ทีมงานที่ทำหน้าที่ประสานงานไปติดต่อกับเจ้าของโรงแรมว่าพวกเขามาถึงแล้ว เจ้าของโรงแรมจึงให้พนักงานพาทุกคนไปห้องพักที่จองเอาไว้ทั้งหมดเกือบสี่สิบห้องที่อาคารอีกด้านหนึ่งซึ่งเป็นเหมือนเรือนนอนหลังใหญ่สองชั้นเท่านั้น ทุกคนได้รับกุญแจห้องจากพนักงานโรงแรมคนละดอกสำหรับล็อคห้องของตัวเองเวลาออกไปข้างนอก พนักงานยังเตือนด้วยว่าอย่าทำหายเพราะที่นี่ไม่มีสำรองให้ จากนั้นพนักงานพาพวกเขาไปดูหมายเลขห้องและบอกว่าห้องหมายเลขไหนอยู่ชั้นหนึ่ง หมายเลขไหนอยู่ชั้นสองบ้าง ฟู่หยุนชิงที่ได้พักห้องชั้นสองก็เดินขึ้นบันไดไม้ไปอย่างไม่เร่งรีบ เธอเห็นบรรยากาศเงียบสงบเช่นนี้ก็พอใจกับที่พักไม่น้อย รอยยิ้มน้อยประดับอยู่ที่มุมปากของฟู่หยุนชิงจนเป็นที่ชินตาของทุกคนแล้ว พวกเขาได้แต่คิดว่าขนาดมาอยู่ในที่แบบนี้เธอยังคงยิ้มได้อีก พวกเขาเห็นเช่นนี้ก็ไม่อยากเรื่องมากอีกต่อไป มีเพียงหวงเหมยหงที่ได้แต่พูดว่าฟู่หยุนชิงน่าจะเป็นคนบ้านนอกที่มาทำงานที่เมืองหลวงถึงได้พอใจสถานที่เส็งเคร็งแบบนี้ คนอื่น ๆ ต่างมองหวงเหมยหงอย่างเอือมระอา พวกเขาไม่พูดอะไรกับหวงเหมยหงแม้แต่คนเดียว ต่างคนต่างไปยังห้องพักตนเองเพื่อพ
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว ทีมงานก็พาฟู่หยุนชิงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและแต่งหน้าทำผมใหม่ พวกเขาจะแต่งหน้าให้จากที่โรงแรมก่อนที่จะเดินไปยังสถานที่ถ่ายทำซึ่งมีทีมงานกำลังเซตฉากการถ่ายทำเอาไว้แล้ว ส่วนตัวประกอบทั้ง 300 คนก็มาครบแล้วและกำลังเปลี่ยนชุดอยู่เช่นกัน นักแสดงคนอื่นที่ไม่มีบทในตอนนี้ต่างพากันไปดูการแสดงของฟู่หยุนชิงกันหลายคน มีเพียงหวงเหมยหงเท่านั้นที่ไม่คิดจะไปดู เธอนอนพักผ่อนที่ห้องพักอย่างไม่สนใจใคร อีกทั้งอาหารเช้าเธอยังให้ผู้จัดการไปนำมาให้เธอที่ห้องพักด้วย ผู้กำกับและนักเขียนบทเองก็เตรียมตัวพร้อมแล้วเช่นเดียวกัน ทีมประสานงานวิ่งไปดูว่าตัวประกอบแต่งตัวเสร็จกันหรือยัง เพราะตอนนี้เริ่มจะสายแล้ว ไม่นานนักเขาก็วิ่งกลับมาแจ้งผู้กำกับว่าอีกไม่เกินสิบนาทีตัวประกอบจะแต่งตัวเสร็จ จากนั้นผู้กำกับยังถามถึงฟู่หยุนชิงอีกด้วยว่าแต่งตัวไปถึงไหนแล้ว แต่หลังจากผู้กำกับสอบถามไป เขาเหลือบไปเห็นฟู่หยุนชิงที่แต่งตัวเป็นแม่ทัพหญิงกำลังเดินเข้ามาหาเขาพอดี ทุกคนที่เห็นฟู่หยุนชิงในชุดนี้ต่างนึกในใจว่า เธอช่างเหมือนแม่ทัพหญิงมากจริง ๆ หลังจากตั้งสติได้ ผู้กำกับก็กวักมือเรียก
หลังฟังผู้กำกับสั่งให้เลิกกองได้ ทีมงานต่างเก็บอุปกรณ์พร้อมกับให้ตัวประกอบทั้งสามร้อยคนไปเปลี่ยนชุดคืนพวกเขา ส่วนฟู่หยุนชิงเองก็ไปเปลี่ยนชุดและรอไปล้างหน้าล้างตาที่โรงแรมก่อนจะนั่งทานข้าวเย็น ไม่นานนักทุกคนก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนเองตามที่ทีมงานบอก ส่วนฟู่หยุนชิงที่เปลี่ยนชุดเสร็จแล้วขอตัวไปล้างหน้าที่โรงแรมก่อนใครเพื่อน เธอเดินตามหลังผู้กำกับกับนักเขียนบทไม่ไกลนัก ฟู่หยุนชิงไม่ชอบประจบประแจง เธอจึงเดินตามไปห่าง ๆ เท่านั้น กระทั่งไปถึงโรงแรม ฟู่หยุนชิงก็ไปที่ห้องน้ำเพื่อล้างเครื่องสำอางออกให้หมดก่อนจะออกมาทานอาหารที่ทางโรงแรมเตรียมเอาไว้ให้แล้ว ฟู่หยุนชิงนั่งทานข้าวไม่นานนักก็ขอตัวกลับไปพักผ่อนที่ห้องทันที วันนี้เธอหมดแรงไม่น้อย ฟู่หยุนชิงจึงอยากเดินลมปราณเพื่อให้ร่างกายกลับมากระปรี้กระเป่าเหมือนเดิมเสียก่อน อย่างไรฉากในวันนี้เธอคิดว่าทำได้ดีแล้วจึงไม่น่าจะมีสิ่งใดต้องแก้ไข โชคดีที่ตัวประกอบทั้งหมดเองก็แสดงได้ดีทำให้ไม่ต้องเทคเลยสักเทคเดียว เมื่อกลับถึงห้องแล้ว ฟู่หยุนชิงก็ไปอาบน้ำล้างหน้าอีกรอบก่อนที่จะไปนั่งที่เตียงเพื่อเดิมลมปราณและสะสมพลังปราณเพิ่มอ
หลังทานอาหารเสร็จแล้ว ฟู่หยุนชิงก็กลับห้องไปนั่งเดินลมปราณของตนเองต่อไป เธอต้องใช้เวลาที่เหลืออยู่ให้เต็มที่ก่อนที่จะเดินทางกลับในวันพรุ่งนี้ ฟู่หยุนชิงสะสมลมปราณอย่างไม่เร่งรีบเพราะเกรงว่าธาตุไฟจะเข้าแทรกหากเธอรีบร้อนมากเกินไป กระทั่งถึงช่วงเย็นของวัน บรรดานักแสดงที่ไปถ่ายทำที่เมืองโบราณก็กลับมาทานอาหารเย็น ฟู่หยุนชิงทักทายทุกคนพร้อมรอยยิ้มแล้วนั่งทานข้าวของเธอต่ออย่างไม่เร่งร้อน ผู้กำกับเห็นว่าเธอนั่งอยู่คนเดียวเขากับผู้เขียนบทจึงพากันไปนั่งกับฟู่หยุนชิงเพื่อพูดคุยถึงเรื่องในอนาคตว่าหากมีหนังดี ๆ อีก เขาจะเชิญฟู่หยุนชิงมาแสดงจะได้หรือไม่“ยินดีค่ะผู้กำกับ ถ้าหากมีงานเรื่องใหม่ที่เหมาะกับฉัน แค่ผู้กำกับไม่ลืมนักแสดงตัวเล็ก ๆ อย่างฉัน ฉันก็ดีใจแล้วค่ะ”“ฮ่า ฮ่า พูดได้ดี พูดได้ดี เอาล่ะรีบกินข้าวเถอะ เดี๋ยวฉันจะให้ทีมงานนำเช็คเงินสดค่าตัวของเธอมาให้นะ กลับไปก็อย่าลืมเอาเข้าบัญชีไว้ล่ะ”“ขอบคุณมากค่ะผู้กำกับ” พวกเขาพูดคุยกันไม่นานนักก่อนที่ฟู่หยุนชิงจะทานอาหารอิ่มแล้วขอตัวกลับห้องไปก่อนพวกเขา ผู้กำกับกับนักเขียนบทเองก็ปล่อยให้เธอไปตามที่ฟู่หยุนชิงต้องการ อย่า
