เลือดไหลซึมออกมาจากหนังศีรษะและเส้นผมของซังหนี่อย่างรวดเร็วแม้แต่ฟู่เซียวหานเอง ในเสี้ยววินาทีนั้นสมองของเขาก็พลันว่างเปล่าผ่านไปพักใหญ่ จากนั้นเขาก็รีบกระชากของจากมือซังหนี่ไปทันที!ซังหนี่ฉวยจังหวะนั้น ผลักตัวเขาไปข้างหน้าอย่างแรง!เธอไม่พูดอะไรกับเขาอีก ไม่แม้แต่จะหันไปมองเขาสักนิดเธอเพียงประคองตัวเองและหันไปเปิดประตูแต่ยังไม่ทันได้ก้าวออกไป ฟู่เซียวหานก็คว้ามือเธอจากด้านหลังไว้“ปล่อยฉันนะ! ฟู่เซียวหาน! ไอ้บ้าเอามือออกไปเดี๋ยวนี้!”ซังหนี่ร้องลั่น เห็นว่าฟู่เซียวหานไม่มีท่าทีจะปล่อย เธอไม่รอช้า ก้มลงกัดแขนเขาเต็มแรง!ตอนนั้นอารมณ์เธอกำลังจะพังทลาย แน่นอนว่าไม่มีคำว่าปรานีอีกแล้วไม่นานเธอก็ได้ลิ้มรสคาวเลือด แต่ฟู่เซียวหานกลับไม่แม้แต่จะส่งเสียงร้องออกมาซังหนี่กำลังจะกัดซ้ำ แต่เสียงของเขาก็ดังขึ้น ด้วยความเจ็บปวดที่ฝืนกลั้นไว้ “ผมจะพาคุณไปโรงพยาบาล”……ซังหนี่ตื่นขึ้นมา พบว่าตัวเองอยู่ในโรงพยาบาลจี้อวี้หยวนนั่งอยู่ข้างเธอ ขมวดคิ้วแน่นแต่พอเห็นเธอฟื้นขึ้นมา เขาก็คว้ามือเธอไว้ทันที “คุณเป็นไงบ้าง เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”“ไหวอยู่ค่ะ”“อยากลุกขึ้นไหม?” จี้อวี้หยวนถ
ซังหนี่เพิ่งกินโจ๊กเสร็จก็เห็นเจิ้งชวนเขายืนอยู่ที่ประตู ด้วยสีหน้าลังเล เหมือนกับว่าเขากำลังคิดไม่ตกว่าตัวเองควรมาจะมาที่นี่หรือเปล่าซังหนี่เหลือบมองเขา และพูดว่า “เข้ามาเถอะ”“ประธานเสี่ยวซัง ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆ นะ”เจิ้งชวนเพิ่งเข้ามาก็พูดขึ้นทันที “เมื่อคืนประธานเกาเป็นคนลากผมออกไป และยังบอกอีกว่าคุณมีเรื่องต้องพูดกับประธานฟู่ ผมไม่รู้จริงๆ ว่าเขาจะใช้วิธีสกปรกแบบนั้น!”น้ำเสียงของเจิ้งชวนซึ่งเต็มไปด้วยกล้ำกลืนซังหนี่ไม่ได้รีบตำหนิเขาแต่อย่างใด เพียงแค่พูดว่า “คุณโทรหาเกาต๋า แล้วบอกว่าฉันต้องการพบเขา”“ตอนนี้เหรอครับ?”“ใช่ ตอนนี้”น้ำเสียงของซังหนี่ยืนยันแน่วแน่ ดังนั้นเจิ้งชวนจึงไม่กล้าถามอะไรอีกเมื่อเกาต๋ามาถึง เธอก็ขอให้เจิ้งชวนกับพยาบาลทุกคนออกไปเห็นได้ชัดว่าเกาต๋าไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองทำอะไรผิด แต่เพราะแผนการล้มเหลว เวลานี้สีหน้าของเขาจึงยังดูแย่อยู่เล็กน้อย“เมื่อคืนคุณเป็นคนใส่ยาในไวน์ของฉันใช่ไหม?” ซังหนี่ถามเขาตรงๆเกาต๋ามองมาที่เธอ แล้วก็ยิ้ม “ผมไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดถึงอะไร”“เมื่อคืนฉันถูกส่งมาที่โรงพยาบาล สภาพร่างกายเป็นยังไงคุณหมอคงรู้ดี และผลก
