เหอจิ้งเกาเห็นการแสดงของหวงเหมยหงก็ไม่พอใจเช่นเดียวกัน เขาบอกให้ผู้กำกับถ่ายฉากร่ายรำของเธอใหม่จนกว่าเขาจะพอใจ ฟู่หยุนชิงที่เข้าฉากอยู่ได้แต่แปลกใจว่าชายแปลกหน้าคนนี้สามารถสั่งผู้กำกับได้ด้วยเหรอ?
ทำให้เธออยากรู้ว่าเขาเป็นใคร เพราะในความทรงจำของร่างเดิมไม่รู้ว่าผู้ชายที่ดูเย็นชาและโหดร้ายเช่นนี้เป็นใครมาจากไหน แต่ในเมื่อมันไม่ใช่เรื่องของเธอ เธอจึงละสายตาไปหลังจากเหลือบมองเขาแว่บหนึ่ง
กว่าที่หวงเหมยหงจะผ่านฉากร่ายรำไปได้ก็กินเวลาไปเกือบสองชั่วโมง ผู้กำกับได้แต่พรูลมหายใจอย่างโล่งอกที่ผ่านฉากนี้ไปได้เสียที ไม่เช่นนั้นฉากจบงานเลี้ยงก็จะไม่เกิดขึ้นเสียที ซึ่งในบทนี้ฮ่องเต้จะพระราชทานสมรสให้หวงเหมยหงกับรัชทายาทที่แสดงเป็นพระเอกเรื่องนี้
หลังจากให้ทุกคนพักสิบนาทีแล้ว ผู้กำกับก็เรียกทุกคนมาเข้าฉากอีกครั้ง คราวนี้การถ่ายทำเป็นไปอย่างไหลลื่น หวงเหมยหงแสดงได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ อาจเพราะเธอกลัวว่าจะถูกทำให้ขายหน้าอีกกระมัง ความตั้งใจและสมาธิของเธอจึงแสดงออกมาได้อย่างเต็มร้อยเช่นนี้
ฟู่หยุนชิงเองก็แสดงได้อย่างดีไม่ต่างจากนักแสดงคนอื่น ๆ เช่นเดียวกัน ซึ่งกว่าที่จะจบฉากทั้งหมดก็ใช้เวลาอีกเกือบสองชั่วโมงจนมืดค่ำแล้ว วันนี้หมดฉากที่จะต้องถ่ายในสตูดิโอกันแล้ว ผู้กำกับแจ้งเรื่องการเดินทางไปถ่ายทำที่เมืองโบราณในอีกสามวันถัดไป เขาให้ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเดินทางในครั้งนี้ด้วย
ฟู่หยุนชิงฟังแล้วได้แต่งง ๆ ว่าเธอจะต้องเดินทางอย่างไร ในเมื่อไม่รู้เธอจึงสะกิดถามทีมงาน จนทีมงานบอกกับเธอว่าจะมีรถมารับไปสนามบินที่หน้าสตูดิโอ อีกสามวันให้เธอมารอที่หน้าสตูดิโอพร้อมกับทุกคน เพียงเท่านี้ฟู่หยุนชิงก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ เธอนึกไม่ออกเลยว่าหากให้เธอเดินทางคนเดียวเธอจะสามารถไปเองได้หรือไม่ ในเมื่อร่างเดิมไม่เคยออกจากเมืองหลวงแห่งนี้มาก่อน
กว่าที่ฟู่หยุนชิงจะล้างหน้าล้างตาเสร็จและเปลี่ยนชุดก็ค่ำมากแล้ว วันนี้เธอคงต้องค้างที่โรงแรมของทีมงานอีกคืนหนึ่งเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ แล้วพรุ่งนี้เธอค่อยกลับไปที่หอพักของเธอ
หลังจากร่ำลาทีมงานและผู้กำกับแล้ว ฟู่หยุนชิงก็เดินกลับไปที่โรงแรมอย่างช้า ๆ ตามนิสัยของเธอ กระทั่งเหอจิ้งเกาเห็นท่าเดินของเธอที่ดูสง่างามทั้งที่แต่งตัวธรรมดา เขายิ่งสนใจคนแปลก ๆ อย่างเธอมากยิ่งขึ้น ยิ่งมองดูด้านหลังที่เธอเดินแล้วเขารู้สึกได้ถึงความรู้สึกอ้างว้างแปลก ๆ เขาเองก็เคยเป็นเหมือนเธอมาก่อน กระทั่งเขาจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อดูแลบริษัทที่พ่อกับแม่สร้างมาก่อนตาย ตอนนั้นเขาจึงต้องเข้มแข็งและจัดการกับบรรดาญาติที่ต้องการสมบัติพ่อแม่ของเขา โชคดีที่เขาไม่ใช่เด็กแล้วในตอนนั้น เขาเพิ่งเข้าเรียนมหาวิทยาลัยก็ต้องสูญเสียพ่อกับแม่ที่เครื่องบินตกไปพร้อมกันในคราวเดียว คนที่มางานศพต่างให้กำลังใจเขาไม่น้อย มีเพียงพวกเหลือบไรในตระกูลเขาเท่านั้นที่ไม่แยแสเขาเลย คิดแต่เพียงว่าเขาเป็นลูกไก่ในกำมือเสียอย่างนั้น จนถึงวันที่เปิดพินัยกรรม กรรมสิทธิ์ทุกอย่างตกเป็นของเขาทั้งหมด เหลือบไรทั้งหลายไม่มีทางฟ้องร้องหรือเรียกร้องสิ่งใดได้ พวกเขาได้แต่อ้างว่าเหอจิ้งเกายังเด็กอยู่ แต่เขาเองก็แสดงให้เห็นว่าเขาสามารถบริหารบริษัทได้เป็นอย่างดีมาถึงทุกวันนี้ถึงแม้เขาจะต้องเหนื่อยกว่าคนอื่นซึ่งต้องเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย
