พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน
ตอนที่ 5
สิบห้านาทีต่อมา
รถจอดนิ่งสนิทลงตรงหน้าร้านเหล้าแบบนั่งดื่มมีดนตรีสดร้านหนึ่ง ฉันเองก็ขับผ่านร้านนี้บ่อย ๆ แต่ไม่เคยได้มีโอกาสแวะมาเพราะยิมชอบเที่ยวผับมากกว่า พี่สิงห์หันมามองหน้ากันอีกครั้งบอกเสียงเครียด
“กลับบ้านเลย เข้าใจ?”
“อือฮึ” ฉันพยักหน้าพร้อมส่งยิ้มให้ คนข้าง ๆ ยังคงทำหน้าเหมือนไม่ไว้ใจกัน
“ห้ามไปก่อกวนเวลาทำงาน?” ว่าแล้วก็ย้ำมาอีกที
“รู้แล้วน่า รีบไปสิเดี๋ยวก็สายหรอก” ฉันทำเป็นโบกมือไล่
“เออ”
ร่างสูงเปิดประตูลงจากรถไปแล้ว แต่ยังคงยืนนิ่งโบกมือไล่กันอยู่อย่างนั้น ฉันพยักหน้าอย่างเข้าอกเข้าใจ แล้วเริ่มเคลื่อนรถอีกครั้ง มองผ่านกระจกมองหลังยังเห็นว่าเจ้าตัวยืนอยู่ที่เดิมราวกับระแวงว่าฉันจะไม่ยอมกลับจริง ๆ
ก็แหงสิ! เรื่องอะไรต้องกลับด้วย ไปวนรถมาอีกรอบก็ได้!
ฉันทำเป็นขับรถตรงไปเรื่อย ๆ พอเห็นว่าเลยมาไกลพอสมควรก็หาที่กลับรถเพื่อจะกลับไปที่เดิมอีกครั้ง อยากรู้จะตายชักว่าทำงานเสริมอะไรอีก เรื่องอะไรต้องยอมกลับด้วยล่ะ…
นี่ใคร นี่นลินนะ! ฉันเนี่ยเบอร์หนึ่งเรื่องดื้อเลยขอบอก!
หลังจากหาที่จอดรถได้แล้ว ฉันก็เดินไปที่หน้าร้านเดิมที่พี่สิงห์เข้าไปเมื่อไม่ถึงยี่สิบนาทีก่อน เพราะเป็นย่านที่มีร้านเหล้าหลายเจ้าติด ๆ กันทำให้ผู้คนเยอะเป็นพิเศษ โต๊ะในร้านก็ดูแน่นขนัดละลานตาไปด้วยผู้คนเต็มไปหมด ซ้ำวันนี้ยังเป็นวันเสาร์ด้วย…
ฉันพยายามสอดส่องสายตาเข้าไปในร้านเพื่อหาเป้าหมาย แต่กลับไม่เจอเลย ไม่มีเด็กเสิร์ฟคนไหนหน้าตาหล่อถึงขั้นนั้น งานในร้านเหล้าก็มีแค่เด็กเสิร์ฟกับนักร้องนักดนตรีนี่นา…
ไม่หรอกมั้ง… ทรงนิ่ง ๆ อย่างนั้นจะร้องเพลง?
ฉันเลื่อนสายตาไปมองที่เวทียกสูงแค่ช่วงเข่าตรงด้านหน้าบาร์เครื่องดื่ม แล้วก็ต้องตกใจเพราะเห็นร่างสูงคุ้นตากำลังถือกีตาร์ตัวหนึ่งเดินไปเดินมาอยู่บนนั้น เหมือนกำลังต่อสายกีตาร์เข้ากับลำโพงร้าน
ร้องเพลงอย่างนั้นเหรอ?
“มีโต๊ะว่างไหมคะ?” ฉันรีบสอบถามเด็กร้านที่เดินผ่านหน้ามาทันที แต่คนถูกถามทำเหมือนจะปฏิเสธเมื่อลองกวาดสายตาดูสภาพคนแน่นขนัดในวันหยุด ฉันเลยรีบควักแบงก์พันออกมา ก่อนจะส่งให้แล้วถามอีกรอบ “มีหรือเปล่าคะ?”
“ข้างในได้เลยค่ะลูกค้า”
“ขอบคุณค่ะ”
ฉันเดินตามเข้าไปในร้าน โดยที่คนบนเวทียังคงวุ่นวายอยู่กับการเทสเสียงกีตาร์ไม่ได้หันมาสนใจสิ่งรอบตัว และในที่สุดก็ได้โต๊ะเล็ก ๆ ที่มุมหนึ่งซึ่งดูเหมือนจะเป็นโต๊ะสุดท้ายที่เหลืออยู่ กลุ่มผู้ชายหน้าตาดีด้านหน้าพากันหันมามองพร้อมส่งยิ้มให้ ฉันชินกับสายตาแบบนั้นมาแต่ไหนแต่ไรเลยไม่ได้สนใจ คนที่ฉันสนใจอยู่นู่นต่างหาก!
