เสื้อเชิ้ตสีขาว ดวงตาลึกคม จมูกโด่งได้รูปไม่ใช่แค่ซังหนี่ แม้แต่ฟู่เซียวหานเองเมื่อเห็นคนที่อยู่ตรงหน้าก็ยังชะงักไปชั่วขณะแต่เพียงแค่เสี้ยววินาทีเขาก็เรียกสติกลับมาได้ ก่อนจะหันไปถามคนรับใช้ที่ยืนอยู่ข้างๆ “ซังหนี่ล่ะ?”น้ำเสียงของเขาราบเรียบ บรรยากาศการพูดคุยในห้องรับแขกพลันเงียบสนิท ทุกสายตาหันมามองที่เขาพร้อมกันแต่ฟู่เซียวหานกลับดูเหมือนมองไม่เห็นอะไร แม้แต่จะทักทายคุณนายใหญ่หรือคนอื่นๆ ก็ไม่มี เขาเพียงมองไปที่คนรับใช้ที่ยืนอยู่ข้างๆ“คุณผู้หญิงไปเข้าห้องน้ำค่ะ น่าจะ......”คนรับใช้พูดยังไม่ทันจบ ฟู่เซียวหานก็เดินตรงไปทันทีและพอดีกับที่ซังหนี่เดินออกมาพอเห็นฟู่เซียวหาน เธอก็ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปมองคนอื่นที่อยู่ในห้องรับแขกแต่ฟู่เซียวหานกลับไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เขาคว้ามือของเธอ แล้วหันหลังเดินไปปฏิกิริยานี้ทำให้ทุกคนในห้องต่างตกตะลึงไปตามๆ กันแม้แต่คุณนายใหญ่เองก็ยังชะงักไปชั่วขณะ จนกระทั่งฟู่เซียวหานเกือบจะเดินไปถึงประตูใหญ่แล้วถึงได้ตะโกนเรียก
“สถานะ? สถานะอะไร?”ฟู่เซียวหานถามคำถามนี้ทำให้คุรนายใหญ่ต้องหยุดชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะย้อนถามกลับว่า “หลานพูดสถานะอะไรงั้นเหรอ?”“อืม ลูกนอกสมรสของฟู่โจวงั้นเหรอ?”ฟู่เซียวหานพูด พร้อมกับเอ่ยชื่อพ่อของตัวเองออกมาอย่างไม่ลังเลพอเขาพูดจบ คุณนายใหญ่ก็โกรธถึงขีดสุดทันทีแต่ฟู่เซียวหานกลับดูเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไร เขายังคงพูดต่อไปอีกว่า “แต่คนทั้งเมืองถงรู้ว่าแม่กับพ่อของผมรักกันมาก จู่ๆ มีลูกนอกสมรสโผล่มา สำหรับตระกูลฟู่แล้ว มันคงไม่ใช่เรื่องน่ายินดีเท่าไหร่?”“ฮ่าฮ่า รักกันมากงั้นเหรอ? แกลืมเรื่องเมื่อปีที่แล้วไปแล้วหรือไง?”คุณนายใหญ่พูด พร้อมกับมองกวาดสายตาไปที่คุณนายฟู่ความหมายของเธอนั้นชัดเจนมากฟู่เซียวหานกลับไม่สนใจ เพียงแค่ยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดต่อว่า “คุณย่าจะพูดแบบนี้ไม่ถูก เหตุการณ์ของสองเรื่องนี้มันไม่เหมือนกันเลย ไม่ว่าแม่ของผมจะเป็นยังไง ในระหว่างที่แต่งงานกับพ่อเธอก็ไม่เคยมีพฤติกรรมนอกลู่นอกทางเลยสักครั้ง แต่ฟู่โจวตายไปหลายปีแล้ว จู่ๆ มีลูกนอกสมรสโผล่มาแบบนี้ ไม่ใช่การทำให้ชื่อเสียงของพ่อที่ตายไปแล้วเสียหายหรอกเหรอ?”“แล้วยังไง? จะให้จินหยวนต้องอยู่อย่างไร้ตัวตนไ
