ซังหนี่เพิ่งกินโจ๊กเสร็จก็เห็นเจิ้งชวนเขายืนอยู่ที่ประตู ด้วยสีหน้าลังเล เหมือนกับว่าเขากำลังคิดไม่ตกว่าตัวเองควรมาจะมาที่นี่หรือเปล่าซังหนี่เหลือบมองเขา และพูดว่า “เข้ามาเถอะ”“ประธานเสี่ยวซัง ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆ นะ”เจิ้งชวนเพิ่งเข้ามาก็พูดขึ้นทันที “เมื่อคืนประธานเกาเป็นคนลากผมออกไป และยังบอกอีกว่าคุณมีเรื่องต้องพูดกับประธานฟู่ ผมไม่รู้จริงๆ ว่าเขาจะใช้วิธีสกปรกแบบนั้น!”น้ำเสียงของเจิ้งชวนซึ่งเต็มไปด้วยกล้ำกลืนซังหนี่ไม่ได้รีบตำหนิเขาแต่อย่างใด เพียงแค่พูดว่า “คุณโทรหาเกาต๋า แล้วบอกว่าฉันต้องการพบเขา”“ตอนนี้เหรอครับ?”“ใช่ ตอนนี้”น้ำเสียงของซังหนี่ยืนยันแน่วแน่ ดังนั้นเจิ้งชวนจึงไม่กล้าถามอะไรอีกเมื่อเกาต๋ามาถึง เธอก็ขอให้เจิ้งชวนกับพยาบาลทุกคนออกไปเห็นได้ชัดว่าเกาต๋าไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองทำอะไรผิด แต่เพราะแผนการล้มเหลว เวลานี้สีหน้าของเขาจึงยังดูแย่อยู่เล็กน้อย“เมื่อคืนคุณเป็นคนใส่ยาในไวน์ของฉันใช่ไหม?” ซังหนี่ถามเขาตรงๆเกาต๋ามองมาที่เธอ แล้วก็ยิ้ม “ผมไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดถึงอะไร”“เมื่อคืนฉันถูกส่งมาที่โรงพยาบาล สภาพร่างกายเป็นยังไงคุณหมอคงรู้ดี และผลก
อาการบาดเจ็บของซังหนี่ไม่ได้เป็นอะไรมากหลังจากตรวจเสร็จ วันต่อมาเธอก็ได้ออกจากโรงพยาบาลเพียงแต่แผลของเธอยังไม่หายดี บนหน้าผากยังมีผ้าก๊อซปิดไว้ หมอบอกว่า อาจจะทิ้งรอยแผลเป็นไว้ซังหนี่กลับไม่สนใจแต่ตอนนี้เธอมาอยู่ที่ร้านอาหาร และผู้คนที่เดินผ่านไปมาก็อดไม่ได้ที่จะมองมาที่เธอซังหนี่เพียงแค่นั่งอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆนอกหน้าต่างกระจก เป็นถนนที่คึกคักที่สุดในเมืองอิ๋นไฟสีแดงของรถ และแสงไฟส่องสว่างจากชุมชนเล็กๆ ที่อยู่ห่างออกไป ริมฝั่งถนนยังมีแผงขายผลไม้และก๋วยเตี๋ยวผัด ทำให้กลายเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยบรรยากาศของความคึกคักและความอบอุ่นซึ่งอบอุ่นกว่าเมืองถงที่เต็มไปด้วยตึกสูงมากขณะที่ซังหนี่กำลังจ้องมองอย่างเหม่อลอยอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยดึงเข้ามาเสียงนั้น แม้ว่าจะห้องโถงของร้านอาหารที่มีผู้คนคับคั่ง แต่ซังหนี่ก็สามารถรู้ได้โดยไม่ต้องหันหน้าไปมองว่า——เป็นเขาเธอรู้จักเขา...มานานหลายปีแล้วนานมากจนซังหนี่เองก็ลืมไปแล้วว่าตัวเองเริ่มแอบสังเกตเขาตั้งแต่เมื่อไหร่เธอรู้ว่าเขาชอบดื่มกาแฟดำ รู้ว่าเขาไม่ชอบกินอาหารรสหวานเปรี้ยวทุกอย่าง รู้ว่าเขาชอบใส่เสื้อผ้าสีเข้
