หลังจากเพิ่มพลังปรานทั้งคืน ฟู่หยุนชิงก็ไม่รู้สึกง่วงนอนแม้แต่นิดเดียว ร่างกายเธอเริ่มเบาเหมือนใกล้จะก้าวข้ามขั้นแรกของลมปรานแล้วในอีกไม่ช้า ฟู่หยุนชิงเก็บเสื้อผ้าและของใช้ต่าง ๆ ลงกระเป๋าจนหมด จากนั้นเธอไปอาบน้ำและเลือกใส่เสื้อผ้าที่มิดชิดที่สุดพร้อมกับรองเท้าส้นสูงซึ่งเธอไม่มีรองเท้าอื่นให้ใส่อีกแล้ว เงินในบัญชีของร่างเดิมก็เหลือเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เธอไม่รู้เลยว่าราคาสินค้าของภพนี้จะแพงมากน้อยเพียงใดกับรองเท้าคู่ใหม่หนึ่งคู่ ฟู่หยุนชิงจึงคิดว่าเก็บเงินเอาไว้เป็นค่ารถดีกว่า
ฟู่หยุนชิงตรวจสอบสิ่งของกันลืมอีกครั้งก่อนจะออกจากห้องพักเพื่อไปกินอาหารเช้าที่ล็อบบี้แล้วค่อยเช็คเอ้าท์หลังอาหาร อย่างไรอาหารฟรีก็จำเป็นสำหรับเธอในตอนนี้ แน่นอนว่าฟู่หยุนชิงเลือกแต่อาหารที่อยู่ในความทรงจำของร่างเดิมเท่านั้น ดีกว่าที่เธอจะทดลองกินอาหารอื่นที่เธอไม่รู้จักจนไม่สบายเอาได้ อีกเพียงสองวันเธอก็ต้องกลับมาที่สตูดิโออีกเพื่อเดินทางไกลแล้ว เธอจะต้องรักษาสุขภาพของตัวเองให้ดีที่สุดเสียก่อน
ฟู่หยุนชิงเห็นทีมงานหลายคนยิ้มทักทายให้ เธอก็ทักทายทุกคนกลับพร้อมรอยยิ้มน้อย ๆ ของเธอ จากนั้นจึงไปหาที่นั่งคนเดียวตามเคย ทีมงานที่มองเห็นฟู่หยุนชิงไปนั่งคนเดียวก็ไม่ได้พากันคิดอะไรอีก พวกเขาเพียงแต่คิดว่าฟู่หยุนชิงคนเก่าร่าเริงกว่านี้เยอะเลย เพียงแต่ฟู่หยุนชิงคนนี้ก็ไม่ถึงกับเย็นชามากนัก อย่างน้อยเธอก็ยังทักทายพวกเขาพร้อมรอยยิ้มเหมือนเดิม แค่ไม่นั่งโต๊ะเดียวกันพวกเขาก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว
ทีมงานที่ทานอาหารเสร็จแล้วต่างแยกย้ายกันไปคืนห้องที่ล็อบบี้ ส่วนฟู่หยุนชิงที่กินข้าวอย่างช้า ๆ เธอรอไปทีหลังคนอื่นแต่แรกแล้ว เนื่องจากเธอไม่อยากเร่งรีบมากนัก ฟู่หยุนชิงจำได้ว่าเธอต้องขึ้นรถเมล์สายไหนกลับที่พักในภพนี้ของเธอ แต่ทีมงานคนอื่นที่มีรถส่วนใหญ่พวกเขาจะไปส่งกันเองถ้าเป็นทางผ่าน ส่วนที่พักของเธอนั้นไม่ใช่ทางผ่านของใครเลย ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเงินในกระเป๋าของร่างเดิมทำให้เธอไม่สามารถเช่าที่พักดีๆ ได้ ที่พักนั้นเป็นเพียงห้องเล็ก ๆ ในอพาร์ทเม้นซอมซ่อราคาถูกเท่านั้น
ฟู่หยุนชิงกินไปก็คิดไปว่าเมื่อเธอไปถึงที่นั่นแล้วคงต้องรีบทำความสะอาดก่อนเป็นอันดับแรก ในความทรงจำก่อนที่ร่างเดิมจะมาถ่ายหนัง เธอเห็นสภาพห้องเละเทะมาก ร่างเดิมไม่ชอบทำความสะอาดห้องเนื่องจากเธอต้องรีบหางานพิเศษเพื่อจุนเจือตัวเองเวลาที่เธอไม่มีงานแสดง พอทำงานเสร็จกลับมาถึงห้องเธอก็หมดแรงที่ทำความสะอาดห้องแล้ว จึงทำให้ห้องพักนั้นรกอย่างกับอะไรดี ฟู่หยุนชิงไม่สามารถพักผ่อนกับห้องแบบนี้ได้จริงๆ เธอเป็นคนรักสะอาด อย่างไรก็ต้องทำความสะอาดดี ๆ เสียก่อนค่อยพักผ่อนก็ยังไม่สาย
หลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว ฟู่หยุนชิงยังเห็นดาราคนอื่นที่ตื่นสายเพิ่งลงมาทานอาหาร เธอได้แต่ยิ้มและทักทายตามมารยาทเท่านั้น ก่อนจะเอาจานไปเก็บแล้วถือกระเป๋าเดินไปคืนห้องที่ล็อบบี้เหมือนทีมงานคนอื่น ๆ ก่อนหน้านี้
ฟู่หยุนชิงเดินออกมาหน้าประตูโรงแรม เธอเห็นป้ายรถเมล์อยู่ไม่ไกลนักก็ค่อย ๆ เดินไปที่นั่นอย่างไม่เร่งรีบ เธอจำได้ว่าอีกกว่าครึ่งชั่วโมงจึงจะมีรถเมล์สายที่ผ่านอพาร์ทเม้นของเธอมาถึง ฟู่หยุนชิงไม่กลัวว่าใครจะเห็นว่าเธอต้องนั่งรถประจำทาง อย่างไรเธอก็ไม่ได้ทำความลำบากให้ใครนี่นา เงินค่ารถก็เงินของเธอจริงไหม?
