หลังจากสูบบุหรี่ไปสองมวน เขาก็สงบลงอย่างกะทันหันจากนั้น เขายกมือขึ้นกดโทรออกเกาต๋ารับสายอย่างรวดเร็ว “ประธานฟู่?”ฟู่เซียวหานโยนไฟแช็กลงบนคอนโซลกลาง ก่อนจะพูดว่า “เรื่องความร่วมมือผมตัดสินใจแล้ว แต่ความจริงใจของพวกคุณเป็นยังไง...ประธานเกาคงต้องแสดงให้ผมเห็นก่อน”……บ้านพักซิงเหอย่วนซังหนี่ออกมาจากห้องน้ำ ขณะที่จี้อวี้หยวนยังคงนั่งทำงานอยู่ในห้องนั่งเล่นเขาใส่หูฟังบลูทูธ พลางพิมพ์อะไรบางอย่างบนแป้นพิมพ์อย่างต่อเนื่องซังหนี่เรียกเขาเบา ๆ“รอสักครู่” เขาพูดกับปลายสาย ก่อนจะหันไปมองซังหนี่“คืนนี้คุณไม่กลับเหรอ?” ซังหนี่ถามเขา“อืม บ้านที่นั่นยังมีปัญหานิดหน่อย” เขาตอบ “อาทิตย์หน้าผมต้องไปทำงานต่างเมืองอีก เลยมาขอพักที่นี่สักสองสามวันได้ไหมครับ?”“ได้สิ ของใช้ในห้องรับรองมีครบแล้ว ตามสบายเลย”หลังพูดจบ ซังหนี่กำลังจะเดินออกไป แต่จี้อวี้หยวนเรียกเธอไว้ “ผมต้มยาน้ำแก้ไอไว้ในครัว คุณไปดื่มสักหน่อยเถอะ”ซังหนี่กำลังจะบอกว่าอาการของเธอดีขึ้นมากแล้วแต่เห็นว่าจี้อวี้หยวนกลับไปจดจ่อกับงานอีกครั้งเธอจึงไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแค่เดินไปที่ห้องครัวยาน้ำแก้ไอรสชาติดีมาก หลังจากด
“ประธานเสี่ยวซัง ประธานเกาให้คุณไปที่ห้องทำงานของเขาครับ”ซังหนี่เพิ่งมาถึงบริษัทก็ได้ยินเสียงของผู้ช่วยทันทีคิ้วของเธอขมวดเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว แต่เธอไม่ได้พูดอะไร เพียงตอบรับสั้น ๆ ก่อนจะตรงไปขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นบนท่าทีของเกาต๋าในวันนี้แตกต่างจากเมื่อวานอย่างมาก ในตอนนี้เขาดูเป็นกันเองมากขึ้น “ซังหนี่ มาแล้วเหรอ?”“เมื่อคืนเธอดูเหมือนจะกลับเร็วมาก? มีธุระด่วนอะไรหรือเปล่า?”“ค่ะ แฟนฉันกลับมาแล้ว”ซังหนี่ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยคำพูดนั้นทำให้เกาต๋าชะงักไปเล็กน้อย จากนั้น เขาก็นึกถึงสายโทรศัพท์จากฟู่เซียวหานที่โทรหาเขาเมื่อคืนที่แท้... เป็นแบบนี้นี่เองเกาต๋ายิ้มเล็กน้อยก่อนพูดต่อ “ศาสตราจารย์จี้กลับมาแล้วเหรอ? คราวนี้ดูเหมือนเขาจะไปทำงานต่างประเทศนานเลยนะ?”“อืม เกือบเดือนแล้วค่ะ”“เขาต้องเดินทางไปทำงานตลอดเวลาแบบนี้ พวกเธอก็ไม่ต่างจากการคบกันแบบระยะทางไกลเลยนะ เธอไม่กังวลบ้างเหรอว่าความสัมพันธ์ของพวกเธอจะมีปัญหา?”เมื่อเกาต๋าพูดจบ คิ้วของซังหนี่ก็ขมวดเข้าหากันทันที “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณเลยไม่ใช่เหรอ? เชิญฉันมาแต่เช้าเพื่อถามเรื่องส่วนตัวพวกนี้เหรอคะ?”“ฉันก็แค่เป็นห