จากนั้น เธอก็มองไปที่เขา“คุณต้องการจะพูดอะไร?” ฟู่เซียวหานถามประโยคนั้นทำให้ริมฝีปากของซังหนี่เม้มแน่นยิ่งขึ้นจากนั้น เธอก็วางตะเกียบลง และเช็ดมุมริมฝีปากของตัวเอง“จากหลักฐานพวกนี้ ฉันสามารถแจ้งตำรวจได้” เธอกล่าว“เหรอ? แจ้งตำรวจมาจับผมงั้นเหรอ?” ฟู่เซียวหานยิ้มเล็กน้อยซังหนี่มองรอยยิ้มของเขา คิ้วก็ขมวดแน่นขึ้น "คุณหัวเราะอะไร?"“เอ้า? ผมไม่ควรหัวเราะเหรอ?”ฟู่เซียวหานกลับทำตามที่เธอต้องการ รีบหุบยิ้มทันที แล้วถามอีกครั้งว่า "ในเมื่อคุณต้องการแจ้งตำรวจ งั้นตอนนี้คุณก็ควรจะไปสถานีตำรวจไม่ใช่เหรอ? ทำไมยังนั่งกินข้าวอยู่ที่นี่กับผมล่ะ"ซังหนี่ไม่พูดอะไร“คุณต้องการใช้เรื่องนี้มาขู่ผม?”ฟู่เซียวหานพูดต่อ พร้อมกับสวมถุงมือ และเริ่มแกะกุ้งอย่างช้าๆการเคลื่อนไหวของเขาดูสง่ามาก การแสดงออกก็นิ่งเฉย ราวกับว่าตอนนี้พวกเขาเพียงแค่นัดกินข้าวกับธรรมดาๆ เท่านั้นจริงๆจากนั้น เขาก็ถามว่า “คุณต้องการให้ผมยกสิทธิ์ความร่วมมือในโครงการรู่โจวให้พวกคุณงั้นเหรอ?”“ใครเป็นคนเสนอความคิดนี้ให้กับคุณ?” ฟู่เซียวหานถาม “แฟนของคุณคนนั้นเหรอ?”“แล้วทำไมวันนี้เขาถึงไม่มาพบผมเป็นเพื่อนคุณล่ะ? เขาไ
“ตกลงเรียบร้อยดีไหม?”ซังหนี่ดูเหมือนจะอารมณ์ไม่ค่อยดี ดังนั้นจี้อวี้หยวนจึงไม่ได้รีบถามอะไรเธอ จนกระทั่งมาถึงบ้านพักซิงเหอย่วน เขาถึงเอ่ยถามขึ้นมาซังหนี่ยังคงรู้สึกมึนงงเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็พยักหน้าให้เขา“คุณยังรู้สึกไม่สบายอยู่หรือเปล่า?”จี้อวี้หยวนยื่นมือออกมาเพื่อจะสัมผัสแก้มของเธอการเคลื่อนไหวอย่างกะทันหันนี้ทำให้ซังหนี่ถึงกับตกใจ ร่างกายแข็งทื่อเล็กน้อยแต่เธอยังไม่ทันจะหลบ จี้อวี้หยวนก็ดึงมือกลับคืนไปแล้ว“โชคดีที่ไม่มีไข้” เขาถอยหลังไปสองก้าว แล้วพูดว่า “แต่คุณต้องพักผ่อนเยอะๆ”ซังหนี่พยักหน้าแต่ก่อนที่เธอจะหันหลังเดินเข้ามาในห้อง เธอก็หันกลับมาและพูดกับเขาว่า “ขอบคุณค่ะ”จี้อวี้หยวนขมวดคิ้ว และถามอีกว่า "ก่อนหน้านี้ตอนที่คุณอยู่กับฟู่เซียวหาน ก็พูดขอบคุณกับเขาบ่อยๆ แบบนี้ไหม?"ซังหนี่ไม่คาดคิดว่าจู่ๆ เขาจะถามแบบนี้ขึ้นมา วินาทีนั้นเธอจึงไม่รู้ว่าจะควรจะพูดอะไรจี้อวี้หยวนถามต่อ “จริงๆ แล้วผมเองก็อยากรู้ ถ้าคืนนี้ฟู่เซียวหานไม่ตกลงตามเงื่อนไขของคุณ คุณจะแจ้งตำรวจไหม?”“ฉัน...ทำแน่”ซังหนี่ดล่าวแต่น้ำเสียงของเธอกลับค่อนข้างอ่อนแรง ราวกับว่าแม้แต่ตัวของเธอเอง
“หมายความว่ายังไง? นี่ซังหนี่อาศัย…”“แล้วจะเป็นอย่างอื่นได้ยังไงล่ะ? ก่อนหน้านี้ประธานจ้าวทางนั้น เธอได้มาด้วยวิธีนี้ไม่ใช่เหรอ?”“อืม เป็นแบบนี้ ประธานฟู่ไม่รังเกียจว่าสกปรกเหรอ? ไม่สิ เธอเคยเป็นภรรยาของประธานฟู่มาก่อนไม่ใช่เหรอ?”“ดูเหมือนจะใช่นะ ดังนั้นครั้งนี้เธอน่าจะได้รับความเห็นอกเห็นใจจากประธานฟู่ใช่ไหม? ประธานฟู่ช่างน่าสงสารจริงๆ ที่ต้องถูกผู้หญิงแบบนี้รังแก...”