คนที่กำลังนั่งลงบนเก้าอี้ และเกากีตาร์เบา ๆ
“รับอะไรดีคะ?” เด็กร้านคนเดิมเอ่ยถามเมื่อเห็นฉันเอาแต่มองไปยังทิศทางหนึ่งโดยไม่คิดจะสั่งอะไร
“เบียร์อะไรก็ได้ขวดนึงค่ะ”
“คะ? ขวดเดียว?” เสียงสูงจากคนข้าง ๆ ทำให้ต้องหันกลับมายิ้มให้อย่างเข้าใจธุรกิจแนวนี้
“งั้นเอามาโหลนึงเลย”
“ได้ค่ะ” คนรับออเดอร์สีหน้าดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดก่อนจะเดินผละไป
พอละสายตากลับมาก็พบว่าพี่สิงห์กำลังร้องเพลงอยู่ ฉันใจเต้นแรงขึ้นมาทีละนิด ไม่ใช่เพราะว่าผู้ชายคนนั้นกำลังร้องเพลง แต่เป็นเพราะตอนนี้ใบหน้าหล่อเหลากำลังยกยิ้มให้บรรดาลูกค้าที่พากันหันไปมอง เพราะเขาเป็นคนร่างสูง หุ่นดี ซ้ำยังหล่อมาก เลยเรียกสายตาแขกได้เป็นอย่างดี
ฉันเม้มริมฝีปากมองไปรอบตัว ก็เห็นว่าผู้หญิงเกินค่อนร้านกำลังมองไปยังหน้าเวที บางคนกำลังทำหน้าเคลิ้ม บางคนกำลังกระซิบกระซาบตีแขนกันไม่หยุด
โอเค... คู่แข่งฉันเพียบเลยสิเนี่ย…
นอกจากเสียงเพลงแล้ว บรรยากาศร้านดูคึกคักเพราะคนส่วนใหญ่มากันเป็นกลุ่มก้อน เท่าที่ประเมินด้วยสายตาคงมีแค่ฉันเท่านั้นที่สะเหล่อนั่งอยู่คนเดียว ซ้ำยังสั่งเบียร์มากองตรงหน้าสิบสองขวด ผู้ชายกลุ่มเดิมยังคงหันมามองไม่เลิก แต่ฉันก็ทำอะไรไม่ได้เพราะมันก็เป็นสิทธิ์ของเขา ทำได้เพียงไม่สนใจ
“สวัสดีวันเสาร์ครับคุณลูกค้า สนใจขอเพลงขึ้นมาได้เลยนะครับ”
หลังจากเพลงแรกจบไป พ่อคนหล่อก็ได้รับเสียงกรี๊ดกร๊าดร้องระงมจากบรรดาผู้หญิงในร้านอย่างท่วมท้น ใบหน้าเปื้อนยิ้มนั่นดูเป็นงานเอามาก ๆ เพราะถ้าเป็นพี่สิงห์ที่เพิ่งลงจากรถฉันเมื่อกี้ละก็… ถ้ามีผู้หญิงมากรี๊ดกร๊าดอยู่ใกล้ ๆ แบบนี้คงหันหน้ามามองเอือม ๆ แล้วพูดว่า ‘รำคาญ’ เป็นแน่ แต่เพราะเป็นงานเลยยิ้มไม่หยุดสินะ…
น่าหมั่นไส้นัก แบบนี้คงต้องจ้างทำงานบ้างแล้วละมั้ง…
มีคนไม่น้อยพากันเรียกเด็กร้านเพื่อส่งกระดาษไปขอเพลงกับนักร้องสุดฮอตคนนั้น ฉันเลยเอาบ้างด้วยการกวักมือเรียกคนที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุดพร้อมขอกระดาษกับปากกา ก่อนจะจรดปากกาลงบนกระดาษ โดยไม่ลืมหยิบแบงก์สีเทาแนบไปด้วยสองใบ เด็กร้านรับไปพร้อมทำตาโต ฉันเลยยิ้มหวานให้ก่อนจะบอก
“ไม่ต้องบอกนะว่าโต๊ะไหน”
“ไม่ต้องบอกเหรอครับพี่?”