เดิมทีคุณนายใหญ่ที่อารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของเธอ สีหน้าของยิ่งดูแย่ลงไปอีก “เธอหัวเราะอะไร?”“ไม่มีอะไรค่ะ แค่รู้สึกยินดี......แทนคุณนายใหญ่”ซังหนี่มองไปที่ฟู่เซียวหานซึ่งเขาก็กำลังมองเธออยู่เหมือนกัน ราวกับกำลังรอดูว่าเธอจะหาเหตุผลอะไรมาอธิบายเมื่อได้ยินคำอธิบายของซังหนี่ เขาก็ยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มตามแต่รอยยิ้มของเขาต่างจากก่อนหน้านี้ที่ดูเย็นชาและเหยียดหยาม ตอนนี้รอยยิ้มของเขาอบอุ่นและจริงใจจริงๆ ราวกับถูกซังหนี่ทำให้ยิ้มขึ้นมาซังหนี่ไม่สนใจเขา แล้วพูดกับคุณนายใหญ่ต่อว่า “ยังไงคุณนายใหญ่อยู่ที่บ้านนี้ประจำน่าจะรู้สึกเบื่อ ถ้ามีหลานที่กตัญญูแบบนี้สักอยู่มาอยู่ด้วย ก็ควรจะดีใจนะคะ”หลังจากซังหนี่พูดจบ คุณนายใหญ่กลับไม่ได้ตอบอะไรแน่นอนว่าเธอสามารถฟังออกว่าซังหนี่ไม่ได้พูดคำอวยพรตัวเองด้วยความจริงใจ แต่คำพูดของซังหนี่ก็ดูเหมือนเป็นการแสดงความยินดีจริงๆ ถึงแม้ในใจของเธอจะรู้สึกโกรธ แต่ในขณะนี้ก็ต้องเก็บอาการเอาไว้ฟู่เซียวหานก็ไม่ได้สนใจคำพูดของซังหนี่ เขาหันไปมองคนตรงหน้า “นายคิดมากไปแล้ว จะแย่งกับฉัน......นายยังไม่มีสิทธิ์นั้นด้วยซ้ำ”จากมุ
ซังหนี่รู้แล้วว่าตัวเองไม่ควรพูดอะไรตอนนี้ฟู่เซียวหานกำลังโกรธมาก พอตัวเองเอ่ยขึ้นมา จึงกลายเป็นเป้านิ่งของเขาอย่างไม่ต้องสงสัยและเดิมทีมันก็ไม่ใช่เรื่องของตัวเองดังนั้นพอฟู่เซียวหานพูดอย่างนั้น เธอก็เงียบไปโดยปริยายแต่ท่าทีของเธอยังไม่สามารถทำให้ฟู่เซียวหานพอใจได้ “ทำไมคุณไม่พูดล่ะ?”“คุณอยากให้ฉันพูดอะไรล่ะ?” ซังหนี่พูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “มันเป็นเรื่องในครอบครัวของคุณ จริงๆ แล้วมันไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลย”ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน รถของฟู่เซี่ยวหานก็ขับออกมาไกลแล้ว เมื่อซางหนี่พูดจบ เขาก็เหยียบเบรกทันทีถึงแม้ซังหนี่จะคาดเข็มขัดนิรภัยแล้ว แต่ความเร็วของรถที่ฟู่เซียวหานขับนั้นเร็วเกินไป ทำให้ร่างของซังหนี่ถูกแรงเฉื่อยเหวี่ยงไปข้างหน้าอย่างแรง ก่อนจะเด้งกลับมาเบาะรองศีรษะเป็นหนังแท้ ศีรษะกระแทกลงไปจึงไม่รู้สึกเจ็บแต่ถึงอย่างนั้นคิ้วของซังหนี่ก็ยังขมวดขึ้นมา สายตาจ้องไปที่ฟู่เซียวหานอีกฝ่ายก็กำลังจ้องมองเธออยู่เช่นกัน “อะไรคือเรื่องในของครอบครัวของผม? คุณไม่ใช่ภรรยาของผมหรือไง?”“อ้อ”“อ้อ?” ฟู่เซียวหานโมโหถึงกับแสยะยิ้มออกมาแต่บนโต๊ะอาหารเมื่อครู่เธอยังช่วยเขาเหน