เสียงหยุดลงกะทันหันเพราะคนที่พูดอย่างเมามันคนนั้น เวลานี้เห็นซังหนี่เดินออกมาจากลิฟต์ใบหน้าของเธอไม่มีความรู้สึกอะไร ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถบอกได้ว่าเธอได้ยินอะไรไปบ้าง เวลานี้พวกเขาทำได้เพียงเรียกอย่างเก้ๆ กังๆ ว่าประธานเสี่ยวซังซังหนี่พยักหน้าให้พวกเขา แล้วเดินด้วยรองเท้าส้นสูง ตรงไปที่ห้องทำงานของเกาต๋า——เหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น……วันนี้ทั้งวันซังหนี่ใช้เวลาทั้งหมดอยู่ในห้องประชุมเพราะเปิดเครื่องปรับอากาศแรงเกินไป จึงทำให้เธอรู้สึกเจ็บคอเล็กน้อยเมื่อเธอกลับมาถึงบ้านพักซิงเหอย่วนก็ดึกมากแล้วจี้อวี้หยวนไม่อยู่ แต่เธอก็ไม่ได้โทรไปถาม เพียงแค่ล้มตัวลงบนโซฟา แล้วหลับตาลงเธอไม่รู้ว่าตัวเองหลับ
หนังสือข้อตกลงความร่วมมือโครงการรู่โจวถูกร่างขึ้นอย่างรวดเร็วเดิมทีซังหนี่คิดว่าจะต้องมีเหตุการพลิกผันมากมาย แต่...ไม่เลยทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นอย่างจนน่าประหลาดใจ แม้แต่เรื่องผลประโยชน์ ฟู่เซียวหานก็ไม่มีความคิดที่จะกดดันพวกเขาเลย ทุกอย่างถูกกำหนดขึ้นตามมาตรฐานทางการตลาดหลังจากเซ็นสัญญาเสร็จ ฟู่เซียวหานก็ชวนทานอาหารมื้อเย็นด้วยกันหากเป็นหุ้นส่วนคนอื่น ซังหนี่ก็คงตอบตกลงอยู่แล้วเหมือนกับตอนนี้ที่เธอต้องรักษาความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าคนอื่นๆ เหมือนกันเจิ้งชวนที่ยืนอยู่ข้างๆ หลังจากได้ยินเขาเสนอขึ้นมาก็หยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อจองร้านอาหาร แต่ซังหนี่กลับพูดว่า “ต้องขอโทษด้วยนะคะ เย็นนี้ฉันยังมีธุระอื่นที่ต้องทำ น่าจะไปไม่ได้”ฟู่เซียวหานหรี่ตาลง เจิ้งชวนมองไปที่ซังหนี่ และกำลังจะถามเธอว่าเย็นนี้ยังมีธุระอะไรอีก แต่ซังหนี่กลับพูดต่ออีกว่า “ผู้ช่วยเจิ้ง คุณไปจองร้านอาหารเถอะ แล้วเย็นนี้ก็ดูแลประธานฟู่ให้ดีๆ นะ”“ห๊ะ?”เจิ้งชวนพูดออกมาโดยไม่ทันคิดแต่เขาก็รีบพูดขึ้นมาว่า “โอเค งั้นผม…”“ไม่ต้องหรอก” ฟู่เซียวหานพูดแทรกเขาขึ้นมา แล้วมองไปที่ซังหนี่ “ในเมื่อประธานเสี่ยวซังยุ่ง
เขากลืนน้ำลายอย่างช่วยไม่ได้ และกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง จู่ๆ มือของซังหนี่ก็ถูกคว้าไว้จากนั้น คนคนนั้นก็เอาเสื้อคลุมของเขามาคลุมไว้บนตัวของเธอ“คุณ…”ผู้ชายคนนั้นอยากจะพูดบางอย่าง แต่คนที่มากลับไม่แม้แต่จะมองเขา และดึงซังหนี่ออกไป“ไม่ใช่ คุณเป็นใคร?”แน่นอนว่าผู้ชายคนนั้นต้องไม่พอใจมาก และเดินตามไป “ไม่เข้าใจคำว่าใครมาก่อนมาหลังหรือไง?”