เขากลืนน้ำลายอย่างช่วยไม่ได้ และกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง จู่ๆ มือของซังหนี่ก็ถูกคว้าไว้จากนั้น คนคนนั้นก็เอาเสื้อคลุมของเขามาคลุมไว้บนตัวของเธอ“คุณ…”ผู้ชายคนนั้นอยากจะพูดบางอย่าง แต่คนที่มากลับไม่แม้แต่จะมองเขา และดึงซังหนี่ออกไป“ไม่ใช่ คุณเป็นใคร?”แน่นอนว่าผู้ชายคนนั้นต้องไม่พอใจมาก และเดินตามไป “ไม่เข้าใจคำว่าใครมาก่อนมาหลังหรือไง?”เสื้อคลุมของฟู่เซียวหานอยู่บนตัวของซังหนี่ เวลานี้สวมเพียงเสื้อเชิ้ตเท่านั้นแต่ภายใต้รังสีอันทรงพลังของเขานั้น ทำให้ความฮึกเหิมของผู้ชายที่ตรงหน้าลดลงโดยไม่รู้ตัว แต่เขาก็ไม่อยากยอมแพ้ จึงทำได้เพียงเชิดคอและจ้องมองไปที่ฟู่เซียวหาน“ผมเป็นอดีตสามีของเธอ มีปัญหาอะไรไหม?” ฟู่เซียวหานถาม“เหอะ แค่อดีตสามี ขนาดแฟนของเขายังไม่ได้พูดอะไรเลย แล้วแกคิดว่าแกเป็นใคร?”ผู้ชายคนนั้นยืนตัวตรงขึ้นมาทันที ขณะที่พูดก็เอื้อมมือไปดึงมืออีกข้างของซังหนี่ฟู่เซียวหานสีหน้าเคร่งขรึม พร้อมกับยกเท้าขึ้นมา และถีบไปที่ผู้ชายคนนั้นโดยไม่แม้แต่จะคิด!เขาออกแรงอย่างหนัก ทำให้ผู้ชายคนนั้นกระเด็นออกไปไกลในทันทีโดยไม่ทันตั้งตัวเสียงดังสนั่นดึงดูดความสนใจของคนรอบข้างให้
ฟู่เซียวหานขับรถไปที่บ้านพักซิงเหอย่วนด้วยตัวเองและซังหนี่ก็ดูเหมือนจะรู้อยู่แล้วว่าเขาจะมา ขณะที่เปิดประตู ก็ไม่มีสีหน้าแปลกใจแม้แต่น้อยฟู่เซียวหานมองสำรวจเข้าไปข้างในก่อน“เขาไปทำงานต่างเมือง”ราวกับว่ารู้ว่าเขากำลังคิดอะไร ซังหนี่จึงพูดอย่างรวดเร็วฟู่เซียวหานยิ้มมุมปาก “คุณคิดว่าผมกลัวเขาเหรอ?”“ฉันไม่ได้คิดอย่างนั้น แต่ยังไงเขาก็เป็นแฟนฉัน และคุณดูท่าทางถือตัวขนาดนี้มันดูไม่ค่อยเหมาะสม”ขณะที่กำลังพูด ซังหนี่ก็หันกลับ “เข้ามาสิ”ฟู่เซียวหานเม้มริมฝีปากเล็กน้อย สุดท้ายก็เดินตามเธอมานี่เป็นครั้งแรกที่เขาเข้ามาที่นี่——คราวที่แล้ว เขาอยู่แค่หน้าประตูเท่านั้นเมื่อเข้ามาข้างใน เขากลับพบว่าการตกแต่งที่นี่แตกต่างจากถนนหมินเหอที่เธอเคยอยู่อย่างสิ้นเชิงโทนสีเทาและขาวเย็นตา โต๊ะที่ดูรกเล็กน้อย และตู้ตรงหน้าที่เต็มไปด้วยขวดไวน์พูดตามตรง บ้านแบบนี้...เหมือนกับที่ที่เขาอยู่มากกว่าจากนั้นไม่นาน ฟู่เซียวหานก็เห็นกล่องยาบนโต๊ะกาแฟแถมข้างในยังมียาฆ่าเชื้อและผ้าก็อซเตรียมไว้ด้วยฟู่เซียวหานอดหัวเราะไม่ได้ “คุณคาดการณ์ได้แม่นจริงๆ”เขายิ้มมุมปากเล็กน้อย แม้ว่าจะมีบาดแผลที่มุ