บรรดานักแสดงที่เห็นฟู่หยุนชิงรอรถเมล์อยู่ก็ได้แต่สงสารเธอ แต่พวกเขาไม่อยากเป็นข่าวหากรับเธอไปส่งถึงที่พัก พวกเขาจึงทำได้แค่มองส่งเธอก่อนจากไปด้วยรถส่วนตัวเท่านั้น ส่วนหวงเหมยหงที่มีรถผู้จัดการพากลับก็มองฟู่หยุนชิงอย่างดูถูก เธอไม่คิดว่านักแสดงปลายแถวอย่างฟู่หยุนชิงจะได้รับคำชมในการแสดงมากกว่าเธอ มันทำให้เธอเสียหน้าต่อหน้าเหอจิ้งเกาไม่น้อยเลยทีเดียว หลังจากนี้เธอคงไม่มีหน้าไปทักทายเขาอีกแล้ว
ฟู่หยุนชิงนั่งเล่นรอรถเมล์กระทั่งถึงเวลารถเมล์สายที่เธอรอก็มาถึงพอดี ฟู่หยุนชิงจ่ายเงินก่อนหาที่นั่งซึ่งขึ้นลงสะดวกด้านหน้ารถ อพาร์ทเม้นของเธออยู่เกือบสุดสายก็จริง แต่อย่างไรเธอก็ควรที่จะนั่งด้านหน้าดีกว่าที่จะไปนั่งด้านหลังซึ่งคนเยอะกว่ามากนัก ฟู่หยุนชิงจำได้ว่าต้องใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงหากรถไม่ติดก็จะไปถึงหน้าปากซอยที่พักเธอแล้ว
หลังจากรถเมล์เคลื่อนตัวออก ตามรายทางรถเมล์ก็แวะรับผู้โดยสารจนแทบจะไม่มีที่ยืน ฟู่หยุนชิงรู้ดีว่าค่าครองชีพที่สูงในเมืองหลวงทำให้คนหาเช้ากินค่ำจำเป็นจะต้องพึ่งพารถสาธารณะเช่นนี้ ฟู่หยุนชิงได้แต่หันมองข้างทางด้วยกลัวว่าเธอจะพบเห็นภาพคนที่น่าสงสารแล้วจะอดใจช่วยไม่ได้จนทำให้ตัวเองลำบาก จะหาว่าเธอเห็นแก่ตัวก็ไม่ผิดนัก เธอจำได้ว่าร่างเดิมเคยลุกให้คนชรานั่งแต่กลับถูกชายที่เห็นแก่ตัวเบียดมานั่งแทนที่ ตั้งแต่นั้นมาร่างเดิมก็ไม่เคยลุกให้ใครนั่งอีกเลย
ระหว่างทางมีผู้โดยสารลงประปรายจนรถเริ่มโล่งและเริ่มมีที่นั่ง ฟู่หยุนชิงได้แต่พรูลมหายใจอย่างโล่งอก เธออึดอัดมากที่มีคนจำนวนมากเบียดเสียดกันเช่นนี้ เหมือนกับว่าอากาศหายใจถูกคนจำนวนมากแย่งกันสูดดมอย่างกระหาย เธอได้แต่เดินลมปรานเพื่อไม่ให้ตัวเองเหนื่อยกับการแย่งชิงอากาศกับคนอื่น ๆ ในรถจนกระทั่งตอนนี้เธอจึงได้หยุดการเดินลมปรานทั่วร่างได้เสียที
สิบนาทีต่อมาก็ถึงป้ายที่เธอจะต้องลง ฟู่หยุนชิงเดินไปรอที่หน้าประตูทางออกของรถเมล์ ก่อนที่รถเมล์จะจอดที่ป้ายแล้วเปิดประตู เธอจึงเดินลงไปพร้อมกับมองดูนาฬิกาในมือ วันนี้น่าจะเพราะคนในรถเยอะจึงทำให้รถจอดบ่อยจนการเดินทางครั้งนี้ของเธอใช้เวลาถึงสามชั่วโมงเลยทีเดียว ฟู่หยุนชิงกระชับมือที่ถือกระเป๋าสัมภาระแล้วเดินไปที่ซอยในความทรงจำของร่างเดิมอย่างไม่เร่งรีบ ตอนนี้เกือบจะเที่ยงวันแล้ว แดดที่แรงจัดส่องแสงจนเธอแสบผิวไปหมด ฟู่หยุนชิงกลัวว่าผิวดี ๆ ของร่างเดิมจะเสียหายเพราะแสงแดด เธอจึงเร่งฝีเท้าเพื่อไปให้ถึงที่พักให้เร็วยิ่งขึ้น
ไม่ถึงยี่สิบนาทีเธอก็มาถึงหน้าอพาร์ทเม้นซอมซ่อของร่างเดิมเสียที ที่นี่เต็มไปด้วยคนทำงานหาเช้ากินค่ำ ฟู่หยุนชิงคิดว่าหากในอนาคตเธอมีเงินมากกว่านี้ เธอคงจะไปหาเช่าห้องที่ดีกว่านี้พักจะดีกว่า แต่ถึงแม้ที่นี่จะซอมซ่อเช่นไร ร่างเดิมก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์คุกคามใด ๆ จากคนในซอยเลยแม้แต่ครั้งเดียว อาจเป็นเพราะร่างกายที่ผอมแห้งของเธอกระมัง จึงทำให้คนอื่นเวทนาไม่น้อย
ฟู่หยุนชิงเดินขึ้นไปยังชั้นสามซึ่งห้องของเธออยู่ที่นั่นในเวลาไม่นานนัก เธอหยิบกุญแจในกระเป๋าข้างออกมาเปิดห้องแล้วเข้าไปด้านในทันที ฟู่หยุนชิงมองรอบห้องที่รกจนแทบไม่มีที่เดินอย่างอ่อนใจ หลังจากทำใจได้สักพักเธอก็วางกระเป๋าและลงมือเก็บข้าวของที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วห้อง รวมทั้งถังขยะต่าง ๆ ที่เธอต้องเอาออกไปทิ้งหลังทำความสะอาดด้วย