เสื้อคลุมของฟู่เซียวหานอยู่บนตัวของซังหนี่ เวลานี้สวมเพียงเสื้อเชิ้ตเท่านั้นแต่ภายใต้รังสีอันทรงพลังของเขานั้น ทำให้ความฮึกเหิมของผู้ชายที่ตรงหน้าลดลงโดยไม่รู้ตัว แต่เขาก็ไม่อยากยอมแพ้ จึงทำได้เพียงเชิดคอและจ้องมองไปที่ฟู่เซียวหาน“ผมเป็นอดีตสามีของเธอ มีปัญหาอะไรไหม?” ฟู่เซียวหานถาม“เหอะ แค่อดีตสามี ขนาดแฟนของเขายังไม่ได้พูดอะไรเลย แล้วแกคิดว่าแกเป็นใคร?”ผู้ชายคนนั้นยืนตัวตรงขึ้นมาทันที ขณะที่พูดก็เอื้อมมือไปดึงมืออีกข้างของซังหนี่ฟู่เซียวหานสีหน้าเคร่งขรึม พร้อมกับยกเท้าขึ้นมา และถีบไปที่ผู้ชายคนนั้นโดยไม่แม้แต่จะคิด!เขาออกแรงอย่างหนัก ทำให้ผู้ชายคนนั้นกระเด็นออกไปไกลในทันทีโดยไม่ทันตั้งตัวเสียงดังสนั่นดึงดูดความสนใจของคนรอบข้างให้
ฟู่เซียวหานขับรถไปที่บ้านพักซิงเหอย่วนด้วยตัวเองและซังหนี่ก็ดูเหมือนจะรู้อยู่แล้วว่าเขาจะมา ขณะที่เปิดประตู ก็ไม่มีสีหน้าแปลกใจแม้แต่น้อยฟู่เซียวหานมองสำรวจเข้าไปข้างในก่อน“เขาไปทำงานต่างเมือง”ราวกับว่ารู้ว่าเขากำลังคิดอะไร ซังหนี่จึงพูดอย่างรวดเร็วฟู่เซียวหานยิ้มมุมปาก “คุณคิดว่าผมกลัวเขาเหรอ?”“ฉันไม่ได้คิดอย่างนั้น แต่ยังไงเขาก็เป็นแฟนฉัน และคุณดูท่าทางถือตัวขนาดนี้มันดูไม่ค่อยเหมาะสม”ขณะที่กำลังพูด ซังหนี่ก็หันกลับ “เข้ามาสิ”ฟู่เซียวหานเม้มริมฝีปากเล็กน้อย สุดท้ายก็เดินตามเธอมานี่เป็นครั้งแรกที่เขาเข้ามาที่นี่——คราวที่แล้ว เขาอยู่แค่หน้าประตูเท่านั้นเมื่อเข้ามาข้างใน เขากลับพบว่าการตกแต่งที่นี่แตกต่างจากถนนหมินเหอที่เธอเคยอยู่อย่างสิ้นเชิงโทนสีเทาและขาวเย็นตา โต๊ะที่ดูรกเล็กน้อย และตู้ตรงหน้าที่เต็มไปด้วยขวดไวน์พูดตามตรง บ้านแบบนี้...เหมือนกับที่ที่เขาอยู่มากกว่าจากนั้นไม่นาน ฟู่เซียวหานก็เห็นกล่องยาบนโต๊ะกาแฟแถมข้างในยังมียาฆ่าเชื้อและผ้าก็อซเตรียมไว้ด้วยฟู่เซียวหานอดหัวเราะไม่ได้ “คุณคาดการณ์ได้แม่นจริงๆ”เขายิ้มมุมปากเล็กน้อย แม้ว่าจะมีบาดแผลที่มุ
ซังหนี่ลืมไปแล้วว่าเธอออกจากโรงพยาบาลมาได้อย่างไรตอนนี้เมืองถงยังคงอยู่ในฤดูร้อนแต่เมื่อแสงอาทิตย์ตกกระทบลงบนร่างกายของเธอ ซังหนี่ไม่รู้สึกถึงความอบอุ่นเลยแม้แต่น้อย มีเพียงเหงื่อเย็นจำนวนนับไม่ถ้วนที่ไหลท่วมแผ่นหลังของเธอ จนทำให้ฟันของเธอสั่นสะท้านอย่างอดไม่ได้!รถแท็กซี่ขับมาถึงเถาหรานจวีอย่างรวดเร็วเมื่อเหม่อมองไปยังสถานที่ที่คุ้นชินแต่ไม่คุ้นเคยตรงหน้า จู่ ๆ ซังหนี่ก็นึกถึงถ้อยคำที่ซังหลินเพิ่งกล่าวกับเธอ —— นี่เป็นโอกาสเดียวของพวกเขาบางทีซังหลินอาจแค่ต้องการหลักฐานชิ้นนั้นมาเพื่อข่มขู่ฟู่เซียวหาน และบังคับให้เขาประนีประนอมต่อกันแต่สิ่งที่ซังหนี่คิดมีมากกว่านั้นเพราะเธอรู้ว่าหากตามความคิดของฟู่เซียวหาน แม้ว่าจะเป็นการประนีประนอมเพียงชั่วคราว แต่เขาก็จะหาโอกาสชดเชยสิ่งที่ตนได้สูญเสียไปในอนาคตอย่างแน่นอนสำหรับคนอย่างเขา ไม่สามารถใจอ่อนด้วยได้เช่นเดียวกับการเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายบนทุ่งหญ้า บาดแผลธรรมดาทั่วไปอาจแค่ทำได้เพียงให้เขารู้สึกหงุดหงิด หากต้องการเอาชนะ ต้องเฝ้ามองหาโอกาสที่เหมาะสม —— โจมตีให้สิ้นถึงชีวิต!ซังหนี่ลงจากรถไม่ว่าอย่างไร เธอเองก็อาศัยอยู่ที่นี่มา