อาการบาดเจ็บของซังหนี่ไม่ได้เป็นอะไรมากหลังจากตรวจเสร็จ วันต่อมาเธอก็ได้ออกจากโรงพยาบาลเพียงแต่แผลของเธอยังไม่หายดี บนหน้าผากยังมีผ้าก๊อซปิดไว้ หมอบอกว่า อาจจะทิ้งรอยแผลเป็นไว้ซังหนี่กลับไม่สนใจแต่ตอนนี้เธอมาอยู่ที่ร้านอาหาร และผู้คนที่เดินผ่านไปมาก็อดไม่ได้ที่จะมองมาที่เธอซังหนี่เพียงแค่นั่งอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆนอกหน้าต่างกระจก เป็นถนนที่คึกคักที่สุดในเมืองอิ๋นไฟสีแดงของรถ และแสงไฟส่องสว่างจากชุมชนเล็กๆ ที่อยู่ห่างออกไป ริมฝั่งถนนยังมีแผงขายผลไม้และก๋วยเตี๋ยวผัด ทำให้กลายเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยบรรยากาศของความคึกคักและความอบอุ่นซึ่งอบอุ่นกว่าเมืองถงที่เต็มไปด้วยตึกสูงมากขณะที่ซังหนี่กำลังจ้องมองอย่างเหม่อลอยอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยดึงเข้ามาเสียงนั้น แม้ว่าจะห้องโถงของร้านอาหารที่มีผู้คนคับคั่ง แต่ซังหนี่ก็สามารถรู้ได้โดยไม่ต้องหันหน้าไปมองว่า——เป็นเขาเธอรู้จักเขา...มานานหลายปีแล้วนานมากจนซังหนี่เองก็ลืมไปแล้วว่าตัวเองเริ่มแอบสังเกตเขาตั้งแต่เมื่อไหร่เธอรู้ว่าเขาชอบดื่มกาแฟดำ รู้ว่าเขาไม่ชอบกินอาหารรสหวานเปรี้ยวทุกอย่าง รู้ว่าเขาชอบใส่เสื้อผ้าสีเข้
จากนั้น เธอก็มองไปที่เขา“คุณต้องการจะพูดอะไร?” ฟู่เซียวหานถามประโยคนั้นทำให้ริมฝีปากของซังหนี่เม้มแน่นยิ่งขึ้นจากนั้น เธอก็วางตะเกียบลง และเช็ดมุมริมฝีปากของตัวเอง“จากหลักฐานพวกนี้ ฉันสามารถแจ้งตำรวจได้” เธอกล่าว“เหรอ? แจ้งตำรวจมาจับผมงั้นเหรอ?” ฟู่เซียวหานยิ้มเล็กน้อยซังหนี่มองรอยยิ้มของเขา คิ้วก็ขมวดแน่นขึ้น "คุณหัวเราะอะไร?"“เอ้า? ผมไม่ควรหัวเราะเหรอ?”ฟู่เซียวหานกลับทำตามที่เธอต้องการ รีบหุบยิ้มทันที แล้วถามอีกครั้งว่า "ในเมื่อคุณต้องการแจ้งตำรวจ งั้นตอนนี้คุณก็ควรจะไปสถานีตำรวจไม่ใช่เหรอ? ทำไมยังนั่งกินข้าวอยู่ที่นี่กับผมล่ะ"ซังหนี่ไม่พูดอะไร“คุณต้องการใช้เรื่องนี้มาขู่ผม?”ฟู่เซียวหานพูดต่อ พร้อมกับสวมถุงมือ และเริ่มแกะกุ้งอย่างช้าๆการเคลื่อนไหวของเขาดูสง่ามาก การแสดงออกก็นิ่งเฉย ราวกับว่าตอนนี้พวกเขาเพียงแค่นัดกินข้าวกับธรรมดาๆ เท่านั้นจริงๆจากนั้น เขาก็ถามว่า “คุณต้องการให้ผมยกสิทธิ์ความร่วมมือในโครงการรู่โจวให้พวกคุณงั้นเหรอ?”“ใครเป็นคนเสนอความคิดนี้ให้กับคุณ?” ฟู่เซียวหานถาม “แฟนของคุณคนนั้นเหรอ?”“แล้วทำไมวันนี้เขาถึงไม่มาพบผมเป็นเพื่อนคุณล่ะ? เขาไ
“ตกลงเรียบร้อยดีไหม?”ซังหนี่ดูเหมือนจะอารมณ์ไม่ค่อยดี ดังนั้นจี้อวี้หยวนจึงไม่ได้รีบถามอะไรเธอ จนกระทั่งมาถึงบ้านพักซิงเหอย่วน เขาถึงเอ่ยถามขึ้นมาซังหนี่ยังคงรู้สึกมึนงงเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็พยักหน้าให้เขา“คุณยังรู้สึกไม่สบายอยู่หรือเปล่า?”