กว่าที่ฟู่หยุนชิงจะทำความสะอาดห้องทั้งหมดเสร็จก็เลยเวลาเที่ยงวันไปมากแล้ว ตอนนี้เธอรู้สึกหิวนิดหน่อย ในความทรงจำของร่างเดิมนั้นมีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ซื้อเอาไว้อยู่ในตู้ใกล้ระเบียงสองห่อ ฟู่หยุนชิงไม่คิดอะไรมากนัก เธอหยิบกุญแจห้องพักแล้วนำขยะออกไปทิ้งก่อนจะกลับห้องมาทำบะหมี่กินประทังความหิว
มื้อค่ำวันนี้ฟู่หยุนชิงไม่คิดที่จะกินเหมือนกับร่างเดิมที่งดอาหารมื้อเย็นเพื่อรักษารูปร่างของเธอเช่นกัน ฟู่หยุนชิงทดลองดูดพลังปรานลองดูว่าจะสามารถทำให้เธอตัดผ่านขั้นแรกของลมปรานได้หรือไม่ ไม่นานนักเธอก็ได้คำตอบว่าที่นี่มีพลังปรานน้อยเช่นเดียวกับที่โรงแรมที่เธอพัก ฟู่หยุนชิงคิดว่ายังเหลือเวลาอีกสองวันเธอต้องตัดผ่านขั้นหนึ่งได้แน่ อย่างไรขั้นแรกก็ใช้ลมปรานได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่มันจะช่วยให้เธอสามารถใช้วิชาตัวเบาของเธอได้ ซึ่งหากตัดผ่านได้ทันเวลา เธอก็จะสามารถดูแลตัวเองได้ดียิ่งขึ้นไปอีก คืนนั้นทั้งคืนฟู่หยุนชิงจึงเดินลมปรานโดยไม่หลับไม่นอนเช่นเคย เธอรู้สึกว่าอีกไม่นานนักเธอก็จะสามารถทะลวงผ่านขั้นแรกได้แล้ว ฟู่หยุนชิงยังคงนั่งขัดสมาธิเดินลมปรานไปทั่วร่างกายอย่างไม่ย่อท้อ กระทั่งผ่านไปหนึ่งคืนเธอก็ยังตัดผ่านไม่ได้ ฟู่หยุนชิงได้แต่ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ตอนนี้เธอต้องออกไปซื้ออาหารมาไว้กินแล้ว ก่อนที่ร้านอาหารราคาถูกตามความทรงจำของร่างเดิมจะปิดเสียก่อนในช่วงสาย เธอนั่งบิดขี้เกียจเล็กน้อยก่อนที่จะลุกไปหาเสื้อผ้าสำหรับใส่ไปซื้ออาหาร พอเปิดประตูตู้เธอถึงกับหมดอา
ฟู่หยุนชิงนั่งรอไม่นานนักรถเมล์ของเธอก็มาถึงตรงเวลา เธอเดินขึ้นไปรอรถจอดที่ป้ายก่อนจะก้าวเท้าขึ้นไปพร้อมทั้งจ่ายเงินลงกล่องแล้วไปหาที่นั่งใกล้ประตูเหมือนเช่นเคย โชคดีที่รถเมล์รอบแรกมักจะมีคนขึ้นไม่มากนัก ทำให้ฟู่หยุนชิงเลือกนั่งข้างหน้าต่างด้านหน้าซึ่งเป็นที่นั่งเดี่ยวได้อย่างสบายใจ ถึงจะบอกว่ามีคนขึ้นไม่มากนัก แต่รถเมล์ก็จอดแทบจะทุกป้ายเลยทีเดียว โชคดีที่เธอตัดสินใจออกมาก่อนล่วงหน้า ไม่เช่นนั้นกว่าที่เธอจะไปถึงสตูดิโอคงสายมากแล้ว ฟู่หยุนชิงไม่อยากให้คนอื่นตำหนิจึงได้ออกมาตั้งแต่เช้าตรู่เช่นนี้ กว่าสองชั่วโมงที่ฟู่หยุนชิงจะถึงที่หมาย เธอไปยืนรอที่หน้าประตูเพื่อลงป้ายใกล้กับโรงแรมที่เคยพักอยู่ ไม่นานนักรถเมล์ก็จอดสนิท ฟู่หยุนชิงก้าวลงจากรถแล้วเดินไปที่หน้าสตูดิโอ ตอนนี้เธอยังไม่เห็นคนอื่นมาถึงเนื่องจากยังเช้าอยู่ ฟู่หยุนชิงหาที่นั่งรอแถวนั้นอย่างไม่คิดมาก เธอยังนั่งเดินลมปราณรอไปพลาง ๆ ดีกว่าที่เธอจะนั่งอย่างเสียเวลาไปเปล่า ๆ หลังจากนั่งรออยู่เกือบชั่วโมงครึ่ง ก็เริ่มมีทีมงานมาถึง ฟู่หยุนชิงที่รู้สึกได้ว่ามีคนมาจึงได้ลืมตาขึ้นและยิ้มทักทายทีมงาน ทีมงา