“หมายความว่ายังไง?”“ก็หมายความอย่างที่พูด”ซังหนี่อมยิ้มเล็กน้อย “ฉันไม่รู้ว่าคุณรู้สึกยังงกับฉันกันแน่ และตอนนี้ ก็ไม่อยากรู้แล้ว”“เพราะว่าฉันได้เดินไปข้างหน้าแล้ว และจะไม่ยอมติดอยู่กับอดีตอีกต่อไป นั้นก็หมายความว่า——ประธานฟู่ คุณได้ออกไปจากชีวิตฉันแล้ว”เมื่อเธอพูดจบ เธอก็แกะนิ้วของฟู่เซียวหานที่จับเธอไว้ออกทีละนิ้ว“จัดการบาดแผลเรียบร้อยแล้ว บาดแผลตื้นๆ แค่นี้น่าจะไม่จำเป็นต้องพันแผล คุณไปได้แล้วค่ะ”หลังจากพูดจบ ซังหนี่กำลังจะยืนขึ้น แต่ทันใดนั้น ฟู่เซียวหานกลับพูดขึ้นว่า “คุณนี่ช่างเป็นคนปล่อยวางอะไรได้ง่ายดายจริงๆ แค่พูดว่าปล่อยก็ปล่อยเลยงั้นเหรอ?”คำพูดของเขา ดูเหมือนจะแฝงไปด้วยความเคียดแค้นราวกับว่ากำลังกล่าวหาเธอว่า “ไม่มีความรับผิดชอบ”จู่ๆ ซังหนี่ก็รู้สึกว่ามันน่าขำดังนั้นเธอจึงหันกลับไปมองที่ฟู่เซียวหาน “ประธานฟู่พูดได้น่าขำดีนะคะ ฉันไม่ได้เป็นคนปล่อยวางได้ง่ายๆ อย่างที่คุณคิด ถ้าฉันสามารถพูดกับคุณว่าปล่อยก็ปล่อยได้เลยจริงๆ อย่างที่คุณพูด ตอนนั้นฉันก็คงไม่ไปประเทศ D คนเดียว และก็คงไม่ปล่อยให้ตัวเองดื่มจนเมา เพียงเพื่อถามคุณประโยคเดียวว่า คุณจะให้โอกาสฉันอีกครั
งานเลี้ยงวันเกิดจบลงอย่างราบรื่นเดิมทีจี้อวี้หยวนอยากชวนซังหนี่มาพักที่บ้านของเขา แต่ซังหนี่ปฏิเสธเขา “ฉันพักที่โรงแรมได้”“งั้นผมจะไปพักที่โรงแรมเป็นเพื่อนคุณ”“ไม่ต้องหรอก” ซังหนี่ยิ้ม “นานๆ ทีคุณจะได้กลับมา คุณควรใช้เวลาอยู่กับพ่อแม่มากๆ”ท่าทางของเธอดูนิ่งเหมือนเช่นเคย หลังจากจี้อวี้หยวนมองเธอสักพัก ก็พูดขึ้นว่า “เรื่องแม่ของผมทางนั้นผมจะค่อยๆ คุยกับเขาดีๆ”ซังหนี่ยกคิ้วสูง เดิมทีเธอคิดว่าจี้อวี้หยวนได้ยินสิ่งที่เธอพูดกับคุณนายจี้ในคืนนี้แล้ว แต่ต่อมา จี้อวี้หยวนกลับพูดว่า "ไม่ว่ายังไง คุณก็คือแขกที่ผมพามา แม่จะปฏิบัติกับคุณแบบนี้มันก็ไม่ถูกต้อง"จากนั้นซังหนี่ถึงรู้ว่าตัวเองคิดมากเกินไปแม้ว่าท่าทีของคุณนายจี้ที่มีต่อเธอในคืนนี้จะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่มันเทียบไม่ได้กับสิ่งที่เธอพูดลับหลังพวกนั้นแต่ซังหนี่ก็ไม่ได้พูดอะไรกับจี้อวี้หยวนมาก เธอเพียงส่ายหน้าเท่านั้น "ไม่เป็นไรค่ะ ยังไงระหว่างเราก็เป็นเพียงข้อตกลงเท่านั้น ดังนั้นจริงๆ แล้วไม่ว่าแม่ของคุณจะท่าทีกับฉันยังไง...ฉันก็ไม่ได้สนใจ และคุณก็ไม่จำเป็นต้องทำร้ายความสัมพันธ์ของพวกคุณเพื่อฉันด้วย"หลังจากที่เธอพูดจบ จี้อวี้
แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานหลายเดือน แต่ทางฟากฝั่งของถนนหมินเหอยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากนักสถานที่นี้เป็นดั่งมุมที่ถูกลืมเลือนของเมืองที่แสนศิวิไลซ์ ไม่มีตึกสูงใหญ่ ไม่มีรถหรูหราหรือสินค้าฟุ่มเฟือยใด ๆ มีเพียงอาคารที่สูงต่ำลดหลั่นกันมา เครื่องปรับอากาศที่มีน้ำหยดอยู่ตลอดเวลา และร้านปิ้งย่างที่ไม่มีแม้แต่ใบอนุญาตประกอบการซังหนี่ค่อย ๆ ก้าวเดินเข้าไปทีละนิดจากนั้นเธอก็โบกเรียกแท็กซี่กลับไปยังโรงแรมคราวนี้เธอกลับนอนหลับได้อย่างสบายค่ำคืนที่ไร้ซึ่งความฝันเมื่อเธอตื่นขึ้นมาก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงวันแล้วตารางการบินของเธอเป็นพรุ่งนี้เวลาย่ำรุ่ง และขณะที่เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก็พบว่าจี้อวี้หยวนส่งข้อความมาหาเธอ ซึ่งบอกว่าให้เธอไปทานอาหารที่บ้านเขาในคืนนี้เดิมทีซังหนี่คิดจะปฏิเสธ แต่ก่อนที่เธอจะทันได้ส่งข้อความไป จี้อวี้หยวนก็ส่งข้อความที่สองตามมาติด ๆ โดยกล่าวว่าครอบครัวของเขารู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเรานั้นเบาบางเกินไป และยังเตรียมแม้กระทั่งจะแนะนำให้เขารู้จักกับคู่ดูตัวอีกด้วยคำพูดที่คิดจะเอ่ยปฏิเสธของซังหนี่จึงทำได้เพียงค่อย ๆ ลบมันไปทีละคำเท่านั้น—— จี้อวี้หยวนร่วมมือ
คำพูดที่ป้าคังกล่าวออกมาดูเหมือนจะไม่สามารถบรรเทาความโกรธของเธอลงได้ เธอจึงก้าวเท้าเข้ามา ก่อนจะผลักซังหนี่เต็มแรงด้วยมือคู่นั้นของเธอ!“ฉันบอกให้เธอออกไป! ไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้!”ซังหนี่ขมวดคิ้วแน่น และในที่สุดขณะที่ป้าคังคิดจะผลักเธอเป็นครั้งที่สอง ก็พลันจับมือของเธอไว้ทันที!“เธอคิดจะทำอะไร? ปล่อยมือ! นังแพศยา!”เสียงของป้าคังเริ่มหวีดแหลมมากขึ้นเป็นเท่าทวี ขณะที่ซังหนี่เห็นว่าวิธีการนี้น่าจะดึงดูดคนเข้ามายิ่งกว่าเดิม ในที่สุดเธอก็ปล่อยมือป้าคังออกและหันหลังกลับทันทีอย่างไม่คิดรีรอ“ไปให้พ้น! คุณนายไม่คิดอยากจะเจอเธอหรอก! ทั้งหมดเป็นเพราะเธอ! นังแพศยาไร้ยางอาย!”“คุณก็ด้วย ฉันบอกคุณไปกี่รอบแล้วว่าอย่าให้คนอื่นเข้ามาตามอำเภอใจ คุณรับเงินเดือนจากคุณชายแต่กลับทำงานเช่นนี้หรือ? ถ้ามีครั้งหน้าอีกฉันจะให้คุณชาย…”ป้าคังยังพูดอะไรอื่นต่อจากนี้นั้นซังหนี่ไม่ได้ยินอีกเพราะเวลานี้ คนที่เดินออกมาจากลิฟต์จู่ ๆ ก็พุ่งเข้ามาจับมือเธอเอาไว้ และดึงเธอให้เดินไปข้างหน้าการกระทำของเขาเด็ดขาดและตรงไปตรงมามากเสียจนซังหนี่แทบไม่มีโอกาสได้ทั้งตัวเลยสักนิดเมื่อเธอรู้สึกตัวอีกที เขาก็ลากเธอกลับม