ฟู่หยุนชิงนั่งในที่นั่งตนเองพร้อมมองออกไปนอกหน้าต่าง เธอยังไม่รู้สึกเลยว่ามีใครมานั่งด้านข้างตนเอง นับว่าเป็นการดีกับการที่เธอจะสะสมพลังปราณอย่างสงบ กระทั่งเสียงแอร์โฮสเตสเริ่มประกาศให้รัดเข็มขัดก็ไม่พบว่ามีใครจะมานั่งข้างเธอ ฟู่หยุนชิงรู้สึกดีใจไม่น้อย เธอสงสัยว่าน่าจะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นซึ่งคนเดินทางน้อยเป็นแน่ เครื่องบินเที่ยวนี้จึงมีผู้โดยสารไม่เต็มเครื่อง ไม่นานนักเครื่องก็เริ่มการเทคออฟ ฟู่หยุนชิงรอจนกว่าเครื่องบินจะขึ้นไปจนถึงเพดานบินจึงจะเริ่มสะสมพลังลมปราณ เธอไม่อยากเริ่มต้นตอนที่เครื่องบินยังสั่นอยู่ ฟู่หยุนชิงนั่งทำสมาธิก่อนจะเริ่มการสะสมลมปราณอย่างช้า ๆ เธอไม่รับรู้รอบข้างเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งเธอยังหลับตาเหมือนคนกำลังหลับอยู่ จึงทำให้แอร์โฮสเตสไม่สอบถามความต้องการของเธอเหมือนกับขามาเมืองฟู่ไห่ เกือบสองชั่วโมงต่อมา มีเสียงประกาศดังจากนักบินว่าเครื่องกำลังจะลงแล้ว ฟู่หยุนชิงที่สะสมพลังปราณจนถึงอีกก้าวเดียวเธอก็จะผ่านปราณขั้นสามแล้ว จึงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ เธอมองออกไปนอกหน้าต่างซึ่งภาพด้านล่างกำลังใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ อย่างเพลินตา กระ
หลังกินอาหารเสร็จแล้วฟู่หยุนชิงจึงนำเสื้อผ้าออกมาจากตู้และเลือกเอาเสื้อผ้าที่ดูดีพอที่จะขายได้ใส่ถุงผ้าขนาดใหญ่จนเกือบหมดตู้ ส่วนที่เหลือเล็กน้อยรวมทั้งกางเกงขาสั้นนั้นเธอเห็นว่ามันไม่เหมาะที่จะขายจึงไม่นำใส่ถุงไปด้วย ฟู่หยุนชิงนั่งสมาธิปรับพลังปราณให้มั่นคงยิ่งขึ้นเพื่อรอเวลาที่เธอจะออกไปตั้งแผงที่ตลาดนัดในช่วงบ่ายสามโมง ส่วนราคาที่จะขายเธอก็คิดเอาไว้แล้วว่าแต่ละตัวจะต้องขายเท่าไหร่ เธอตั้งใจจะลด 50% จากราคาที่ร่างเดิมซื้อมาจะได้ขายออกได้เร็ว ๆ อย่างไรฟู่หยุนชิงก็ไม่ถนัดเรื่องการค้าขายมาแต่ไหนแต่ไร เธอจึงอยากรีบขายออก แต่ก่อนที่จะปรับพลังปราณ โทรศัพท์ของฟู่หยุนชิงก็มีข้อความว่ามีเงินเข้าบัญชีห้าหมื่นเหรียญ ทำเอาฟู่หยุนชิงยิ้มแป้นที่ในที่สุดเงินก้อนแรกที่เธอมาทำงานในภพนี้ก็เข้ามาเสียที ต่อไปเธอก็สามารถใช้โทรศัพท์จ่ายเงินค่าสินค้าได้แล้ว เพราะก่อนหน้านี้เงินในบัญชีของเธอเหลือเพียงห้าร้อยเหรียญเท่านั้น ทำให้เธอต้องประหยัดค่าใช้จ่ายอย่างบ้าคลั่ง หลังได้รับการแจ้งเตือนแล้ว ฟู่หยุนชิงก็นั่งสมาธิทันทีจะได้ไม่เสียเวลาไปมากกว่านี้ เป็นเพราะเธอกินข้าวเช้าเอาตอนเกือบ