หลังออกรถแล้ว คนขับก็เร่งขับไปยังสนามบินให้ทันเวลาเครื่องออกของกองถ่ายที่บอกเขาเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว โชคดีที่วันนี้รถไม่ติดมากนัก ทำให้เขาใช้เวลาเพียงสองชั่วโมงก็ถึงสนามบินแล้ว เมื่อถึงสนามบิน ผู้กำกับก็สั่งให้ทุกคนเก็บสัมภาระแล้วรีบไปเช็คอิน โดยตั๋วเครื่องบินนั้นเขาให้ทีมงานแจกให้กับทุกคนตั้งแต่อยู่บนรถก่อนหน้านี้แล้ว ทุกคนเมื่อได้ยินคำสั่งของผู้กำกับก็ต่างพากันหยิบข้าวของเพื่อจะลงจากรถ ดาราที่มีสัมภาระน้อยกว่าทีมงานเองก็รีบถือสิ่งของของตัวเองลงจากรถไปก่อนเพื่อจะได้ไม่เสียเวลาการเช็คอิน ฟู่หยุนชิงก็เดินตามนักแสดงคนอื่นไปอย่างสบาย ๆ เธอไม่เคยขึ้นเครื่องบินมาก่อนรวมทั้งร่างเดิมด้วย จึงไม่รู้ขั้นตอนการเช็คอิน ฟู่หยุนชิงรอที่จะมองดูทุกคนทำให้เธอดูเป็นตัวอย่างก่อนจึงค่อยทำตามทีหลัง ส่วนหวงเหมยหงก็ลงรถบัสอย่างทุลักทุเลเพราะเสื้อผ้าและรองเท้าของเธอเองอีกแล้ว ทำให้คนที่รอลงจากรถหลังเธอหงุดหงิดกันไม่น้อยที่เธอมัวแต่ชักช้า ผู้กำกับต้องร้องบอกให้หวงเหมยหงรีบลงไปได้แล้วคนอื่นจะได้รีบไปเช็คอิน หวงเหมยหงได้ยินเสียงผู้กำกับเริ่มไม่พอใจเธอจึงกัดฟันเร่งเดินลงบันไดรถไ
ฟู่หยุนชิงมองเครื่องบินค่อย ๆ ไต่ระดับขึ้นไปอย่างตื่นเต้น เธอพบว่าการเดินทางเช่นนี้ช่างสะดวกสบายเสียจริง ๆ ฟู่หยุนชิงนั่งมองหน้าต่างที่เบื้องล่างค่อย ๆ เล็กลง ๆ พร้อมรอยยิ้มน้อย ๆ พอเครื่องบินไต่ระดับได้ที่แล้วเครื่องที่สั่นไปมาจากการไต่ระดับก็หยุดลง ตอนนี้มีเพียงเมฆสีขาวมากมายในสายตาของฟู่หยุนชิง เธอคิดว่าเมฆเหล่านี้ดูนุ่มสวยเสียจริง ตอนนี้เสียงของสองทีมงานที่คุยกันเงียบไปแล้ว ฟู่หยุนชิงหันไปมองก็พบว่าทั้งคู่หลับไปเสียแล้ว เธอยังคงนั่งมองก้อนเมฆมากมายอย่างมีความสุข แอร์โฮสเตสเริ่มเดินขายของตามหน้าที่ของพวกเขา พวกเขาเห็นว่ามีเพียงฟู่หยุนชิงที่ยังตื่นอยู่ก็สอบถามความต้องการของเธอ ฟู่หยุนชิงได้แต่ส่ายหน้าว่าเธอไม่ต้องการอะไร เมื่อแอร์โฮสเตสได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มบอกฟู่หยุนชิงว่าหากเธอต้องการสิ่งใดสามารถเรียกได้ตลอด ฟู่หยุนชิงพยักหน้าพร้อมยิ้มน้อย ๆ ขอบคุณแอร์โฮสเตสก่อนที่เธอจะเดินจากไปสอบถามคนอื่นที่ยังไม่นอนต่อไป ฟู่หยุนชิงได้แต่คิดว่า การบริการของสายการบินนี้ดีไม่น้อย พวกเขาดูเอาใจใส่ต่อผู้โดยสารเป็นอย่างดี หลังมองดูก้อนเมฆไปมาจนเริ่มเบื่อนิดหน่อย ฟู่หยุนชิงก็
เกือบยี่สิบนาทีหวงเหมยหงกับผู้จัดการและทีมงานที่รออยู่ก็ขึ้นรถมาได้เสียที พอพวกเขาได้ที่นั่งแล้วจึงได้รู้ว่าครั้งนี้ต้องทำงานที่เมืองฟู่ไห่ถึงหนึ่งสัปดาห์ หวงเหมยหงไม่พอใจมาก เธอคิดว่าจะได้อยู่ที่นี่เพียงแค่สามวันเท่านั้นตามกำหนดการเดิม หวงเหมยหงโวยวายผู้กำกับที่ไม่บอกพวกเธอก่อนล่วงหน้า เพราะพวกเธอรับงานอีเว้นท์เอาไว้ มันทำให้หวงเหมยหงเสียรายได้จากการออกงานครั้งนี้“ทำไมคุณไม่บอกก่อนล่วงหน้าพวกเราจะได้ไม่รับงานแต่แรก ตอนนี้เราต้องแคนเซิลงานนี้ทั้งยังไม่รู้ว่าจะมีค่าปรับที่เบี้ยวงานด้วยหรือเปล่า” ผู้กำกับที่รำคาญความเรื่องมากของหวงเหมยหงเองก็ไม่พอใจเช่นกัน นักแสดงคนอื่นต่างเทคิวให้กับหนังเรื่องนี้โดยไม่รับงานซ้อนใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะพวกเขารู้ดีว่าการถ่ายทำอาจมีเหตุจำเป็นให้ต้องเลื่อนได้ตลอดเวลา ผู้กำกับจึงตอกกลับหวงเหมยหงอย่างไม่แยแส“ถ้าเธอไม่พอใจก็สามารถกลับไปก่อนได้ แต่ฉากของเธอที่จะต้องถ่ายทำที่เมืองโบราณก็จะต้องใช้ภาพซีจีตัดต่อในภายหลัง เธอยอมรับได้หรือเปล่าล่ะ”“ทำไมผู้กำกับต้องพูดแบบนี้ล่ะคะ ภาพซีจีมันจะสู้ถ่ายจากสถานที่จริงของเมืองโบราณได้ยังไงกัน แทนที่จะขอร