จี้อวี้หยวนยื่นมือออกมาเพื่อจะสัมผัสแก้มของเธอการเคลื่อนไหวอย่างกะทันหันนี้ทำให้ซังหนี่ถึงกับตกใจ ร่างกายแข็งทื่อเล็กน้อยแต่เธอยังไม่ทันจะหลบ จี้อวี้หยวนก็ดึงมือกลับคืนไปแล้ว“โชคดีที่ไม่มีไข้” เขาถอยหลังไปสองก้าว แล้วพูดว่า “แต่คุณต้องพักผ่อนเยอะๆ”ซังหนี่พยักหน้าแต่ก่อนที่เธอจะหันหลังเดินเข้ามาในห้อง เธอก็หันกลับมาและพูดกับเขาว่า “ขอบคุณค่ะ”จี้อวี้หยวนขมวดคิ้ว และถามอีกว่า "ก่อนหน้านี้ตอนที่คุณอยู่กับฟู่เซียวหาน ก็พูดขอบคุณกับเขาบ่อยๆ แบบนี้ไหม?"ซังหนี่ไม่คาดคิดว่าจู่ๆ เขาจะถามแบบนี้ขึ้นมา วินาทีนั้นเธอจึงไม่รู้ว่าจะควรจะพูดอะไรจี้อวี้หยวนถามต่อ “จริงๆ แล้วผมเองก็อยากรู้ ถ้าคืนนี้ฟู่เซียวหานไม่ตกลงตามเงื่อนไขของคุณ คุณจะแจ้งตำรวจไหม?”“ฉัน...ทำแน่”ซังหนี่ดล่าวแต่น้ำเสียงของเธอกลับค่อนข้างอ่อนแรง ราวกับว่าแม้แต่ตัวของเธอเอง
“หมายความว่ายังไง? นี่ซังหนี่อาศัย…”“แล้วจะเป็นอย่างอื่นได้ยังไงล่ะ? ก่อนหน้านี้ประธานจ้าวทางนั้น เธอได้มาด้วยวิธีนี้ไม่ใช่เหรอ?”“อืม เป็นแบบนี้ ประธานฟู่ไม่รังเกียจว่าสกปรกเหรอ? ไม่สิ เธอเคยเป็นภรรยาของประธานฟู่มาก่อนไม่ใช่เหรอ?”“ดูเหมือนจะใช่นะ ดังนั้นครั้งนี้เธอน่าจะได้รับความเห็นอกเห็นใจจากประธานฟู่ใช่ไหม? ประธานฟู่ช่างน่าสงสารจริงๆ ที่ต้องถูกผู้หญิงแบบนี้รังแก...”เสียงหยุดลงกะทันหันเพราะคนที่พูดอย่างเมามันคนนั้น เวลานี้เห็นซังหนี่เดินออกมาจากลิฟต์ใบหน้าของเธอไม่มีความรู้สึกอะไร ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถบอกได้ว่าเธอได้ยินอะไรไปบ้าง เวลานี้พวกเขาทำได้เพียงเรียกอย่างเก้ๆ กังๆ ว่าประธานเสี่ยวซังซังหนี่พยักหน้าให้พวกเขา แล้วเดินด้วยรองเท้าส้นสูง ตรงไปที่ห้องทำงานของเกาต๋า——เหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น……วันนี้ทั้งวันซังหนี่ใช้เวลาทั้งหมดอยู่ในห้องประชุมเพราะเปิดเครื่องปรับอากาศแรงเกินไป จึงทำให้เธอรู้สึกเจ็บคอเล็กน้อยเมื่อเธอกลับมาถึงบ้านพักซิงเหอย่วนก็ดึกมากแล้วจี้อวี้หยวนไม่อยู่ แต่เธอก็ไม่ได้โทรไปถาม เพียงแค่ล้มตัวลงบนโซฟา แล้วหลับตาลงเธอไม่รู้ว่าตัวเองหลับ
หนังสือข้อตกลงความร่วมมือโครงการรู่โจวถูกร่างขึ้นอย่างรวดเร็วเดิมทีซังหนี่คิดว่าจะต้องมีเหตุการพลิกผันมากมาย แต่...ไม่เลยทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นอย่างจนน่าประหลาดใจ แม้แต่เรื่องผลประโยชน์ ฟู่เซียวหานก็ไม่มีความคิดที่จะกดดันพวกเขาเลย ทุกอย่างถูกกำหนดขึ้นตามมาตรฐานทางการตลาดหลังจากเซ็นสัญญาเสร็จ ฟู่เซียวหานก็ชวนทานอาหารมื้อเย็นด้วยกันหากเป็นหุ้นส่วนคนอื่น ซังหนี่ก็คงตอบตกลงอยู่แล้วเหมือนกับตอนนี้ที่เธอต้องรักษาความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าคนอื่นๆ เหมือนกันเจิ้งชวนที่ยืนอยู่ข้างๆ หลังจากได้ยินเขาเสนอขึ้นมาก็หยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อจองร้านอาหาร แต่ซังหนี่กลับพูดว่า “ต้องขอโทษด้วยนะคะ เย็นนี้ฉันยังมีธุระอื่นที่ต้องทำ น่าจะไปไม่ได้”ฟู่เซียวหานหรี่ตาลง เจิ้งชวนมองไปที่ซังหนี่ และกำลังจะถามเธอว่าเย็นนี้ยังมีธุระอะไรอีก แต่ซังหนี่กลับพูดต่ออีกว่า “ผู้ช่วยเจิ้ง คุณไปจองร้านอาหารเถอะ แล้วเย็นนี้ก็ดูแลประธานฟู่ให้ดีๆ นะ”“ห๊ะ?”เจิ้งชวนพูดออกมาโดยไม่ทันคิดแต่เขาก็รีบพูดขึ้นมาว่า “โอเค งั้นผม…”“ไม่ต้องหรอก” ฟู่เซียวหานพูดแทรกเขาขึ้นมา แล้วมองไปที่ซังหนี่ “ในเมื่อประธานเสี่ยวซังยุ่ง
เขากลืนน้ำลายอย่างช่วยไม่ได้ และกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง จู่ๆ มือของซังหนี่ก็ถูกคว้าไว้จากนั้น คนคนนั้นก็เอาเสื้อคลุมของเขามาคลุมไว้บนตัวของเธอ“คุณ…”ผู้ชายคนนั้นอยากจะพูดบางอย่าง แต่คนที่มากลับไม่แม้แต่จะมองเขา และดึงซังหนี่ออกไป“ไม่ใช่ คุณเป็นใคร?”แน่นอนว่าผู้ชายคนนั้นต้องไม่พอใจมาก และเดินตามไป “ไม่เข้าใจคำว่าใครมาก่อนมาหลังหรือไง?”เสื้อคลุมของฟู่เซียวหานอยู่บนตัวของซังหนี่ เวลานี้สวมเพียงเสื้อเชิ้ตเท่านั้นแต่ภายใต้รังสีอันทรงพลังของเขานั้น ทำให้ความฮึกเหิมของผู้ชายที่ตรงหน้าลดลงโดยไม่รู้ตัว แต่เขาก็ไม่อยากยอมแพ้ จึงทำได้เพียงเชิดคอและจ้องมองไปที่ฟู่เซียวหาน“ผมเป็นอดีตสามีของเธอ มีปัญหาอะไรไหม?” ฟู่เซียวหานถาม“เหอะ แค่อดีตสามี ขนาดแฟนของเขายังไม่ได้พูดอะไรเลย แล้วแกคิดว่าแกเป็นใคร?”ผู้ชายคนนั้นยืนตัวตรงขึ้นมาทันที ขณะที่พูดก็เอื้อมมือไปดึงมืออีกข้างของซังหนี่ฟู่เซียวหานสีหน้าเคร่งขรึม พร้อมกับยกเท้าขึ้นมา และถีบไปที่ผู้ชายคนนั้นโดยไม่แม้แต่จะคิด!เขาออกแรงอย่างหนัก ทำให้ผู้ชายคนนั้นกระเด็นออกไปไกลในทันทีโดยไม่ทันตั้งตัวเสียงดังสนั่นดึงดูดความสนใจของคนรอบข้างให้
ซังหนี่ตบไปเต็มแรงโดยสัญชาตญาณเพราะฟู่เซียวหานอยู่ใกล้เธอมากเกินไปแต่ความจริงแล้วซังหนี่รู้สึกว่าปฏิกิริยาของเขา ถ้าเขาต้องการหยุดการกระทำนั้น เขาสามารถจับมือของเธอไว้ได้แน่นอนแต่เขากลับไม่ทำรอยฝ่ามือจากเมื่อคืนยังไม่ทันจาง ตอนนี้กลับมีอีกรอยใหม่เพิ่มมาอีกพูดเรื่องน่าขำที่ไม่ขำคือ —— ตอนนี้หน้าของเขาดูสมดุลกันแล้ว“ฝันร้ายเหรอ?” ฟู่เซียวหานถาม ราวกับไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิดซังหนี่ไม่ได้ตอบ“ไม่เป็นไร แค่ฝันไปเท่านั้น” ฟู่เซียวหานพูดเองเออเอง พร้อมกับเปลี่ยนเสื้อผ้าไปด้วย “วันนี้ผมยุ่งมาก คงไม่ได้กินข้าวด้วยนะ คุณไปเยี่ยมพ่อคุณที่โรงพยาบาลได้ อ้อ แล้วก็ บอกเรื่องยกเลิกงานแต่งงานของคุณกับจี้อวี้หยวนกับเขาด้วย”“ส่วนเรื่องบริษัททางนั้น รอให้ผมจัดการให้เรียบร้อยก่อน