หลังจากทีมงานกับผู้กำกับเห็นว่าฟู่หยุนชิงออกไปแล้ว พวกเขาต่างพากันพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าฟู่หยุนชิงเปลี่ยนไปมากจริง ๆ หลังจากเธอตกน้ำ แต่ผู้กำกับที่ได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงนี้เขามีความสุขมากกว่าใครที่นักแสดงสมทบของเขาแสดงได้อย่างเข้าถึงบทบาทมากเสียจนเขากับนักเขียนบทยังตกตะลึง อีกทั้งพวกเขายังเตรียมบทเด่นก่อนที่จะไม่มีบทของฟู่หยุนชิงในหนังเรื่องนี้อีกหลังจบจากฉากสงครามระหว่างแคว้น
เหอจิ้งเกาที่กำลังจะกลับมองด้านหลังของฟู่หยุนชิงจนเธอเดินลับสายตาไปจึงได้ขึ้นรถเพื่อกลับไปเพ้นเฮ้าส์ของเขาที่อยู่ชั้นบนสุดของคอนโดที่เขาเป็นคนลงทุนก่อสร้างขายนั่นเอง
ระหว่างทางเลขาก็บอกกำหนดการทำงานวันพรุ่งนี้ให้เหอจิ้งเกาทราบไปด้วยเหมือนเช่นทุกวัน เหอจิ้งเกาพยักหน้ารับรู้ว่าพรุ่งนี้เขาต้องทำอะไรบ้าง เขาไม่มีเวลามาเฝ้าผู้หญิงที่เขาสนใจในฝีมือการแสดงของเธออีกแล้ว รอให้หนังเรื่องนี้เข้าฉายเมื่อไหร่ เขาก็คงรู้ว่าฝีมือการแสดงของเธอที่เขาเห็นในวันนี้จะทำให้หนังของเขาทำเงินได้มากขนาดไหน
ฟู่หยุนชิงที่เหนื่อยไม่น้อยในวันนี้พอกลับเข้าห้องพักที่โรงแรมได้แล้วเธอก็รีบถอดรองเท้าที่เดินยากแสนยากคู่นี้ออกทันที เธอไม่เข้าใจว่าทำไมร่างเดิมถึงได้ชอบใส่รองเท้าสูง ๆ เช่นนี้กันนะ เธอรู้สึกว่าใส่ไม่สบายเอาเสียเลย ต่อให้เอาเงินมาวางกองตรงหน้าเธอก็ไม่อยากใส่มันอีกหากไม่จำเป็น ฟู่หยุนชิงรู้ดีว่าเวลาที่จะต้องออกไปงานเลี้ยงนั้นเธอจะต้องแต่งตัวแบบไหนเพื่อไม่ให้คนอื่นดูถูก เพียงแต่การมาถ่ายทำอย่างไรเธอก็ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า รองเท้าตามบทบาทอยู่ดี เธอจึงไม่เห็นว่าการแต่งตัวเหมือนไปงานเลี้ยงนี้จะช่วยให้เธอทำงานได้ดีมากขึ้นตรงไหน
หลังจากบ่นกระปอดกระแปดไปตามประสาของเธอแล้ว ฟู่หยุนชิงก็รีบเข้าไปอาบน้ำล้างคราบเหงื่อไคลที่เธอแสดงบทบาทแม่ทัพหญิงในวันนี้ออกให้หมด ความจริงเธอเหนียวตัวมานานแล้ว ไหนจะหน้าที่ต้องแต่งหนาขึ้นกว่าปกติเพื่อให้ขึ้นกล้องนี่อีก ถึงแม้เธอจะล้างหน้าก่อนออกจากสตูดิโอมาแล้วก็เถอะ ฟู่หยุนชิงก็ยังล้างหน้าอีกหลายรอบเพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องสำอางหมดไปแล้วจริง ๆ
อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ฟู่หยุนชิงก็ทาครีมกลางคืนในความทรงจำของร่างเดิมทันที จากนั้นเธอก็นั่งสมาธิเพื่อดึงเอาพลังปรานมาหมุนเวียนภายในร่างกายของเธอ การที่เธอทำเช่นนี้ช่วยให้เธอสบายกายมากขึ้นกว่าเดิม ความปวดเมื่อยเหนื่อยล้าที่เธอต้องทนมาทั้งวันต่างคลายลงไปไม่น้อย ฟู่หยุนชิงตั้งใจว่าคืนนี้จะฝึกนานหน่อย เพราะอย่างไรพรุ่งนี้เธอก็แค่กลับหอพักไปเท่านั้นเอง เธอไม่มีงานอื่นที่ต้องทำมากมายเหมือนนักแสดงคนอื่นที่พอมีวันว่างแล้วยังมีอีเว้นท์ออกงานกันเป็นว่าเล่น ฟู่หยุนชิงคิดว่าอีกนานกว่าที่เธอจะมีชื่อเสียงเหมือนดาราดัง ๆ ที่เล่นกับเธอวันนี้