เจิ้งชวนเดินตามเธออยู่ข้าง ๆหลังจากได้รับ “คำเตือน” จากซังหนี่คราวก่อน เจิ้งชวนก็ไม่กล้าถามเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับฟู่เซียวหานอีก แต่ระหว่างทางยังคงแอบมองซังหนี่เป็นระยะ ดวงตาเต็มไปด้วยความลังเลและสงสัยจนกระทั่งซังหนี่กลอกตามองเขาอย่างหน่ายใจ ในที่สุดเขาก็ยอมเงียบไปสิ่งที่ทำให้ซังหนี่แปลกใจคือ งานเลี้ยงคืนนี้ไม่ได้มีอะไรผิดปกติเกาต๋าเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการเจรจาความร่วมมือกับฟู่เซียวหาน ส่วนซังหนี่ในฐานะผู้ติดตาม มีเพียงบางช่วงที่ต้องเสริมข้อมูลและร่วมดื่มตามมารยาททางธุรกิจตลอดทั้งงาน ฟู่เซียวหานแทบไม่ได้สบตากับเธอเลยแต่ซังหนี่ก็เข้าใจได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับนึกถึงบทสนทนาครั้งล่าสุดของเธอกับฟู่เซียวหานต่อให้เธอจะรู้สึกติดค้างในใจ แต่ฟู่เซียวหานเป็นคนแบบไหนกันแน่?คนที่แม้แต่เสื้อผ้าที่เปื้อนเพียงนิดเดียวก็ไม่ยอมใส่ซ้ำ แล้วเขาจะกลับมาอยู่กับเธอได้ยังไงกันไม่มีทาง...ศักดิ์ศรีของเขาไม่มีวันยอมให้เป็นแบบนั้นคิดมาถึงตรงนี้ ซังหนี่ก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาพอดีในตอนนั้น โทรศัพท์ของเธอดังขึ้นเสียงเรียกเข้าดีงใสกังวาน ทำลายบรรยากาศที่กำลังเป็นกันเองภายในห้องส่วนตัวซั
คืนนี้ซังหนี่ไม่ได้ดื่มมากเท่าไหร่เลยแต่ความมึนเวียนแบบนี้เธอคุ้นเคยดียิ่งบวกกับตอนนี้ที่ห้องส่วนตัวก็ถูกเคลียร์คนออกไปหมด...ซังหนี่หันขวับไปมองฟู่เซียวหาน แล้วกัดฟันแน่น “ฟู่เซียวหาน คุณถึงกับใช้วิธีสกปรกแบบนี้เลยเหรอ!?”ดวงตาเธอแดงก่ำทันที กำมือแน่นด้วยความโกรธและไม่อยากเชื่อ แขนและทั้งร่างกายก็สั่นระริกเบา ๆฟู่เซียวหานขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่เขาก็ตอบกลับอย่างรวดเร็ว “ไม่ใช่ผม”“ไม่ใช่คุณแล้วใคร...”ซังหนี่ยังพูดไม่ทันจบ จู่ ๆ ภาพของคนคนหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัว——เกาต๋ามิน่าล่ะ!คืนนี้ท่าทีของฟู่เซียวหานชัดเจนว่าไม่ได้คิดจะร่วมมือกับพวกเขาเต็มที่ แต่วันนี้เกาต๋ากลับดูมั่นใจผิดปกติที่แท้เขาวางแผนไว้ล่วงหน้าหมดแล้ว——คืนนี้จะเอาตัวเธอเป็นของขวัญให้ฟู่เซียวหาน!แต่พอคิดได้แบบนั้น ซังหนี่กลับใจเย็นลงอย่างรวดเร็วเธอไม่ได้โต้เถียงอะไรอีก หันหลังเตรียมเดินออกไปทันทีเพราะเธอไม่รู้ว่าเกาต๋าแอบใส่อะไรลงในแก้วของเธอ และก็ไม่อยากพัวพันกับฟู่เซียวหานเพราะเรื่องนี้!แต่ซังหนี่เพิ่งเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ฟู่เซียวหานก็พุ่งเข้ามาตรงหน้า และอุ้มเธอขึ้นทั้งตัว!การกระทำนั้นทำให้ซังหนี่ตกใจ ม