เมื่อกลับถึงห้องพักแล้ว ฟู่หยุนชิงก็นำเสื้อผ้าที่ซื้อมาทั้งหมดใส่ตะกร้ารอซักในวันพรุ่งนี้ อย่างไรช่วงนี้เธอก็ไม่มีงาน เธอจึงอยากใช้เวลาในการจัดการเรื่องส่วนตัวของตนเองให้เรียบร้อยเสียก่อน วันนี้เธอกลับมาเสียค่ำมืด ถุงแกงที่ซื้อมาแต่เช้าไม่รู้ว่ายังกินได้หรือไม่ ฟู่หยุนชิงเดินไปตรวจสอบดูแล้วพบว่ายังกินได้อยู่ เธอจึงนำถ้วยชามมาใส่แกงกับข้าวแล้วนั่งกินอย่างคนที่กำลังหิวโซ เป็นเพราะเธอมัวแต่จะหาเงินเลยไม่ได้ทานอาหารเที่ยงก่อนจะออกไปขายของ ทำให้กลับมาถึงห้องแล้ว ท้องน้อย ๆ ของเธอก็ร้องประท้วงจนต้องหาอะไรกินนี่แหละ หลังจากกินอาหารล้างถ้วยชามเสร็จแล้ว ฟู่หยุนชิงรีบอาบน้ำก่อนที่จะค่ำมากไปกว่านี้ วันนี้เธอนั่งตากแดดขายของอยู่หลายชั่วโมงจึงต้องรีบอาบน้ำทาครีมบำรุงผิวให้ดีเสียก่อน ไม่อย่างนั้นผิวพรรณของร่างเดิมคงจะหยาบกร้านเหมือนผิวในภพชาติก่อนของเธอเป็นแน่ คืนนี้ฟู่หยุนชิงพักการสะสมลมปราณ เธอเพียงแค่เดินลมปราณสองสามรอบก่อนจะนอนพักผ่อนเพื่อจะได้ซักเสื้อผ้าจำนวนมากในวันพรุ่งนี้หลังจากกลับจากซื้ออาหารเช้า รุ่งเช้าวันต่อมา ฟู่หยุนชิงรีบทำกิจวัตรประจำวันของเธอก่อนท
รุ่งเช้าวันที่ฟู่หยุนชิงต้องไปแคสติ้งงาน เธอตื่นตั้งแต่ตีสี่อาบน้ำแต่งตัวในชุดสุภาพและเดินทางง่าย โดยใส่เสื้อเชิ้ตกับกางเกงสแล็คพร้อมรองเท้าส้นเตี้ยเท่านั้น ฟู่หยุนชิงคิดว่าหากเธอใส่กระโปรงไปคงลำบากในการขึ้นลงรถเมล์เป็นแน่ เธอจึงได้เลือกใส่เสื้อผ้าเช่นนี้ ฟู่หยุนชิงมองตนเองในกระจกเพื่อตรวจสอบการแต่งตัวอีกครั้งว่ามีตรงไหนไม่เรียบร้อยหรือไม่ เมื่อเห็นว่าทุกอย่างไม่มีจุดใดที่ต้องแก้ไขแล้ว ฟู่หยุนชิงก็ทาครีมเหมือนร่างเดิมก่อนจะเดินทางออกจากห้องพักไปยังป้ายรถเมล์หน้าปากซอย ตอนนี้ฟ้ายังไม่สว่าง ฟู่หยุนชิงเห็นว่าไม่มีคนจึงใช้วิชาตัวเบาไปที่ป้ายรถเมล์เพื่อความรวดเร็ว เธอนั่งรอรถอยู่ประมาณยี่สิบนาที รถรอบแรกก็มาตามที่เธอคาดการเอาไว้แต่แรก ฟู่หยุนชิงลุกจากที่นั่งไปรอขึ้นรถริมฟุตบาท ไม่นานนักรถก็มาจอดพร้อมกับเปิดประตู ฟู่หยุนชิงเดินขึ้นไปพร้อมจ่ายเงินที่กล่องจ่ายเงินอัตโนมัติแล้วจึงเดินไปหาที่นั่งริมหน้าต่างซึ่งเป็นที่นั่งเดี่ยวเหมือนที่เธอชอบ รถเมล์ขับไปจอดไปจนกระทั่งถึงป้ายที่เธอจะต้องเปลี่ยนสายรถแล้ว ฟู่หยุนชิงลุกขึ้นเดินไปรอลงที่ประตูทันที ไม่นานนักรถก็จอดใ