แล้วผมจะไปอธิบายกับเขาด้วยตัวเอง”เสียงของฟู่เซียวหานสั้นกระชับมาก ทำให้มีไม่ข้อสงสัยในคำพูดของเขา“แล้วคุณคิดจะทำยังไง?” ซังหนี่ถามฟู่เซียวหานที่กำลังติดกระดุมข้อมือชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหันมามองเธอ “แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม ซังอวี๋ก็ไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมไปอีกแล้ว เรื่องในครั้งนี้ ปฏิกิริยาของพวกผู้ถือหุ้นค
แต่ตอนนี้ดอกไม้ได้เหี่ยวเฉาและตายไปแล้ว แสงแดดและการดูแลที่มาถึงช้าเกินไป จะมีความหมายอะไรอีก?ซังหนี่เตรียมจะหลับตาลงอีกครั้งแต่ในวินาทีต่อมา ทันใดนั้นเธอก็สังเกตเห็นบางอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งอีกฝั่งชุดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวนั้นถ้าเธอจำไม่ผิด มันเป็นยี่ห้อที่เธอใช้เป็นประจำจากนั้นก็เป็นสายรัดม่านที่หน้าต่าง ถัดมาเป็นห้องเสื้อฝั่งตรงข้าม ในประตูกระจกใสบานนั้น มีเสื้อผ้าที่ดูคุ้นตาแขวนอยู่และตอนนี้เองซังหนี่ถึงได้เข้าใจว่า เขาขนของที่เธอเคยทิ้งไว้ที่นี่ย้ายกลับมาทั้งหมดจริงๆ แล้วของพวกนี้ไม่ใช่ของเธอเลยเสื้อผ้าพวกนั้นคุณนายฟู่เป็นคนจัดหาให้เธอ เพื่อให้เวลาออกไปข้างนอกจะดูคู่ควรกับตำแหน่ง “คุณนายฟู่” ไม่ได้ใช้เงินของเธอซื้อเอง ดังนั้นตอนนั้นซังหนี่จึงไม่ได้เอามันไปด้วยส่วนชุดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวนั้น......บางทีอาจจะหมดอายุไปแล้วก็ได้?ขณะที่ซังหนี่กำลังคิดอยู่นั้น เสียงน้ำจากในห้องน้ำก็หยุดลงซังหนี่ไม่ได้คิดอะไรต่อ เพียงแค่พยายามหลับตาลงเท่านั้นในความมืด เธอได้ยินเสียงฝีเท้าของฟู่เซียวหานค่อยๆ เดินใกล้เข้ามาใกล้ จากนั้นเขาก็นอนลงข้างๆ เธอร่างกายของเขามีกลิ่นสะอาดสดช
ซังหนี่ไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งตัวเองจะกลับมาที่เถาหรานจวีจะเป็นภาพแบบนี้หรือจะพูดอีกอย่างคือ ในวันที่เธอจากไป เธอก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้กลับมาอีกดูเหมือนว่าคนรับใช้ในคฤหาสน์จะถูกฟู่เซียวหานไล่ออกไปหมดแล้ว ตอนที่พวกเขาเข้าไปข้างใน ภายในบ้านมืดสนิทฟู่เซียวหานพาซังหนี่ขึ้นไปที่ชั้นบนประตูห้องนอนใหญ่ถูกผลักเปิดไว้แล้วดูเหมือนว่าข้าวของข้างในจะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่ซังหนี่ยังไม่ทันจะได้สังเกตว่าอะไรเปลี่ยนไป ฟู่เซียวหานก็กดเธอลงบนเตียงแล้วตลอดทางเขาไม่ได้พูดอะไรเลย มีเพียงใบหน้าที่เคร่งขรึมและในตอนนี้การกระทำของเขาก็ไม่ได้มีความอ่อนโยนแม้แต่น้อยแต่ซังหนี่ก็คาดเดาเรื่องนี้ไว้ล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นตอนนี้เธอจึงไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรเธอเองก็ไม่ได้คิดจะขัดขืน เพียงแค่นอนนิ่งอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกเป็นเพราะท่าทีตอบกลับที่เฉยเมยของเธอนั้นทำให้ฟู่เซียวหานไม่พอใจอย่างมาก เขาก้มหน้าลง แล้วกัดเข้าที่คอของเธอทันที!