“ใช่”
ก็พี่สิงห์บอกว่าอย่ามาก่อกวนเขาที่ทำงานนี่นา… ถ้าเกิดว่าเห็นหน้าฉันขึ้นมาเจ้าตัวอาจจะหงุดหงิดจนไม่เป็นอันทำงานทำการเลยก็ได้ งั้นขอนั่งเงียบ ๆ รอก็แล้วกัน…
เด็กร้านคนนั้นเดินไปที่หน้าเวทีเพื่อส่งทั้งกระดาษ และเงินให้เจ้าตัว คนรับไปกำลังร้องเพลงอื่นอยู่หัวคิ้วขมวดน้อย ๆ พอได้จังหวะก็ลดไมค์ลงแล้วคุยอะไรบางอย่างกับคนนำสารมาส่งให้ แต่เด็กนั่นก็เป็นงานเอาแต่ส่ายหน้าไปมา เจ้าตัวมีสีหน้าติดขัดอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็กลับมาร้องเพลงต่อได้อย่างมืออาชีพ
นัยน์ตาสีอ่อนกวาดมองไปทั่วร้าน จนฉันต้องรีบก้มหน้าลงหลบหลังกองขวดเบียร์บนโต๊ะ ถ้าพี่สิงห์เห็นฉันต้องโดนดุแน่ ๆ ตลอดทางที่ขับมาเขาเอาแต่พูดให้ฉันกลับบ้านไม่หยุด ห้ามตาม ห้ามก่อกวน…
นี่ไม่ได้ก่อกวนเลยนะ แต่ทำไมมันกลัวอย่างงี้ไม่รู้ TT_____TT
พอผ่านไปชั่วอึดใจฉันก็ค่อย ๆ โผล่หัวขึ้นมาสังเกตการณ์ แต่ก็เหมือนจะคิดผิด ถึงแม้เสียงนุ่ม ๆ จะยังร้องเพลงอยู่ แต่สายตานิ่งสนิทกลับจ้องมาทางนี้อย่างชัดเจนเหมือนรอแค่ให้ฉันโผล่หัวขึ้นมาเท่านั้น แค่เราสบตากันพี่สิงห์ก็ถึงกับต้องหันหน้าหนีคนอื่นแล้วใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มท่าทางไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด
แต่เขาก็มืออาชีพพอที่จะทำงานต่อ ฉันกลืนน้ำลายลงคอฝืด ๆ พยายามฝืนยิ้มส่งไปให้เจ้าตัว พี่สิงห์หันกลับไปร้องเพลงให้คนอื่นฟังโดยไม่ได้มองมาทางนี้อีก ซ้ำยังกลับไปโปรยเสน่ห์ได้เหมือนเดิม โดยทำเป็นว่าไม่มีฉันอยู่ตรงนี้ซะงั้น…
แต่ก็ดีแล้ว… ถึงฉันจะเป็นคนแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้อยากให้เขามีปัญหาเรื่องงานสักหน่อย
ยี่สิบนาทีผ่านไป
ฉันยังคงนั่งอยู่ที่เดิมโดยดื่มเบียร์ไปแค่สองอึกเท่านั้น ใช้เวลาที่เหลือหมดไปกับการฟังคนที่อยู่ตรงนั้นร้องเพลงที่ถูกขอขึ้นไปจนเกือบหมดแล้วก็ยังไม่ถึงคิวเพลงฉันสักที
พี่สิงห์ที่ไม่ได้หันมาสนใจกันอีกตั้งแต่เขารู้ว่าฉันอยู่ตรงนี้ ตอนนี้กลับกำลังชำเลืองมองมา พร้อมเสียงกีตาร์ที่เจ้าตัวเกาขึ้นช้า ๆ เป็นทำนองเพลงที่คุ้นหู และกำลังเป็นกระแสอยู่ในขณะนี้ ฉันเม้มริมฝีปากแน่นเพราะนั่นมันเป็นเพลงที่ฉันขอขึ้นไปเอง…
‘ตกหลุมรักรอบที่ล้าน มองยังไงก็แพ้ทุกทาง ไม่รู้เป็นอะไร
มอง มองไปก็เห็น คำว่าน่ารักเต็มไปหมด เหมือนโดนสะกด... ฮืม...’
ฉันถึงกับกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่เมื่อเราสบตากัน พี่สิงห์ดูติดขัดอย่างเห็นได้ชัด สายตาแปลก ๆ รีบเบนมองไปทางอื่น และทำทียิ้มให้เหล่าลูกค้าที่พากันโห่ร้องให้อย่างเกรียวกราวแทน
‘รู้ไหมฉันโคตรชอบรอยยิ้มเธอ รู้ไหมสายตาเธอทำฉันเพ้อ
เธอแทบไม่ใช่คนที่ฉันชอบเท่านั้น
แต่ฉันรักเธอมากขึ้นทุกวัน’
เสียงเพลงยังคงดังต่อไป เสียงผู้หญิงหลายคนกำลังช่วยคนบนเวทีร้องเพลง สายตานั้นชำเลืองมองมาอีกครั้ง แต่คราวนี้กลับจ้องมาโดยไม่ขวยเขิน พี่สิงห์มองฉันระหว่างที่กำลังร้องเพลง ซ้ำยังไม่ได้มีท่าทีหงุดหงิดเหมือนตอนแรกด้วย
ก็แบบนี้… เรียกอ่อยได้หรือเปล่า?