น้ำเสียงของฟู่เซียวหานนิ่งสงบและจริงจังมากแต่ในขณะนี้เอง ซังหนี่กลับพลันนึกถึงเหตุการณ์ครั้งก่อนที่ถนนหมินเหอ วันที่เขาเตะฉินม่อซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยสีหน้าจริงจังแบบเดียวกันนี้และก็เป็นตอนนี้เอง ที่ซังหนี่เพิ่งเข้าใจว่า ภายใต้แววตาอันเย็นชาของเขา ได้เก็บซ่อนความบ้าคลั่งเอาไว้——เขาไม่ได้เป็นคนใจดีเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ เขายอมทำทุกอย่างโดยไม่สนวิธีการ...นั่นแหละคือเขาไม่นานนัก รถก็จอดที่ลานจอดรถหน้าโรงแรมฟู่เซียวหานอุ้มซังหนี่ลงจากรถทันที“ปล่อย... ปล่อยฉัน!”ซังหนี่กัดริมฝีปากแน่น มือผลักหน้าอกเขาสุดแรง “ฟู่เซียวหาน เรื่องระหว่างเรามันจบไปแล้ว คุณเป็นคนพูดเองว่าจบ!”ฟู่เซียวหานไม่ตอบอะไรไม่นาน ลิฟต์ก็มาถึงเขาจองห้องสวีตไว้ ซึ่งห้องอยู่ตรงหน้าลิฟต์พอดีทันทีที่ประตูห้องปิดลง ฟู่เซียวหานก็เลิกเก็บกดความรู้สึกของตัวเองซังหนี่ถูกเขาดันติดกับประตูทันที แล้วเสื้อคลุมของเธอก็ถูกเขากระชากออกทันที!“ปล่อยฉันนะ! ฟู่เซียวหาน! ไอ้บ้าเอ๊ย! คุณทำแบบนี้ทำไมกัน? เมื่อก่อนคุณ...”“ผมเปลี่ยนใจแล้ว”เสียงของเขาดังขึ้นคำพูดนี้ทำเอาซังหนี่ชะงักไปทันที“คุณเห็นฉันเป็นอะไร?”ผ่านไ
เลือดไหลซึมออกมาจากหนังศีรษะและเส้นผมของซังหนี่อย่างรวดเร็วแม้แต่ฟู่เซียวหานเอง ในเสี้ยววินาทีนั้นสมองของเขาก็พลันว่างเปล่าผ่านไปพักใหญ่ จากนั้นเขาก็รีบกระชากของจากมือซังหนี่ไปทันที!ซังหนี่ฉวยจังหวะนั้น ผลักตัวเขาไปข้างหน้าอย่างแรง!เธอไม่พูดอะไรกับเขาอีก ไม่แม้แต่จะหันไปมองเขาสักนิดเธอเพียงประคองตัวเองและหันไปเปิดประตูแต่ยังไม่ทันได้ก้าวออกไป ฟู่เซียวหานก็คว้ามือเธอจากด้านหลังไว้“ปล่อยฉันนะ! ฟู่เซียวหาน! ไอ้บ้าเอามือออกไปเดี๋ยวนี้!”ซังหนี่ร้องลั่น เห็นว่าฟู่เซียวหานไม่มีท่าทีจะปล่อย เธอไม่รอช้า ก้มลงกัดแขนเขาเต็มแรง!ตอนนั้นอารมณ์เธอกำลังจะพังทลาย แน่นอนว่าไม่มีคำว่าปรานีอีกแล้วไม่นานเธอก็ได้ลิ้มรสคาวเลือด แต่ฟู่เซียวหานกลับไม่แม้แต่จะส่งเสียงร้องออกมาซังหนี่กำลังจะกัดซ้ำ แต่เสียงของเขาก็ดังขึ้น ด้วยความเจ็บปวดที่ฝืนกลั้นไว้ “ผมจะพาคุณไปโรงพยาบาล”……ซังหนี่ตื่นขึ้นมา พบว่าตัวเองอยู่ในโรงพยาบาลจี้อวี้หยวนนั่งอยู่ข้างเธอ ขมวดคิ้วแน่นแต่พอเห็นเธอฟื้นขึ้นมา เขาก็คว้ามือเธอไว้ทันที “คุณเป็นไงบ้าง เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”“ไหวอยู่ค่ะ”“อยากลุกขึ้นไหม?” จี้อวี้หยวนถ