—— เขากัดจริงๆซังหนี่รู้สึกได้เลยว่าปลายฟันของเขาทิ่มแทงเข้าไปในเนื้อของเธอ จนเลือดไหลซึมออกมา!ซังหนี่เผลอร้องออกมาอย่างอดไม่ได้ ก่อนจะยกมือขึ้น แล้วต
“ซัง......”ซังหนี่ไม่มองเขาเลยแม้แต่น้อย เพียงเดินไปตรงหน้าของฟู่เซียวหานแล้วพูดว่า “เราไปกันเถอะ”เสียงของเธอแหบพร่าฟู่เซียวหานหรี่ตาลงเล็กน้อยแต่ซังหนี่ไม่ได้คิดอะไรมากขนาดนั้น จึงเอื้อมมือไปดึงเขาโดยตรงฟู่เซียวหานเองก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร แต่ขณะที่ทั้งสองคนกำลังจะเดินไป จู่ๆ จี้อวี้หยวนที่ดูเหมือนเพิ่งได้สติกลับมา ก็คว้ามืออีกข้างของซังหนี่เอาไว้!การกระทำนั้นทำให้สีหน้าของฟู่เซียวหานเคร่งขรึมทันที เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ซังหนี่กลับเป็นฝ่ายหันไปมองจี้อวี้หยวนก่อน แล้วพูดว่า “คุณไม่จำเป็นต้องลำบากใจ”“เพราะ......ฉันก็ไม่ได้เลือกคุณเหมือนกัน” เธอพูดอีกว่า “ด้วยสถานการณ์ของซังอวี๋ในตอนนี้ ฉันต้องเลือกเส้นทางที่เป็นประโยชน์กับบริษัทมากที่สุด”“เดิมทีฉันยังคิดอยู่ว่าจะพูดกับคุณยังไงดี แต่ตอนนี้ก็ดีแล้วล่ะ พวกเรา......คงไม่ต้องรู้สึกผิดต่อกัน งานแต่งงาน......ก็ยกเลิกไปเถอะ”เมื่อพูดจบ ซังหนี่ก็สะบัดมือของจี้อวี้หยวนที่จับตัวเองออกจากนั้น เธอก็จับมือฟู่เซียวหานแล้วเดินจากไปคลับแห่งนี้บรรยากาศยังคงเต็มไปด้วยความคึกคักเสียงหัวเราะพูดคุยดังไม่หยุด หญิงสาวในชุดยูนิฟอร์มสุ
ฟู่เซียวหานไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่โยนซองเอกสารในมือไปให้จี้อวี้หยวนอีกฝ่ายก้มลงมองซองเอกสารนั้นครู่หนึ่ง ดวงตาเหมือนมีบางอย่างวูบผ่านไป แต่สุดท้ายก็ยื่นมือรับเอกสารมาแค่ดูเนื้อหาในสองสามหน้าแรก สีหน้าของจี้อวี้หยวนก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือดลงทันที!มือที่ถือเอกสารนั้นก็กำแน่นขึ้นมาผ่านไปครู่หนึ่ง เขาถึงมองไปที่ฟู่เซียวหาน “นี่คุณหมายความว่ายังไง?”ฟู่เซียวหานหัวเราะเบาๆ “คุณคิดว่าไงล่ะ?”“คุณไปเอาของพวกนี้มาจากไหน?” จี้อวี้หยวนดึงสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว แล้วถามต่อ“นั่นไม่ใช่เรื่องที่คุณต้องสนใจ”“แล้วยังไง? คุณต้องการอะไร?”