กล่าวได้อีกนัยหนึ่งว่า…...ก่อนที่การเจรจาของพวกเขาจะพังทลายลง ฟู่เซียวหานนั้นได้วางแผนที่จะทำเช่นนี้ไว้ก่อนแล้วและยังคิดใช้โอกาสนี้…กลืนกินซังอวี๋กรุ๊ปทั้งหมดทั้งหมดนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับซังหนี่เลยแม้แต่น้อย การที่สั่งให้เธอก้มศีรษะขอร้องเขาในตอนนี้ก็เป็นเพียงเรื่องที่เขาถือโอกาสทำไปพร้อม ๆ กันเลยก็เท่านั้นกระบวนความคิดของซังหนี่มีสติชัดเจนและเป็นเหตุเป็นผลอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนอันที่จริงนี่ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจเลย เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาก็…เป็นคนเช่นนี้มาโดยตลอดแต่ในขณะนี้ ซังหนี่อดคิดถึงช่วงเวลานั้นที่เขานอบน้อมประจบสอพลอต่อหน้าตนไม่ได้และเป็นเพราะท่าทีเช่นนั้นของเขาทำให้ซังหนี่เกิดภาพลวงตาว่าเธอสามารถแก้แค้นและปฏิบัติต่อเขาได้อย่างสบาย ๆทว่าตอนนี้เธอรู้แล้วว่า ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นการเสแสร้งของเขาเท่านั้นการขาดความตระหนักรู้นี้ทำให้ซังหนี่ประหลาดใจ สิ่งที่น่าขำก็คือ ในเวลานี้เธอก็ยังคงรู้สึก…เศร้าแต่หากจะพูดว่าเจ็บ ก็ไม่ได้เจ็บปวดมากขนาดนั้นเพียงรู้สึกว่าผิวหนังโดนกรีดไปหนึ่งแผลเท่านั้นบาดแผลไม่ได้ลึก แต่รอยกรีดนั้นกลับกรีดซ้ำลงไปบนแผลที่เคยสมานตัวมาก่อน จึงทำ
เห็นได้ชัดว่าพยาบาลพิเศษไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนที่สำคัญกว่านั้นคือซังหลินเพิ่งฟื้นขึ้นมาได้ไม่นาน ซึ่งนับว่าเข้าเป็นคนที่เพิ่งรอดตายกลับมา ทุกคนรู้ดีว่าไม่ควรกระตุ้นเขารุนแรงแต่เมื่อพยาบาลเห็นท่าทีของเขาในตอนนี้ กลับไม่กล้าแม้แต่จะพูดโน้มน้าวอะไรซังหนี่กลับดูนิ่งมากหลังจากอดทนกับความแสบร้อนที่ขาของตัวเองได้แล้ว เธอก็ค่อยๆ เดินเข้าไปทีละก้าวซังหลินไม่คิดว่าเธอจะยังกล้ามีหน้าเดินเข้ามาอีก ขณะที่เขาคว้าแก้วน้ำขึ้นมาเตรียมขว้างใส่เธอ ซังหนี่กลับกดมือของเขาลงไปจากนั้น เธอก็หันไปมองพยาบาลพิเศษข้างๆ “คุณออกไปก่อนเถอะ”พยาบาลที่เดิมทีก็รู้สึกว่าการอยู่ตรงนี้ไม่ค่อยจะเหมาะสมนัก พอได้ยินซังหนี่พูดแบบนั้นก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที และรีบเดินออกไปซังหนี่มองไปที่ซังหลิน “เรื่องของบริษัทคุณรู้หมดแล้วสินะ?”“แกคิดว่ายังไงล่ะ!? ฉันว่าแล้ว......ฉันรู้อยู่แล้ว! ฟู่เซียวหานเป็นคนยังไง? ตอนนั้นที่ยอมให้แกดูแลโครงการรู่โจว มันก็เป็นแค่กับดัก! นี่เป็นแผนที่พวกแกสองคนรวมหัวกันวางแผนไว้ใช่ไหม เพื่อวันนี้......”“ที่ซังอวี๋ตกอยู่ในสภาพนี้ในวันนี้ ไม่ได้เป็นเพราะโครงการรู่โจวทำให้ล่มจมหรอ