ซังหนี่เพิ่งกินโจ๊กเสร็จก็เห็นเจิ้งชวนเขายืนอยู่ที่ประตู ด้วยสีหน้าลังเล เหมือนกับว่าเขากำลังคิดไม่ตกว่าตัวเองควรมาจะมาที่นี่หรือเปล่าซังหนี่เหลือบมองเขา และพูดว่า “เข้ามาเถอะ”“ประธานเสี่ยวซัง ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆ นะ”เจิ้งชวนเพิ่งเข้ามาก็พูดขึ้นทันที “เมื่อคืนประธานเกาเป็นคนลากผมออกไป และยังบอกอีกว่าคุณมีเรื่องต้องพูดกับประธานฟู่ ผมไม่รู้จริงๆ ว่าเขาจะใช้วิธีสกปรกแบบนั้น!”น้ำเสียงของเจิ้งชวนซึ่งเต็มไปด้วยกล้ำกลืนซังหนี่ไม่ได้รีบตำหนิเขาแต่อย่างใด เพียงแค่พูดว่า “คุณโทรหาเกาต๋า แล้วบอกว่าฉันต้องการพบเขา”“ตอนนี้เหรอครับ?”“ใช่ ตอนนี้”น้ำเสียงของซังหนี่ยืนยันแน่วแน่ ดังนั้นเจิ้งชวนจึงไม่กล้าถามอะไรอีกเมื่อเกาต๋ามาถึง เธอก็ขอให้เจิ้งชวนกับพยาบาลทุกคนออกไปเห็นได้ชัดว่าเกาต๋าไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองทำอะไรผิด แต่เพราะแผนการล้มเหลว เวลานี้สีหน้าของเขาจึงยังดูแย่อยู่เล็กน้อย“เมื่อคืนคุณเป็นคนใส่ยาในไวน์ของฉันใช่ไหม?” ซังหนี่ถามเขาตรงๆเกาต๋ามองมาที่เธอ แล้วก็ยิ้ม “ผมไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดถึงอะไร”“เมื่อคืนฉันถูกส่งมาที่โรงพยาบาล สภาพร่างกายเป็นยังไงคุณหมอคงรู้ดี และผลก
อาการบาดเจ็บของซังหนี่ไม่ได้เป็นอะไรมากหลังจากตรวจเสร็จ วันต่อมาเธอก็ได้ออกจากโรงพยาบาลเพียงแต่แผลของเธอยังไม่หายดี บนหน้าผากยังมีผ้าก๊อซปิดไว้ หมอบอกว่า อาจจะทิ้งรอยแผลเป็นไว้ซังหนี่กลับไม่สนใจแต่ตอนนี้เธอมาอยู่ที่ร้านอาหาร และผู้คนที่เดินผ่านไปมาก็อดไม่ได้ที่จะมองมาที่เธอซังหนี่เพียงแค่นั่งอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆนอกหน้าต่างกระจก เป็นถนนที่คึกคักที่สุดในเมืองอิ๋นไฟสีแดงของรถ และแสงไฟส่องสว่างจากชุมชนเล็กๆ ที่อยู่ห่างออกไป ริมฝั่งถนนยังมีแผงขายผลไม้และก๋วยเตี๋ยวผัด ทำให้กลายเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยบรรยากาศของความคึกคักและความอบอุ่นซึ่งอบอุ่นกว่าเมืองถงที่เต็มไปด้วยตึกสูงมากขณะที่ซังหนี่กำลังจ้องมองอย่างเหม่อลอยอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยดึงเข้ามาเสียงนั้น แม้ว่าจะห้องโถงของร้านอาหารที่มีผู้คนคับคั่ง แต่ซังหนี่ก็สามารถรู้ได้โดยไม่ต้องหันหน้าไปมองว่า——เป็นเขาเธอรู้จักเขา...มานานหลายปีแล้วนานมากจนซังหนี่เองก็ลืมไปแล้วว่าตัวเองเริ่มแอบสังเกตเขาตั้งแต่เมื่อไหร่เธอรู้ว่าเขาชอบดื่มกาแฟดำ รู้ว่าเขาไม่ชอบกินอาหารรสหวานเปรี้ยวทุกอย่าง รู้ว่าเขาชอบใส่เสื้อผ้าสีเข้
