พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน ตอนที่ 2
วันต่อมา
วันนี้หลังจากเลิกเรียน ฉันก็ตั้งใจจะเอาของกินไปขอบคุณผู้ชายคนเมื่อวานที่อู่ซ่อมรถอู่เดิม แต่กลายเป็นว่าไม่เห็นหน้าหล่อ ๆ ของเขาเลย เห็นก็แต่ผู้ชายอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกำลังทำงานกันอยู่ บางคนใส่เสื้อช็อปแบบเดียวกับที่เขาใส่ แต่บางคนก็อยู่ในชุดทำงานของอู่ มีตัวอักษรเขียนกำกับบนหลังเสื้อว่า…
‘อู่เฮียเล้ง’
“ติดต่ออะไรครับ?”
“…”
อาจเป็นเพราะว่าทุกคนหันมาเห็นฉันยืนด้อม ๆ มอง ๆ อยู่ด้านหน้า อาเฮียที่อยู่ข้างในเลยส่งเสียงบอกให้ช่างของอู่หนึ่งในนั้นเดินออกมาหา เขาตัวสูงพอ ๆ กับคนเมื่อวาน หน้าตาหล่อเหมือนกัน ซ้ำยังใส่เสื้อช็อปของวิทยาลัยเดียวกัน… แต่ฉันค่อนข้างมั่นใจว่าไม่ใช่คนนี้แน่นอน เพราะคนที่ว่าหน้านิ่งกว่านี้เยอะ…
“มาหาคนรู้จักค่ะ” ฉันยิ้มตอบพร้อมทั้งชูถุงขนมแบรนด์ดังที่กำลังเป็นกระแสขึ้นมาให้คนตรงหน้าดู
“ใครครับ?” เขาไม่ได้มองถุงขนมราคาแพงแต่เลิกคิ้วถามอีกครั้งพร้อมหันไปมองเพื่อน ๆ ตัวเองอย่างข้องใจ “ไม่น่ามีใครที่นี่รู้จักกับคุณนะ”
“มีสิ… คนที่หล่อ ๆ ตัวสูง ๆ หน้านิ่ง ๆ หน่อย” ฉันพยายามให้ข้อมูล ซึ่งมันก็ดูไม่ได้ช่วยอะไรมากเท่าไหร่
“พี่สิงห์เหรอ?” คิ้วเข้มเลิกขึ้นลากสายตาสำรวจฉันที่อยู่ในชุดนิสิต ก่อนจะหันไปมองรถเบนซ์เอสคลาสที่ยังคงติดเครื่องจอดอยู่ใกล้ ๆ แล้วทำหน้าไม่ค่อยแน่ใจนัก
“พี่สิงห์เหรอ?” ฉันทำเป็นนึก แต่มีอะไรให้นึกที่ไหนกันเล่า! ฉันไม่รู้ชื่อเขาสักหน่อย!
“…” คู่สนทนาหรี่ตาลงเล็กน้อยราวกับกำลังจับอาการกัน ฉันเลยต้องรีบเอ่ยเสริมออกไป
“ฉันเจอเขาเมื่อคืนน่ะ ดึกมาก ๆ แล้วแต่เขายังอยู่”
“งั้นก็พี่สิงห์นั่นแหละ… มีอยู่คนเดียวที่ทำงานดึกขนาดนั้น”
สีหน้าเขาดูชัวร์ว่าใช่มาก ๆ แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะได้พูดอะไรต่อ ก็ได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งจอดลงที่หน้าอู่
ด้วยสัญชาตญาณเราสองคนเลยหันไปมองอย่างพร้อมเพรียงกัน เห็นผู้ชายคนนั้นกำลังบิดกุญแจดับรถอยู่ พร้อมทั้งเสยผมขึ้นเพราะอากาศร้อน และทันทีที่เขาหันหน้ามาฉันก็จำได้ในทันทีว่าเป็นสุดหล่อคนนั้น!
“พี่สิงห์มีคนมาหา…” คนข้าง ๆ รีบตะโกนบอก
“…”
ใบหน้านิ่งสนิทขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะที่เดินเข้ามา และฉันก็ต้องใจสั่นหนักมาก เมื่อเห็นเขาใกล้ ๆ อีกครั้ง เมื่อคืนว่าหล่อมากแล้ว แต่พอเป็นตอนกลางวันยิ่งหล่อจัดเข้าไปอีก!
นัยน์ตาสีอ่อนดูแปลกใจ จมูกโด่งคมเป็นสัน ริมฝีปากสีชมพูอ่อน สันกรามสวยเหมือนไปเหลามายังไงยังงั้น ประกอบกันกับเส้นผมสีน้ำตาลเข้มที่เป็นประกายเวลาต้องแสงแดดแบบนี้แล้วด้วย พระเจ้า!
ใครไหวไปก่อนเลย ฉันอาจจะยังไม่ได้บอกว่าฉัน… เป็นผู้หญิงประเภทแพ้คนหล่อหนักมาก!
“ใคร?”
“…”
และเพราะสีหน้างุนงงของเขาทำให้นลินคนนี้ถึงกับไปไม่เป็น…
ร่างสูงหยุดยืนนิ่งลงตรงหน้าพร้อมเลิกคิ้วถามเหมือนจำกันไม่ได้ ทั้งที่เราเพิ่งเจอกันไปยังไม่ทันครบยี่สิบสี่ชั่วโมงด้วยซ้ำ! ฉันก็เป็นคนสวยอยู่นะยะ! จะลืมกันง่าย ๆ แบบนี้ได้ยังไง!
