“ประธานเสี่ยวซัง ประธานเกาให้คุณไปที่ห้องทำงานของเขาครับ”ซังหนี่เพิ่งมาถึงบริษัทก็ได้ยินเสียงของผู้ช่วยทันทีคิ้วของเธอขมวดเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว แต่เธอไม่ได้พูดอะไร เพียงตอบรับสั้น ๆ ก่อนจะตรงไปขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นบนท่าทีของเกาต๋าในวันนี้แตกต่างจากเมื่อวานอย่างมาก ในตอนนี้เขาดูเป็นกันเองมากขึ้น “ซังหนี่ มาแล้วเหรอ?”“เมื่อคืนเธอดูเหมือนจะกลับเร็วมาก? มีธุระด่วนอะไรหรือเปล่า?”“ค่ะ แฟนฉันกลับมาแล้ว”ซังหนี่ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยคำพูดนั้นทำให้เกาต๋าชะงักไปเล็กน้อย จากนั้น เขาก็นึกถึงสายโทรศัพท์จากฟู่เซียวหานที่โทรหาเขาเมื่อคืนที่แท้... เป็นแบบนี้นี่เองเกาต๋ายิ้มเล็กน้อยก่อนพูดต่อ “ศาสตราจารย์จี้กลับมาแล้วเหรอ? คราวนี้ดูเหมือนเขาจะไปทำงานต่างประเทศนานเลยนะ?”“อืม เกือบเดือนแล้วค่ะ”“เขาต้องเดินทางไปทำงานตลอดเวลาแบบนี้ พวกเธอก็ไม่ต่างจากการคบกันแบบระยะทางไกลเลยนะ เธอไม่กังวลบ้างเหรอว่าความสัมพันธ์ของพวกเธอจะมีปัญหา?”เมื่อเกาต๋าพูดจบ คิ้วของซังหนี่ก็ขมวดเข้าหากันทันที “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณเลยไม่ใช่เหรอ? เชิญฉันมาแต่เช้าเพื่อถามเรื่องส่วนตัวพวกนี้เหรอคะ?”“ฉันก็แค่เป็นห
เจิ้งชวนเดินตามเธออยู่ข้าง ๆหลังจากได้รับ “คำเตือน” จากซังหนี่คราวก่อน เจิ้งชวนก็ไม่กล้าถามเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับฟู่เซียวหานอีก แต่ระหว่างทางยังคงแอบมองซังหนี่เป็นระยะ ดวงตาเต็มไปด้วยความลังเลและสงสัยจนกระทั่งซังหนี่กลอกตามองเขาอย่างหน่ายใจ ในที่สุดเขาก็ยอมเงียบไปสิ่งที่ทำให้ซังหนี่แปลกใจคือ งานเลี้ยงคืนนี้ไม่ได้มีอะไรผิดปกติเกาต๋าเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการเจรจาความร่วมมือกับฟู่เซียวหาน ส่วนซังหนี่ในฐานะผู้ติดตาม มีเพียงบางช่วงที่ต้องเสริมข้อมูลและร่วมดื่มตามมารยาททางธุรกิจตลอดทั้งงาน ฟู่เซียวหานแทบไม่ได้สบตากับเธอเลยแต่ซังหนี่ก็เข้าใจได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับนึกถึงบทสนทนาครั้งล่าสุดของเธอกับฟู่เซียวหานต่อให้เธอจะรู้สึกติดค้างในใจ แต่ฟู่เซียวหานเป็นคนแบบไหนกันแน่?คนที่แม้แต่เสื้อผ้าที่เปื้อนเพียงนิดเดียวก็ไม่ยอมใส่ซ้ำ แล้วเขาจะกลับมาอยู่กับเธอได้ยังไงกันไม่มีทาง...ศักดิ์ศรีของเขาไม่มีวันยอมให้เป็นแบบนั้นคิดมาถึงตรงนี้ ซังหนี่ก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาพอดีในตอนนั้น โทรศัพท์ของเธอดังขึ้นเสียงเรียกเข้าดีงใสกังวาน ทำลายบรรยากาศที่กำลังเป็นกันเองภายในห้องส่วนตัวซั