ทีมงานที่ทำหน้าที่ประสานงานไปติดต่อกับเจ้าของโรงแรมว่าพวกเขามาถึงแล้ว เจ้าของโรงแรมจึงให้พนักงานพาทุกคนไปห้องพักที่จองเอาไว้ทั้งหมดเกือบสี่สิบห้องที่อาคารอีกด้านหนึ่งซึ่งเป็นเหมือนเรือนนอนหลังใหญ่สองชั้นเท่านั้น ทุกคนได้รับกุญแจห้องจากพนักงานโรงแรมคนละดอกสำหรับล็อคห้องของตัวเองเวลาออกไปข้างนอก พนักงานยังเตือนด้วยว่าอย่าทำหายเพราะที่นี่ไม่มีสำรองให้ จากนั้นพนักงานพาพวกเขาไปดูหมายเลขห้องและบอกว่าห้องหมายเลขไหนอยู่ชั้นหนึ่ง หมายเลขไหนอยู่ชั้นสองบ้าง ฟู่หยุนชิงที่ได้พักห้องชั้นสองก็เดินขึ้นบันไดไม้ไปอย่างไม่เร่งรีบ เธอเห็นบรรยากาศเงียบสงบเช่นนี้ก็พอใจกับที่พักไม่น้อย รอยยิ้มน้อยประดับอยู่ที่มุมปากของฟู่หยุนชิงจนเป็นที่ชินตาของทุกคนแล้ว พวกเขาได้แต่คิดว่าขนาดมาอยู่ในที่แบบนี้เธอยังคงยิ้มได้อีก พวกเขาเห็นเช่นนี้ก็ไม่อยากเรื่องมากอีกต่อไป มีเพียงหวงเหมยหงที่ได้แต่พูดว่าฟู่หยุนชิงน่าจะเป็นคนบ้านนอกที่มาทำงานที่เมืองหลวงถึงได้พอใจสถานที่เส็งเคร็งแบบนี้ คนอื่น ๆ ต่างมองหวงเหมยหงอย่างเอือมระอา พวกเขาไม่พูดอะไรกับหวงเหมยหงแม้แต่คนเดียว ต่างคนต่างไปยังห้องพักตนเองเพื่อพ
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว ทีมงานก็พาฟู่หยุนชิงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและแต่งหน้าทำผมใหม่ พวกเขาจะแต่งหน้าให้จากที่โรงแรมก่อนที่จะเดินไปยังสถานที่ถ่ายทำซึ่งมีทีมงานกำลังเซตฉากการถ่ายทำเอาไว้แล้ว ส่วนตัวประกอบทั้ง 300 คนก็มาครบแล้วและกำลังเปลี่ยนชุดอยู่เช่นกัน นักแสดงคนอื่นที่ไม่มีบทในตอนนี้ต่างพากันไปดูการแสดงของฟู่หยุนชิงกันหลายคน มีเพียงหวงเหมยหงเท่านั้นที่ไม่คิดจะไปดู เธอนอนพักผ่อนที่ห้องพักอย่างไม่สนใจใคร อีกทั้งอาหารเช้าเธอยังให้ผู้จัดการไปนำมาให้เธอที่ห้องพักด้วย ผู้กำกับและนักเขียนบทเองก็เตรียมตัวพร้อมแล้วเช่นเดียวกัน ทีมประสานงานวิ่งไปดูว่าตัวประกอบแต่งตัวเสร็จกันหรือยัง เพราะตอนนี้เริ่มจะสายแล้ว ไม่นานนักเขาก็วิ่งกลับมาแจ้งผู้กำกับว่าอีกไม่เกินสิบนาทีตัวประกอบจะแต่งตัวเสร็จ จากนั้นผู้กำกับยังถามถึงฟู่หยุนชิงอีกด้วยว่าแต่งตัวไปถึงไหนแล้ว แต่หลังจากผู้กำกับสอบถามไป เขาเหลือบไปเห็นฟู่หยุนชิงที่แต่งตัวเป็นแม่ทัพหญิงกำลังเดินเข้ามาหาเขาพอดี ทุกคนที่เห็นฟู่หยุนชิงในชุดนี้ต่างนึกในใจว่า เธอช่างเหมือนแม่ทัพหญิงมากจริง ๆ หลังจากตั้งสติได้ ผู้กำกับก็กวักมือเรียก
หลังฟังผู้กำกับสั่งให้เลิกกองได้ ทีมงานต่างเก็บอุปกรณ์พร้อมกับให้ตัวประกอบทั้งสามร้อยคนไปเปลี่ยนชุดคืนพวกเขา ส่วนฟู่หยุนชิงเองก็ไปเปลี่ยนชุดและรอไปล้างหน้าล้างตาที่โรงแรมก่อนจะนั่งทานข้าวเย็น ไม่นานนักทุกคนก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนเองตามที่ทีมงานบอก ส่วนฟู่หยุนชิงที่เปลี่ยนชุดเสร็จแล้วขอตัวไปล้างหน้าที่โรงแรมก่อนใครเพื่อน เธอเดินตามหลังผู้กำกับกับนักเขียนบทไม่ไกลนัก ฟู่หยุนชิงไม่ชอบประจบประแจง เธอจึงเดินตามไปห่าง ๆ เท่านั้น กระทั่งไปถึงโรงแรม ฟู่หยุนชิงก็ไปที่ห้องน้ำเพื่อล้างเครื่องสำอางออกให้หมดก่อนจะออกมาทานอาหารที่ทางโรงแรมเตรียมเอาไว้ให้แล้ว