ฟู่หยุนชิงดูดพลังปรานไปด้วยคิดไปด้วยถึงเหตุการณ์การทำงานในวันนี้ เธอจำได้ว่าผู้กำกับกับผู้เขียนบทต่างชมเธอเป็นเสียงเดียวกัน นี่คงเป็นครั้งแรกสำหรับร่างเดิมที่ได้รับคำชมเช่นนี้กระมัง เธอรู้สึกว่ามีความภาคภูมิใจแปลก ๆ ภายในร่างกายขณะที่ได้รับคำชม ถึงแม้เธอจะถ่อมตัวว่าเพราะได้ผู้กำกับคอยสอนเธอจึงแสดงออกมาได้ดีอย่างที่เห็นก็เถอะ แต่เธอก็รู้ดีว่าวันนี้เธอแสดงอย่างเต็มที่แล้วจริง ๆ
หลังจากเพิ่มพลังปรานทั้งคืน ฟู่หยุนชิงก็ไม่รู้สึกง่วงนอนแม้แต่นิดเดียว ร่างกายเธอเริ่มเบาเหมือนใกล้จะก้าวข้ามขั้นแรกของลมปรานแล้วในอีกไม่ช้า ฟู่หยุนชิงเก็บเสื้อผ้าและของใช้ต่าง ๆ ลงกระเป๋าจนหมด จากนั้นเธอไปอาบน้ำและเลือกใส่เสื้อผ้าที่มิดชิดที่สุดพร้อมกับรองเท้าส้นสูงซึ่งเธอไม่มีรองเท้าอื่นให้ใส่อีกแล้ว เงินในบัญชีของร่างเดิมก็เหลือเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เธอไม่รู้เลยว่าราคาสินค้าของภพนี้จะแพงมากน้อยเพียงใดกับรองเท้าคู่ใหม่หนึ่งคู่ ฟู่หยุนชิงจึงคิดว่าเก็บเงินเอาไว้เป็นค่ารถดีกว่า ฟู่หยุนชิงตรวจสอบสิ่งของกันลืมอีกครั้งก่อนจะออกจากห้องพักเพื่อไปกินอาหารเช้าที่ล็อบบี้แล้วค่อยเช็คเอ้าท์หลังอาหาร อย่างไรอาหารฟรีก็จำเป็นสำหรับเธอในตอนนี้ แน่นอนว่าฟู่หยุนชิงเลือกแต่อาหารที่อยู่ในความทรงจำของร่างเดิมเท่านั้น ดีกว่าที่เธอจะทดลองกินอาหารอื่นที่เธอไม่รู้จักจนไม่สบายเอาได้ อีกเพียงสองวันเธอก็ต้องกลับมาที่สตูดิโออีกเพื่อเดินทางไกลแล้ว เธอจะต้องรักษาสุขภาพของตัวเองให้ดีที่สุดเสียก่อน ฟู่หยุนชิงเห็นทีมงานหลายคนยิ้มทักทายให้ เธอก็ทักทายทุกคนกลับพร้อมรอยยิ้มน้อย ๆ ของเธอ จากนั้นจึงไป
มื้อค่ำวันนี้ฟู่หยุนชิงไม่คิดที่จะกินเหมือนกับร่างเดิมที่งดอาหารมื้อเย็นเพื่อรักษารูปร่างของเธอเช่นกัน ฟู่หยุนชิงทดลองดูดพลังปรานลองดูว่าจะสามารถทำให้เธอตัดผ่านขั้นแรกของลมปรานได้หรือไม่ ไม่นานนักเธอก็ได้คำตอบว่าที่นี่มีพลังปรานน้อยเช่นเดียวกับที่โรงแรมที่เธอพัก ฟู่หยุนชิงคิดว่ายังเหลือเวลาอีกสองวันเธอต้องตัดผ่านขั้นหนึ่งได้แน่ อย่างไรขั้นแรกก็ใช้ลมปรานได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่มันจะช่วยให้เธอสามารถใช้วิชาตัวเบาของเธอได้ ซึ่งหากตัดผ่านได้ทันเวลา เธอก็จะสามารถดูแลตัวเองได้ดียิ่งขึ้นไปอีก คืนนั้นทั้งคืนฟู่หยุนชิงจึงเดินลมปรานโดยไม่หลับไม่นอนเช่นเคย เธอรู้สึกว่าอีกไม่นานนักเธอก็จะสามารถทะลวงผ่านขั้นแรกได้แล้ว ฟู่หยุนชิงยังคงนั่งขัดสมาธิเดินลมปรานไปทั่วร่างกายอย่างไม่ย่อท้อ กระทั่งผ่านไปหนึ่งคืนเธอก็ยังตัดผ่านไม่ได้ ฟู่หยุนชิงได้แต่ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ตอนนี้เธอต้องออกไปซื้ออาหารมาไว้กินแล้ว ก่อนที่ร้านอาหารราคาถูกตามความทรงจำของร่างเดิมจะปิดเสียก่อนในช่วงสาย เธอนั่งบิดขี้เกียจเล็กน้อยก่อนที่จะลุกไปหาเสื้อผ้าสำหรับใส่ไปซื้ออาหาร พอเปิดประตูตู้เธอถึงกับหมดอา