คุณนายใหญ่สะบัดมือแล้วเดินจากไปทันทีฟู่จินหยวนยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ผ่านไปพักใหญ่ เขาถึงได้สติกลับมา จากนั้นก็ก้าวพรวดเข้าไป คว้าคอเสื้อของฟู่เซียวหานไว้แน่น!“เพราะงั้นนายรู้ทุกอย่างมาตลอด? แต่ก็ยังปล่อยให้ฉันทำแบบนั้น นายจงใจใช่ไหม!”พอเขาพูดจบ ฟู่เซียวหานกลับหัวเราะออกมา “ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง ถ้านายยังควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วจะโทษใครได้ล่ะ?”“นี่มันกับดักที่นายวางแผนไว้ชัด ๆ!”“ใช่ แต่คนที่เลือกจะกระโดดลงไปก็คือตัวนายเอง ฉันไม่ได้จ่อปืนบังคับให้นายทำนี่”ฟู่เซียวหานพูด พลางยกมือขึ้น แกะนิ้วของเขาออกทีละนิ้ว“อ้อจริงสิ จะบอกอะไรไว้อย่างหนึ่ง คังรุ่ยน่ะจริง ๆ แล้วฉันก็มีหุ้นอยู่เหมือนกัน” ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ “ดีลของนายอันนั้น ที่จริงฉันเป็นคนออกแบบให้โดยเฉพาะเลยนะ แม้แต่ผู้จัดการหุ้น A ของนาย ก็เป็นคนที่ฉันเลือกไว้ให้เอง ไม่งั้นคิดดูสิ นายจะทำกำไรได้มากขนาดนั้นในเวลาแค่ไม่กี่วันได้ยังไง? แล้วอยู่ดี ๆ ถึงกับขาดทุนจนหมดแม้แต่ทุนยังไม่ได้คืน?”เมื่อครู่นี้ฟู่จินหยวนแค่สงสัยแม้เขาจะตะโกนถามเสียงดัง แต่ในใจลึก ๆ ก็แค่คิดว่าฟู่เซียวหานพอรู้เรื่องอยู่บ้าง เพียงแต่เลือกที่จะไม่
คุณนายใหญ่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เห็นการกระทำของเขาชัดเจน คิ้วขมวดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจนกระทั่งฟู่เซียวหานเห็นว่าซังหนี่กินเกือบเสร็จแล้ว เขาถึงหันไปมองฟู่จินหยวน “จริงสิ ได้ยินมาว่านายกำลังติดต่อกับคนของคังรุ่ยอยู่ใช่ไหม? ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”เดิมทีฟู่จินหยวนก็กำลังก้มหน้าทานอาหารอยู่แต่ทันทีที่ฟู่เซียวหานถามคำถามนี้ เขาก็หยุดชะงักไป จากนั้น ก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยความไม่อยากเชื่อ!คุณนายใหญ่กลับแสดงสีหน้าสงสัย “คังรุ่ยคืออะไรเหรอ?”“อ๋อ คุณย่าน่าจะยังไม่ทราบ นั่นคือ...บริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการจัดการเงินทุนครับ” ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ “พูดง่าย ๆ คือ คุณสามารถนำหุ้นที่ถืออยู่ไปใช้ค้ำประกันกับพวกเขา เพื่อแลกกับกระแสเงินสดจำนวนมาก ถ้าภายในเวลาที่กำหนด หุ้นมีมูลค่าเพิ่มถึงระดับหนึ่ง พวกเขาก็จะแบ่งปันผลกำไรให้คุณต่อ แต่ถ้าหุ้นร่วงลงไปถึงจุดที่ตกลงไว้ พวกเขาก็จะดำเนินการตามสัญญา แยกหรือแม้กระทั่งฮุบหุ้นของคุณไปเลย”“ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกนายดำเนินการไปถึงขั้นไหนแล้ว? แล้วฉันไม่ค่อยเข้าใจเลย ชีวิตของนายตอนนี้ก็ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายอะไรมากมายไม่ใช่เหรอ? การร่วมมือกับพวกเขา นายจะได้อะไรล่ะ?”