กว่าหนึ่งชั่วโมงที่ฟู่หยุนชิงเดินเลือกซื้อสิ่งของจำเป็นต่าง ๆ เธอยังสอบถามพวกอาหยงว่าอยากได้อะไรเพิ่มอีกไหมเธอจะได้ซื้อให้พวกเขาด้วย ซึ่งอาหยงกับอาเหว่ยก็บอกว่าพวกเขาไม่มีอะไรอยากได้ ให้ฟู่หยุนชิงจ่ายแค่สินค้าที่เธอเลือกมาเท่านั้นก็พอ ฟู่หยุนชิงจึงพยักหน้ารับอย่างไม่คิดอะไรมากมายนัก หลังจ่ายค่าสินค้าจำนวนไม่น้อยซึ่งส่วนใหญ่เป็นนมและอาหารบำรุงของคุณแม่ตั้งครรภ์เสร็จแล้ว ฟู่หยุนชิงก็เดินนำพวกเขาลงไปยังชั้นล่างเพื่อซื้อชุดคลุมท้องราคาไม่แพงสำหรับใส่ในอนาคต จริงอยู่ว่าตอนนี้ท้องของเธอยังไม่ป่องออกมา แต่เธอคิดว่าการเตรียมการเอาไว้ก่อนนั้นย่อมดีกว่าแน่นอน ฟู่หยุนชิงเลือกซื้อชุดคลุมท้องมาได้สามสี่ตัวในราคาไม่ถึงหนึ่งพันเหรียญเธอก็ดีใจไม่น้อย แม้เนื้อผ้าจะไม่ดีเท่าเสื้อผ้าแบรนด์ที่เธอเคยซื้อก็ไม่เป็นไร อย่างไรเธอแค่ใส่ได้ก็เพียงพอแล้ว หลังจ่ายเงินและรับถุงมาถือเอง ฟู่หยุนชิงก็ชวนอาหยงกับอาเหว่ยกลับห้องพักทันที ตอนนี้เธอไม่มีอะไรที่อยากซ
อาหยงที่รับสายของฟู่หยุนชิงได้แต่กังวลว่าเธอเป็นอะไรมากหรือไม่ถึงกับต้องให้พวกเขาพาไปโรงพยาบาล อาเหว่ยรีบลงไปด้านล่างเพื่อสตาร์ทรถรออาหยงที่ขึ้นไปรับฟู่หยุนชิงที่ห้อง ไม่นานนักอาเหว่ยก็เห็นฟู่หยุนชิงที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดโดยมีอาหยงเดินตามด้วยสีหน้ากังวลเช่นกัน ทุกคนขึ้นรถแล้ว อาเหว่ยก็ไม่รอช้า เขารีบค้นหาโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดเอาไว้ก่อนล่วงหน้าแล้วตอนรอฟู่หยุนชิง เขาจึงออกรถไปยังทิศทางนั้นอย่างรวดเร็ว เมื่อถึงโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งไม่ไกลจากที่พักของฟู่หยุนชิงนัก อาหยงรีบไปเปิดประตูให้กับฟู่หยุนชิง ก่อนจะปิดประตูรถแล้วเดินตามหลังฟู่หยุนชิงเข้าไปในโรงพยาบาล ด้านอาเหว่ยก็รีบเอารถไปจอดก่อนจะตามพวกเขาเข้าไปในโรงพยาบาลทีหลัง ฟู่หยุนชิงไปติดต่อเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในเคาเตอร์เพื่อบอกว่าเธอต้องการมาตรวจการตั้งครรภ์ทันที อาหยงได้ยินเข้าถึงกับตกใจ เขาก็ลืมไปว่าเธอกับเจ้านายเขามีอะไรกันตั้งแต่เกือบสองเดือนก่อนแล้ว เขาไม่คิดจริง ๆ ว่าฟู่หยุนชิงจะ