ท้ายทอยของฟู่เซียวหานไม่ได้มีตา คราวนี้หมอนขว้างมาโดนเขาเต็มๆ แต่ฝีเท้าของเขากลับไม่หยุดชะงักเลยแม้แต่น้อย และก็ไม่ได้หันกลับมามองเธอเลย เพียงเดินจากไปอย่างนั้นซังหนี่รู้สึก......น่าเบื่อขึ้นมาทันทีแม้ว่าเธอจะอยู่ต่อหน้าเขา ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลยเหมือนกับหมอนที่ขว้างใส่ฟู่เซียวหาน ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยแรง แต่แท้จริงแล้วกลับไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย—— มีแต่ทำให้ตัวเองยิ่งดูน่าขำเท่านั้น……ซังหนี่สุดท้ายก็ไปโรงพยาบาลระหว่างที่เธอเดินทางอยู่นั้นก็เห็นแถลงการณ์ที่จี้อวี้หยวนโพสต์ออกมาเขาไม่ได้พูดตรงๆ ว่ายกเลิกงานแต่งงานกับเธอ เพียงแค่บอกว่าเลื่อนออกไป ส่วนจะเลื่อนออกไปถึงเมื่อไหร่นั้น ในแถลงการณ์ไม่ได้ระบุไว้แต่หลายคนรู้ดีว่า การเลื่อนออกไปเป็นเพียงคำพูดให้ดูดีเท่านั้น พอเวลาผ่านไปนานเข้า แม้แต่เรื่องการเลื่อนออกไปก็จะถูกลืมไปเอง แล้วสุดท้ายงานแต่งงานนี้ก็จะถูกยกเลิกไปอย่างเงียบ ๆซังหนี่อ่านแถลงการณ์นั้นอยู่หลายนาที จากนั้นก็ดูความคิดเห็นข้างล่างอีกสักพัก ก่อนจะปิดโทรศัพท์ไปอย่างเงียบๆพอดี กับที่มาถึงโรงพยาบาลหลังจากข่าวเมื่อวานแพร่ออกไป บริเวณรอบๆ โรงพยาบาลก
ซังหนี่ตบไปเต็มแรงโดยสัญชาตญาณเพราะฟู่เซียวหานอยู่ใกล้เธอมากเกินไปแต่ความจริงแล้วซังหนี่รู้สึกว่าปฏิกิริยาของเขา ถ้าเขาต้องการหยุดการกระทำนั้น เขาสามารถจับมือของเธอไว้ได้แน่นอนแต่เขากลับไม่ทำรอยฝ่ามือจากเมื่อคืนยังไม่ทันจาง ตอนนี้กลับมีอีกรอยใหม่เพิ่มมาอีกพูดเรื่องน่าขำที่ไม่ขำคือ —— ตอนนี้หน้าของเขาดูสมดุลกันแล้ว“ฝันร้ายเหรอ?” ฟู่เซียวหานถาม ราวกับไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิดซังหนี่ไม่ได้ตอบ“ไม่เป็นไร แค่ฝันไปเท่านั้น” ฟู่เซียวหานพูดเองเออเอง พร้อมกับเปลี่ยนเสื้อผ้าไปด้วย “วันนี้ผมยุ่งมาก คงไม่ได้กินข้าวด้วยนะ คุณไปเยี่ยมพ่อคุณที่โรงพยาบาลได้ อ้อ แล้วก็ บอกเรื่องยกเลิกงานแต่งงานของคุณกับจี้อวี้หยวนกับเขาด้วย”“ส่วนเรื่องบริษัททางนั้น รอให้ผมจัดการให้เรียบร้อยก่อน แล้วผมจะไปอธิบายกับเขาด้วยตัวเอง”เสียงของฟู่เซียวหานสั้นกระชับมาก ทำให้มีไม่ข้อสงสัยในคำพูดของเขา“แล้วคุณคิดจะทำยังไง?” ซังหนี่ถามฟู่เซียวหานที่กำลังติดกระดุมข้อมือชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหันมามองเธอ “แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม ซังอวี๋ก็ไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมไปอีกแล้ว เรื่องในครั้งนี้ ปฏิกิริยาของพวกผู้ถือหุ้นค