“อย่านะคะคุณชาย! ป้าอายุมากขนาดนี้แล้ว หากออกจากตระกูลฟู่ไปป้าจะยังไปที่ไหนได้อีก? ยังมีพวกลูกชาย…”ป้าคังอยากจะเอ่ยเสริม แต่ฟู่เซียวหานกลับมองไปยังคนที่ยืนอยู่หน้าประตูด้วยสายตาของความหมดความอดทนทันทีที่ได้รับสัญญาณ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็รีบก้าวเข้ามาและนำตัวเธอออกไปทันทีเดิมทีป้าคังคิดอยากจะก่อกวนสร้างความวุ่นวายอีกสักยก ทว่าเมื่อโดนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยลากตัวไปก็พูดอะไรไม่ออกอีกท้ายที่สุด เธอได้แต่มองมายังซังหนี่ด้วยสายตาวิงวอนใบหน้าของอีกฝ่ายไม่แสดงอารมณ์ใดออกมามากนักในวินาทีที่เพิ่งเห็นฟู่เซียวหานเธอเองก็แปลกใจอยู่บ้าง แต่ก็สงบลงอย่างรวดเร็วรวมถึงฉากการที่เพิ่งแสดงต่อหน้าเธอเมื่อกี้ด้วย เธอราวกับเป็นเพียงผู้ชมที่มองอย่างเงียบ ๆ เท่านั้นผู้คนที่รายล้อมจากห้องพักผู้ป่วยล้วนถูกทำให้แยกย้ายกันไปนางพยาบาลที่เป็นคนอยู่ในห้องตั้งแต่แรกเองก็เหลือบมองฟู่เซียวหานด้วยความหวาดกลัว พร้อมอ้างว่าเธอนั้นจะไปซื้ออาหารกลางวัน และหมุนตัวเดินจากไปก่อนจะเดินจากไป เธอก็ไม่ลืมที่จะปิดประตูให้สนิทด้วยเมื่อเสียงปิดประตูดังขึ้น ซังหนี่ถึงจะเอ่ยว่า “ประธานฟู่ ปล่อยมือได้หรื
คฤหาสน์ของตระกูลจี้ตั้งอยู่ในย่านชานเมืองของเมืองถงเบื้องหลังเป็นภูเขาใหญ่โต เมื่อมองลงมาจากชั้นบนของคฤหาสน์ก็สามารถมองเห็นทะเลสาบที่อยู่ไม่ไกลได้ สภาพแวดล้อมโดยรอบและอากาศล้วนดีเป็นอย่างยิ่งนี่เป็นครั้งที่สองที่ซังหนี่มาที่นี่เพื่อมาเยี่ยมเยือน เธอถึงกับตั้งใจไปหาซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าเป็นพิเศษของนายท่านจี้เป็นของบำรุงร่างกาย ส่วนของคุณนายจี้เป็นชุดเครื่องสำอางและผ้าพันคอผืนหนึ่งซังหนี่ไม่รู้ว่าเมื่อคืนนี้จี้อวี้หยวนพูดอะไรกับพวกเขาบ้าง อย่างไรก็ตาม เมื่อวันนี้เธอเข้าคฤหาสน์มา ท่าทีของคุณนายจี้ที่มีต่อเธอก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อย่างน้อยตอนที่ซังหนี่กล่าวทักทายเธอ เธอก็พยักหน้าน้อย ๆ ราวกับกำลังตอบรับแต่สิ่งที่จี้อวี้หยวนต้องการเห็นได้ชัดว่าเป็นเพียงคำพูดเป็นพิธีรีตองในหน้างานเท่านั้นหลังจากที่กล่าวทักทายกันพอหอมปากหอมคอ ทั้งสองฝ่ายก็เดินไปยังห้องอาหารนายท่านจี้เคยสอนในรั้วมหาวิทยาลัยมาก่อน แต่สำหรับเรื่องแวดวงธุรกิจเองก็นับว่ารู้อยู่ไม่น้อย เมื่อนั่งลงแล้ว เขาจึงถามซังหนี่เกี่ยวกับโครงการรู่โจวทันที“ดำเนินการไปอย่างราบรื่นค่ะ” ซังหนี่ตอบ “รอฉันกลับไปก็จะเตรียมตรวจ