“ก็ไม่ยังไง” ซังหนี่ปฏิเสธทันทีโดยไม่ต้องคิด “ทำไมฉันต้องรับคำท้าของคุณด้วย?”“งั้น แสดงว่าคุณเองก็รู้ดีว่า เธอไม่ได้รักผมเลย” “ฉันแค่ไม่อยากพนันอะไรไร้สาระกับคุณ”“ถ้าคุณมั่นใจแบบนั้นจริงๆ ทำไมถึงไม่กล้าพนันกับผมล่ะ? ในเมื่อในใจคุณ คิดว่าตัวเองชนะแน่อยู่แล้ว แบบนี้จะได้ขออะไรผมได้อย่างหนึ่ง สำหรับคุณมันก็ถือว่าคุ้มไม่ใช่เหรอ?”ซังหนี่ยังอยากจะปฏิเสธแต่พอได้สบตากับฟู่เซียวหาน จู่ๆ ซังหนี่ก็ลังเลขึ้นมาบางทีอาจเป็นเพราะฟู่เซียวหานในคืนนี้ทำให้เธอหวนนึกถึงตัวเองในอดีตแล้วจู่ๆ เธอก็นึกขึ้นได้ว่า แม่ของเขาคิดยังไง?ลูกแท้ๆ คนหนึ่งที่ความสัมพันธ์กับตัวเองไม่ค่อยดีนัก กับอีกคนที่ไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับตัวเอง แต่กลับดูเหมือนจะเป็นคนชอบพูดเอาใจมากกว่า…ซังหนี่ขบเม้มริมฝีปาก ก่อนจะถามขึ้นว่า “ถ้าคุณชนะ คุณต้องการให้ฉันทำอะไร?”ฟู่เซียวหานกลับหัวเราะออกมา “คุณนี่ไม่มีความมั่นใจในตัวเองเลยนะ?”“ช่างเถอะ” ซังหนี่รู้สึกเสียใจทีหลัง และเบือนสายตาหนี “ฉันไม่อยากรู้แล้ว แล้วก็ไม่คิดจะพนันกับคุณด้วย”ฟู่เซียวหานไม่ได้ตอบอะไรเธออีก แต่กลับหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา แล้วกดโทรหาแ
หลังจากที่ฟู่เซียวหานคุยโทรศัพท์เสร็จ ความเงียบก็เข้าครอบงำในรถทันที—— เขาชนะแล้วส่วนเรื่องการเดิมพันระหว่างเขากับซังหนี่ในเวลานี้ เขากลับไม่รู้สึกตื่นเต้นหรือมีความสุขเลยแม้แต่น้อยบางทีอาจเป็นเพราะ ทุกอย่างมันเป็นไปตามที่เขาคาดไว้?ตั้งแต่วินาทีที่เขาเห็นฟู่จินหยวนเขาก็รู้แล้วว่า เรื่องทั้งหมดอาจจะไม่ใช่การกระทำของเธอ แต่เธอกลับเลือกที่จะมองดูเฉยๆ ไม่ทำอะไรก็เหมือนกับตอนที่เขายังเด็กเขาไปทะเลาะกับเด็กคนอื่น เธอก็ยืนมองจากอยู่ข้างๆ โดยไม่ทำอะไร จนกระทั่งมีคนเข้ามาแยกพวกเขาออกไป เธอถึงเดินเข้าไปพาเขาออกมา จากนั้นพออยู่ในสถานที่ที่ไม่มีคน เธอก็เทน้ำจากขวดราดลงบนศีรษะของเขาจากนั้นถามเขาว่า จะใจเย็นลงได้หรือยัง?เธอบอกว่า การใช้กำลังทำร้ายคนอื่นเป็นวิธีที่แย่ที่สุด มีแต่คนที่อ่อนแอไม่มีทางสู้เท่านั้น ถึงจะใช้วิธีใช้ความรุนแรงแบบนี้ แน่นอนว่าจะพูดแบบนั้นก็ไม่ผิดแต่คำพูดแบบนั้น จะเป็นคำพูดของครูที่สอนเขา หรือจากผู้ใหญ่คนอื่นก็ได้ แต่ไม่ควรจะเป็นคำพูดจาก......แม่ของเขาฟู่เซียวหานอ่านหนังสืออ่านข่าวตั้งแต่เด็กในหนังสือ ภาพลักษณ์ของแม่นั้นเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและไม่เห็นแก่ตั