แม้ว่าอาการบาดเจ็บของคุณนายฟู่จะสาหัส แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้บาดเจ็บจนถึงแก่ชีวิต ดังนั้นหลังจากนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลไม่นานนักเธอก็ทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลคราวนี้ฟู่เซียวหานไม่ยอมให้เธออาศัยอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลฟู่อีกต่อไป แต่ได้จัดสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่เรียบง่ายและสง่างามเอาไว้ให้สำหรับเธอและเป็นช่วงเวลาปลายเดือนพอดิบพอดีกับที่ฟู่จินหยวนกลับมารายงานผลงานของเขาที่เมืองถง ฟู่เซียวหานจองร้านอาหารด้านนอกเอาไว้และกล่าวว่าพวกเขาจะมาทาน ‘มื้อครอบครัว’ ด้วยกันเมื่อซังหนี่ได้ยินมุกตลกนี้ถึงกับรู้จักเอะใจในทันทีเพราะอย่างไรเสียมื้อครอบครัวของตระกูลฟู่ในแต่ละครั้ง… ดูเหมือนแทบจะไม่มีน่ายินดีใดเลยสักครั้งแต่ในเมื่อฟู่เซียวหานได้กล่าวออกไปเช่นนั้นแล้ว เธอจึงทำได้แค่เดินตามเขาไปเท่านั้นขณะนี้เมืองถงได้เข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการอุณหภูมิในวันนี้ต่ำกว่าเมื่อวานเล็กน้อย ก่อนออกไปข้างนอกฟู่เซียวหานจึงตั้งใจสวมผ้าพันคอให้เธอผ้าพันคอสีขาวและเสื้อโค้ตบนตัวของเธอล้วนเป็นชุดสีเดียวกัน ในขณะที่ฟู่เซียวหานล้วนสวมสีดำไปทั้งตัวสองสีที่อยู่ตรงข้ามกันสุดขั้ว แต่ในเวลานี้เมื่อทั้งส
เมื่อเขาพบว่าเธอกับเออร์วินเดินตามหลังกันมาติด ๆ คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นในทันที “พวกคุณไปไหนกันมา?”“ฉันไปเข้าห้องน้ำมาค่ะ” ซังหนี่ตอบ “บังเอิญเจอกับคุณเออร์วินระหว่างทางพอดี”ท่าทีของเธอเต็มไปด้วยความเรียบนิ่งยิ่งไปกว่านั้นคือที่นี่คือเมืองถง ฟู่เซียวหานรู้ดีว่าเออร์วินจะไม่ทำอะไรแน่นอนแต่ถึงอย่างนั้น ในใจของเขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย หลังจากขมวดคิ้วพลางมองไปที่เออร์วินแล้วถึงจะเดินกลับไปยังห้องส่วนตัวอาหารล้วนมาเสิร์ฟครบแล้วเออร์วินยังคงไม่ชอบอาหารจีนเช่นเดิม แต่ท้ายที่สุดเขาก็ยังทานไปบ้างอย่างต้องการไว้หน้ากลับกลายเป็นไวน์ที่ทั้งสองต่างดื่มไปไม่น้อยเมื่อเห็นว่าฟู่เซียวหานยังต้องการดื่มต่อ เธอก็ยกมือขึ้นไปจับแก้วของเขาเอาไว้โดยตรง“หยุดดื่มได้แล้วค่ะ” เธอกล่าว “ช่วงนี้เดิมทีคุณก็พักผ่อนไม่ค่อยพออยู่แล้ว ดื่มไปมากมายขนาดนี้ร่างกายของคุณจะรับไหวได้อย่างไร?”เสียงของเธอเบามาก แต่เรียวคิ้วนั้นกลับขมวดย่นเข้าหากัน ภายในดวงตาเจือไปด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยฟู่เซียวหานรู้สึกประหลาดใจ และยิ้มออกมา “ครับ”หลังจากกล่าวจบ เขาก็ผินหน้าหันไปมองเออร์วิน “งั้นผมไม่ดื่มแล้วนะ”เออ