คืนนี้ซังหนี่ไม่ได้ดื่มมากเท่าไหร่เลยแต่ความมึนเวียนแบบนี้เธอคุ้นเคยดียิ่งบวกกับตอนนี้ที่ห้องส่วนตัวก็ถูกเคลียร์คนออกไปหมด...ซังหนี่หันขวับไปมองฟู่เซียวหาน แล้วกัดฟันแน่น “ฟู่เซียวหาน คุณถึงกับใช้วิธีสกปรกแบบนี้เลยเหรอ!?”ดวงตาเธอแดงก่ำทันที กำมือแน่นด้วยความโกรธและไม่อยากเชื่อ แขนและทั้งร่างกายก็สั่นระริกเบา ๆฟู่เซียวหานขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่เขาก็ตอบกลับอย่างรวดเร็ว “ไม่ใช่ผม”“ไม่ใช่คุณแล้วใคร...”ซังหนี่ยังพูดไม่ทันจบ จู่ ๆ ภาพของคนคนหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัว——เกาต๋ามิน่าล่ะ!คืนนี้ท่าทีของฟู่เซียวหานชัดเจนว่าไม่ได้คิดจะร่วมมือกับพวกเขาเต็มที่ แต่วันนี้เกาต๋ากลับดูมั่นใจผิดปกติที่แท้เขาวางแผนไว้ล่วงหน้าหมดแล้ว——คืนนี้จะเอาตัวเธอเป็นของขวัญให้ฟู่เซียวหาน!แต่พอคิดได้แบบนั้น ซังหนี่กลับใจเย็นลงอย่างรวดเร็วเธอไม่ได้โต้เถียงอะไรอีก หันหลังเตรียมเดินออกไปทันทีเพราะเธอไม่รู้ว่าเกาต๋าแอบใส่อะไรลงในแก้วของเธอ และก็ไม่อยากพัวพันกับฟู่เซียวหานเพราะเรื่องนี้!แต่ซังหนี่เพิ่งเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ฟู่เซียวหานก็พุ่งเข้ามาตรงหน้า และอุ้มเธอขึ้นทั้งตัว!การกระทำนั้นทำให้ซังหนี่ตกใจ ม
น้ำเสียงของฟู่เซียวหานนิ่งสงบและจริงจังมากแต่ในขณะนี้เอง ซังหนี่กลับพลันนึกถึงเหตุการณ์ครั้งก่อนที่ถนนหมินเหอ วันที่เขาเตะฉินม่อซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยสีหน้าจริงจังแบบเดียวกันนี้และก็เป็นตอนนี้เอง ที่ซังหนี่เพิ่งเข้าใจว่า ภายใต้แววตาอันเย็นชาของเขา ได้เก็บซ่อนความบ้าคลั่งเอาไว้——เขาไม่ได้เป็นคนใจดีเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ เขายอมทำทุกอย่างโดยไม่สนวิธีการ...นั่นแหละคือเขาไม่นานนัก รถก็จอดที่ลานจอดรถหน้าโรงแรมฟู่เซียวหานอุ้มซังหนี่ลงจากรถทันที“ปล่อย... ปล่อยฉัน!”ซังหนี่กัดริมฝีปากแน่น มือผลักหน้าอกเขาสุดแรง “ฟู่เซียวหาน เรื่องระหว่างเรามันจบไปแล้ว คุณเป็นคนพูดเองว่าจบ!”ฟู่เซียวหานไม่ตอบอะไรไม่นาน ลิฟต์ก็มาถึงเขาจองห้องสวีตไว้ ซึ่งห้องอยู่ตรงหน้าลิฟต์พอดีทันทีที่ประตูห้องปิดลง ฟู่เซียวหานก็เลิกเก็บกดความรู้สึกของตัวเองซังหนี่ถูกเขาดันติดกับประตูทันที แล้วเสื้อคลุมของเธอก็ถูกเขากระชากออกทันที!“ปล่อยฉันนะ! ฟู่เซียวหาน! ไอ้บ้าเอ๊ย! คุณทำแบบนี้ทำไมกัน? เมื่อก่อนคุณ...”“ผมเปลี่ยนใจแล้ว”เสียงของเขาดังขึ้นคำพูดนี้ทำเอาซังหนี่ชะงักไปทันที“คุณเห็นฉันเป็นอะไร?”ผ่านไ