ทันทีที่เห็นเขา ซังหนี่พลันตกตะลึง!จากนั้นก็เบนสายตาหันไปมองคนที่กำลังทะเลาะวิวาทอยู่ด้านข้าง—— ผมเผ้าของซังฉิงโดนจิกขย้ำจนยุ่งเหยิง บนใบหน้ามีรอยฝ่ามือที่เห็นได้อย่างชัดเจนสถานการณ์นี้หากจะกล่าวว่าเป็นการทะเลาะตบตีของคนสองคน คงจะดีกว่าหากกล่าวว่ามันเป็นการที่ซังฉิงถูกทุบตีอยู่เพียงฝ่ายเดียวผู้หญิงที่นั่งคร่อมทับบนตัวเธอยังคงรู้สึกหงุดหงิด จึงหยิบขวดไวน์บนโต๊ะเตรียมจะทุบลงบนศีรษะของเธอโดยตรงครั้งนี้โจวหลิงทนมองไม่ได้อีกต่อไป ก่อนจะเดินไปคว้ามือของเธอเอาไว้ “คุณจะทำอะไร?”“ปล่อยฉัน! นายยังคิดจะปกป้องนังจิ้งจอกตัวนี้อีกใช่ไหม? โจวหลิง อย่าลืมไปเสียเล่าว่านายปีนขึ้นมาจนถึงจุดนี้ได้อย่างไร! ถ้าไม่มีฉัน นายก็ไม่นับว่าเป็นตัวอะไรได้เลย!”หญิงสาวโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก และในระหว่างที่ทั้งสองกำลังยื้อแย่งกันนั้น ขวดไวน์ในมือของเธอพลันหลุดลอยเข้ามา!ซังหนี่กำลังยืนอยู่ที่หน้าประตู เมื่อขวดไวน์ลอยเข้ามา เธอคิดอยากจะหลบถอยหลังกลับไปโดยไม่รู้ตัว แต่คนที่ยืนอยู่ข้างเธอกลับมีปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็วกว่าด้วยการยื่นมือเข้าไปบังตรงหน้าเธอเอาไว้โดยตรงขวดไวน์กระแทกลงกับแขนของเขา ก่อนจะตก
คุณนายใหญ่สะบัดมือแล้วเดินจากไปทันทีฟู่จินหยวนยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ผ่านไปพักใหญ่ เขาถึงได้สติกลับมา จากนั้นก็ก้าวพรวดเข้าไป คว้าคอเสื้อของฟู่เซียวหานไว้แน่น!“เพราะงั้นนายรู้ทุกอย่างมาตลอด? แต่ก็ยังปล่อยให้ฉันทำแบบนั้น นายจงใจใช่ไหม!”พอเขาพูดจบ ฟู่เซียวหานกลับหัวเราะออกมา “ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง ถ้านายยังควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วจะโทษใครได้ล่ะ?”“นี่มันกับดักที่นายวางแผนไว้ชัด ๆ!”“ใช่ แต่คนที่เลือกจะกระโดดลงไปก็คือตัวนายเอง ฉันไม่ได้จ่อปืนบังคับให้นายทำนี่”ฟู่เซียวหานพูด พลางยกมือขึ้น แกะนิ้วของเขาออกทีละนิ้ว“อ้อจริงสิ จะบอกอะไรไว้อย่างหนึ่ง คังรุ่ยน่ะจริง ๆ แล้วฉันก็มีหุ้นอยู่เหมือนกัน” ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ “ดีลของนายอันนั้น ที่จริงฉันเป็นคนออกแบบให้โดยเฉพาะเลยนะ แม้แต่ผู้จัดการหุ้น A ของนาย ก็เป็นคนที่ฉันเลือกไว้ให้เอง ไม่งั้นคิดดูสิ นายจะทำกำไรได้มากขนาดนั้นในเวลาแค่ไม่กี่วันได้ยังไง? แล้วอยู่ดี ๆ ถึงกับขาดทุนจนหมดแม้แต่ทุนยังไม่ได้คืน?”เมื่อครู่นี้ฟู่จินหยวนแค่สงสัยแม้เขาจะตะโกนถามเสียงดัง แต่ในใจลึก ๆ ก็แค่คิดว่าฟู่เซียวหานพอรู้เรื่องอยู่บ้าง เพียงแต่เลือกที่จะไม่