คุณนายใหญ่สะบัดมือแล้วเดินจากไปทันทีฟู่จินหยวนยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ผ่านไปพักใหญ่ เขาถึงได้สติกลับมา จากนั้นก็ก้าวพรวดเข้าไป คว้าคอเสื้อของฟู่เซียวหานไว้แน่น!“เพราะงั้นนายรู้ทุกอย่างมาตลอด? แต่ก็ยังปล่อยให้ฉันทำแบบนั้น นายจงใจใช่ไหม!”พอเขาพูดจบ ฟู่เซียวหานกลับหัวเราะออกมา “ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง ถ้านายยังควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วจะโทษใครได้ล่ะ?”“นี่มันกับดักที่นายวางแผนไว้ชัด ๆ!”“ใช่ แต่คนที่เลือกจะกระโดดลงไปก็คือตัวนายเอง ฉันไม่ได้จ่อปืนบังคับให้นายทำนี่”ฟู่เซียวหานพูด พลางยกมือขึ้น แกะนิ้วของเขาออกทีละนิ้ว“อ้อจริงสิ จะบอกอะไรไว้อย่างหนึ่ง คังรุ่ยน่ะจริง ๆ แล้วฉันก็มีหุ้นอยู่เหมือนกัน” ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ “ดีลของนายอันนั้น ที่จริงฉันเป็นคนออกแบบให้โดยเฉพาะเลยนะ แม้แต่ผู้จัดการหุ้น A ของนาย ก็เป็นคนที่ฉันเลือกไว้ให้เอง ไม่งั้นคิดดูสิ นายจะทำกำไรได้มากขนาดนั้นในเวลาแค่ไม่กี่วันได้ยังไง? แล้วอยู่ดี ๆ ถึงกับขาดทุนจนหมดแม้แต่ทุนยังไม่ได้คืน?”เมื่อครู่นี้ฟู่จินหยวนแค่สงสัยแม้เขาจะตะโกนถามเสียงดัง แต่ในใจลึก ๆ ก็แค่คิดว่าฟู่เซียวหานพอรู้เรื่องอยู่บ้าง เพียงแต่เลือกที่จะไม่
คุณนายใหญ่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เห็นการกระทำของเขาชัดเจน คิ้วขมวดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจนกระทั่งฟู่เซียวหานเห็นว่าซังหนี่กินเกือบเสร็จแล้ว เขาถึงหันไปมองฟู่จินหยวน “จริงสิ ได้ยินมาว่านายกำลังติดต่อกับคนของคังรุ่ยอยู่ใช่ไหม? ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”เดิมทีฟู่จินหยวนก็กำลังก้มหน้าทานอาหารอยู่แต่ทันทีที่ฟู่เซียวหานถามคำถามนี้ เขาก็หยุดชะงักไป จากนั้น ก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยความไม่อยากเชื่อ!คุณนายใหญ่กลับแสดงสีหน้าสงสัย “คังรุ่ยคืออะไรเหรอ?”“อ๋อ คุณย่าน่าจะยังไม่ทราบ นั่นคือ...บริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการจัดการเงินทุนครับ” ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ “พูดง่าย ๆ คือ คุณสามารถนำหุ้นที่ถืออยู่ไปใช้ค้ำประกันกับพวกเขา เพื่อแลกกับกระแสเงินสดจำนวนมาก ถ้าภายในเวลาที่กำหนด หุ้นมีมูลค่าเพิ่มถึงระดับหนึ่ง พวกเขาก็จะแบ่งปันผลกำไรให้คุณต่อ แต่ถ้าหุ้นร่วงลงไปถึงจุดที่ตกลงไว้ พวกเขาก็จะดำเนินการตามสัญญา แยกหรือแม้กระทั่งฮุบหุ้นของคุณไปเลย”“ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกนายดำเนินการไปถึงขั้นไหนแล้ว? แล้วฉันไม่ค่อยเข้าใจเลย ชีวิตของนายตอนนี้ก็ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายอะไรมากมายไม่ใช่เหรอ? การร่วมมือกับพวกเขา นายจะได้อะไรล่ะ?”