‘หนีไปไหนก็คงจะไม่ไหว ก็ฉันรักหาทางออกไม่ได้
ก็เธอช่วยอย่าน่ารักเกินไปได้ไหม…
ใจฉันก็มีอยู่เท่านี้…’
‘ตกหลุมรักรอบที่ล้าน
มองยังไงก็แพ้ทุกทางไม่รู้เป็นอะไร
มอง ๆ ไปก็เห็นคำว่าน่ารักเต็มไปหมด
เหมือนโดนสะกด ก็เธอดีเกินต้านไหว…’
ฉันเพิ่งเข้าใจวันนี้นี่เองว่าไอ้คำที่ว่าเขินจนใจจะละลายมันเป็นยังไง เพราะสายตาแบบนั้นที่มองมาทำให้ฉันเขินจนกลายเป็นฝ่ายต้องหลบตาแทน ใบหน้าเห่อร้อนจนรู้สึกได้ มาจีบเขาแท้ ๆ แต่เหมือนโดนจีบกลับเลย…
ก็ไหนไม่ชอบ ๆ แล้วอ่อยทำไมเนี่ย…
หลังจากนั้นฉันก็ซัดเบียร์ไปสามขวดเต็ม ๆ เพราะไม่สามารถควบคุมอาการใจสั่นของตัวเองได้ คนบนเวทียังทำงานต่อไปอีกสักพัก จนถึงเวลาที่เขาลงนั่นแหละฉันถึงได้เรียกเก็บเงิน
ร่างสูงของพี่สิงห์กำลังยื่นกีตาร์ส่งต่อให้เด็กร้านเอาไปเก็บ เจ้าตัวยังคงส่งยิ้มให้บรรดาลูกค้าที่กำลังส่งเสียงเรียก ‘น้องสิงห์’ ‘พี่สิงห์’ กันเต็มไปหมด เหมือนจะเป็นลูกค้าประจำที่รู้จักเขาอยู่แล้วยังไงยังงั้น
แหม… มีแฟนคลับเหมือนกันนะเนี่ย
หลังจากลาทุกคนเสร็จ ใบหน้านิ่งสนิทที่กลับมาเป็นปกติก็มองมาทางฉันที่กำลังลุกขึ้นสะพายกระเป๋าเหมือนกัน เจ้าตัวยืนนิ่งอยู่ครู่ก็เดินหมุนตัวออกไปทางหน้าร้าน ฉันเลยรีบวิ่งตามออกไปกลัวว่าไอ้พี่บ้าจะหนีไปซะก่อน…
แต่พอออกมาข้างนอกกลายเป็นว่าเจอร่างสูงกำลังยืนรออยู่แล้ว ปากคีบบุหรี่ทำท่าจุดสูบ สายตาชำเลืองมองมาทางฉันที่กำลังเดินไปหา เจ้าตัวเกาหางคิ้วแล้วเริ่มทำหน้าไม่สบอารมณ์
อะไร… เมื่อกี้ยังดี ๆ อยู่เลย
“บอกแล้วไงว่าอย่ามาก่อกวน” พออยู่ในระยะที่คุยกันได้ เสียงหงุดหงิดก็บอกมาทันที
“ไม่ได้ก่อกวนสักหน่อย แค่อยากมานั่งชิลล์ ๆ”
“…” พี่สิงห์พ่นควันพร้อมถอนหายใจจนควันลอยออกทางจมูก เขาล้วงกระเป๋ากางเกงก่อนจะส่งแบงก์พันคืนมาให้
“ไม่เอาหรอก ก็อยากให้” ฉันยกแขนกอดอกไม่ยอมรับคืน
“ไม่อยากได้ ขอเพลงบ้าอะไรให้มาตั้งสองพัน?”
“เอ้า! ก็ไม่เห็นเป็นไร”
“เป็น… เพราะเธอมันใช้เงินไม่รู้เรื่อง”
“แต่…”
คนตรงหน้าไม่สนใจคำปฏิเสธของฉันแต่กลับใช้มือข้างที่ถือเงินอยู่ยัดเงินคืนใส่มาในกระเป๋า พร้อมทำท่าจะเดินหนี…
“เดี๋ยวลินไปส่ง ไกลออกจะเดินทำไม?” ฉันรีบวิ่งไปขวางหน้า พี่สิงห์เลียริมฝีปากก่อนจะเม้มแน่น
“กลับบ้านไป”
“ไม่กลับหรอก จะไปส่ง”
“มีขาเว้ย กลับเองได้”
“น่า… อุตส่าห์นั่งรอตั้งนาน” ฉันถือวิสาสะเข้าไปจับแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเขย่าเบา ๆ ตนตรงหน้าไม่ได้ชักแขนกลับแต่มองหน้านิ่ง ๆ แล้วเบนสายตาไปทางอื่น ฉันเลยรีบพูดต่อ “ไม่ต้องเกรงใจหรอก คนกันเอง”
“ไม่ได้เกรงใจ แต่ไม่อยากไปด้วย” เสียงฉุน ๆ สวนทันควัน
“ทำไมอะ? กลัวจะทำมิดีมิร้ายลินหรือยังไง?” ฉันยักคิ้วให้อย่างกวน ๆ ร่างสูงหันกลับมามองแทบจะในทันทีพร้อมแค่นลมหายใจ นัยน์ตาสีอ่อนดูแปลกไปเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้
“แน่ใจนะว่าจะไป?”
“จะให้ไปส่ง?”