คุณนายใหญ่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เห็นการกระทำของเขาชัดเจน คิ้วขมวดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจนกระทั่งฟู่เซียวหานเห็นว่าซังหนี่กินเกือบเสร็จแล้ว เขาถึงหันไปมองฟู่จินหยวน “จริงสิ ได้ยินมาว่านายกำลังติดต่อกับคนของคังรุ่ยอยู่ใช่ไหม? ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”เดิมทีฟู่จินหยวนก็กำลังก้มหน้าทานอาหารอยู่แต่ทันทีที่ฟู่เซียวหานถามคำถามนี้ เขาก็หยุดชะงักไป จากนั้น ก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยความไม่อยากเชื่อ!คุณนายใหญ่กลับแสดงสีหน้าสงสัย “คังรุ่ยคืออะไรเหรอ?”“อ๋อ คุณย่าน่าจะยังไม่ทราบ นั่นคือ...บริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการจัดการเงินทุนครับ” ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ “พูดง่าย ๆ คือ คุณสามารถนำหุ้นที่ถืออยู่ไปใช้ค้ำประกันกับพวกเขา เพื่อแลกกับกระแสเงินสดจำนวนมาก ถ้าภายในเวลาที่กำหนด หุ้นมีมูลค่าเพิ่มถึงระดับหนึ่ง พวกเขาก็จะแบ่งปันผลกำไรให้คุณต่อ แต่ถ้าหุ้นร่วงลงไปถึงจุดที่ตกลงไว้ พวกเขาก็จะดำเนินการตามสัญญา แยกหรือแม้กระทั่งฮุบหุ้นของคุณไปเลย”“ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกนายดำเนินการไปถึงขั้นไหนแล้ว? แล้วฉันไม่ค่อยเข้าใจเลย ชีวิตของนายตอนนี้ก็ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายอะไรมากมายไม่ใช่เหรอ? การร่วมมือกับพวกเขา นายจะได้อะไรล่ะ?”
แม้ว่าอาการบาดเจ็บของคุณนายฟู่จะสาหัส แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้บาดเจ็บจนถึงแก่ชีวิต ดังนั้นหลังจากนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลไม่นานนักเธอก็ทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลคราวนี้ฟู่เซียวหานไม่ยอมให้เธออาศัยอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลฟู่อีกต่อไป แต่ได้จัดสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่เรียบง่ายและสง่างามเอาไว้ให้สำหรับเธอและเป็นช่วงเวลาปลายเดือนพอดิบพอดีกับที่ฟู่จินหยวนกลับมารายงานผลงานของเขาที่เมืองถง ฟู่เซียวหานจองร้านอาหารด้านนอกเอาไว้และกล่าวว่าพวกเขาจะมาทาน ‘มื้อครอบครัว’ ด้วยกันเมื่อซังหนี่ได้ยินมุกตลกนี้ถึงกับรู้จักเอะใจในทันทีเพราะอย่างไรเสียมื้อครอบครัวของตระกูลฟู่ในแต่ละครั้ง… ดูเหมือนแทบจะไม่มีน่ายินดีใดเลยสักครั้งแต่ในเมื่อฟู่เซียวหานได้กล่าวออกไปเช่นนั้นแล้ว เธอจึงทำได้แค่เดินตามเขาไปเท่านั้นขณะนี้เมืองถงได้เข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการอุณหภูมิในวันนี้ต่ำกว่าเมื่อวานเล็กน้อย ก่อนออกไปข้างนอกฟู่เซียวหานจึงตั้งใจสวมผ้าพันคอให้เธอผ้าพันคอสีขาวและเสื้อโค้ตบนตัวของเธอล้วนเป็นชุดสีเดียวกัน ในขณะที่ฟู่เซียวหานล้วนสวมสีดำไปทั้งตัวสองสีที่อยู่ตรงข้ามกันสุดขั้ว แต่ในเวลานี้เมื่อทั้งส