ฟู่หยุนชิงหลังจากเข้าห้องแล้วก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสบาย ๆ เหมือนปกติของเธอ ก่อนที่ฟู่หยุนชิงจะขึ้นไปนอนพักที่เตียงอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากเมื่อคืนนี้กว่าที่เธอจะหมดฤทธิ์ยาก็เกือบจะเช้าแล้ว ถึงแม้เธอจะมีพลังลมปราณแต่การพักผ่อนอย่างถูกต้องก็ยังคงจำเป็นอยู่ บอดี้การ์ดทั้งสองเองก็ไปตรวจสอบห้องพักแล้วเห็นว่าพอจะอยู่ได้ พวกเขาคิดว่าฟู่หยุนชิงไม่น่าจะออกไปไหนอีกจึงพากันออกไปหาซื้อเสื้อผ้าเพิ่มเติม รวมทั้งอาหารที่ฟู่หยุนชิงยังไม่ได้กินตั้งแต่เช้าด้วย พวกเขาเองก็ไม่มีฝีมือการทำอาหารเหมือนเจ้านาย จึงได้แต่ซื้อสิ่งของจำเป็นมาไว้อุ่นให้กับฟู่หยุนชิงกินในช่วงเย็นแทน พวกเขารู้แต่แรกว่าฟู่หยุนชิงน่าจะนอนพักผ่อนเป็นแน่เพราะเมื่อคืนนี้กว่าเสียงในห้องจะหยุดไปก็เกือบเช้าแล้ว กว่าที่อาหยงกับอาเหว่ยจะซื้อของใช้จำเป็นกลับมาก็เป็นเวลาบ่ายกว่าแล้ว ฟู่หยุนชิงที่นอนเต็มอิ่มและท้องร้องจ๊อก ๆ ได้แต่ลุกขึ้นมาเพื่อที่จะออกไปซื้อของกินเธอนึกถึงบอดี้
รุ่งเช้าวันต่อมา ฟู่หยุนชิงที่กำลังอยู่ในอ้อมกอดของเหอจิ้งเการู้สึกได้ว่าตัวเองร่างกายเปลือยเปล่าก็ได้แต่นึกถึงวิธีการช่วยของเขาเมื่อคืนนี้ เธอรู้ดีว่าเขาทะนุถนอมเธอมากขนาดไหน ทำให้เช้านี้เธอไม่ถึงกับเจ็บมากมายนักกับครั้งแรกของเธอ เหอจิ้งเการู้สึกว่าคนในอ้อมแขนตื่นแล้วเขาจึงลืมตาขึ้นแล้วจ้องมองเธอด้วยตาเป็นประกาย เมื่อคืนนี้จะบอกว่าเขาช่วยเธอด้วยความเต็มใจก็ไม่ผิดนัก เขาไม่คิดว่าฟู่หยุนชิงจะบริสุทธิ์อยู่จริง ๆ จนกระทั่งเมื่อคืนนี้เขาได้พิสูจน์แล้วว่าเธอเป็นของเขาคนเดียว ทำให้เหอจิ้งเกายิ่งรู้สึกหวงคนตัวเล็กในอ้อมแขนมากขึ้นไปอีก ฟู่หยุนชิงเงยหน้าขึ้นมองเหอจิ้งเกา พอเธอเห็นว่าเขาตื่นแล้วจึงได้แต่ดิ้นอยากออกจากอ้อมแขนของเขาด้วยใบหน้าแดงก่ำ ใช่ว่าเธอไม่อาย แต่เพราะเป็นเขาคนที่เธอเชื่อใจ ฟู่หยุนชิงจึงได้ปล่อยตัวให้เขาอย่างเต็มใจเมื่อคืนนี้ แต่ตอนนี้ฟู่หยุนชิงต้องตื่นจากฝันแล้ว เธอไม่กล้าคิดว่าจะได้อะไรจากเรื่องนี้
คนของผู้ร่วมทุนร่างท้วมเห็นฟู่หยุนชิงลุกจากโต๊ะจึงรีบตามเธอไปที่หน้าห้องน้ำทันที ส่วนเหอจิ้งเกาที่เดินมาหาฟู่หยุนชิงจากโต๊ะแล้วไม่เจอก็ได้แต่ร้อนรนและสอบถามคนในโต๊ะว่าฟู่หยุนชิงไปไหน พอรู้ว่าเธอไปที่ห้องน้ำ เขาและบอดี้การ์ดก็รีบตามไปทันที ระหว่างทางเหอจิ้งเกายังบอกให้บอดี้การ์ดเรียกบอดี้การ์ดที่รออยู่ฟร้อนหน้าโรงแรมจองห้องสวีทที่ดีที่สุดเอาไว้ก่อน เมื่อเหอจิ้งเกาไปถึงหน้าห้องน้ำหญิงเขาก็เห็นคนของผู้ร่วมทุนร่างท้วมกำลังยื้อยุดอยู่กับฟู่หยุนชิง