แต่ตอนนี้ดอกไม้ได้เหี่ยวเฉาและตายไปแล้ว แสงแดดและการดูแลที่มาถึงช้าเกินไป จะมีความหมายอะไรอีก?ซังหนี่เตรียมจะหลับตาลงอีกครั้งแต่ในวินาทีต่อมา ทันใดนั้นเธอก็สังเกตเห็นบางอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งอีกฝั่งชุดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวนั้นถ้าเธอจำไม่ผิด มันเป็นยี่ห้อที่เธอใช้เป็นประจำจากนั้นก็เป็นสายรัดม่านที่หน้าต่าง ถัดมาเป็นห้องเสื้อฝั่งตรงข้าม ในประตูกระจกใสบานนั้น มีเสื้อผ้าที่ดูคุ้นตาแขวนอยู่และตอนนี้เองซังหนี่ถึงได้เข้าใจว่า เขาขนของที่เธอเคยทิ้งไว้ที่นี่ย้ายกลับมาทั้งหมดจริงๆ แล้วของพวกนี้ไม่ใช่ของเธอเลยเสื้อผ้าพวกนั้นคุณนายฟู่เป็นคนจัดหาให้เธอ เพื่อให้เวลาออกไปข้างนอกจะดูคู่ควรกับตำแหน่ง “คุณนายฟู่” ไม่ได้ใช้เงินของเธอซื้อเอง ดังนั้นตอนนั้นซังหนี่จึงไม่ได้เอามันไปด้วยส่วนชุดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวนั้น......บางทีอาจจะหมดอายุไปแล้วก็ได้?ขณะที่ซังหนี่กำลังคิดอยู่นั้น เสียงน้ำจากในห้องน้ำก็หยุดลงซังหนี่ไม่ได้คิดอะไรต่อ เพียงแค่พยายามหลับตาลงเท่านั้นในความมืด เธอได้ยินเสียงฝีเท้าของฟู่เซียวหานค่อยๆ เดินใกล้เข้ามาใกล้ จากนั้นเขาก็นอนลงข้างๆ เธอร่างกายของเขามีกลิ่นสะอาดสดช
ซังหนี่ไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งตัวเองจะกลับมาที่เถาหรานจวีจะเป็นภาพแบบนี้หรือจะพูดอีกอย่างคือ ในวันที่เธอจากไป เธอก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้กลับมาอีกดูเหมือนว่าคนรับใช้ในคฤหาสน์จะถูกฟู่เซียวหานไล่ออกไปหมดแล้ว ตอนที่พวกเขาเข้าไปข้างใน ภายในบ้านมืดสนิทฟู่เซียวหานพาซังหนี่ขึ้นไปที่ชั้นบนประตูห้องนอนใหญ่ถูกผลักเปิดไว้แล้วดูเหมือนว่าข้าวของข้างในจะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่ซังหนี่ยังไม่ทันจะได้สังเกตว่าอะไรเปลี่ยนไป ฟู่เซียวหานก็กดเธอลงบนเตียงแล้วตลอดทางเขาไม่ได้พูดอะไรเลย มีเพียงใบหน้าที่เคร่งขรึมและในตอนนี้การกระทำของเขาก็ไม่ได้มีความอ่อนโยนแม้แต่น้อยแต่ซังหนี่ก็คาดเดาเรื่องนี้ไว้ล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นตอนนี้เธอจึงไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรเธอเองก็ไม่ได้คิดจะขัดขืน เพียงแค่นอนนิ่งอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกเป็นเพราะท่าทีตอบกลับที่เฉยเมยของเธอนั้นทำให้ฟู่เซียวหานไม่พอใจอย่างมาก เขาก้มหน้าลง แล้วกัดเข้าที่คอของเธอทันที!—— เขากัดจริงๆซังหนี่รู้สึกได้เลยว่าปลายฟันของเขาทิ่มแทงเข้าไปในเนื้อของเธอ จนเลือดไหลซึมออกมา!ซังหนี่เผลอร้องออกมาอย่างอดไม่ได้ ก่อนจะยกมือขึ้น แล้วต