เลือดไหลซึมออกมาจากหนังศีรษะและเส้นผมของซังหนี่อย่างรวดเร็วแม้แต่ฟู่เซียวหานเอง ในเสี้ยววินาทีนั้นสมองของเขาก็พลันว่างเปล่าผ่านไปพักใหญ่ จากนั้นเขาก็รีบกระชากของจากมือซังหนี่ไปทันที!ซังหนี่ฉวยจังหวะนั้น ผลักตัวเขาไปข้างหน้าอย่างแรง!เธอไม่พูดอะไรกับเขาอีก ไม่แม้แต่จะหันไปมองเขาสักนิดเธอเพียงประคองตัวเองและหันไปเปิดประตูแต่ยังไม่ทันได้ก้าวออกไป ฟู่เซียวหานก็คว้ามือเธอจากด้านหลังไว้“ปล่อยฉันนะ! ฟู่เซียวหาน! ไอ้บ้าเอามือออกไปเดี๋ยวนี้!”ซังหนี่ร้องลั่น เห็นว่าฟู่เซียวหานไม่มีท่าทีจะปล่อย เธอไม่รอช้า ก้มลงกัดแขนเขาเต็มแรง!ตอนนั้นอารมณ์เธอกำลังจะพังทลาย แน่นอนว่าไม่มีคำว่าปรานีอีกแล้วไม่นานเธอก็ได้ลิ้มรสคาวเลือด แต่ฟู่เซียวหานกลับไม่แม้แต่จะส่งเสียงร้องออกมาซังหนี่กำลังจะกัดซ้ำ แต่เสียงของเขาก็ดังขึ้น ด้วยความเจ็บปวดที่ฝืนกลั้นไว้ “ผมจะพาคุณไปโรงพยาบาล”……ซังหนี่ตื่นขึ้นมา พบว่าตัวเองอยู่ในโรงพยาบาลจี้อวี้หยวนนั่งอยู่ข้างเธอ ขมวดคิ้วแน่นแต่พอเห็นเธอฟื้นขึ้นมา เขาก็คว้ามือเธอไว้ทันที “คุณเป็นไงบ้าง เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”“ไหวอยู่ค่ะ”“อยากลุกขึ้นไหม?” จี้อวี้หยวนถ
ซังหนี่เพิ่งกินโจ๊กเสร็จก็เห็นเจิ้งชวนเขายืนอยู่ที่ประตู ด้วยสีหน้าลังเล เหมือนกับว่าเขากำลังคิดไม่ตกว่าตัวเองควรมาจะมาที่นี่หรือเปล่าซังหนี่เหลือบมองเขา และพูดว่า “เข้ามาเถอะ”“ประธานเสี่ยวซัง ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆ นะ”เจิ้งชวนเพิ่งเข้ามาก็พูดขึ้นทันที “เมื่อคืนประธานเกาเป็นคนลากผมออกไป และยังบอกอีกว่าคุณมีเรื่องต้องพูดกับประธานฟู่ ผมไม่รู้จริงๆ ว่าเขาจะใช้วิธีสกปรกแบบนั้น!”น้ำเสียงของเจิ้งชวนซึ่งเต็มไปด้วยกล้ำกลืนซังหนี่ไม่ได้รีบตำหนิเขาแต่อย่างใด เพียงแค่พูดว่า “คุณโทรหาเกาต๋า แล้วบอกว่าฉันต้องการพบเขา”“ตอนนี้เหรอครับ?”“ใช่ ตอนนี้”น้ำเสียงของซังหนี่ยืนยันแน่วแน่ ดังนั้นเจิ้งชวนจึงไม่กล้าถามอะไรอีกเมื่อเกาต๋ามาถึง เธอก็ขอให้เจิ้งชวนกับพยาบาลทุกคนออกไปเห็นได้ชัดว่าเกาต๋าไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองทำอะไรผิด แต่เพราะแผนการล้มเหลว เวลานี้สีหน้าของเขาจึงยังดูแย่อยู่เล็กน้อย“เมื่อคืนคุณเป็นคนใส่ยาในไวน์ของฉันใช่ไหม?” ซังหนี่ถามเขาตรงๆเกาต๋ามองมาที่เธอ แล้วก็ยิ้ม “ผมไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดถึงอะไร”“เมื่อคืนฉันถูกส่งมาที่โรงพยาบาล สภาพร่างกายเป็นยังไงคุณหมอคงรู้ดี และผลก
อาการบาดเจ็บของซังหนี่ไม่ได้เป็นอะไรมากหลังจากตรวจเสร็จ วันต่อมาเธอก็ได้ออกจากโรงพยาบาลเพียงแต่แผลของเธอยังไม่หายดี บนหน้าผากยังมีผ้าก๊อซปิดไว้ หมอบอกว่า อาจจะทิ้งรอยแผลเป็นไว้ซังหนี่กลับไม่สนใจแต่ตอนนี้เธอมาอยู่ที่ร้านอาหาร และผู้คนที่เดินผ่านไปมาก็อดไม่ได้ที่จะมองมาที่เธอซังหนี่เพียงแค่นั่งอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆนอกหน้าต่างกระจก