ทันทีที่ซังหนี่กล่าวจบ เออร์วินพลันตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มออกมา “แน่นอน ผมเคยบอกแล้วนี่ว่าตราบใดที่เราร่วมมือกันทำลายเหยียบย่ำธุรกิจของเขาในทางฝั่งนี้ได้หมดสิ้น เขาก็จำต้องไปอยู่กับผมที่ประเทศ M”“ถึงตอนนั้น คุณเองก็จะมีอิสระเช่นกัน”ซังหนี่เพียงยิ้มน้อย ๆทว่าเมื่อรอยยิ้มนั้นตกอยู่ในสายตาของเออร์วิน กลับทำให้เขาอดขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้ซังหนี่จึงกล่าวว่า “แต่คุณเออร์วินคะ ฉันไม่รู้สึกเลยว่าคุณกำลังช่วยฉันอยู่”“หืม?”“ถ้าคุณคิดอยากจะทำให้ฟู่เซียวหานสิ้นหวังนั้นมันง่ายเอามาก ๆ เพียงบอกเรื่องที่คุณร่วมมือกับฉันก็เพียงพอแล้วล่ะค่ะ”“เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาเป็นคนอย่างไร คุณเออร์วินต้องรู้ดีกว่าฉันแน่นอน ถ้าคุณทำลายอาชีพธุรกิจภายในประเทศของเขาแล้วล่ะก็ เขาจะปล่อยคุณไปงั้นหรือคะ?”“นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่คุณต้องการแน่นอน ดังนั้นคุณจึงเพียงอยากให้เขารู้ว่าฉันทรยศเขาก็พอ ที่ช่วงนี้คุณเร่งเร้าฉันมาตลอดจริงๆนั่นก็เป็นเพราะเพื่อสิ่งนี้ใช่ไหมล่ะคะ?”“เมื่อถึงตอนนั้นคุณก็จะบอกเขาได้ว่า ดูสิ จริงๆแล้วคนที่อยู่รอบข้างเขานั้นไม่มีใครไว้ใจได้เลย รวมถึงภรรยาของเขาด้วย มีเพียงคุณเท่านั้นที่เป็น
ฟู่เซียวหานไม่ตอบกลับไปอีก เพียงปล่อยมือและก้าวเดินไปข้างหน้าเออร์วินเดินตามเขามาจนทันอย่างรวดเร็ว “เอาล่ะ หยุดพูดถึงเรื่องนี้กันดีกว่า แล้วผมต้องไปพักที่ไหนล่ะ? บ้านของคุณ?”“โรงแรม” ฟู่เซียวหานตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เออร์วินยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจฟู่เซียวหานยังมีธุระอื่นที่ต้องทำ จึงไม่มีความตั้งใจที่จะไปส่งเออร์วินที่โรงแรมในเวลานี้ แต่ก่อนที่เขาขึ้นรถคันอื่น เสียงของเออร์วินกลับดังขึ้นว่า “ใช่สิ ภรรยาของคุณก็รู้ว่าผมมาถึงที่นี่ในวันนี้ เธอยังบอกด้วยว่าเธอจะให้การต้อนรับผมเป็นอย่างดี คืนนี้คุณเองก็น่าจะมาใช่ไหม?”ฟู่เซียวหานหันหน้าไปมองเขาเออร์วินยิ้ม “ไม่เป็นไร ถ้าคุณไม่มา พวกเราทานข้าวกันตามลำพังก็ได้นะ”——แน่นอนว่าไม่มีทางที่ฟู่เซียวหานจะพลาดทันทีที่มาถึงห้องส่วนตัวเขาก็จัดการชำระหนี้กับซังหนี่ทันที “คุณไม่ได้บอกมาก่อนหน้านี้หรือว่าคุณจะไม่ไปเจอกับเขาตามลำพัง? แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น?”ซังหนี่กลับเป็นฝ่ายชะงักไปชั่วขณะ “คุณเป็นฝ่ายตกลงรับปากกับเขาก่อนไม่ใช่หรือ? เขาบอกว่าคืนนี้คุณอยากจะเลี้ยงอาหารเขา ฉันถึงได้มาที่นี่”ฟู่เซียวหานขมวดคิ้วและเป็นเวลานี้เองที่เขาตระหนัก
หลังจากที่ฟู่เซียวหานพูดจบ ก่อนที่ซังหนี่จะทันได้ตอบกลับไป โทรศัพท์มือถือของเขาก็พลันดังขึ้นซังหนี่เหลือบไปเห็นชื่อบนโทรศัพท์ —— เออร์วินฟู่เซียวหานมองชื่อบนโทรศัพท์พร้อมมองมาที่ซังหนี่ก่อน ถึงจะปลีกตัวออกไปรับสายซังหนี่ไม่รู้ว่าคนอยู่อีกฝั่งกำลังกล่าวอะไร แต่เธอเห็นคิ้วของเขาขมวดอย่างกะทันหัน ก่อนจะหันหน้ามามองซังหนี่“งั้นหรือ?” เขาตอบ “แล้วอย่างไรล่ะ?”“ทราบแล้ว”หลังจากตอบกลับไปเพียงสั้น ๆ เขาก็กดวางสายโทรศัพท์โดยตรง“เมื่อกี้เออร์วินโทรมาหาคุณหรือ?” เขาถามซังหนี่“อืม”“พวกคุณสองคนสนิทกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”ซังหนี่เลิกคิ้ว “แค่โทรศัพท์หากันก็นับว่าสนิทแล้วหรือคะ?”“เขาบอกว่าเที่ยวบินของเขาจะมาถึงเมืองถงในวันพรุ่งนี้ ซึ่งคนแรกที่ได้รับการแจ้งข่าวนี้ไม่ใช่ผมแต่กลับเป็นคุณ นี่ยังนับว่าไม่สนิทอีกหรือ?”ขณะที่ฟู่เซียวหานกล่าว คิ้วของเขาก็ยิ่งขมวดแน่นมากขึ้นซังหนี่ไม่กล่าวอะไรอีกฟู่เซียวหานกัดฟันเอาไว้ ในที่สุดก็กดระงับอารมณ์ของตนเองเอาไว้ได้แล้วกล่าวว่า “คุณอย่าโดนเขาหลอกเชียว”“ถึงแม้ว่าเขาจะดูเป็นผู้เป็นคนที่ไม่ค่อยมีมารยาทอยู่บ้าง แต่ที่แท้จริงแล้วเขานั้นเล