“เอ้า… อยากไปก็ไป”
พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน ตอนที่ 101.30 น.ไม่อยากจะเชื่อ…ไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ ว่าฉันจะต้องมายืนรอเพื่อนมารับตรงซอยเปลี่ยวในเวลาตีหนึ่งกว่า ๆ แบบนี้ โอเค… มันก็เป็นย่านที่คนพลุกพล่านนั่นแหละ แต่ทีนี้เพราะซอยอื่นรถมันเยอะฉันเลยโดนสั่งให้มายืนรอตรงซอยนี้แทนไม่มีใคร… ไม่มีรถผ่าน… มีก็แต่…ร่างสูงของใครคนหนึ่งกำลังมุดหัวออกมาจากประตูเลื่อนที่ปิดลงมาครึ่งหนึ่งของอู่ซ่อมรถขนาดใหญ่ มันดูเหมือนจะเลยเวลาทำการมานานแล้วทว่าแสงไฟจากในอู่เพิ่งจะดับลงเมื่อครู่นี้เอง เพราะความหวาดระแวงฉันเลยลอบสังเกตผู้ชายคนนั้นเงียบ ๆ ร่างสูงดูทะมัดทะแมง แข็งแรง และที่สำคัญ… ขนาดมองจากตรงนี้ยังเห็นได้ชัดว่าเขาโคตรพ่อโคตรแม่หล่อเลยจริง ๆใบหน้าติดจะหงุดหงิดชำเลืองมามองฉันที่ยืนอยู่ชิดฟุตพาทฝั่งตรงข้ามเงียบ ๆ ฉันเลยพลอยได้จ้องเขาถนัดขึ้น นัยน์ตาสีอ่อนดูแปลกใจที่มีผู้หญิงที่แต่งตัวจัดเต็มมายืนแกร่วอยู่แถวนี้แต่แล้วจมูกโด่งก็พ่นลมหายใจหนักจนได้ยินเสียงดังฟังชัด เขายืดตัวขึ้นเต็มความสูง ทำให้มองเห็นว่าเจ้าตัวอยู่ในเสื้อช็อปสีกรม เหมือนจะเรียนวิทยาลัยช่างในละแวกนี้ เขาเสยผมสีน้ำตาลเข้มขึ้นก่อนมือสองข้างจะลดล
พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน ตอนที่ 2วันต่อมาวันนี้หลังจากเลิกเรียน ฉันก็ตั้งใจจะเอาของกินไปขอบคุณผู้ชายคนเมื่อวานที่อู่ซ่อมรถอู่เดิม แต่กลายเป็นว่าไม่เห็นหน้าหล่อ ๆ ของเขาเลย เห็นก็แต่ผู้ชายอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกำลังทำงานกันอยู่ บางคนใส่เสื้อช็อปแบบเดียวกับที่เขาใส่ แต่บางคนก็อยู่ในชุดทำงานของอู่ มีตัวอักษรเขียนกำกับบนหลังเสื้อว่า…‘อู่เฮียเล้ง’“ติดต่ออะไรครับ?”“…”อาจเป็นเพราะว่าทุกคนหันมาเห็นฉันยืนด้อม ๆ มอง ๆ อยู่ด้านหน้า อาเฮียที่อยู่ข้างในเลยส่งเสียงบอกให้ช่างของอู่หนึ่งในนั้นเดินออกมาหา เขาตัวสูงพอ ๆ กับคนเมื่อวาน หน้าตาหล่อเหมือนกัน ซ้ำยังใส่เสื้อช็อปของวิทยาลัยเดียวกัน… แต่ฉันค่อนข้างมั่นใจว่าไม่ใช่คนนี้แน่นอน เพราะคนที่ว่าหน้านิ่งกว่านี้เยอะ…“มาหาคนรู้จักค่ะ” ฉันยิ้มตอบพร้อมทั้งชูถุงขนมแบรนด์ดังที่กำลังเป็นกระแสขึ้นมาให้คนตรงหน้าดู“ใครครับ?” เขาไม่ได้มองถุงขนมราคาแพงแต่เลิกคิ้วถามอีกครั้งพร้อมหันไปมองเพื่อน ๆ ตัวเองอย่างข้องใจ “ไม่น่ามีใครที่นี่รู้จักกับคุณนะ”“มีสิ… คนที่หล่อ ๆ ตัวสูง ๆ หน้านิ่ง ๆ หน่อย” ฉันพยายามให้ข้อมูล ซึ่งมันก็ดูไม่ได้ช่วยอะไรมากเท่าไหร่“พ
พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน ตอนที่ 3วันต่อมา…“รีบไปไหน?”เสียงของยิมเพื่อนสนิทเอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นว่าฉันคว้ากระเป๋า GUCCI คอลเลกชันใหม่ล่าสุดมาสะพายเตรียมตัวจะกลับ สายตาจับผิดมองมาอย่างทะลุปรุโปร่ง ร่างแบบบางของมันขยับตัวลุกขึ้นจากโต๊ะเลกเชอร์ พร้อมสะบัดเรือนผมยาวสยายไปด้านหลังเรียกสายตาจากหนุ่ม ๆ ในคลาสได้มากโข ก่อนเจ้าตัวจะเดินเข้ามาคล้องแขนฉันไว้“ว่าไงจ๊ะ? ไปตกหลุมรักผู้ชายที่ไหนอีก?” เสียงประชดประชันถามเค้นมาอีกรอบตา นัยน์ตาสีอ่อนฉายแววขบขันอย่างรู้ทันนิสัยกันฉันถึงกับหัวเราะออกมา ราวกับว่ามันอ่านใจฉันได้หมดทุกซอกทุกมุม ก็ใช่หรอก… ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันเป็นแบบนี้ เวลาฉันชอบใครก็มักจะวิ่งเข้าใส่ทุกที และอาการเดิม ๆ ก็คือรีบกลับเพื่อจะไปหาผู้ชายคติพจน์ของเราก็คือผู้ชายมาก่อนเสมอ ยังไงเพื่อนก็ไม่ไปไหนอยู่แล้ว… ใช่! เราทั้งคู่มันคนแรดแบบนี้แหละ“คนนี้ฉันรู้จักไหม?” มันยังไม่เลิกกระแซะถาม ฉันเลยส่ายหน้าตอบ“ไม่หรอก”“เจอที่ไหน? ที่มอ.หรือเปล่า? คณะฯ อะไร?”“ใจเย็น… ไม่ได้เรียนที่นี่หรอก”“แล้ว?”“เจอตามข้างทาง” ฉันบอกไปตามจริง แต่ไม่คิดจะเล่ารายละเอียดอะไรให้ฟังมากนัก“หืม? คุณน
พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลินตอนที่ 4จนแล้วจนรอดฉันก็ยังคงคอนเซ็ปต์ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลกอยู่ดี…ตอนนี้พี่สิงห์ทำงานเสร็จแล้ว และกำลังยืนกินมาม่าคัพอยู่ตรงเคาน์เตอร์ชงกาแฟลูกค้า ร่างสูงยืนกินไปมองหน้าฉันไปเงียบ ๆ โดยไม่คิดจะชวนกันสักแอะ…หลังจากกินเสร็จก็เดินผ่านหน้าฉันไปคว้ากุญแจมอเตอร์ไซค์ที่แขวนอยู่ตรงล็อกเกอร์ เสียงพ่นลมหายใจดังขึ้นเป็นรอบที่หนึ่งล้าน แล้วเสียงเรียบก็เอ่ยขึ้น“ออกมาได้แล้วจะปิดร้าน”ไม่ต้องบอกก็รู้หรอกน่า… ฉันมุดหัวออกทางประตูเหล็กที่ปิดลงมาแล้วครึ่งหนึ่ง ยืนนิ่งรอเขาล็อกประตู“เดี๋ยวเรียกแท็กซี่ให้” ว่าแล้วก็หันมาบอก พร้อมเลื่อนมือถือไปด้วย“อะไรอะ? นี่รอตั้งนานจะส่งขึ้นแท็กซี่?” ฉันร้องเสียงหลง พร้อมชี้นิ้วไปยังไอ้มอเตอร์ไซค์บุโรทั่งของเขา “จะนั่งไอ้นี่กลับ”“…” เจ้าตัวทิ้งแขนข้างที่ถือโทรศัพท์ลงข้างตัว สายตารำคาญมองมาอีกครั้งก่อนจะประชด “อยากนั่งไอ้แก่นี่นักรึไง?”“ใช่ อยากมาก” ฉันรีบบอกพร้อมขยับเข้าไปใกล้ไอ้แก่ที่ว่า พร้อมกับลูบ ๆ คลำ ๆ แสดงความต้องการ“…”เจ้าของไอ้แก่ยัดมือถือใส่เสื้อช็อป แล้วเดินมาถอยรถออกจากซองจอดเงียบ ๆ ราวกับเบื่อที่จะเถียงอะไรกับฉันแ
พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน ตอนที่ 5สิบห้านาทีต่อมารถจอดนิ่งสนิทลงตรงหน้าร้านเหล้าแบบนั่งดื่มมีดนตรีสดร้านหนึ่ง ฉันเองก็ขับผ่านร้านนี้บ่อย ๆ แต่ไม่เคยได้มีโอกาสแวะมาเพราะยิมชอบเที่ยวผับมากกว่า พี่สิงห์หันมามองหน้ากันอีกครั้งบอกเสียงเครียด“กลับบ้านเลย เข้าใจ?”