ฟู่หยุนชิงที่ถูกฤทธิ์ยาจนไร้เรี่ยวแรงได้แต่ฝืนตัวต่อสู้กับชายแปลกหน้าที่อยู่ ๆ ก็มาจับแขนของเธอแล้วบอกว่าจะพาเธอไปหาหมอ ฟู่หยุนชิงมองหน้าชายร่างใหญ่ที่กำลังดึงแขนเธออยู่มีหรือจะเชื่อ เธอจำได้ว่าชายคนนี้เป็นคนของผู้ร่วมทุนร่างท้วมที่กระซิบกันตอนเธอไปแนะนำตัว ฟู่หยุนชิงรู้ได้ทันทีว่าคงเป็นชายคนนั้นที่สั่งคนของเขาวางยาเธอ เธอพยายามกัดฟันต่อสู้กับชายร่างใหญ่เพื่อจะสลัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุม ฟู่หยุนชิงมีใจต่อสู้แต่กลับไร้เรี่ยวแรง
วันต่อมาฟู่หยุนชิงทานอาหารเช้าและเที่ยงตรงเวลา ก่อนที่เธอจะเริ่มแต่งตัวหลังจากทานอาหารเที่ยงไปได้สองชั่วโมง ฟู่หยุนชิงไม่อยากเร่งรีบมากเกินไป การที่เธอจะไปถึงงานสายสักหน่อยก็ไม่น่ามีปัญหา เพราะนี่เป็นเพียงงานเลี้ยงของทีมงานเท่านั้น เธอไม่คิดที่จะไปเลียแข้งเลียขาใครแต่แรก อย่างไรการทำงานของเธอแต่ละงานจะต้องได้มาด้วยความสามารถของตัวเองมากกว่าการได้รับบทมาด้วยหนทางอื่น กว่าที่ฟู่หยุนชิงจะแต่งตัว แต่งหน้าและทำผมเสร็จก็เป็นเวลาสี่โมงเย็นแล้ว ฟู่หยุนชิงไม่ลืมที่จะถ่ายรูปตัวเองแล้วโพสต์ลงเว่ยป๋อพร้อมกับข้อความว่าเธอกำลังจะเดินทางไปงานเลี้ยงให้กับเหล่าผู้ติดตามได้ดู หลังปิดเว่ยป๋อแล้ว ฟู่หยุนชิงสำรวจของในกระเป๋าสีขาวของเธอว่าลืมอะไรหรือไม่ เมื่อพบว่าเธอไม่ลืมสิ่งใดแล้ว ฟู่หยุนชิงก็ออกจากห้องเพื่อไปหาแท็กซี่ที่ป้ายรถเมล์เช่นเคย ฟู่หยุนชิงรออยู่ไม่ถึงยี่สิบนาทีก็มีแท็กซี่ว่างผ่านมาพอดี เธอเดินไปโบกแท็กซี่แล้วบอกจุดหมายปลายทาง ก่อนจะเข้าไป
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ฟู่หยุนชิงได้รับโทรศัพท์จากทีมงานเพื่อแจ้งสถานที่เลี้ยงฉลองรายได้หนังที่ตอนนี้ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในบ็อกซ์ออฟฟิศแล้วด้วยรายได้มากกว่าห้าร้อยล้านเหรียญ ฟู่หยุนชิงที่ทราบว่ารายได้หนังที่เธอแสดงได้มากถึงขนาดนี้ก็ถึงกับเบิกตาโตอย่างไม่เชื่อสิ่งที่ได้ฟัง ทีมงานได้แต่เตือนฟู่หยุนชิงว่าอย่าลืมเวลานัดงานเลี้ยงซึ่งจะถูกจัดขึ้นในวันมะรืนนี้ที่โรงแรมกลางเมืองอีกเช่นเคย ฟู่หยุนชิงตอบรับคำเชิญและบอกว่าไปถึงแล้วเธอจะโทรหาทีมงานเอง หลังนัดแนะกันแล้วทั้งคู่ต่างวางสายไป ช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ฟู่หยุนชิงไม่ได้ตามข่าวเรื่องหนังของตัวเองมากนัก