ฟู่เซียวหานนั่งอยู่บนโซฟา ค่อยๆ เอื้อมมือมารินเหล้าให้ตัวเอง แล้วก้มลงจิบไปหนึ่งครั้งตลอดทั้งกระบวนการ เขายังคงรักษาความสง่าและความสูงส่งตามแบบฉบับของเขาแต่สีหน้าของจี้อวี้หยวนกลับยิ่งดูแย่ลงกว่าเดิมฟู่เซียวหานเอ่ยขึ้น “ผมต้องการอะไร……ผมคิดว่ามันชัดเจนอยู่แล้ว”“ประธานฟู่ เราต่างก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน คุณใช้วิธีแบบนี้ ไม่คิดว่ามันขี้ขลาดไปหน่อยเหรอ?” จี้อวี้หยวนพูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “รวมถึงเรื่องของซังอวี๋ก็เช่นกัน คุณก็แค่พึ่งพาตำแหน่งสูงของคุณใน
ฟู่เซียวหานเริ่มหมดความอดทน เมื่อได้ยินเสียงลูกบิดประตูหมุน เขาก็เงยหน้าขึ้นตะโกนเสียงดัง “ไสหัวไป!”เสียงที่เฉียบขาดเพียงคำเดียว ทำให้ด้านนอกเงียบลงทันทีรวมถึงคนที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาด้วยเช่นกันซังหนี่เหมือนจะตระหนักได้แล้วว่าการต่อต้านของเธอไม่มีความหมายอีกต่อไป มือนั้นที่เคยดันอกของเขาก็ค่อยๆ ลดลงช้าๆ ตอนนี้แม้แต่น้ำตาในดวงตาของเธอก็หายไปแล้วเธอค่อยๆ เอนตัวนอนลง และแหงนมองแสงไฟสีขาวเหนือศีรษะ นัยดวงตาว่างเปล่าฟู่เซียวหานจ้องมองเธออยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็หัวเราะออกมา “เสียใจมากเลยใช่ไหม? หรือรู้สึกน้อยใจ? แค่ต้องไปจากเขา…คุณต้องเสียใจขนาดนี้เลยเหรอ?”เขาพูดด้วยรอยยิ้ม และพยายามแสร้งทำเป็นพูดเย้ยหยันแต่มือของเขากลับสั่นอย่างไม่สามารถควบคุมได้ความเจ็บปวดนั้นมาจากส่วนลึกของหัวใจ แทรกซึมไปทั่วร่างกายผ่านกระแสเลือด จนถึงปลายนิ้วของเขาซังหนี่ไม่ได้ตอบอะไรเขา แต่ท่าทางของเธอคล้ายกลับยอมรับในสิ่งที่ฟู่เซียวหานพูดเป็นนัยๆฟู่เซียวหานอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “อืม ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นจริงๆ”“เอาอย่างงี้ไหม ผมจะให้โอกาสพวกคุณอีกครั้ง คุณคิดว่ายังไง?”ซังหนี่ค่อยๆ หันมามองเขาสายตาท
ฟู่เซียวหานเอื้อมมือไปบีบคางของเธอ น้ำเสียงทุ้มต่ำของเขาแฝงไปด้วยความโกรธอย่างชัดเจน “คุณชอบจี้อวี้หยวนแล้วใช่ไหม?”ซังหนี่ไม่ได้ตอบ แต่ริมฝีปากของเธอกลับเม้มแน่นขึ้นเรื่อยๆดวงตาของเธอยังคงคลอไปด้วยน้ำตา แต่มันกลับทำให้ดวงตาของเธอดูสดใสและสวยงามมากยิ่งขึ้นฟู่เซียวหานสามารถมองเห็นเงาสะท้อนของตัวเองได้อย่างชัดเจนในดวงตาของเธอ และยังสามารถมองเห็น......ความเกลียดชังที่อยู่ในนั้นได้อย่างชัดเจนเช่นกัน—— เธอเกลียดเขาแน่นอนว่าฟู่เซียวหานเองก็รู้ดีตั้งแต่เขาตัดสินใจทำแบบนี้ เขาก็คาดเดาได้อยู่แล้วว่าเธอจะมีปฏิกิริยาตอบกลับยังไงแต่แล้วยังไงล่ะ?หรือว่าต้องให้เขาทำได้เพียงแค่มองดูเธอกับตัวเองกลายเป็นคนแปลกหน้าที่ไม่เกี่ยวข้องกันอีกต่อไป?ถ้าเป็นอย่างงั้น ฟู่เซียวหานยอมให้เธอเกลียดเขาดีกว่าผลลัพธ์นี้ ไม่ใช่ว่าฟู่เซียวหานจะยอมรับไม่ได้ แต่สิ่งเดียวที่เขายอมรับไม่ได้ก็คือ......ในใจของเธอมีคนอื่นเธอสามารถเกลียดเขาเพราะเรื่องของซังอวี๋ สามารถเกลียดเขาเพราะเธอเกลียด หรือจะเป็นเพราะซังหลินก็ได้ แต่จะเกลียดเขาเพราะจี้อวี้หยวนไม่ได้เด็ดขาด!แต่เมื่อมองเห็นน้ำตาของเธอในตอนนี้ มือเท้าของฟ