เป็นถนนที่คึกคักที่สุดในเมืองอิ๋นไฟสีแดงของรถ และแสงไฟส่องสว่างจากชุมชนเล็กๆ ที่อยู่ห่างออกไป ริมฝั่งถนนยังมีแผงขายผลไม้และก๋วยเตี๋ยวผัด ทำให้กลายเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยบรรยากาศของความคึกคักและความอบอุ่นซึ่งอบอุ่นกว่าเมืองถงที่เต็มไปด้วยตึกสูงมากขณะที่ซังหนี่กำลังจ้องมองอย่างเหม่อลอยอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยดึงเข้ามาเสียงนั้น แม้ว่าจะห้องโถงของร้านอาหารที่มีผู้คนคับคั่ง แต่ซังหนี่ก็สามารถรู้ได้โดยไม่ต้องหันหน้าไปมองว่า——เป็นเขาเธอรู้จักเขา...มานานหลายปีแล้วนานมากจนซังหนี่เองก็ลืมไปแล้วว่าตัวเองเริ่มแอบสังเกตเขาตั้งแต่เมื่อไหร่เธอรู้ว่าเขาชอบดื่มกาแฟดำ รู้ว่าเขาไม่ชอบกินอาหารรสหวานเปรี้ยวทุกอย่าง รู้ว่าเขาชอบใส่เสื้อผ้าสีเข้
จากนั้น เธอก็มองไปที่เขา“คุณต้องการจะพูดอะไร?” ฟู่เซียวหานถามประโยคนั้นทำให้ริมฝีปากของซังหนี่เม้มแน่นยิ่งขึ้นจากนั้น เธอก็วางตะเกียบลง และเช็ดมุมริมฝีปากของตัวเอง“จากหลักฐานพวกนี้ ฉันสามารถแจ้งตำรวจได้” เธอกล่าว“เหรอ? แจ้งตำรวจมาจับผมงั้นเหรอ?” ฟู่เซียวหานยิ้มเล็กน้อยซังหนี่มองรอยยิ้มของเขา คิ้วก็ขมวดแน่นขึ้น "คุณหัวเราะอะไร?"“เอ้า? ผมไม่ควรหัวเราะเหรอ?”ฟู่เซียวหานกลับทำตามที่เธอต้องการ รีบหุบยิ้มทันที แล้วถามอีกครั้งว่า "ในเมื่อคุณต้องการแจ้งตำรวจ งั้นตอนนี้คุณก็ควรจะไปสถานีตำรวจไม่ใช่เหรอ? ทำไมยังนั่งกินข้าวอยู่ที่นี่กับผมล่ะ"ซังหนี่ไม่พูดอะไร“คุณต้องการใช้เรื่องนี้มาขู่ผม?”ฟู่เซียวหานพูดต่อ พร้อมกับสวมถุงมือ และเริ่มแกะกุ้งอย่างช้าๆการเคลื่อนไหวของเขาดูสง่ามาก การแสดงออกก็นิ่งเฉย ราวกับว่าตอนนี้พวกเขาเพียงแค่นัดกินข้าวกับธรรมดาๆ เท่านั้นจริงๆจากนั้น เขาก็ถามว่า “คุณต้องการให้ผมยกสิทธิ์ความร่วมมือในโครงการรู่โจวให้พวกคุณงั้นเหรอ?”“ใครเป็นคนเสนอความคิดนี้ให้กับคุณ?” ฟู่เซียวหานถาม “แฟนของคุณคนนั้นเหรอ?”“แล้วทำไมวันนี้เขาถึงไม่มาพบผมเป็นเพื่อนคุณล่ะ? เขาไ
ซังหนี่ตบไปเต็มแรงโดยสัญชาตญาณเพราะฟู่เซียวหานอยู่ใกล้เธอมากเกินไปแต่ความจริงแล้วซังหนี่รู้สึกว่าปฏิกิริยาของเขา ถ้าเขาต้องการหยุดการกระทำนั้น เขาสามารถจับมือของเธอไว้ได้แน่นอนแต่เขากลับไม่ทำรอยฝ่ามือจากเมื่อคืนยังไม่ทันจาง ตอนนี้กลับมีอีกรอยใหม่เพิ่มมาอีกพูดเรื่องน่าขำที่ไม่ขำคือ —— ตอนนี้หน้าของเขาดูสมดุลกันแล้ว“ฝันร้ายเหรอ?” ฟู่เซียวหานถาม ราวกับไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิดซังหนี่ไม่ได้ตอบ“ไม่เป็นไร แค่ฝันไปเท่านั้น” ฟู่เซียวหานพูดเองเออเอง พร้อมกับเปลี่ยนเสื้อผ้าไปด้วย “วันนี้ผมยุ่งมาก คงไม่ได้กินข้าวด้วยนะ คุณไปเยี่ยมพ่อคุณที่โรงพยาบาลได้ อ้อ แล้วก็ บอกเรื่องยกเลิกงานแต่งงานของคุณกับจี้อวี้หยวนกับเขาด้วย”“ส่วนเรื่องบริษัททางนั้น รอให้ผมจัดการให้เรียบร้อยก่อน แล้วผมจะไปอธิบายกับเขาด้วยตัวเอง”เสียงของฟู่เซียวหานสั้นกระชับมาก ทำให้มีไม่ข้อสงสัยในคำพูดของเขา“แล้วคุณคิดจะทำยังไง?” ซังหนี่ถามฟู่เซียวหานที่กำลังติดกระดุมข้อมือชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหันมามองเธอ “แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม ซังอวี๋ก็ไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมไปอีกแล้ว เรื่องในครั้งนี้ ปฏิกิริยาของพวกผู้ถือหุ้นค
แต่ตอนนี้ดอกไม้ได้เหี่ยวเฉาและตายไปแล้ว แสงแดดและการดูแลที่มาถึงช้าเกินไป จะมีความหมายอะไรอีก?ซังหนี่เตรียมจะหลับตาลงอีกครั้งแต่ในวินาทีต่อมา ทันใดนั้นเธอก็สังเกตเห็นบางอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งอีกฝั่งชุดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวนั้นถ้าเธอจำไม่ผิด มันเป็นยี่ห้อที่เธอใช้เป็นประจำจากนั้นก็เป็นสายรัดม่านที่หน้าต่าง ถัดมาเป็นห้องเสื้อฝั่งตรงข้าม ในประตูกระจกใสบานนั้น มีเสื้อผ้าที่ดูคุ้นตาแขวนอยู่และตอนนี้เองซังหนี่ถึงได้เข้าใจว่า เขาขนของที่เธอเคยทิ้งไว้ที่นี่ย้ายกลับมาทั้งหมดจริงๆ แล้วของพวกนี้ไม่ใช่ของเธอเลยเสื้อผ้าพวกนั้นคุณนายฟู่เป็นคนจัดหาให้เธอ เพื่อให้เวลาออกไปข้างนอกจะดูคู่ควรกับตำแหน่ง “คุณนายฟู่” ไม่ได้ใช้เงินของเธอซื้อเอง ดังนั้นตอนนั้นซังหนี่จึงไม่ได้เอามันไปด้วยส่วนชุดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวนั้น......บางทีอาจจะหมดอายุไปแล้วก็ได้?ขณะที่ซังหนี่กำลังคิดอยู่นั้น เสียงน้ำจากในห้องน้ำก็หยุดลงซังหนี่ไม่ได้คิดอะไรต่อ เพียงแค่พยายามหลับตาลงเท่านั้นในความมืด เธอได้ยินเสียงฝีเท้าของฟู่เซียวหานค่อยๆ เดินใกล้เข้ามาใกล้ จากนั้นเขาก็นอนลงข้างๆ เธอร่างกายของเขามีกลิ่นสะอาดสดช
ซังหนี่ไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งตัวเองจะกลับมาที่เถาหรานจวีจะเป็นภาพแบบนี้หรือจะพูดอีกอย่างคือ ในวันที่เธอจากไป เธอก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้กลับมาอีกดูเหมือนว่าคนรับใช้ในคฤหาสน์จะถูกฟู่เซียวหานไล่ออกไปหมดแล้ว ตอนที่พวกเขาเข้าไปข้างใน ภายในบ้านมืดสนิทฟู่เซียวหานพาซังหนี่ขึ้นไปที่ชั้นบนประตูห้องนอนใหญ่ถูกผลักเปิดไว้แล้วดูเหมือนว่าข้าวของข้างในจะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่ซังหนี่ยังไม่ทันจะได้สังเกตว่าอะไรเปลี่ยนไป ฟู่เซียวหานก็กดเธอลงบนเตียงแล้วตลอดทางเขาไม่ได้พูดอะไรเลย มีเพียงใบหน้าที่เคร่งขรึมและในตอนนี้การกระทำของเขาก็ไม่ได้มีความอ่อนโยนแม้แต่น้อยแต่ซังหนี่ก็คาดเดาเรื่องนี้ไว้ล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นตอนนี้เธอจึงไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรเธอเองก็ไม่ได้คิดจะขัดขืน เพียงแค่นอนนิ่งอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกเป็นเพราะท่าทีตอบกลับที่เฉยเมยของเธอนั้นทำให้ฟู่เซียวหานไม่พอใจอย่างมาก เขาก้มหน้าลง แล้วกัดเข้าที่คอของเธอทันที!