ฟู่หยุนชิงนั่งรอไม่นานนักรถเมล์ของเธอก็มาถึงตรงเวลา เธอเดินขึ้นไปรอรถจอดที่ป้ายก่อนจะก้าวเท้าขึ้นไปพร้อมทั้งจ่ายเงินลงกล่องแล้วไปหาที่นั่งใกล้ประตูเหมือนเช่นเคย โชคดีที่รถเมล์รอบแรกมักจะมีคนขึ้นไม่มากนัก ทำให้ฟู่หยุนชิงเลือกนั่งข้างหน้าต่างด้านหน้าซึ่งเป็นที่นั่งเดี่ยวได้อย่างสบายใจ ถึงจะบอกว่ามีคนขึ้นไม่มากนัก แต่รถเมล์ก็จอดแทบจะทุกป้ายเลยทีเดียว โชคดีที่เธอตัดสินใจออกมาก่อนล่วงหน้า ไม่เช่นนั้นกว่าที่เธอจะไปถึงสตูดิโอคงสายมากแล้ว ฟู่หยุนชิงไม่อยากให้คนอื่นตำหนิจึงได้ออกมาตั้งแต่เช้าตรู่เช่นนี้ กว่าสองชั่วโมงที่ฟู่หยุนชิงจะถึงที่หมาย เธอไปยืนรอที่หน้าประตูเพื่อลงป้ายใกล้กับโรงแรมที่เคยพักอยู่ ไม่นานนักรถเมล์ก็จอดสนิท ฟู่หยุนชิงก้าวลงจากรถแล้วเดินไปที่หน้าสตูดิโอ ตอนนี้เธอยังไม่เห็นคนอื่นมาถึงเนื่องจากยังเช้าอยู่ ฟู่หยุนชิงหาที่นั่งรอแถวนั้นอย่างไม่คิดมาก เธอยังนั่งเดินลมปราณรอไปพลาง ๆ ดีกว่าที่เธอจะนั่งอย่างเสียเวลาไปเปล่า ๆ หลังจากนั่งรออยู่เกือบชั่วโมงครึ่ง ก็เริ่มมีทีมงานมาถึง ฟู่หยุนชิงที่รู้สึกได้ว่ามีคนมาจึงได้ลืมตาขึ้นและยิ้มทักทายทีมงาน ทีมงา
หลังออกรถแล้ว คนขับก็เร่งขับไปยังสนามบินให้ทันเวลาเครื่องออกของกองถ่ายที่บอกเขาเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว โชคดีที่วันนี้รถไม่ติดมากนัก ทำให้เขาใช้เวลาเพียงสองชั่วโมงก็ถึงสนามบินแล้ว เมื่อถึงสนามบิน ผู้กำกับก็สั่งให้ทุกคนเก็บสัมภาระแล้วรีบไปเช็คอิน โดยตั๋วเครื่องบินนั้นเขาให้ทีมงานแจกให้กับทุกคนตั้งแต่อยู่บนรถก่อนหน้านี้แล้ว ทุกคนเมื่อได้ยินคำสั่งของผู้กำกับก็ต่างพากันหยิบข้าวของเพื่อจะลงจากรถ ดาราที่มีสัมภาระน้อยกว่าทีมงานเองก็รีบถือสิ่งของของตัวเองลงจากรถไปก่อนเพื่อจะได้ไม่เสียเวลาการเช็คอิน ฟู่หยุนชิงก็เดินตามนักแสดงคนอื่นไปอย่างสบาย ๆ เธอไม่เคยขึ้นเครื่องบินมาก่อนรวมทั้งร่างเดิมด้วย จึงไม่รู้ขั้นตอนการเช็คอิน ฟู่หยุนชิงรอที่จะมองดูทุกคนทำให้เธอดูเป็นตัวอย่างก่อนจึงค่อยทำตามทีหลัง ส่วนหวงเหมยหงก็ลงรถบัสอย่างทุลักทุเลเพราะเสื้อผ้าและรองเท้าของเธอเองอีกแล้ว ทำให้คนที่รอลงจากรถหลังเธอหงุดหงิดกันไม่น้อยที่เธอมัวแต่ชักช้า ผู้กำกับต้องร้องบอกให้หวงเหมยหงรีบลงไปได้แล้วคนอื่นจะได้รีบไปเช็คอิน หวงเหมยหงได้ยินเสียงผู้กำกับเริ่มไม่พอใจเธอจึงกัดฟันเร่งเดินลงบันไดรถไ
ฟู่หยุนชิงมองเครื่องบินค่อย ๆ ไต่ระดับขึ้นไปอย่างตื่นเต้น เธอพบว่าการเดินทางเช่นนี้ช่างสะดวกสบายเสียจริง ๆ ฟู่หยุนชิงนั่งมองหน้าต่างที่เบื้องล่างค่อย ๆ เล็กลง ๆ พร้อมรอยยิ้มน้อย ๆ พอเครื่องบินไต่ระดับได้ที่แล้วเครื่องที่สั่นไปมาจากการไต่ระดับก็หยุดลง ตอนนี้มีเพียงเมฆสีขาวมากมายในสายตาของฟู่หยุนชิง เธอคิดว่าเมฆเหล่านี้ดูนุ่มสวยเสียจริง ตอนนี้เสียงของสองทีมงานที่คุยกันเงียบไปแล้ว ฟู่หยุนชิงหันไปมองก็พบว่าทั้งคู่หลับไปเสียแล้ว เธอยังคงนั่งมองก้อนเมฆมากมายอย่างมีความสุข แอร์โฮสเตสเริ่มเดินขายของตามหน้าที่ของพวกเขา พวกเขาเห็นว่ามีเพียงฟู่หยุนชิงที่ยังตื่นอยู่ก็สอบถามความต้องการของเธอ ฟู่หยุนชิงได้แต่ส่ายหน้าว่าเธอไม่ต้องการอะไร เมื่อแอร์โฮสเตสได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มบอกฟู่หยุนชิงว่าหากเธอต้องการสิ่งใดสามารถเรียกได้ตลอด ฟู่หยุนชิงพยักหน้าพร้อมยิ้มน้อย ๆ ขอบคุณแอร์โฮสเตสก่อนที่เธอจะเดินจากไปสอบถามคนอื่นที่ยังไม่นอนต่อไป ฟู่หยุนชิงได้แต่คิดว่า การบริการของสายการบินนี้ดีไม่น้อย พวกเขาดูเอาใจใส่ต่อผู้โดยสารเป็นอย่างดี หลังมองดูก้อนเมฆไปมาจนเริ่มเบื่อนิดหน่อย ฟู่หยุนชิงก็