แม้ว่าอาการบาดเจ็บของคุณนายฟู่จะสาหัส แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้บาดเจ็บจนถึงแก่ชีวิต ดังนั้นหลังจากนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลไม่นานนักเธอก็ทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลคราวนี้ฟู่เซียวหานไม่ยอมให้เธออาศัยอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลฟู่อีกต่อไป แต่ได้จัดสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่เรียบง่ายและสง่างามเอาไว้ให้สำหรับเธอและเป็นช่วงเวลาปลายเดือนพอดิบพอดีกับที่ฟู่จินหยวนกลับมารายงานผลงานของเขาที่เมืองถง ฟู่เซียวหานจองร้านอาหารด้านนอกเอาไว้และกล่าวว่าพวกเขาจะมาทาน ‘มื้อครอบครัว’ ด้วยกันเมื่อซังหนี่ได้ยินมุกตลกนี้ถึงกับรู้จักเอะใจในทันทีเพราะอย่างไรเสียมื้อครอบครัวของตระกูลฟู่ในแต่ละครั้ง… ดูเหมือนแทบจะไม่มีน่ายินดีใดเลยสักครั้งแต่ในเมื่อฟู่เซียวหานได้กล่าวออกไปเช่นนั้นแล้ว เธอจึงทำได้แค่เดินตามเขาไปเท่านั้นขณะนี้เมืองถงได้เข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการอุณหภูมิในวันนี้ต่ำกว่าเมื่อวานเล็กน้อย ก่อนออกไปข้างนอกฟู่เซียวหานจึงตั้งใจสวมผ้าพันคอให้เธอผ้าพันคอสีขาวและเสื้อโค้ตบนตัวของเธอล้วนเป็นชุดสีเดียวกัน ในขณะที่ฟู่เซียวหานล้วนสวมสีดำไปทั้งตัวสองสีที่อยู่ตรงข้ามกันสุดขั้ว แต่ในเวลานี้เมื่อทั้งส
เมื่อเขาพบว่าเธอกับเออร์วินเดินตามหลังกันมาติด ๆ คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นในทันที “พวกคุณไปไหนกันมา?”“ฉันไปเข้าห้องน้ำมาค่ะ” ซังหนี่ตอบ “บังเอิญเจอกับคุณเออร์วินระหว่างทางพอดี”ท่าทีของเธอเต็มไปด้วยความเรียบนิ่งยิ่งไปกว่านั้นคือที่นี่คือเมืองถง ฟู่เซียวหานรู้ดีว่าเออร์วินจะไม่ทำอะไรแน่นอนแต่ถึงอย่างนั้น ในใจของเขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย หลังจากขมวดคิ้วพลางมองไปที่เออร์วินแล้วถึงจะเดินกลับไปยังห้องส่วนตัวอาหารล้วนมาเสิร์ฟครบแล้วเออร์วินยังคงไม่ชอบอาหารจีนเช่นเดิม แต่ท้ายที่สุดเขาก็ยังทานไปบ้างอย่างต้องการไว้หน้ากลับกลายเป็นไวน์ที่ทั้งสองต่างดื่มไปไม่น้อยเมื่อเห็นว่าฟู่เซียวหานยังต้องการดื่มต่อ เธอก็ยกมือขึ้นไปจับแก้วของเขาเอาไว้โดยตรง“หยุดดื่มได้แล้วค่ะ” เธอกล่าว “ช่วงนี้เดิมทีคุณก็พักผ่อนไม่ค่อยพออยู่แล้ว ดื่มไปมากมายขนาดนี้ร่างกายของคุณจะรับไหวได้อย่างไร?”เสียงของเธอเบามาก แต่เรียวคิ้วนั้นกลับขมวดย่นเข้าหากัน ภายในดวงตาเจือไปด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยฟู่เซียวหานรู้สึกประหลาดใจ และยิ้มออกมา “ครับ”หลังจากกล่าวจบ เขาก็ผินหน้าหันไปมองเออร์วิน “งั้นผมไม่ดื่มแล้วนะ”เออ