ฟู่เซียวหานเพิ่งพูดจบ ซังหนี่ก็เดินปรี่เข้ามา แล้วยกมือขึ้นทันที!แต่สุดท้ายฝ่ามือนั้นก็ไม่ได้ตบลงไปฟู่เซียวหานจับข้อมือของเธอไว้แน่น ใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆ“คนบ้า” ซังหนี่พูดขึ้นฟู่เซียวหานยิ้มเล็กน้อย “อืม ผมรู้”ซังหนี่ไม่พูดอะไร แต่ร่างกายของเธอกลับสั่นอย่างเห็นได้ชัด และน้ำตาก็ไหลออกมาแต่เธอเหมือนจะไม่อยากยอมแพ้ต่อหน้าฟู่เซียวหาน จึงรีบยกมือขึ้นมา เช็ดน้ำตานั้นออกทันที“คุณตาของจี้อวี้หยวนป่วย”สุดท้าย เธอก็ยอมเล่าให้ฟู่เซียวหานฟัง “โรคสมองเสื่อมในผู้สูงอายุ อาการของเขาทรุดเร็วมาก อีกไม่นานอาจจะจำอะไรไม่ได้แล้ว นั่นเป็นเหตุผลที่จี้อวี้หยวนขอแต่งงานกับฉัน”เธอพูดจบ แต่กลับไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการสายตานั้นที่ฟู่เซียวหานมองเธอยังคงเย็นชาเช่นเคยเมื่อเห็นว่าซังหนี่ยังคงมองเขาอยู่ เขาจึงย้อนถามกลับว่า “แล้วยังไง? มันเกี่ยวอะไรกับผม?”ซังหนี่สูดลมหายใจลึกๆ “ดังนั้นงานแต่งจะ…”“ไม่ได้”ฟู่เซียวหานพูดตัดบทเธออย่างไร้เยื่อใยเสียงของซังหนี่ก็หายไปในทันทีตอนนี้มือของเธอค่อยๆ กำแน่นขึ้นมา “คุณจะไม่ยอมอ่อนข้อให้ฉันเลยใช่ไหม? ฟู่เซียวหาน คุณจะบีบให้ฉันให้ตายเลยใช่ไหม!?”ฟ
คำพูดของฟู่เซียวหานทำให้สีหน้าของซังหนี่เปลี่ยนไปทันที ดวงตาของเธอหันไปมองเขาในพริบตาสีหน้านั้นทำให้ฟู่เซียวหานรู้สึกเจ็บปวดในอกขึ้นมาอย่างกะทันหันดูท่า...จะเป็นอย่างที่เขาเดาไว้จริง ๆถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาจะมีความสัมพันธ์กันแค่ในฐานะคู่สัญญาแต่ตอนนี้มันไม่ใช่แค่นั้นอีกต่อไป——ซังหนี่ตกหลุมรักจี้อวี้หยวนเข้าแล้วถ้าไม่ใช่แบบนั้น จะอธิบายสายตาที่เธอใช้มองเขาตอนนี้ยังไง?เมื่อกี้ตอนที่พูดถึงตัวเธอเอง รวมถึงซังอวี๋ เธอยังไม่แสดงปฏิกิริยาอย่างนี้เลยความเจ็บปวดนี้แผ่ซ่านไปทั่วอกของฟู่เซียวหานอย่างรวดเร็วพร้อมกับรสฝาดคาวที่คุ้นเคยลอยขึ้นมาในลำคอฟู่เซียวหานกลืนน้ำลายลงคอหลายครั้ง สูดลมหายใจลึก ๆ แล้วพยายามกดความรู้สึกนั้นลง แล้วพูดขึ้นอีกครั้ง “ดูเหมือนว่าคุณจะแคร์เขามากจริง ๆ ““ฟู่เซียวหาน นี่เป็นเรื่องระหว่างเรา นายเลิกใช้วิธีสกปรกแบบนี้ไม่ได้หรือไง อย่าลากคนบริสุทธิ์เข้ามาเกี่ยวข้องได้ไหม?!”“บริสุทธิ์เหรอ?” ฟู่เซียวหานกลับหัวเราะเยาะ “ดูเหมือนว่าคุณจะรู้จักคู่หมั้นของตัวเองน้อยไปนะ คุณรู้หรือเปล่าว่าเขาทำอะไรลับหลังคุณไว้บ้าง?”ไม่รอให้ซังหนี่ได้พูดอะไร ฟู่เซียวหานย