เมื่อเขาพบว่าเธอกับเออร์วินเดินตามหลังกันมาติด ๆ คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นในทันที “พวกคุณไปไหนกันมา?”“ฉันไปเข้าห้องน้ำมาค่ะ” ซังหนี่ตอบ “บังเอิญเจอกับคุณเออร์วินระหว่างทางพอดี”ท่าทีของเธอเต็มไปด้วยความเรียบนิ่งยิ่งไปกว่านั้นคือที่นี่คือเมืองถง ฟู่เซียวหานรู้ดีว่าเออร์วินจะไม่ทำอะไรแน่นอนแต่ถึงอย่างนั้น ในใจของเขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย หลังจากขมวดคิ้วพลางมองไปที่เออร์วินแล้วถึงจะเดินกลับไปยังห้องส่วนตัวอาหารล้วนมาเสิร์ฟครบแล้วเออร์วินยังคงไม่ชอบอาหารจีนเช่นเดิม แต่ท้ายที่สุดเขาก็ยังทานไปบ้างอย่างต้องการไว้หน้ากลับกลายเป็นไวน์ที่ทั้งสองต่างดื่มไปไม่น้อยเมื่อเห็นว่าฟู่เซียวหานยังต้องการดื่มต่อ เธอก็ยกมือขึ้นไปจับแก้วของเขาเอาไว้โดยตรง“หยุดดื่มได้แล้วค่ะ” เธอกล่าว “ช่วงนี้เดิมทีคุณก็พักผ่อนไม่ค่อยพออยู่แล้ว ดื่มไปมากมายขนาดนี้ร่างกายของคุณจะรับไหวได้อย่างไร?”เสียงของเธอเบามาก แต่เรียวคิ้วนั้นกลับขมวดย่นเข้าหากัน ภายในดวงตาเจือไปด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยฟู่เซียวหานรู้สึกประหลาดใจ และยิ้มออกมา “ครับ”หลังจากกล่าวจบ เขาก็ผินหน้าหันไปมองเออร์วิน “งั้นผมไม่ดื่มแล้วนะ”เออ
ทันทีที่ซังหนี่กล่าวจบ เออร์วินพลันตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มออกมา “แน่นอน ผมเคยบอกแล้วนี่ว่าตราบใดที่เราร่วมมือกันทำลายเหยียบย่ำธุรกิจของเขาในทางฝั่งนี้ได้หมดสิ้น เขาก็จำต้องไปอยู่กับผมที่ประเทศ M”“ถึงตอนนั้น คุณเองก็จะมีอิสระเช่นกัน”ซังหนี่เพียงยิ้มน้อย ๆทว่าเมื่อรอยยิ้มนั้นตกอยู่ในสายตาของเออร์วิน กลับทำให้เขาอดขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้ซังหนี่จึงกล่าวว่า “แต่คุณเออร์วินคะ ฉันไม่รู้สึกเลยว่าคุณกำลังช่วยฉันอยู่”“หืม?”“ถ้าคุณคิดอยากจะทำให้ฟู่เซียวหานสิ้นหวังนั้นมันง่ายเอามาก ๆ เพียงบอกเรื่องที่คุณร่วมมือกับฉันก็เพียงพอแล้วล่ะค่ะ”“เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาเป็นคนอย่างไร คุณเออร์วินต้องรู้ดีกว่าฉันแน่นอน ถ้าคุณทำลายอาชีพธุรกิจภายในประเทศของเขาแล้วล่ะก็ เขาจะปล่อยคุณไปงั้นหรือคะ?”“นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่คุณต้องการแน่นอน ดังนั้นคุณจึงเพียงอยากให้เขารู้ว่าฉันทรยศเขาก็พอ ที่ช่วงนี้คุณเร่งเร้าฉันมาตลอดจริงๆนั่นก็เป็นเพราะเพื่อสิ่งนี้ใช่ไหมล่ะคะ?”“เมื่อถึงตอนนั้นคุณก็จะบอกเขาได้ว่า ดูสิ จริงๆแล้วคนที่อยู่รอบข้างเขานั้นไม่มีใครไว้ใจได้เลย รวมถึงภรรยาของเขาด้วย มีเพียงคุณเท่านั้นที่เป็น