เกือบยี่สิบนาทีหวงเหมยหงกับผู้จัดการและทีมงานที่รออยู่ก็ขึ้นรถมาได้เสียที พอพวกเขาได้ที่นั่งแล้วจึงได้รู้ว่าครั้งนี้ต้องทำงานที่เมืองฟู่ไห่ถึงหนึ่งสัปดาห์ หวงเหมยหงไม่พอใจมาก เธอคิดว่าจะได้อยู่ที่นี่เพียงแค่สามวันเท่านั้นตามกำหนดการเดิม หวงเหมยหงโวยวายผู้กำกับที่ไม่บอกพวกเธอก่อนล่วงหน้า เพราะพวกเธอรับงานอีเว้นท์เอาไว้ มันทำให้หวงเหมยหงเสียรายได้จากการออกงานครั้งนี้“ทำไมคุณไม่บอกก่อนล่วงหน้าพวกเราจะได้ไม่รับงานแต่แรก ตอนนี้เราต้องแคนเซิลงานนี้ทั้งยังไม่รู้ว่าจะมีค่าปรับที่เบี้ยวงานด้วยหรือเปล่า” ผู้กำกับที่รำคาญความเรื่องมากของหวงเหมยหงเองก็ไม่พอใจเช่นกัน นักแสดงคนอื่นต่างเทคิวให้กับหนังเรื่องนี้โดยไม่รับงานซ้อนใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะพวกเขารู้ดีว่าการถ่ายทำอาจมีเหตุจำเป็นให้ต้องเลื่อนได้ตลอดเวลา ผู้กำกับจึงตอกกลับหวงเหมยหงอย่างไม่แยแส“ถ้าเธอไม่พอใจก็สามารถกลับไปก่อนได้ แต่ฉากของเธอที่จะต้องถ่ายทำที่เมืองโบราณก็จะต้องใช้ภาพซีจีตัดต่อในภายหลัง เธอยอมรับได้หรือเปล่าล่ะ”“ทำไมผู้กำกับต้องพูดแบบนี้ล่ะคะ ภาพซีจีมันจะสู้ถ่ายจากสถานที่จริงของเมืองโบราณได้ยังไงกัน แทนที่จะขอร
ทีมงานที่ทำหน้าที่ประสานงานไปติดต่อกับเจ้าของโรงแรมว่าพวกเขามาถึงแล้ว เจ้าของโรงแรมจึงให้พนักงานพาทุกคนไปห้องพักที่จองเอาไว้ทั้งหมดเกือบสี่สิบห้องที่อาคารอีกด้านหนึ่งซึ่งเป็นเหมือนเรือนนอนหลังใหญ่สองชั้นเท่านั้น ทุกคนได้รับกุญแจห้องจากพนักงานโรงแรมคนละดอกสำหรับล็อคห้องของตัวเองเวลาออกไปข้างนอก พนักงานยังเตือนด้วยว่าอย่าทำหายเพราะที่นี่ไม่มีสำรองให้ จากนั้นพนักงานพาพวกเขาไปดูหมายเลขห้องและบอกว่าห้องหมายเลขไหนอยู่ชั้นหนึ่ง หมายเลขไหนอยู่ชั้นสองบ้าง ฟู่หยุนชิงที่ได้พักห้องชั้นสองก็เดินขึ้นบันไดไม้ไปอย่างไม่เร่งรีบ เธอเห็นบรรยากาศเงียบสงบเช่นนี้ก็พอใจกับที่พักไม่น้อย รอยยิ้มน้อยประดับอยู่ที่มุมปากของฟู่หยุนชิงจนเป็นที่ชินตาของทุกคนแล้ว พวกเขาได้แต่คิดว่าขนาดมาอยู่ในที่แบบนี้เธอยังคงยิ้มได้อีก พวกเขาเห็นเช่นนี้ก็ไม่อยากเรื่องมากอีกต่อไป มีเพียงหวงเหมยหงที่ได้แต่พูดว่าฟู่หยุนชิงน่าจะเป็นคนบ้านนอกที่มาทำงานที่เมืองหลวงถึงได้พอใจสถานที่เส็งเคร็งแบบนี้ คนอื่น ๆ ต่างมองหวงเหมยหงอย่างเอือมระอา พวกเขาไม่พูดอะไรกับหวงเหมยหงแม้แต่คนเดียว ต่างคนต่างไปยังห้องพักตนเองเพื่อพ
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว ทีมงานก็พาฟู่หยุนชิงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและแต่งหน้าทำผมใหม่ พวกเขาจะแต่งหน้าให้จากที่โรงแรมก่อนที่จะเดินไปยังสถานที่ถ่ายทำซึ่งมีทีมงานกำลังเซตฉากการถ่ายทำเอาไว้แล้ว ส่วนตัวประกอบทั้ง 300 คนก็มาครบแล้วและกำลังเปลี่ยนชุดอยู่เช่นกัน นักแสดงคนอื่นที่ไม่มีบทในตอนนี้ต่างพากันไปดูการแสดงของฟู่หยุนชิงกันหลายคน มีเพียงหวงเหมยหงเท่านั้นที่ไม่คิดจะไปดู เธอนอนพักผ่อนที่ห้องพักอย่างไม่สนใจใคร อีกทั้งอาหารเช้าเธอยังให้ผู้จัดการไปนำมาให้เธอที่ห้องพักด้วย ผู้กำกับและนักเขียนบทเองก็เตรียมตัวพร้อมแล้วเช่นเดียวกัน ทีมประสานงานวิ่งไปดูว่าตัวประกอบแต่งตัวเสร็จกันหรือยัง เพราะตอนนี้เริ่มจะสายแล้ว ไม่นานนักเขาก็วิ่งกลับมาแจ้งผู้กำกับว่าอีกไม่เกินสิบนาทีตัวประกอบจะแต่งตัวเสร็จ จากนั้นผู้กำกับยังถามถึงฟู่หยุนชิงอีกด้วยว่าแต่งตัวไปถึงไหนแล้ว แต่หลังจากผู้กำกับสอบถามไป เขาเหลือบไปเห็นฟู่หยุนชิงที่แต่งตัวเป็นแม่ทัพหญิงกำลังเดินเข้ามาหาเขาพอดี ทุกคนที่เห็นฟู่หยุนชิงในชุดนี้ต่างนึกในใจว่า เธอช่างเหมือนแม่ทัพหญิงมากจริง ๆ หลังจากตั้งสติได้ ผู้กำกับก็กวักมือเรียก