ฟู่หยุนชิงนั่งทานข้าวไม่นานนักก็ขอตัวกลับไปพักผ่อนที่ห้องทันที วันนี้เธอหมดแรงไม่น้อย ฟู่หยุนชิงจึงอยากเดินลมปราณเพื่อให้ร่างกายกลับมากระปรี้กระเป่าเหมือนเดิมเสียก่อน อย่างไรฉากในวันนี้เธอคิดว่าทำได้ดีแล้วจึงไม่น่าจะมีสิ่งใดต้องแก้ไข โชคดีที่ตัวประกอบทั้งหมดเองก็แสดงได้ดีทำให้ไม่ต้องเทคเลยสักเทคเดียว เมื่อกลับถึงห้องแล้ว ฟู่หยุนชิงก็ไปอาบน้ำล้างหน้าอีกรอบก่อนที่จะไปนั่งที่เตียงเพื่อเดิมลมปราณและสะสมพลังปราณเพิ่มอ
หลังอาหารเย็นวันต่อมา ฟู่หยุนชิงเตรียมขนมกับนมสำหรับนั่งกินไปดูละครของเธอไปที่โซฟาไม่น้อย ส่วนเหอจิ้งเกาเองก็เอาแต่นั่งลูบท้องป่อง ๆ ของฟู่หยุนชิงอย่างแสนรัก จนกระทั่งละครเริ่มตอนแรก เหอจิ้งเกาจึงหันไปดูทีวีเป็นเพื่อนฟู่หยุนชิง เขาชมภรรยาว่าเล่นดีไม่น้อยเลยทีเดียว ส่วนเรตติ้งต้องรอให้จบตอนของละครในวันนี้เสียก่อนจึงจะรู้ว่าเรตติ้งวันแรกดีหรือไม่ ฟู่หยุนชิงยังเปิดไลฟ์ในเว่ยป๋อถ่ายภาพในทีวีว่าเธอกำลังดูละครของตัวเองอยู่ บรรดาแฟนคลับต่างเข้ามาโพสต์บอกเช่นกันว่าพวกเขาเองก็กำลังดูอยู่ ทุกคนต่างชมว่าฟู่หยุนชิงเล่นได้ดีมากสำหรับบทร้ายลึกเช่นนี้ ฟู่หยุนชิงยิ้มกับโพสต์ต่าง ๆ ของแฟนคลับจนเหอจิ้งเกาต้องหันไปอ่านด้วย เขาพบว่าตัวเองไม่มีเว่ยป๋อของภรรยาเลยนี่นา เหอจิ้งเกาจึงเอาโทรศัพท์ของตัวเองออกมาแล้วขอเว่ยป๋อของฟู่หยุนชิงทันที เธอเองก็เพิ่งนึกได้ว่าไม่เคยบอกกับเขา เธอจึงให้ชื่อเว่ยป๋อของตัวเองไปพร้อมกับแอดเขาเป็นเพื่อนคนแรกของเธอในเว่ยป๋อ เ
ฟู่หยุนชิงนั่งฟังเหอจิ้งเกาบอกถึงสิ่งของต่าง ๆ ที่เขาซื้อมา เธอก็ได้แต่อ้าปากค้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ“นี่คุณไม่คิดจะให้ฉันซักเสื้อผ้าเลยใช่ไหมถึงได้ซื้อชุดคลุมท้องมาเยอะขนาดนี้ ไหนจะอาหารเสริมอีกตั้งมาก เดือนนี้ทั้งเดือนฉันจะกินหมดไหม?”“โธ่ ภรรยา ผมเห็นว่ามีแต่ชุดสวย ๆ ที่เหมาะกับคุณก็เลยหนักมือไปหน่อย ก็ผมอยากเห็นคุณใส่ชุดสวย ๆ พวกนี้นี่นา อีกอย่างท้องคุณก็โตขึ้นทุกวันด้วย ส่วนอาหารเสริมคุณก็กินตอนหิวรองท้องก่อนถ้าผมยังไม่กลับมาทำกับข้าวให้ก็ได้ ของพวกนี้กว่าจะหมดอายุก็เป็นปีแน่ะ คุณค่อย ๆ กินไปเดี๋ยวก็หมดเองนั่นแหละ”“เฮ้อ คุณนี่นะ ทีหลังอย่าซื้อแบบนี้อีกนะ มันสิ้นเปลืองเปล่า ๆ ฉันเสียดายเสื้อผ้าที่ใส่ได้แค่ตอนท้องน่ะ ความจริงซื้อมาแค่นิดหน่อยก็พอแล้ว เสื้อผ้าเก่าที่เป็นชุดคลุมท้องก็ยังมีอีกตั้งหลายสิบตัวนะคุณ”“ตกลงครับคุณภรรยา เอาล่ะ ๆ เราไม่คุยเรื่องเครียด ๆ กันนะ เดี๋ยวลูกจะเครี
หลังจบเรื่องของเหอหว่านหลงแล้ว เหอจิ้งเกากับฟู่หยุนชิงก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างปรกติสุข ตอนนี้ท้องของฟู่หยุนชิงเริ่มป่องออกมาแล้ว ทำให้เธอต้องใส่ชุดคลุมท้องที่เหอจิ้งเกาซื้อมาให้นับสิบตัว ส่วนที่เธอซื้อมาเองก็แทบไม่ได้ใส่ เนื่องจากเหอจิ้งเกาอ้างว่าเนื้อผ้าไม่ดีเท่ากับที่เขาซื้อให้ ซึ่งฟู่หยุนชิงที่ขี้เกียจเถียงกับเขาจึงได้แต่ใส่เสื้อผ้าที่เขาซื้อให้เท่านั้น เข้าสู่การตรวจครรภ์เดือนที่สาม เหอจิ้งเกาพาฟู่หยุนชิงไปตรวจครรภ์ตามปกติ แน่นอนว่าบอดี้การ์ดต่างล้อมรอบทั้งสองคนเอาไว้อย่างมิดชิดก่อนที่จะขึ้นไปที่ชั้นสามซึ่งเป็นแผนกสูตินรีเวช วันนี้หมอยังคงอัลตราซาวด์ดูการเจริญเติบโตของเด็กในครรภ์ก็พบว่าเด็กมีพัฒนาการที่ดี ฟู่หยุนชิงขอให้หมอถ่ายรูปลูกให้ทุกเดือนเพื่อที่เธอจะได้ทำเป็นสมุดบันทึกเอาไว้ให้ลูกดูตอนที่เขาโตขึ้น หมอยิ้มและตอบรับคำขอของฟู่หยุนชิงที่ดูจะรักลูกไม่น้อย แม้แต่เหอจิ้งเกาเองก็เห็นด้วยกับภรรยา เขาไม่คิดว่าเธอจะรอบคอบถึงขนาดนี้ &nbs