ฟู่เซียวหานไม่ตอบกลับไปอีก เพียงปล่อยมือและก้าวเดินไปข้างหน้าเออร์วินเดินตามเขามาจนทันอย่างรวดเร็ว “เอาล่ะ หยุดพูดถึงเรื่องนี้กันดีกว่า แล้วผมต้องไปพักที่ไหนล่ะ? บ้านของคุณ?”“โรงแรม” ฟู่เซียวหานตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เออร์วินยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจฟู่เซียวหานยังมีธุระอื่นที่ต้องทำ จึงไม่มีความตั้งใจที่จะไปส่งเออร์วินที่โรงแรมในเวลานี้ แต่ก่อนที่เขาขึ้นรถคันอื่น เสียงของเออร์วินกลับดังขึ้นว่า “ใช่สิ ภรรยาของคุณก็รู้ว่าผมมาถึงที่นี่ในวันนี้ เธอยังบอกด้วยว่าเธอจะให้การต้อนรับผมเป็นอย่างดี คืนนี้คุณเองก็น่าจะมาใช่ไหม?”ฟู่เซียวหานหันหน้าไปมองเขาเออร์วินยิ้ม “ไม่เป็นไร ถ้าคุณไม่มา พวกเราทานข้าวกันตามลำพังก็ได้นะ”——แน่นอนว่าไม่มีทางที่ฟู่เซียวหานจะพลาดทันทีที่มาถึงห้องส่วนตัวเขาก็จัดการชำระหนี้กับซังหนี่ทันที “คุณไม่ได้บอกมาก่อนหน้านี้หรือว่าคุณจะไม่ไปเจอกับเขาตามลำพัง? แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น?”ซังหนี่กลับเป็นฝ่ายชะงักไปชั่วขณะ “คุณเป็นฝ่ายตกลงรับปากกับเขาก่อนไม่ใช่หรือ? เขาบอกว่าคืนนี้คุณอยากจะเลี้ยงอาหารเขา ฉันถึงได้มาที่นี่”ฟู่เซียวหานขมวดคิ้วและเป็นเวลานี้เองที่เขาตระหนัก
หลังจากที่ฟู่เซียวหานพูดจบ ก่อนที่ซังหนี่จะทันได้ตอบกลับไป โทรศัพท์มือถือของเขาก็พลันดังขึ้นซังหนี่เหลือบไปเห็นชื่อบนโทรศัพท์ —— เออร์วินฟู่เซียวหานมองชื่อบนโทรศัพท์พร้อมมองมาที่ซังหนี่ก่อน ถึงจะปลีกตัวออกไปรับสายซังหนี่ไม่รู้ว่าคนอยู่อีกฝั่งกำลังกล่าวอะไร แต่เธอเห็นคิ้วของเขาขมวดอย่างกะทันหัน ก่อนจะหันหน้ามามองซังหนี่“งั้นหรือ?” เขาตอบ “แล้วอย่างไรล่ะ?”“ทราบแล้ว”หลังจากตอบกลับไปเพียงสั้น ๆ เขาก็กดวางสายโทรศัพท์โดยตรง“เมื่อกี้เออร์วินโทรมาหาคุณหรือ?” เขาถามซังหนี่“อืม”“พวกคุณสองคนสนิทกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”ซังหนี่เลิกคิ้ว “แค่โทรศัพท์หากันก็นับว่าสนิทแล้วหรือคะ?”“เขาบอกว่าเที่ยวบินของเขาจะมาถึงเมืองถงในวันพรุ่งนี้ ซึ่งคนแรกที่ได้รับการแจ้งข่าวนี้ไม่ใช่ผมแต่กลับเป็นคุณ นี่ยังนับว่าไม่สนิทอีกหรือ?”ขณะที่ฟู่เซียวหานกล่าว คิ้วของเขาก็ยิ่งขมวดแน่นมากขึ้นซังหนี่ไม่กล่าวอะไรอีกฟู่เซียวหานกัดฟันเอาไว้ ในที่สุดก็กดระงับอารมณ์ของตนเองเอาไว้ได้แล้วกล่าวว่า “คุณอย่าโดนเขาหลอกเชียว”“ถึงแม้ว่าเขาจะดูเป็นผู้เป็นคนที่ไม่ค่อยมีมารยาทอยู่บ้าง แต่ที่แท้จริงแล้วเขานั้นเล