หลังอาหารเย็นวันต่อมา ฟู่หยุนชิงเตรียมขนมกับนมสำหรับนั่งกินไปดูละครของเธอไปที่โซฟาไม่น้อย ส่วนเหอจิ้งเกาเองก็เอาแต่นั่งลูบท้องป่อง ๆ ของฟู่หยุนชิงอย่างแสนรัก จนกระทั่งละครเริ่มตอนแรก เหอจิ้งเกาจึงหันไปดูทีวีเป็นเพื่อนฟู่หยุนชิง เขาชมภรรยาว่าเล่นดีไม่น้อยเลยทีเดียว ส่วนเรตติ้งต้องรอให้จบตอนของละครในวันนี้เสียก่อนจึงจะรู้ว่าเรตติ้งวันแรกดีหรือไม่ ฟู่หยุนชิงยังเปิดไลฟ์ในเว่ยป๋อถ่ายภาพในทีวีว่าเธอกำลังดูละครของตัวเองอยู่ บรรดาแฟนคลับต่างเข้ามาโพสต์บอกเช่นกันว่าพวกเขาเองก็กำลังดูอยู่ ทุกคนต่างชมว่าฟู่หยุนชิงเล่นได้ดีมากสำหรับบทร้ายลึกเช่นนี้ ฟู่หยุนชิงยิ้มกับโพสต์ต่าง ๆ ของแฟนคลับจนเหอจิ้งเกาต้องหันไปอ่านด้วย เขาพบว่าตัวเองไม่มีเว่ยป๋อของภรรยาเลยนี่นา เหอจิ้งเกาจึงเอาโทรศัพท์ของตัวเองออกมาแล้วขอเว่ยป๋อของฟู่หยุนชิงทันที เธอเองก็เพิ่งนึกได้ว่าไม่เคยบอกกับเขา เธอจึงให้ชื่อเว่ยป๋อของตัวเองไปพร้อมกับแอดเขาเป็นเพื่อนคนแรกของเธอในเว่ยป๋อ เ
ฟู่หยุนชิงนั่งฟังเหอจิ้งเกาบอกถึงสิ่งของต่าง ๆ ที่เขาซื้อมา เธอก็ได้แต่อ้าปากค้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ“นี่คุณไม่คิดจะให้ฉันซักเสื้อผ้าเลยใช่ไหมถึงได้ซื้อชุดคลุมท้องมาเยอะขนาดนี้ ไหนจะอาหารเสริมอีกตั้งมาก เดือนนี้ทั้งเดือนฉันจะกินหมดไหม?”“โธ่ ภรรยา ผมเห็นว่ามีแต่ชุดสวย ๆ ที่เหมาะกับคุณก็เลยหนักมือไปหน่อย ก็ผมอยากเห็นคุณใส่ชุดสวย ๆ พวกนี้นี่นา อีกอย่างท้องคุณก็โตขึ้นทุกวันด้วย ส่วนอาหารเสริมคุณก็กินตอนหิวรองท้องก่อนถ้าผมยังไม่กลับมาทำกับข้าวให้ก็ได้ ของพวกนี้กว่าจะหมดอายุก็เป็นปีแน่ะ คุณค่อย ๆ กินไปเดี๋ยวก็หมดเองนั่นแหละ”“เฮ้อ คุณนี่นะ ทีหลังอย่าซื้อแบบนี้อีกนะ มันสิ้นเปลืองเปล่า ๆ ฉันเสียดายเสื้อผ้าที่ใส่ได้แค่ตอนท้องน่ะ ความจริงซื้อมาแค่นิดหน่อยก็พอแล้ว เสื้อผ้าเก่าที่เป็นชุดคลุมท้องก็ยังมีอีกตั้งหลายสิบตัวนะคุณ”“ตกลงครับคุณภรรยา เอาล่ะ ๆ เราไม่คุยเรื่องเครียด ๆ กันนะ เดี๋ยวลูกจะเครี
หลังจบเรื่องของเหอหว่านหลงแล้ว เหอจิ้งเกากับฟู่หยุนชิงก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างปรกติสุข ตอนนี้ท้องของฟู่หยุนชิงเริ่มป่องออกมาแล้ว ทำให้เธอต้องใส่ชุดคลุมท้องที่เหอจิ้งเกาซื้อมาให้นับสิบตัว ส่วนที่เธอซื้อมาเองก็แทบไม่ได้ใส่ เนื่องจากเหอจิ้งเกาอ้างว่าเนื้อผ้าไม่ดีเท่ากับที่เขาซื้อให้ ซึ่งฟู่หยุนชิงที่ขี้เกียจเถียงกับเขาจึงได้แต่ใส่เสื้อผ้าที่เขาซื้อให้เท่านั้น เข้าสู่การตรวจครรภ์เดือนที่สาม เหอจิ้งเกาพาฟู่หยุนชิงไปตรวจครรภ์ตามปกติ แน่นอนว่าบอดี้การ์ดต่างล้อมรอบทั้งสองคนเอาไว้อย่างมิดชิดก่อนที่จะขึ้นไปที่ชั้นสามซึ่งเป็นแผนกสูตินรีเวช วันนี้หมอยังคงอัลตราซาวด์ดูการเจริญเติบโตของเด็กในครรภ์ก็พบว่าเด็กมีพัฒนาการที่ดี ฟู่หยุนชิงขอให้หมอถ่ายรูปลูกให้ทุกเดือนเพื่อที่เธอจะได้ทำเป็นสมุดบันทึกเอาไว้ให้ลูกดูตอนที่เขาโตขึ้น หมอยิ้มและตอบรับคำขอของฟู่หยุนชิงที่ดูจะรักลูกไม่น้อย แม้แต่เหอจิ้งเกาเองก็เห็นด้วยกับภรรยา เขาไม่คิดว่าเธอจะรอบคอบถึงขนาดนี้ &nbs