“ซัง......”ซังหนี่ไม่มองเขาเลยแม้แต่น้อย เพียงเดินไปตรงหน้าของฟู่เซียวหานแล้วพูดว่า “เราไปกันเถอะ”เสียงของเธอแหบพร่าฟู่เซียวหานหรี่ตาลงเล็กน้อยแต่ซังหนี่ไม่ได้คิดอะไรมากขนาดนั้น จึงเอื้อมมือไปดึงเขาโดยตรงฟู่เซียวหานเองก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร แต่ขณะที่ทั้งสองคนกำลังจะเดินไป จู่ๆ จี้อวี้หยวนที่ดูเหมือนเพิ่งได้สติกลับมา ก็คว้ามืออีกข้างของซังหนี่เอาไว้!การกระทำนั้นทำให้สีหน้าของฟู่เซียวหานเคร่งขรึมทันที เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ซังหนี่กลับเป็นฝ่ายหันไปมองจี้อวี้หยวนก่อน แล้วพูดว่า “คุณไม่จำเป็นต้องลำบากใจ”“เพราะ......ฉันก็ไม่ได้เลือกคุณเหมือนกัน” เธอพูดอีกว่า “ด้วยสถานการณ์ของซังอวี๋ในตอนนี้ ฉันต้องเลือกเส้นทางที่เป็นประโยชน์กับบริษัทมากที่สุด”“เดิมทีฉันยังคิดอยู่ว่าจะพูดกับคุณยังไงดี แต่ตอนนี้ก็ดีแล้วล่ะ พวกเรา......คงไม่ต้องรู้สึกผิดต่อกัน งานแต่งงาน......ก็ยกเลิกไปเถอะ”เมื่อพูดจบ ซังหนี่ก็สะบัดมือของจี้อวี้หยวนที่จับตัวเองออกจากนั้น เธอก็จับมือฟู่เซียวหานแล้วเดินจากไปคลับแห่งนี้บรรยากาศยังคงเต็มไปด้วยความคึกคักเสียงหัวเราะพูดคุยดังไม่หยุด หญิงสาวในชุดยูนิฟอร์มสุ
ฟู่เซียวหานไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่โยนซองเอกสารในมือไปให้จี้อวี้หยวนอีกฝ่ายก้มลงมองซองเอกสารนั้นครู่หนึ่ง ดวงตาเหมือนมีบางอย่างวูบผ่านไป แต่สุดท้ายก็ยื่นมือรับเอกสารมาแค่ดูเนื้อหาในสองสามหน้าแรก สีหน้าของจี้อวี้หยวนก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือดลงทันที!มือที่ถือเอกสารนั้นก็กำแน่นขึ้นมาผ่านไปครู่หนึ่ง เขาถึงมองไปที่ฟู่เซียวหาน “นี่คุณหมายความว่ายังไง?”ฟู่เซียวหานหัวเราะเบาๆ “คุณคิดว่าไงล่ะ?”“คุณไปเอาของพวกนี้มาจากไหน?” จี้อวี้หยวนดึงสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว แล้วถามต่อ“นั่นไม่ใช่เรื่องที่คุณต้องสนใจ”“แล้วยังไง? คุณต้องการอะไร?”ฟู่เซียวหานนั่งอยู่บนโซฟา ค่อยๆ เอื้อมมือมารินเหล้าให้ตัวเอง แล้วก้มลงจิบไปหนึ่งครั้งตลอดทั้งกระบวนการ เขายังคงรักษาความสง่าและความสูงส่งตามแบบฉบับของเขาแต่สีหน้าของจี้อวี้หยวนกลับยิ่งดูแย่ลงกว่าเดิมฟู่เซียวหานเอ่ยขึ้น “ผมต้องการอะไร……ผมคิดว่ามันชัดเจนอยู่แล้ว”“ประธานฟู่ เราต่างก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน คุณใช้วิธีแบบนี้ ไม่คิดว่ามันขี้ขลาดไปหน่อยเหรอ?” จี้อวี้หยวนพูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “รวมถึงเรื่องของซังอวี๋ก็เช่นกัน คุณก็แค่พึ่งพาตำแหน่งสูงของคุณใน