—— เขากัดจริงๆซังหนี่รู้สึกได้เลยว่าปลายฟันของเขาทิ่มแทงเข้าไปในเนื้อของเธอ จนเลือดไหลซึมออกมา!ซังหนี่เผลอร้องออกมาอย่างอดไม่ได้ ก่อนจะยกมือขึ้น แล้วต
“ซัง......”ซังหนี่ไม่มองเขาเลยแม้แต่น้อย เพียงเดินไปตรงหน้าของฟู่เซียวหานแล้วพูดว่า “เราไปกันเถอะ”เสียงของเธอแหบพร่าฟู่เซียวหานหรี่ตาลงเล็กน้อยแต่ซังหนี่ไม่ได้คิดอะไรมากขนาดนั้น จึงเอื้อมมือไปดึงเขาโดยตรงฟู่เซียวหานเองก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร แต่ขณะที่ทั้งสองคนกำลังจะเดินไป จู่ๆ จี้อวี้หยวนที่ดูเหมือนเพิ่งได้สติกลับมา ก็คว้ามืออีกข้างของซังหนี่เอาไว้!การกระทำนั้นทำให้สีหน้าของฟู่เซียวหานเคร่งขรึมทันที เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ซังหนี่กลับเป็นฝ่ายหันไปมองจี้อวี้หยวนก่อน แล้วพูดว่า “คุณไม่จำเป็นต้องลำบากใจ”“เพราะ......ฉันก็ไม่ได้เลือกคุณเหมือนกัน” เธอพูดอีกว่า “ด้วยสถานการณ์ของซังอวี๋ในตอนนี้ ฉันต้องเลือกเส้นทางที่เป็นประโยชน์กับบริษัทมากที่สุด”“เดิมทีฉันยังคิดอยู่ว่าจะพูดกับคุณยังไงดี แต่ตอนนี้ก็ดีแล้วล่ะ พวกเรา......คงไม่ต้องรู้สึกผิดต่อกัน งานแต่งงาน......ก็ยกเลิกไปเถอะ”เมื่อพูดจบ ซังหนี่ก็สะบัดมือของจี้อวี้หยวนที่จับตัวเองออกจากนั้น เธอก็จับมือฟู่เซียวหานแล้วเดินจากไปคลับแห่งนี้บรรยากาศยังคงเต็มไปด้วยความคึกคักเสียงหัวเราะพูดคุยดังไม่หยุด หญิงสาวในชุดยูนิฟอร์มสุ
ฟู่เซียวหานไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่โยนซองเอกสารในมือไปให้จี้อวี้หยวนอีกฝ่ายก้มลงมองซองเอกสารนั้นครู่หนึ่ง ดวงตาเหมือนมีบางอย่างวูบผ่านไป แต่สุดท้ายก็ยื่นมือรับเอกสารมาแค่ดูเนื้อหาในสองสามหน้าแรก สีหน้าของจี้อวี้หยวนก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือดลงทันที!มือที่ถือเอกสารนั้นก็กำแน่นขึ้นมาผ่านไปครู่หนึ่ง เขาถึงมองไปที่ฟู่เซียวหาน “นี่คุณหมายความว่ายังไง?”ฟู่เซียวหานหัวเราะเบาๆ “คุณคิดว่าไงล่ะ?”“คุณไปเอาของพวกนี้มาจากไหน?” จี้อวี้หยวนดึงสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว แล้วถามต่อ“นั่นไม่ใช่เรื่องที่คุณต้องสนใจ”“แล้วยังไง? คุณต้องการอะไร?”