“มันก็เป็นแบบที่คุณคิด”ฟู่เซียวหานกล่าวอีกครั้งซังหนี่กลับไม่ทันตั้งตัว “ฉันคิด…อะไรนะคะ?”“หืม? ตอนที่เห็นภาพนี้กับเวลาถ่ายแล้ว คุณคิดอะไรไม่ออกเลยหรือ?”ซังหนี่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “พูดได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ จริง ๆ แล้วคุณพ่อของคุณรู้จักกับคุณแม่ของฟู่จินหยวนมาก่อน ที่เขาแต่งงานกับคุณแม่ของคุณก็เพราะ…ใบหน้านั้นของเธอ?”“ใช่”คำตอบของฟู่เซียวหานเปี่ยมไปด้วยความตรงไปตรงมาชัดเจนเดิมทีซังหนี่คิดว่าเรื่องราวพวกนี้มันน่าประหลาดและเกินจริงมากเกินไป ทว่ามันกลับกลายเป็นเรื่องจริงเธอเผยอริมฝีปากราวกับคิดอยากจะกล่าวบางอย่างออกมา แต่ท้ายที่สุดก็มีเพียงแค่ความเงียบงันฟู่เซียวหานแย้มยิ้ม “ดังนั้นคุณดูสิว่า ทำไมฟู่จินหยวนกับผมถึงได้หน้าตาคล้ายกันมาก? ที่แท้ก็เป็นเพราะว่าแม่ของเราเองก็คล้ายคลึงกันมากเช่นกัน”“คุณแม่ของคุณ…เพิ่งรู้เรื่องนี้หรือคะ?” ซังหนี่เอ่ยถามเสียงแผ่ว“อืม ก่อนหน้านี้ถึงแม้เธอจะรู้ว่าฟู่โจวมีครอบครัวอื่นอยู่ข้างนอก แต่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าผู้หญิงคนนั้นจะดูคล้ายกับเธอมากขนาดนี้ มากเสียจนกระทั่งทำให้คิดได้ว่าที่แท้จริงแล้วเธอต่างหากที่เป็นตัวแทนของผู้หญิงคนนั้น”“
ซังหนี่ยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องพักผู้ป่วยตลอดโดยไม่ได้เดินออกไปเมื่อฟู่เซียวหานออกมาและเห็นเธอยืนอยู่ตรงนั้นถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว “ทำไมคุณถึงยังอยู่ที่นี่?”ซังหนี่ไม่ได้ตอบคำถามของเขา ทำเพียงแค่มองเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยก่อน“เธอหลับไปแล้ว” ฟู่เซียวหานรู้ว่าเธอกำลังกังวลเรื่องอะไรจึงกล่าวด้วยความรวดเร็ว“ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมคะ?” ซังหนี่ถามเขา “พวกคุณคุยเรื่องอะไรกัน?”ฟู่เซียวหานกระตุกมุมปากของตน ก่อนจะจับมือของเธอแล้วเดินไปข้างหน้าซังหนี่ขมวดคิ้ว “คุณพูดมาสิ”“ตอนนี้ผมเหนื่อยมาก และแค่อยากกลับไปพักผ่อน” ฟู่เซียวหานกล่าว “รอตื่นแล้วผมค่อยบอกคุณ”ฟู่เซียวหานจงใจอุบเรื่องนี้เอาไว้ไม่ยอมเล่า ไม่ว่าซังหนี่จะไล่ถามอย่างไร เขาก็ไม่แม้จะกล่าวออกมาจนกระทั่งท้ายที่สุดซังหนี่ก็ไม่ถามอีกฟู่เซียวหานบอกว่าเขาต้องการพักผ่อน ก็ได้พาเธอกลับนอนหลับเอาแรงจริง ๆ ซังหนี่ยังคงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่คั่งค้างอยู่ภายในใจ เดิมทีเธอคิดว่าตนนั้นคงจะนอนไม่หลับแต่เมื่อเธอมาถึงที่เถาหรานจวี หลังจากที่ฟู่เซียวหานกับเธอต่างก็เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าและล้มตัวลงนอนบนเตียงด้วยกัน เธอก็