“อือฮึ” ฉันพยักหน้าพร้อมส่งยิ้มให้ คนข้าง ๆ ยังคงทำหน้าเหมือนไม่ไว้ใจกัน“ห้ามไปก่อกวนเวลาทำงาน?” ว่าแล้วก็ย้ำมาอีกที“รู้แล้วน่า รีบไปสิเดี๋ยวก็สายหรอก” ฉันทำเป็นโบกมือไล่“เออ”ร่างสูงเปิดประตูลงจากรถไปแล้ว แต่ยังคงยืนนิ่งโบกมือไล่กันอยู่อย่างนั้น ฉันพยักหน้าอย่างเข้าอกเข้าใจ แล้วเริ่มเคลื่อนรถอีกครั้ง มองผ่านกระจกมองหลังยังเห็นว่าเจ้าตัวยืนอยู่ที่เดิมราวกับระแวงว่าฉันจะไม่ยอมกลับจริง ๆก็แหงสิ! เรื่องอะไรต้องกลับด้วย ไปวนรถมาอีกรอบก็ได้!ฉันทำเป็นขับรถตรงไปเรื่อย ๆ พอเห็นว่าเลยมาไกลพอสมควรก็หาที่กลับรถเพื่อจะกลับไปที่เดิมอีกครั้ง อยากรู้จะตายชักว่าทำงานเสริมอะไรอีก เรื่องอะไรต้องยอมกลับด้วยล่ะ…นี่ใคร นี่นลินนะ! ฉันเนี่ยเบอร์หนึ่งเรื่องดื้อเลยขอบอก!หลังจากหาที่จอดรถได้แล้ว ฉันก็เดินไปที่หน้าร้านเดิมที่พี่สิงห์เข้าไปเมื
พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลินตอนที่ 4จนแล้วจนรอดฉันก็ยังคงคอนเซ็ปต์ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลกอยู่ดี…ตอนนี้พี่สิงห์ทำงานเสร็จแล้ว และกำลังยืนกินมาม่าคัพอยู่ตรงเคาน์เตอร์ชงกาแฟลูกค้า ร่างสูงยืนกินไปมองหน้าฉันไปเงียบ ๆ โดยไม่คิดจะชวนกันสักแอะ…หลังจากกินเสร็จก็เดินผ่านหน้าฉันไปคว้ากุญแจมอเตอร์ไซค์ที่แขวนอยู่ตรงล็อกเกอร์ เสียงพ่นลมหายใจดังขึ้นเป็นรอบที่หนึ่งล้าน แล้วเสียงเรียบก็เอ่ยขึ้น“ออกมาได้แล้วจะปิดร้าน”ไม่ต้องบอกก็รู้หรอกน่า… ฉันมุดหัวออกทางประตูเหล็กที่ปิดลงมาแล้วครึ่งหนึ่ง ยืนนิ่งรอเขาล็อกประตู“เดี๋ยวเรียกแท็กซี่ให้” ว่าแล้วก็หันมาบอก พร้อมเลื่อนมือถือไปด้วย“อะไรอะ? นี่รอตั้งนานจะส่งขึ้นแท็กซี่?” ฉันร้องเสียงหลง พร้อมชี้นิ้วไปยังไอ้มอเตอร์ไซค์บุโรทั่งของเขา “จะนั่งไอ้นี่กลับ”“…” เจ้าตัวทิ้งแขนข้างที่ถือโทรศัพท์ลงข้างตัว สายตารำคาญมองมาอีกครั้งก่อนจะประชด “อยากนั่งไอ้แก่นี่นักรึไง?”“ใช่ อยากมาก” ฉันรีบบอกพร้อมขยับเข้าไปใกล้ไอ้แก่ที่ว่า พร้อมกับลูบ ๆ คลำ ๆ แสดงความต้องการ“…”เจ้าของไอ้แก่ยัดมือถือใส่เสื้อช็อป แล้วเดินมาถอยรถออกจากซองจอดเงียบ ๆ ราวกับเบื่อที่จะเถียงอะไรกับฉันแ
พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน ตอนที่ 3วันต่อมา…“รีบไปไหน?”เสียงของยิมเพื่อนสนิทเอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นว่าฉันคว้ากระเป๋า GUCCI คอลเลกชันใหม่ล่าสุดมาสะพายเตรียมตัวจะกลับ สายตาจับผิดมองมาอย่างทะลุปรุโปร่ง ร่างแบบบางของมันขยับตัวลุกขึ้นจากโต๊ะเลกเชอร์ พร้อมสะบัดเรือนผมยาวสยายไปด้านหลังเรียกสายตาจากหนุ่ม ๆ ในคลาสได้มากโข ก่อนเจ้าตัวจะเดินเข้ามาคล้องแขนฉันไว้“ว่าไงจ๊ะ? ไปตกหลุมรักผู้ชายที่ไหนอีก?” เสียงประชดประชันถามเค้นมาอีกรอบตา นัยน์ตาสีอ่อนฉายแววขบขันอย่างรู้ทันนิสัยกันฉันถึงกับหัวเราะออกมา ราวกับว่ามันอ่านใจฉันได้หมดทุกซอกทุกมุม ก็ใช่หรอก… ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันเป็นแบบนี้ เวลาฉันชอบใครก็มักจะวิ่งเข้าใส่ทุกที และอาการเดิม ๆ ก็คือรีบกลับเพื่อจะไปหาผู้ชายคติพจน์ของเราก็คือผู้ชายมาก่อนเสมอ ยังไงเพื่อนก็ไม่ไปไหนอยู่แล้ว… ใช่! เราทั้งคู่มันคนแรดแบบนี้แหละ“คนนี้ฉันรู้จักไหม?” มันยังไม่เลิกกระแซะถาม ฉันเลยส่ายหน้าตอบ“ไม่หรอก”“เจอที่ไหน? ที่มอ.หรือเปล่า? คณะฯ อะไร?”“ใจเย็น… ไม่ได้เรียนที่นี่หรอก”“แล้ว?”“เจอตามข้างทาง” ฉันบอกไปตามจริง แต่ไม่คิดจะเล่ารายละเอียดอะไรให้ฟังมากนัก“หืม? คุณน
พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน ตอนที่ 2วันต่อมาวันนี้หลังจากเลิกเรียน ฉันก็ตั้งใจจะเอาของกินไปขอบคุณผู้ชายคนเมื่อวานที่อู่ซ่อมรถอู่เดิม แต่กลายเป็นว่าไม่เห็นหน้าหล่อ ๆ ของเขาเลย เห็นก็แต่ผู้ชายอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกำลังทำงานกันอยู่ บางคนใส่เสื้อช็อปแบบเดียวกับที่เขาใส่ แต่บางคนก็อยู่ในชุดทำงานของอู่ มีตัวอักษรเขียนกำกับบนหลังเสื้อว่า…‘อู่เฮียเล้ง’“ติดต่ออะไรครับ?”“…”อาจเป็นเพราะว่าทุกคนหันมาเห็นฉันยืนด้อม ๆ มอง ๆ อยู่ด้านหน้า อาเฮียที่อยู่ข้างในเลยส่งเสียงบอกให้ช่างของอู่หนึ่งในนั้นเดินออกมาหา เขาตัวสูงพอ ๆ กับคนเมื่อวาน หน้าตาหล่อเหมือนกัน ซ้ำยังใส่เสื้อช็อปของวิทยาลัยเดียวกัน… แต่ฉันค่อนข้างมั่นใจว่าไม่ใช่คนนี้แน่นอน เพราะคนที่ว่าหน้านิ่งกว่านี้เยอะ…“มาหาคนรู้จักค่ะ” ฉันยิ้มตอบพร้อมทั้งชูถุงขนมแบรนด์ดังที่กำลังเป็นกระแสขึ้นมาให้คนตรงหน้าดู“ใครครับ?” เขาไม่ได้มองถุงขนมราคาแพงแต่เลิกคิ้วถามอีกครั้งพร้อมหันไปมองเพื่อน ๆ ตัวเองอย่างข้องใจ “ไม่น่ามีใครที่นี่รู้จักกับคุณนะ”“มีสิ… คนที่หล่อ ๆ ตัวสูง ๆ หน้านิ่ง ๆ หน่อย” ฉันพยายามให้ข้อมูล ซึ่งมันก็ดูไม่ได้ช่วยอะไรมากเท่าไหร่“พ
พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน ตอนที่ 101.30 น.ไม่อยากจะเชื่อ…ไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ ว่าฉันจะต้องมายืนรอเพื่อนมารับตรงซอยเปลี่ยวในเวลาตีหนึ่งกว่า ๆ แบบนี้ โอเค… มันก็เป็นย่านที่คนพลุกพล่านนั่นแหละ แต่ทีนี้เพราะซอยอื่นรถมันเยอะฉันเลยโดนสั่งให้มายืนรอตรงซอยนี้แทนไม่มีใคร… ไม่มีรถผ่าน… มีก็แต่…ร่างสูงของใครคนหนึ่งกำลังมุดหัวออกมาจากประตูเลื่อนที่ปิดลงมาครึ่งหนึ่งของอู่ซ่อมรถขนาดใหญ่ มันดูเหมือนจะเลยเวลาทำการมานานแล้วทว่าแสงไฟจากในอู่เพิ่งจะดับลงเมื่อครู่นี้เอง เพราะความหวาดระแวงฉันเลยลอบสังเกตผู้ชายคนนั้นเงียบ ๆ ร่างสูงดูทะมัดทะแมง แข็งแรง และที่สำคัญ… ขนาดมองจากตรงนี้ยังเห็นได้ชัดว่าเขาโคตรพ่อโคตรแม่หล่อเลยจริง ๆใบหน้าติดจะหงุดหงิดชำเลืองมามองฉันที่ยืนอยู่ชิดฟุตพาทฝั่งตรงข้ามเงียบ ๆ ฉันเลยพลอยได้จ้องเขาถนัดขึ้น นัยน์ตาสีอ่อนดูแปลกใจที่มีผู้หญิงที่แต่งตัวจัดเต็มมายืนแกร่วอยู่แถวนี้แต่แล้วจมูกโด่งก็พ่นลมหายใจหนักจนได้ยินเสียงดังฟังชัด เขายืดตัวขึ้นเต็มความสูง ทำให้มองเห็นว่าเจ้าตัวอยู่ในเสื้อช็อปสีกรม เหมือนจะเรียนวิทยาลัยช่างในละแวกนี้ เขาเสยผมสีน้ำตาลเข้มขึ้นก่อนมือสองข้างจะลดล