เหอจิ้งเกาไปถึงที่ทำงานตามเวลาปกติ พอทำงานได้สักพักใหญ่กลับมีเสียงเอะอะโวยวายกันที่หน้าห้อง เขาส่งสัญญาณให้เลขาออกไปดู ไม่นานเขาก็เข้ามารายงานว่าเหอเซียวเซียวมาขอพบ เหอจิ้งเกาที่รำคาญเสียงดังด้านนอกจึงได้แต่บอกให้เธอเข้ามา“เธอมีอะไรถึงได้มาก่อความวุ่นวายที่นี่อีก”“พี่ชายต้องช่วยพ่อฉันนะคะ พ่อฉันถูกจับข้อหาจ้างวานฆ่า ฉันแน่ใจว่าพ่อฉันไม่ได้ทำ ท่านจะเอาเงินที่ไหนไปจ้างคนกัน”“หึ! นี่เธอไม่รู้เหรอว่าพ่อเธอจ้างฆ่าใคร เขาต้องการฆ่าฉันนี่ไง แล้วเธอยังมีหน้ามาให้ฉันช่วยคนที่คิดจะฆ่าฉันอีกเหรอ” เหอเซียวเซียวถึงกับหน้าซีดเมื่อได้ฟังคำพูดของเหอจิ้งเกา เธอไม่รู้จริง ๆ ว่าพ่อเธอจะสั่งฆ่าเหอจิ้งเกา เพราะพ่อไม่ได้บอกอะไรเธอเลย เขาเอาแต่บอกว่าให้รอเวลาอีกไม่นานก็จะได้เงินก้อนใหญ่แล้วเท่านั้น ตอนนี้เธอไม่รู้จะพูดอะไรต่อเพื่อขอความเมตตาจากพี่ชายใจดำคนนี้แล้ว
เมื่อถึงช่วงบ่ายหลังทานอาหารเที่ยงแล้ว หมอเข้ามาตรวจเหอจิ้งเกาอีกครั้ง พอเห็นว่าเขาไม่มีอาการแทรกซ้อน หมอจึงบอกให้เลขาของเหอจิ้งเกาตามมาทำเรื่องเพื่อออกจากโรงพยาบาลและรับยาสำหรับทานในระหว่างที่เขารักษาตัวเองต่อที่บ้าน เลขาเดินตามหมอออกไป ส่วนเหอจิ้งเกาให้อาหยงมาช่วยเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เลขานำมาให้ก่อนหน้านี้ ฟู่หยุนชิงความจริงอยากช่วยเขาเปลี่ยนเสื้อผ้า เพียงแต่เธอรู้ดีว่าคงไม่ค่อยเหมาะสมนักเมื่อมีคนอื่นอยู่ด้วย ฟู่หยุนชิงจึงไม่ดื้อรั้นที่จะดูแลเหอจิ้งเกาในเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ครึ่งชั่วโมงต่อมา เลขาก็เข้ามาแจ้งว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ส่วนรถก็มีบอดี้การ์ดหน้าห้องรอรับเหอจิ้งเกากับฟู่หยุนชิงอยู่ที่ด้านล่างแล้ว อาหยงกับอาเหว่ยบอกฟู่หยุนชิงว่าพวกเขาจะขับตามหลังไป ทั้งเหอจิ้งเกาและฟู่หยุนชิงพยักหน้ารับทราบ จากนั้นฟู่หยุนชิงก็เป็นฝ่ายเดินประคองเหอจิ้งเกาออกไปจากห้องพักทันทีเพื่อลงไปขึ้นรถที่ด้านล่าง &
หลังจากให้ยาเหอจิ้งเกาแล้ว เขาก็เริ่มง่วงนอนเช่นเดียวกัน ฟู่หยุนชิงบอกเหอจิ้งเกาว่าเธอจะไปนอนที่ห้องรับแขกติดกัน หากเขามีอะไรให้เรียกเธอ เธอจะรีบมาดูเขาทันที จากนั้นฟู่หยุนชิงก็เลื่อนสายออดมาไว้ใกล้มือของเหอจิ้งเกาเผื่อว่าเขาจะเป็นอะไรไปอีกตอนกลางดึก เหอจิ้งเกาบอกให้ภรรยารีบไปพักผ่อน เพราะเธอกำลังท้องกำลังไส้อยู่เช่นกัน ส่วนอาหยงกับอาเหว่ยก็ออกมานั่งเฝ้าเจ้านายกับนายหญิงที่โซฟาซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกันกับเตียงของเหอจิ้งเกา ฟู่หยุนชิงเห็นว่ามีอาหยงกับอาเหว่ยอยู่เธอจึงสบายใจขึ้นบ้าง จากนั้นเธอจึงบอกฝันดีกับเหอจิ้งเกาก่อนจะเดินเข้าห้องไปนอนพักผ่อนเสียที เหอจิ้งเกาเองก็นอนพักผ่อนเช่นกัน ตอนนี้เขายังไม่รู้สึกเจ็บแผลเพราะยาชาน่าจะยังไม่หมดฤทธิ์ น่าจะอีกสักพักใหญ่ยาชาหมดฤทธิ์เมื่อไหร่เขาก็คงจะเจ็บแผลขึ้นมาเป็นแน่ โชคดีเรื่องที่เหอจิ้งเกาคิดไม่เกิดขึ้น เพราะว่าในยาหลังอาหารนั้นมียานอนหลับอยู่ด้วย จึงทำให้เขาหลับสนิทในตอนกลางคืนทั้งคืน