เหอจิ้งเกาไปถึงที่ทำงานตามเวลาปกติ พอทำงานได้สักพักใหญ่กลับมีเสียงเอะอะโวยวายกันที่หน้าห้อง เขาส่งสัญญาณให้เลขาออกไปดู ไม่นานเขาก็เข้ามารายงานว่าเหอเซียวเซียวมาขอพบ เหอจิ้งเกาที่รำคาญเสียงดังด้านนอกจึงได้แต่บอกให้เธอเข้ามา“เธอมีอะไรถึงได้มาก่อความวุ่นวายที่นี่อีก”“พี่ชายต้องช่วยพ่อฉันนะคะ พ่อฉันถูกจับข้อหาจ้างวานฆ่า ฉันแน่ใจว่าพ่อฉันไม่ได้ทำ ท่านจะเอาเงินที่ไหนไปจ้างคนกัน”“หึ! นี่เธอไม่รู้เหรอว่าพ่อเธอจ้างฆ่าใคร เขาต้องการฆ่าฉันนี่ไง แล้วเธอยังมีหน้ามาให้ฉันช่วยคนที่คิดจะฆ่าฉันอีกเหรอ” เหอเซียวเซียวถึงกับหน้าซีดเมื่อได้ฟังคำพูดของเหอจิ้งเกา เธอไม่รู้จริง ๆ ว่าพ่อเธอจะสั่งฆ่าเหอจิ้งเกา เพราะพ่อไม่ได้บอกอะไรเธอเลย เขาเอาแต่บอกว่าให้รอเวลาอีกไม่นานก็จะได้เงินก้อนใหญ่แล้วเท่านั้น ตอนนี้เธอไม่รู้จะพูดอะไรต่อเพื่อขอความเมตตาจากพี่ชายใจดำคนนี้แล้ว
เมื่อถึงช่วงบ่ายหลังทานอาหารเที่ยงแล้ว หมอเข้ามาตรวจเหอจิ้งเกาอีกครั้ง พอเห็นว่าเขาไม่มีอาการแทรกซ้อน หมอจึงบอกให้เลขาของเหอจิ้งเกาตามมาทำเรื่องเพื่อออกจากโรงพยาบาลและรับยาสำหรับทานในระหว่างที่เขารักษาตัวเองต่อที่บ้าน เลขาเดินตามหมอออกไป ส่วนเหอจิ้งเกาให้อาหยงมาช่วยเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เลขานำมาให้ก่อนหน้านี้ ฟู่หยุนชิงความจริงอยากช่วยเขาเปลี่ยนเสื้อผ้า เพียงแต่เธอรู้ดีว่าคงไม่ค่อยเหมาะสมนักเมื่อมีคนอื่นอยู่ด้วย ฟู่หยุนชิงจึงไม่ดื้อรั้นที่จะดูแลเหอจิ้งเกาในเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ครึ่งชั่วโมงต่อมา เลขาก็เข้ามาแจ้งว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ส่วนรถก็มีบอดี้การ์ดหน้าห้องรอรับเหอจิ้งเกากับฟู่หยุนชิงอยู่ที่ด้านล่างแล้ว อาหยงกับอาเหว่ยบอกฟู่หยุนชิงว่าพวกเขาจะขับตามหลังไป ทั้งเหอจิ้งเกาและฟู่หยุนชิงพยักหน้ารับทราบ จากนั้นฟู่หยุนชิงก็เป็นฝ่ายเดินประคองเหอจิ้งเกาออกไปจากห้องพักทันทีเพื่อลงไปขึ้นรถที่ด้านล่าง &
หลังจากให้ยาเหอจิ้งเกาแล้ว เขาก็เริ่มง่วงนอนเช่นเดียวกัน ฟู่หยุนชิงบอกเหอจิ้งเกาว่าเธอจะไปนอนที่ห้องรับแขกติดกัน หากเขามีอะไรให้เรียกเธอ เธอจะรีบมาดูเขาทันที จากนั้นฟู่หยุนชิงก็เลื่อนสายออดมาไว้ใกล้มือของเหอจิ้งเกาเผื่อว่าเขาจะเป็นอะไรไปอีกตอนกลางดึก เหอจิ้งเกาบอกให้ภรรยารีบไปพักผ่อน เพราะเธอกำลังท้องกำลังไส้อยู่เช่นกัน ส่วนอาหยงกับอาเหว่ยก็ออกมานั่งเฝ้าเจ้านายกับนายหญิงที่โซฟาซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกันกับเตียงของเหอจิ้งเกา ฟู่หยุนชิงเห็นว่ามีอาหยงกับอาเหว่ยอยู่เธอจึงสบายใจขึ้นบ้าง จากนั้นเธอจึงบอกฝันดีกับเหอจิ้งเกาก่อนจะเดินเข้าห้องไปนอนพักผ่อนเสียที เหอจิ้งเกาเองก็นอนพักผ่อนเช่นกัน ตอนนี้เขายังไม่รู้สึกเจ็บแผลเพราะยาชาน่าจะยังไม่หมดฤทธิ์ น่าจะอีกสักพักใหญ่ยาชาหมดฤทธิ์เมื่อไหร่เขาก็คงจะเจ็บแผลขึ้นมาเป็นแน่ โชคดีเรื่องที่เหอจิ้งเกาคิดไม่เกิดขึ้น เพราะว่าในยาหลังอาหารนั้นมียานอนหลับอยู่ด้วย จึงทำให้เขาหลับสนิทในตอนกลางคืนทั้งคืน