มีเพียงเหล่าแฟนคลับที่บอกเธอว่ารายได้เปิดตัวหนังวันแรกก็เกือบหนึ่งร้อยล้านเหรียญแล้ว ฟู่หยุนชิงจึงไม่ได้ตามต่อว่าหนังของเธอจะมีรายได้เพิ่มอีกมากแค่ไหนภายในหนึ่งสัปดาห์ ฟู่หยุนชิงมัวแต่สนุกอยู่กับการฝึกฝนร่างกายของเธอให้แข็งแกร่งขึ้นมากกว่าตอนที่ไปติดเกาะร้าง เธอรู้ดีว่าร่างเดิมไม่ชอบออกกำลังกายจึงทำให้ร่างกายนี้อ่อนแอไม่น้อย แน่นอนว่าระหว่
หลังอาหารเช้าวันต่อมา ฟู่หยุนชิงนำถุงต่าง ๆ ที่ได้รับจากแฟนคลับมาเปิดดู เธอยังถ่ายรูปการ์ดและสิ่งของที่แฟนคลับให้มาเอาไว้ทุกอันก่อนจะโพสต์รูปทั้งหมดลงในหน้าหลักเว่ยป๋อของเธอพร้อมคำขอบคุณอีกครั้ง ฟู่หยุนชิงไล่ดูรูปภาพที่เหล่าแฟนคลับแชร์มาให้เธอในเว่ยป๋อ เธอไม่คิดว่าพวกเขาจะถ่ายภาพแทบจะทุกมุมตอนเธออยู่บนเวทีและด้านล่างหลังจากหนังฉายจบจนกระทั่งเธอได้ถ่ายรูปกับพวกเขาทุกคน ชาวเน็ตที่ไม่ได้ไปในเว่ยป๋อก็ได้แต่ชื่นชมฟู่หยุนชิงมากยิ่งขึ้นไปอีกที่เธอเป็นกันเองกับเหล่าแฟนคลับ ไม่เหมือนกับนักแสดงคนอื่นที่ต้องให้บอดี้การ์ดหรือทีมงานคอยกันเหล่าแฟนคลับเอาไว้ พวกเขาจะทำแค่ยื่นมือมาให้ลายเซ็นหรือทำเพียงแค่ยืนโพสต์ท่าให้แฟนคลับถ่ายรูปเท่านั้น แต่ในรูปที่แฟนคลับที่ไปงานเมื่อวานนี้นั้น มีรูปคู่ระหว่างฟู่หยุนชิงกับทุกคนที่ไปอย่างครบถ้วน ไม่ตกหล่นแม้แต่คนเดียว ทำเอาคนอื่น ๆ ได้แต่อิจฉาที่พวกเขาได้ใกล้ชิดกับฟู่หยุนชิงตัวจริง
สองชั่วโมงต่อมาหลังจากการฉายหนังจบลง เหล่านักข่าวและอินฟลูเอ็นเซอร์ทั้งหลายต่างปรบมือให้กับนักแสดงและทีมงานอย่างล้มหลาม พวกเขาดูหนังเรื่องนี้ซึ่งทั้งนักแสดงและผู้กำกับต่างทำออกมาได้ดีอย่างเหลือเชื่อ เพราะส่วนใหญ่แล้วหนังบู๊พีเรียดส่วนมากมักจะทำได้ไม่เหมือนจริงถึงขนาดนี้ ยิ่งฉากต่อสู้ของฟู่หยุนชิงด้วยแล้ว ทุกคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าสมแล้วที่เหอจิ้งเกากับผู้กำกับจะชื่นชมเธอมากตั้งแต่ก่อนที่พวกเขาจะได้ดูหนังเต็มเรื่องเสียอีก นักข่าวต่างอยากสัมภาษณ์ฟู่หยุนชิงกันทั้งนั้น พวกเขาขอทีมงานซึ่งทางทีมงานเองก็อนุญาตให้สัมภาษณ์ได้หลังจากทุกคนออกจากโรงหนังไปที่สถานที่ที่จัดเตรียมการสัมภาษณ์เอาไว้ล่วงหน้าแล้ว เหล่าแฟนคลับของฟู่หยุนชิงเองก็เตรียมตัวรอฟู่หยุนชิงอยู่บริเวณที่พวกเขาเห็นทีมงานจัดเตรียมพื้นที่เพื่อให้สัมภาษณ์เช่นกัน พวกเขาอยากใกล้ชิดกับนักแสดงที่พวกเขาชื่นชอบมากขึ้นเท่านั้นจึงได้อดทนรอกันอยู่เช่นนี้ ส่วนแฟนคลับของนักแสดงคนอื่นท