ฟู่เซียวหานนั่งอยู่บนโซฟา ค่อยๆ เอื้อมมือมารินเหล้าให้ตัวเอง แล้วก้มลงจิบไปหนึ่งครั้งตลอดทั้งกระบวนการ เขายังคงรักษาความสง่าและความสูงส่งตามแบบฉบับของเขาแต่สีหน้าของจี้อวี้หยวนกลับยิ่งดูแย่ลงกว่าเดิมฟู่เซียวหานเอ่ยขึ้น “ผมต้องการอะไร……ผมคิดว่ามันชัดเจนอยู่แล้ว”“ประธานฟู่ เราต่างก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน คุณใช้วิธีแบบนี้ ไม่คิดว่ามันขี้ขลาดไปหน่อยเหรอ?” จี้อวี้หยวนพูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “รวมถึงเรื่องของซังอวี๋ก็เช่นกัน คุณก็แค่พึ่งพาตำแหน่งสูงของคุณใน
ฟู่เซียวหานเริ่มหมดความอดทน เมื่อได้ยินเสียงลูกบิดประตูหมุน เขาก็เงยหน้าขึ้นตะโกนเสียงดัง “ไสหัวไป!”เสียงที่เฉียบขาดเพียงคำเดียว ทำให้ด้านนอกเงียบลงทันทีรวมถึงคนที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาด้วยเช่นกันซังหนี่เหมือนจะตระหนักได้แล้วว่าการต่อต้านของเธอไม่มีความหมายอีกต่อไป มือนั้นที่เคยดันอกของเขาก็ค่อยๆ ลดลงช้าๆ ตอนนี้แม้แต่น้ำตาในดวงตาของเธอก็หายไปแล้วเธอค่อยๆ เอนตัวนอนลง และแหงนมองแสงไฟสีขาวเหนือศีรษะ นัยดวงตาว่างเปล่าฟู่เซียวหานจ้องมองเธออยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็หัวเราะออกมา “เสียใจมากเลยใช่ไหม? หรือรู้สึกน้อยใจ? แค่ต้องไปจากเขา…คุณต้องเสียใจขนาดนี้เลยเหรอ?”เขาพูดด้วยรอยยิ้ม และพยายามแสร้งทำเป็นพูดเย้ยหยันแต่มือของเขากลับสั่นอย่างไม่สามารถควบคุมได้ความเจ็บปวดนั้นมาจากส่วนลึกของหัวใจ แทรกซึมไปทั่วร่างกายผ่านกระแสเลือด จนถึงปลายนิ้วของเขาซังหนี่ไม่ได้ตอบอะไรเขา แต่ท่าทางของเธอคล้ายกลับยอมรับในสิ่งที่ฟู่เซียวหานพูดเป็นนัยๆฟู่เซียวหานอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “อืม ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นจริงๆ”“เอาอย่างงี้ไหม ผมจะให้โอกาสพวกคุณอีกครั้ง คุณคิดว่ายังไง?”ซังหนี่ค่อยๆ หันมามองเขาสายตาท
ฟู่เซียวหานเอื้อมมือไปบีบคางของเธอ น้ำเสียงทุ้มต่ำของเขาแฝงไปด้วยความโกรธอย่างชัดเจน “คุณชอบจี้อวี้หยวนแล้วใช่ไหม?”ซังหนี่ไม่ได้ตอบ แต่ริมฝีปากของเธอกลับเม้มแน่นขึ้นเรื่อยๆดวงตาของเธอยังคงคลอไปด้วยน้ำตา แต่มันกลับทำให้ดวงตาของเธอดูสดใสและสวยงามมากยิ่งขึ้นฟู่เซียวหานสามารถมองเห็นเงาสะท้อนของตัวเองได้อย่างชัดเจนในดวงตาของเธอ และยังสามารถมองเห็น......ความเกลียดชังที่อยู่ในนั้นได้อย่างชัดเจนเช่นกัน—— เธอเกลียดเขาแน่นอนว่าฟู่เซียวหานเองก็รู้ดีตั้งแต่เขาตัดสินใจทำแบบนี้ เขาก็คาดเดาได้อยู่แล้วว่าเธอจะมีปฏิกิริยาตอบกลับยังไงแต่แล้วยังไงล่ะ?หรือว่าต้องให้เขาทำได้เพียงแค่มองดูเธอกับตัวเองกลายเป็นคนแปลกหน้าที่ไม่เกี่ยวข้องกันอีกต่อไป?ถ้าเป็นอย่างงั้น ฟู่เซียวหานยอมให้เธอเกลียดเขาดีกว่าผลลัพธ์นี้ ไม่ใช่ว่าฟู่เซียวหานจะยอมรับไม่ได้ แต่สิ่งเดียวที่เขายอมรับไม่ได้ก็คือ......ในใจของเธอมีคนอื่นเธอสามารถเกลียดเขาเพราะเรื่องของซังอวี๋ สามารถเกลียดเขาเพราะเธอเกลียด หรือจะเป็นเพราะซังหลินก็ได้ แต่จะเกลียดเขาเพราะจี้อวี้หยวนไม่ได้เด็ดขาด!แต่เมื่อมองเห็นน้ำตาของเธอในตอนนี้ มือเท้าของฟ