หลังจากหมอออกไปแล้ว ฟู่หยุนชิงก็สอบถามเหอจิ้งเกาว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง“ผมไม่เป็นอะไรแล้ว คุณเป็นห่วงผมเหรอภรรยา” เหอจิ้งเกาพูดพร้อมยิ้มล้อเลียนภรรยาตัวน้อยของเขา“ถ้าฉันไม่ห่วงคุณแล้วจะให้ฉันห่วงใครกัน คุณเป็นพ่อของลูกฉันนะเหอจิ้งเกา ทีหลังห้ามบาดเจ็บอีกรู้หรือเปล่า แล้วก็อย่าให้ผู้หญิงคนไหนเข้าใกล้ด้วย มันทำให้ฉันอารมณ์ไม่ดี” ฟู่หยุนชิงที่อัดอั้นความเป็นห่วงเขามานาน ในที่สุดเธอก็ได้ระบายออกมาเสียที แถมเธอที่เพิ่งนึกถึงพยาบาลสาวสวยคนเมื่อกี้ก็ยิ่งนึกเคืองขึ้นมาเสียเฉย ๆ“ขอบคุณนะครับภรรยา รับรองว่าผมจะไม่ให้ผู้หญิงคนไหนเข้าใกล้นอกจากคุณ ตกลงไหม นี่คุณยังไม่ได้กินข้าวเย็นใช่หรือเปล่า”“ก็ใช่น่ะสิ ฉันเป็นห่วงคุณเลยรีบออกมา แต่ระหว่างรอคุณผ่าตัด ฉันกินขนมกับอาหารเสริมไปนิดหน่อยแล้ว”“ถ้าอย่างนั้
เมื่อรถจอดที่หน้าประตูโรงพยาบาล เลขาของเหอจิ้งเการีบเปิดประตูและพยุงเขาออกมาจากรถ บรรดาทีมแพทย์ที่รออยู่สอบถามอาการจนทราบว่าเหอจิ้งเกาถูกยิง พวกเขาให้เหอจิ้งเกานอนบนเตียงพยาบาลเพื่อไปเอกซเรย์ดูก่อนว่ากระสุนอยู่ส่วนไหนของไหล่เขา และพวกเขาจะได้เตรียมห้องผ่าตัดก่อนจะนำกระสุนออกไป ขณะที่ที่โรงพยาบาลกำลังวุ่นวายกับลูกค้าวีวีไอพีอยู่นั้น ฟู่หยุนชิงที่เห็นว่าเลยเวลาที่เหอจิ้งเกาจะกลับจากทำงานเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว บอดี้การ์ดที่ไปกับเหอจิ้งเการีบโทรหาอาหยงเพื่อให้ไปบอกนายหญิงตามที่เจ้านายบอก ไม่อย่างนั้นนายหญิงคงกำลังเป็นห่วงแน่ อาหยงรีบตอบรับแล้ววางสาย เขารีบขึ้นไปที่เพนท์เฮ้าส์ทันทีและแจ้งฟู่หยุนชิงตามที่ได้รับข่าวมา ฟู่หยุนชิงมีหรือจะมีอารมณ์กินข้าว เมื่อเธอรู้ว่าเหอจิ้งเกาถูกยิง อาการยังไม่ทราบ ฟู่หยุนชิงตอนนี้กำลังโกรธมาก เธอไม่รู้ว่าใครกันกล้าทำร้ายพ่อของลูกเธอแบบนี้ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะหาตัวการ ฟู่หยุนชิงรีบบอกให้อาหยงเอารถออก เธอจะไปหาเขาที่โรงพยาบาล แน่นอนว่าอาหยงบอกให้ฟู่หยุนชิงนำ
ระหว่างที่เหอจิ้งเกากับฟู่หยุนชิงกำลังทานอาหารอย่างมีความสุข ในทางกลับกัน เหอหว่านหลงไม่มีอารมณ์แม้แต่จะกินอาหารเย็นในวันนี้ หลังอาหารเขาไปเข้าบ่อนเพื่อปรึกษาเจ้าของบ่อนเรื่องหาคนไปฆ่าเหอจิ้งเกาเสีย เพื่อที่เขาจะได้เข้ารับช่วงต่อบริษัทของเหอจิ้งเกาได้อย่างไม่ยากเย็นนัก อย่างไรเขาก็เป็นญาติเพียงคนเดียวของเหอจิ้งเกา หากไม่ใช่เขาเป็นผู้รับมรดกแล้วจะเป็นใครกันเล่า ด้านเจ้าหนี้ของเหอหว่านหลงเห็นว่าความคิดของเขาไม่เลว อย่างไรเหอหว่านหลงก็ติดหนี้พนันเขาไม่น้อย ยิ่งถ้าเหอหว่านหลงสามารถครอบครองบริษัทของเหอจิ้งเกาได้จริง ๆ เขาเองก็จะได้ดูดเงินจากการเล่นพนันของเหอหว่านหลงมาได้อีกไม่น้อย ทั้งสองคนวางแผนการฆ่าเหอจิ้งเกาอยู่เกือบหนึ่งชั่วโมง จากนั้นเจ้าของบ่อนก็สั่งลูกน้องให้ไปเตรียมการในทันที เขาเร่งให้คนของตนเองลงมือให้เร็วที่สุด เพื่อที่เหอจิ้งเกาจะได้ไม่ทันระวังตัวจนการฆ่าเขายากขึ้นไปอีก และยังเสี่ยงต่อการถูกจับอีกด้วย เจ้าของบ่อนยังบอกคนของเขาว่าถ้าถูกจับได้ให้บอกว่าเป็นเหอหว่านหลงที่จ้างพวก