หลังจากหมอออกไปแล้ว ฟู่หยุนชิงก็สอบถามเหอจิ้งเกาว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง“ผมไม่เป็นอะไรแล้ว คุณเป็นห่วงผมเหรอภรรยา” เหอจิ้งเกาพูดพร้อมยิ้มล้อเลียนภรรยาตัวน้อยของเขา“ถ้าฉันไม่ห่วงคุณแล้วจะให้ฉันห่วงใครกัน คุณเป็นพ่อของลูกฉันนะเหอจิ้งเกา ทีหลังห้ามบาดเจ็บอีกรู้หรือเปล่า แล้วก็อย่าให้ผู้หญิงคนไหนเข้าใกล้ด้วย มันทำให้ฉันอารมณ์ไม่ดี” ฟู่หยุนชิงที่อัดอั้นความเป็นห่วงเขามานาน ในที่สุดเธอก็ได้ระบายออกมาเสียที แถมเธอที่เพิ่งนึกถึงพยาบาลสาวสวยคนเมื่อกี้ก็ยิ่งนึกเคืองขึ้นมาเสียเฉย ๆ“ขอบคุณนะครับภรรยา รับรองว่าผมจะไม่ให้ผู้หญิงคนไหนเข้าใกล้นอกจากคุณ ตกลงไหม นี่คุณยังไม่ได้กินข้าวเย็นใช่หรือเปล่า”“ก็ใช่น่ะสิ ฉันเป็นห่วงคุณเลยรีบออกมา แต่ระหว่างรอคุณผ่าตัด ฉันกินขนมกับอาหารเสริมไปนิดหน่อยแล้ว”“ถ้าอย่างนั้
เมื่อรถจอดที่หน้าประตูโรงพยาบาล เลขาของเหอจิ้งเการีบเปิดประตูและพยุงเขาออกมาจากรถ บรรดาทีมแพทย์ที่รออยู่สอบถามอาการจนทราบว่าเหอจิ้งเกาถูกยิง พวกเขาให้เหอจิ้งเกานอนบนเตียงพยาบาลเพื่อไปเอกซเรย์ดูก่อนว่ากระสุนอยู่ส่วนไหนของไหล่เขา และพวกเขาจะได้เตรียมห้องผ่าตัดก่อนจะนำกระสุนออกไป ขณะที่ที่โรงพยาบาลกำลังวุ่นวายกับลูกค้าวีวีไอพีอยู่นั้น ฟู่หยุนชิงที่เห็นว่าเลยเวลาที่เหอจิ้งเกาจะกลับจากทำงานเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว บอดี้การ์ดที่ไปกับเหอจิ้งเการีบโทรหาอาหยงเพื่อให้ไปบอกนายหญิงตามที่เจ้านายบอก ไม่อย่างนั้นนายหญิงคงกำลังเป็นห่วงแน่ อาหยงรีบตอบรับแล้ววางสาย เขารีบขึ้นไปที่เพนท์เฮ้าส์ทันทีและแจ้งฟู่หยุนชิงตามที่ได้รับข่าวมา ฟู่หยุนชิงมีหรือจะมีอารมณ์กินข้าว เมื่อเธอรู้ว่าเหอจิ้งเกาถูกยิง อาการยังไม่ทราบ ฟู่หยุนชิงตอนนี้กำลังโกรธมาก เธอไม่รู้ว่าใครกันกล้าทำร้ายพ่อของลูกเธอแบบนี้ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะหาตัวการ ฟู่หยุนชิงรีบบอกให้อาหยงเอารถออก เธอจะไปหาเขาที่โรงพยาบาล แน่นอนว่าอาหยงบอกให้ฟู่หยุนชิงนำ
ระหว่างที่เหอจิ้งเกากับฟู่หยุนชิงกำลังทานอาหารอย่างมีความสุข ในทางกลับกัน เหอหว่านหลงไม่มีอารมณ์แม้แต่จะกินอาหารเย็นในวันนี้ หลังอาหารเขาไปเข้าบ่อนเพื่อปรึกษาเจ้าของบ่อนเรื่องหาคนไปฆ่าเหอจิ้งเกาเสีย เพื่อที่เขาจะได้เข้ารับช่วงต่อบริษัทของเหอจิ้งเกาได้อย่างไม่ยากเย็นนัก อย่างไรเขาก็เป็นญาติเพียงคนเดียวของเหอจิ้งเกา หากไม่ใช่เขาเป็นผู้รับมรดกแล้วจะเป็นใครกันเล่า ด้านเจ้าหนี้ของเหอหว่านหลงเห็นว่าความคิดของเขาไม่เลว อย่างไรเหอหว่านหลงก็ติดหนี้พนันเขาไม่น้อย ยิ่งถ้าเหอหว่านหลงสามารถครอบครองบริษัทของเหอจิ้งเกาได้จริง ๆ เขาเองก็จะได้ดูดเงินจากการเล่นพนันของเหอหว่านหลงมาได้อีกไม่น้อย ทั้งสองคนวางแผนการฆ่าเหอจิ้งเกาอยู่เกือบหนึ่งชั่วโมง จากนั้นเจ้าของบ่อนก็สั่งลูกน้องให้ไปเตรียมการในทันที เขาเร่งให้คนของตนเองลงมือให้เร็วที่สุด เพื่อที่เหอจิ้งเกาจะได้ไม่ทันระวังตัวจนการฆ่าเขายากขึ้นไปอีก และยังเสี่ยงต่อการถูกจับอีกด้วย เจ้าของบ่อนยังบอกคนของเขาว่าถ้าถูกจับได้ให้บอกว่าเป็นเหอหว่านหลงที่จ้างพวก