ฟู่เซียวหานเพิ่งพูดจบ ซังหนี่ก็เดินปรี่เข้ามา แล้วยกมือขึ้นทันที!แต่สุดท้ายฝ่ามือนั้นก็ไม่ได้ตบลงไปฟู่เซียวหานจับข้อมือของเธอไว้แน่น ใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆ“คนบ้า” ซังหนี่พูดขึ้นฟู่เซียวหานยิ้มเล็กน้อย “อืม ผมรู้”ซังหนี่ไม่พูดอะไร แต่ร่างกายของเธอกลับสั่นอย่างเห็นได้ชัด และน้ำตาก็ไหลออกมาแต่เธอเหมือนจะไม่อยากยอมแพ้ต่อหน้าฟู่เซียวหาน จึงรีบยกมือขึ้นมา เช็ดน้ำตานั้นออกทันที“คุณตาของจี้อวี้หยวนป่วย”สุดท้าย เธอก็ยอมเล่าให้ฟู่เซียวหานฟัง “โรคสมองเสื่อมในผู้สูงอายุ อาการของเขาทรุดเร็วมาก อีกไม่นานอาจจะจำอะไรไม่ได้แล้ว นั่นเป็นเหตุผลที่จี้อวี้หยวนขอแต่งงานกับฉัน”เธอพูดจบ แต่กลับไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการสายตานั้นที่ฟู่เซียวหานมองเธอยังคงเย็นชาเช่นเคยเมื่อเห็นว่าซังหนี่ยังคงมองเขาอยู่ เขาจึงย้อนถามกลับว่า “แล้วยังไง? มันเกี่ยวอะไรกับผม?”ซังหนี่สูดลมหายใจลึกๆ “ดังนั้นงานแต่งจะ…”“ไม่ได้”ฟู่เซียวหานพูดตัดบทเธออย่างไร้เยื่อใยเสียงของซังหนี่ก็หายไปในทันทีตอนนี้มือของเธอค่อยๆ กำแน่นขึ้นมา “คุณจะไม่ยอมอ่อนข้อให้ฉันเลยใช่ไหม? ฟู่เซียวหาน คุณจะบีบให้ฉันให้ตายเลยใช่ไหม!?”ฟ
คำพูดของฟู่เซียวหานทำให้สีหน้าของซังหนี่เปลี่ยนไปทันที ดวงตาของเธอหันไปมองเขาในพริบตาสีหน้านั้นทำให้ฟู่เซียวหานรู้สึกเจ็บปวดในอกขึ้นมาอย่างกะทันหันดูท่า...จะเป็นอย่างที่เขาเดาไว้จริง ๆถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาจะมีความสัมพันธ์กันแค่ในฐานะคู่สัญญาแต่ตอนนี้มันไม่ใช่แค่นั้นอีกต่อไป——ซังหนี่ตกหลุมรักจี้อวี้หยวนเข้าแล้วถ้าไม่ใช่แบบนั้น จะอธิบายสายตาที่เธอใช้มองเขาตอนนี้ยังไง?เมื่อกี้ตอนที่พูดถึงตัวเธอเอง รวมถึงซังอวี๋ เธอยังไม่แสดงปฏิกิริยาอย่างนี้เลยความเจ็บปวดนี้แผ่ซ่านไปทั่วอกของฟู่เซียวหานอย่างรวดเร็วพร้อมกับรสฝาดคาวที่คุ้นเคยลอยขึ้นมาในลำคอฟู่เซียวหานกลืนน้ำลายลงคอหลายครั้ง สูดลมหายใจลึก ๆ แล้วพยายามกดความรู้สึกนั้นลง แล้วพูดขึ้นอีกครั้ง “ดูเหมือนว่าคุณจะแคร์เขามากจริง ๆ ““ฟู่เซียวหาน นี่เป็นเรื่องระหว่างเรา นายเลิกใช้วิธีสกปรกแบบนี้ไม่ได้หรือไง อย่าลากคนบริสุทธิ์เข้ามาเกี่ยวข้องได้ไหม?!”“บริสุทธิ์เหรอ?” ฟู่เซียวหานกลับหัวเราะเยาะ “ดูเหมือนว่าคุณจะรู้จักคู่หมั้นของตัวเองน้อยไปนะ คุณรู้หรือเปล่าว่าเขาทำอะไรลับหลังคุณไว้บ้าง?”ไม่รอให้ซังหนี่ได้พูดอะไร ฟู่เซียวหานย