ทันทีที่ซังหนี่กล่าวจบ เออร์วินพลันตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มออกมา “แน่นอน ผมเคยบอกแล้วนี่ว่าตราบใดที่เราร่วมมือกันทำลายเหยียบย่ำธุรกิจของเขาในทางฝั่งนี้ได้หมดสิ้น เขาก็จำต้องไปอยู่กับผมที่ประเทศ M”“ถึงตอนนั้น คุณเองก็จะมีอิสระเช่นกัน”ซังหนี่เพียงยิ้มน้อย ๆทว่าเมื่อรอยยิ้มนั้นตกอยู่ในสายตาของเออร์วิน กลับทำให้เขาอดขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้ซังหนี่จึงกล่าวว่า “แต่คุณเออร์วินคะ ฉันไม่รู้สึกเลยว่าคุณกำลังช่วยฉันอยู่”“หืม?”“ถ้าคุณคิดอยากจะทำให้ฟู่เซียวหานสิ้นหวังนั้นมันง่ายเอามาก ๆ เพียงบอกเรื่องที่คุณร่วมมือกับฉันก็เพียงพอแล้วล่ะค่ะ”“เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาเป็นคนอย่างไร คุณเออร์วินต้องรู้ดีกว่าฉันแน่นอน ถ้าคุณทำลายอาชีพธุรกิจภายในประเทศของเขาแล้วล่ะก็ เขาจะปล่อยคุณไปงั้นหรือคะ?”“นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่คุณต้องการแน่นอน ดังนั้นคุณจึงเพียงอยากให้เขารู้ว่าฉันทรยศเขาก็พอ ที่ช่วงนี้คุณเร่งเร้าฉันมาตลอดจริงๆนั่นก็เป็นเพราะเพื่อสิ่งนี้ใช่ไหมล่ะคะ?”“เมื่อถึงตอนนั้นคุณก็จะบอกเขาได้ว่า ดูสิ จริงๆแล้วคนที่อยู่รอบข้างเขานั้นไม่มีใครไว้ใจได้เลย รวมถึงภรรยาของเขาด้วย มีเพียงคุณเท่านั้นที่เป็น
ฟู่เซียวหานไม่ตอบกลับไปอีก เพียงปล่อยมือและก้าวเดินไปข้างหน้าเออร์วินเดินตามเขามาจนทันอย่างรวดเร็ว “เอาล่ะ หยุดพูดถึงเรื่องนี้กันดีกว่า แล้วผมต้องไปพักที่ไหนล่ะ? บ้านของคุณ?”“โรงแรม” ฟู่เซียวหานตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เออร์วินยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจฟู่เซียวหานยังมีธุระอื่นที่ต้องทำ จึงไม่มีความตั้งใจที่จะไปส่งเออร์วินที่โรงแรมในเวลานี้ แต่ก่อนที่เขาขึ้นรถคันอื่น เสียงของเออร์วินกลับดังขึ้นว่า “ใช่สิ ภรรยาของคุณก็รู้ว่าผมมาถึงที่นี่ในวันนี้ เธอยังบอกด้วยว่าเธอจะให้การต้อนรับผมเป็นอย่างดี คืนนี้คุณเองก็น่าจะมาใช่ไหม?”ฟู่เซียวหานหันหน้าไปมองเขาเออร์วินยิ้ม “ไม่เป็นไร ถ้าคุณไม่มา พวกเราทานข้าวกันตามลำพังก็ได้นะ”——แน่นอนว่าไม่มีทางที่ฟู่เซียวหานจะพลาดทันทีที่มาถึงห้องส่วนตัวเขาก็จัดการชำระหนี้กับซังหนี่ทันที “คุณไม่ได้บอกมาก่อนหน้านี้หรือว่าคุณจะไม่ไปเจอกับเขาตามลำพัง? แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น?”ซังหนี่กลับเป็นฝ่ายชะงักไปชั่วขณะ “คุณเป็นฝ่ายตกลงรับปากกับเขาก่อนไม่ใช่หรือ? เขาบอกว่าคืนนี้คุณอยากจะเลี้ยงอาหารเขา ฉันถึงได้มาที่นี่”ฟู่เซียวหานขมวดคิ้วและเป็นเวลานี้เองที่เขาตระหนัก
หลังจากที่ฟู่เซียวหานพูดจบ ก่อนที่ซังหนี่จะทันได้ตอบกลับไป โทรศัพท์มือถือของเขาก็พลันดังขึ้นซังหนี่เหลือบไปเห็นชื่อบนโทรศัพท์ —— เออร์วินฟู่เซียวหานมองชื่อบนโทรศัพท์พร้อมมองมาที่ซังหนี่ก่อน ถึงจะปลีกตัวออกไปรับสายซังหนี่ไม่รู้ว่าคนอยู่อีกฝั่งกำลังกล่าวอะไร แต่เธอเห็นคิ้วของเขาขมวดอย่างกะทันหัน ก่อนจะหันหน้ามามองซังหนี่“งั้นหรือ?” เขาตอบ “แล้วอย่างไรล่ะ?”“ทราบแล้ว”หลังจากตอบกลับไปเพียงสั้น ๆ เขาก็กดวางสายโทรศัพท์โดยตรง“เมื่อกี้เออร์วินโทรมาหาคุณหรือ?” เขาถามซังหนี่“อืม”“พวกคุณสองคนสนิทกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”ซังหนี่เลิกคิ้ว “แค่โทรศัพท์หากันก็นับว่าสนิทแล้วหรือคะ?”“เขาบอกว่าเที่ยวบินของเขาจะมาถึงเมืองถงในวันพรุ่งนี้ ซึ่งคนแรกที่ได้รับการแจ้งข่าวนี้ไม่ใช่ผมแต่กลับเป็นคุณ นี่ยังนับว่าไม่สนิทอีกหรือ?”ขณะที่ฟู่เซียวหานกล่าว คิ้วของเขาก็ยิ่งขมวดแน่นมากขึ้นซังหนี่ไม่กล่าวอะไรอีกฟู่เซียวหานกัดฟันเอาไว้ ในที่สุดก็กดระงับอารมณ์ของตนเองเอาไว้ได้แล้วกล่าวว่า “คุณอย่าโดนเขาหลอกเชียว”“ถึงแม้ว่าเขาจะดูเป็นผู้เป็นคนที่ไม่ค่อยมีมารยาทอยู่บ้าง แต่ที่แท้จริงแล้วเขานั้นเล