“มันก็เป็นแบบที่คุณคิด”ฟู่เซียวหานกล่าวอีกครั้งซังหนี่กลับไม่ทันตั้งตัว “ฉันคิด…อะไรนะคะ?”“หืม? ตอนที่เห็นภาพนี้กับเวลาถ่ายแล้ว คุณคิดอะไรไม่ออกเลยหรือ?”ซังหนี่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “พูดได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ จริง ๆ แล้วคุณพ่อของคุณรู้จักกับคุณแม่ของฟู่จินหยวนมาก่อน ที่เขาแต่งงานกับคุณแม่ของคุณก็เพราะ…ใบหน้านั้นของเธอ?”“ใช่”คำตอบของฟู่เซียวหานเปี่ยมไปด้วยความตรงไปตรงมาชัดเจนเดิมทีซังหนี่คิดว่าเรื่องราวพวกนี้มันน่าประหลาดและเกินจริงมากเกินไป ทว่ามันกลับกลายเป็นเรื่องจริงเธอเผยอริมฝีปากราวกับคิดอยากจะกล่าวบางอย่างออกมา แต่ท้ายที่สุดก็มีเพียงแค่ความเงียบงันฟู่เซียวหานแย้มยิ้ม “ดังนั้นคุณดูสิว่า ทำไมฟู่จินหยวนกับผมถึงได้หน้าตาคล้ายกันมาก? ที่แท้ก็เป็นเพราะว่าแม่ของเราเองก็คล้ายคลึงกันมากเช่นกัน”“คุณแม่ของคุณ…เพิ่งรู้เรื่องนี้หรือคะ?” ซังหนี่เอ่ยถามเสียงแผ่ว“อืม ก่อนหน้านี้ถึงแม้เธอจะรู้ว่าฟู่โจวมีครอบครัวอื่นอยู่ข้างนอก แต่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าผู้หญิงคนนั้นจะดูคล้ายกับเธอมากขนาดนี้ มากเสียจนกระทั่งทำให้คิดได้ว่าที่แท้จริงแล้วเธอต่างหากที่เป็นตัวแทนของผู้หญิงคนนั้น”“
ซังหนี่ยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องพักผู้ป่วยตลอดโดยไม่ได้เดินออกไปเมื่อฟู่เซียวหานออกมาและเห็นเธอยืนอยู่ตรงนั้นถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว “ทำไมคุณถึงยังอยู่ที่นี่?”ซังหนี่ไม่ได้ตอบคำถามของเขา ทำเพียงแค่มองเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยก่อน“เธอหลับไปแล้ว” ฟู่เซียวหานรู้ว่าเธอกำลังกังวลเรื่องอะไรจึงกล่าวด้วยความรวดเร็ว“ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมคะ?” ซังหนี่ถามเขา “พวกคุณคุยเรื่องอะไรกัน?”ฟู่เซียวหานกระตุกมุมปากของตน ก่อนจะจับมือของเธอแล้วเดินไปข้างหน้าซังหนี่ขมวดคิ้ว “คุณพูดมาสิ”“ตอนนี้ผมเหนื่อยมาก และแค่อยากกลับไปพักผ่อน” ฟู่เซียวหานกล่าว “รอตื่นแล้วผมค่อยบอกคุณ”ฟู่เซียวหานจงใจอุบเรื่องนี้เอาไว้ไม่ยอมเล่า ไม่ว่าซังหนี่จะไล่ถามอย่างไร เขาก็ไม่แม้จะกล่าวออกมาจนกระทั่งท้ายที่สุดซังหนี่ก็ไม่ถามอีกฟู่เซียวหานบอกว่าเขาต้องการพักผ่อน ก็ได้พาเธอกลับนอนหลับเอาแรงจริง ๆ ซังหนี่ยังคงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่คั่งค้างอยู่ภายในใจ เดิมทีเธอคิดว่าตนนั้นคงจะนอนไม่หลับแต่เมื่อเธอมาถึงที่เถาหรานจวี หลังจากที่ฟู่เซียวหานกับเธอต่างก็เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าและล้มตัวลงนอนบนเตียงด้วยกัน เธอก็