“มันก็เป็นแบบที่คุณคิด”ฟู่เซียวหานกล่าวอีกครั้งซังหนี่กลับไม่ทันตั้งตัว “ฉันคิด…อะไรนะคะ?”“หืม? ตอนที่เห็นภาพนี้กับเวลาถ่ายแล้ว คุณคิดอะไรไม่ออกเลยหรือ?”ซังหนี่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “พูดได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ จริง ๆ แล้วคุณพ่อของคุณรู้จักกับคุณแม่ของฟู่จินหยวนมาก่อน ที่เขาแต่งงานกับคุณแม่ของคุณก็เพราะ…ใบหน้านั้นของเธอ?”“ใช่”คำตอบของฟู่เซียวหานเปี่ยมไปด้วยความตรงไปตรงมาชัดเจนเดิมทีซังหนี่คิดว่าเรื่องราวพวกนี้มันน่าประหลาดและเกินจริงมากเกินไป ทว่ามันกลับกลายเป็นเรื่องจริงเธอเผยอริมฝีปากราวกับคิดอยากจะกล่าวบางอย่างออกมา แต่ท้ายที่สุดก็มีเพียงแค่ความเงียบงันฟู่เซียวหานแย้มยิ้ม “ดังนั้นคุณดูสิว่า ทำไมฟู่จินหยวนกับผมถึงได้หน้าตาคล้ายกันมาก? ที่แท้ก็เป็นเพราะว่าแม่ของเราเองก็คล้ายคลึงกันมากเช่นกัน”“คุณแม่ของคุณ…เพิ่งรู้เรื่องนี้หรือคะ?” ซังหนี่เอ่ยถามเสียงแผ่ว“อืม ก่อนหน้านี้ถึงแม้เธอจะรู้ว่าฟู่โจวมีครอบครัวอื่นอยู่ข้างนอก แต่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าผู้หญิงคนนั้นจะดูคล้ายกับเธอมากขนาดนี้ มากเสียจนกระทั่งทำให้คิดได้ว่าที่แท้จริงแล้วเธอต่างหากที่เป็นตัวแทนของผู้หญิงคนนั้น”“
ซังหนี่ยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องพักผู้ป่วยตลอดโดยไม่ได้เดินออกไปเมื่อฟู่เซียวหานออกมาและเห็นเธอยืนอยู่ตรงนั้นถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว “ทำไมคุณถึงยังอยู่ที่นี่?”ซังหนี่ไม่ได้ตอบคำถามของเขา ทำเพียงแค่มองเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยก่อน“เธอหลับไปแล้ว” ฟู่เซียวหานรู้ว่าเธอกำลังกังวลเรื่องอะไรจึงกล่าวด้วยความรวดเร็ว“ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมคะ?” ซังหนี่ถามเขา “พวกคุณคุยเรื่องอะไรกัน?”ฟู่เซียวหานกระตุกมุมปากของตน ก่อนจะจับมือของเธอแล้วเดินไปข้างหน้าซังหนี่ขมวดคิ้ว “คุณพูดมาสิ”“ตอนนี้ผมเหนื่อยมาก และแค่อยากกลับไปพักผ่อน” ฟู่เซียวหานกล่าว “รอตื่นแล้วผมค่อยบอกคุณ”ฟู่เซียวหานจงใจอุบเรื่องนี้เอาไว้ไม่ยอมเล่า ไม่ว่าซังหนี่จะไล่ถามอย่างไร เขาก็ไม่แม้จะกล่าวออกมาจนกระทั่งท้ายที่สุดซังหนี่ก็ไม่ถามอีกฟู่เซียวหานบอกว่าเขาต้องการพักผ่อน ก็ได้พาเธอกลับนอนหลับเอาแรงจริง ๆ ซังหนี่ยังคงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่คั่งค้างอยู่ภายในใจ เดิมทีเธอคิดว่าตนนั้นคงจะนอนไม่หลับแต่เมื่อเธอมาถึงที่เถาหรานจวี หลังจากที่ฟู่เซียวหานกับเธอต่างก็เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าและล้มตัวลงนอนบนเตียงด้วยกัน เธอก็