“อ๋อ…” แต่แล้วสีหน้าเขาก็เหมือนจะพอนึกออก นัยน์ตานิ่งสนิทกวาดตามองใบหน้าฉันซ้ำเป็นหนที่สอง “พอไม่แต่งหน้าขนาดนั้นแล้วจำเกือบไม่ได้…”
“สะ… สวัสดี”
ฉันฉีกยิ้มกว้างโดยไม่สนใจคำพูดถากถางนั่น มันคือดีหรือเปล่า? ไอ้ที่ว่ามานั่นน่ะ TT____TT
เวลากลางวันฉันก็ใช้ชีวิตปกตินั่นแหละ ไม่ได้แต่งหน้าทำผมจัดเต็มติดขนตงขนตาเหมือนเวลาไปเที่ยวหรอก มันก็คงจะดูจืดลงมากเพราะทรงหน้าฉันมันค่อนไปทางอาหมวย แต่นี่ก็แต่งแล้วนะ! ใช้เวลาแต่งเยอะกว่าเมื่อวานอีก เมคอัพโนเมคอัพอะ รู้จักไหม!
“ว่า?”
และพอจำได้ว่าฉันเป็นใคร คนหล่อก็เปลี่ยนสีหน้าทันที ยืนทิ้งขาข้างนึงพร้อมเอ่ยถามเสียงเบา ท่าทางคงจะรำคาญเสียงเพื่อน ๆ ที่กำลังส่งเสียงแซวมาเป็นระลอกตั้งแต่เมื่อครู่นี้ไม่น้อย…
“ฉันเอาของมาขอบคุณนายที่ช่วยเหลือเมื่อวาน”
ว่าแล้วก็ยกถุงในมือขึ้นอีกครั้งอย่างนำเสนอ คนตรงหน้าชำเลืองมองแค่เล็กน้อยแล้วพ่นลมหายใจ แทนที่จะได้รับคำตอบอะไร กลายเป็นว่าเขาลากแขนฉันเดินออกมาจากอู่แทนโดยไม่พูดอะไรทั้งนั้น
“ไม่อยากได้ กลับไปได้แล้ว” และเมื่อเราออกมาหยุดยืนอยู่ข้างนอกท่ามกลางแสงแดดจ้า คนขี้หงุดหงิดก็เอ่ยปากไล่ทันที
“อะไรกัน! นี่ไปยืนเข้าคิวรอเป็นชั่วโมงเลยนะ”
“ไม่เอา”
“ได้ยังไง!”
“ก็บอกว่าไม่เอา!”
ฉันถึงกับจ๋อยสนิทตอนที่ไอ้บ้านี่เริ่มเสียงดังใส่ ยิ่งคนในอู่พากันแอบชำเลืองมองออกมาฉันก็ยิ่งอาย เหมือนกำลังมาตามตื๊อผู้ชายยังไงยังงั้นเลย…
“ก็แค่มาขอบคุณเอง” สุดท้ายฉันก็ได้แต่บอกเสียงอ่อยจ๋อยไม่เป็นท่า…
“แค่นี้ใช่ไหม? กลับไปได้แล้ว”
ไม่พูดเปล่าแต่สายตาชำเลืองมองไปยังรถของฉันเอง ซึ่งยังติดเครื่องจอดอยู่ใกล้ ๆ อย่างรำคาญ เมื่อเห็นว่าไล่ไม่ไปเจ้าตัวก็คว้าข้อมือกันอีกรอบเดินไปฝั่งประตูคนขับ ก่อนจะยัดร่างฉันเข้าไปนั่งเองเสร็จสรรพ พอฉันตั้งท่าจะลงจากรถอีก เขาก็หันมาทำหน้าดุใส่
“มีอะไรอีก?”
“อย่างน้อยก็รับของไว้หน่อยสิคะ ‘พี่สิงห์’ นี่ ‘นลิน’ อุตส่าห์ไปยืนเข้าคิวรอตั้งนาน”
ฉันจีบปากจีบคอพูดอย่างมีจริตจะก้าน พร้อมทั้งยิ้มหวานให้ ซ้ำยังเรียกชื่อเขาอย่างเต็มปากเต็มคำ คนฟังถึงกับเบนสายตามองไปทางอื่นเลยล่ะ…
เขินแหละ…
“ใครบอกว่าฉันชื่อสะ…”
“แหม… ก็ผู้ชายคนเมื่อกี้นี้ไง”
“…” เสี้ยวหน้าหล่อเหลือบตามองฉันที่ยังคงนั่งคาอยู่ฝั่งประตูคนขับอย่างรำคาญใจ ก่อนจะโน้มตัวลงมากระตุกถุงขนมใบใหญ่ออกไปจากมือเพื่อตัดรำคาญ “ต้องการแค่นี้ใช่ไหม?”
ฉันรู้สึกใจเต้นอย่างแรงเพราะว่าใบหน้าเราอยู่ห่างกันไม่กี่คืบ นัยน์ตาสุกใสกำลังจ้องมองกันเหมือนอยากจะตัดปัญหาให้จบ ๆ ไป แต่ก็ยังคงไม่ขยับตัวถอยห่างออกไป ซ้ำยังลากสายตามองเรียวขาของฉันที่โผล่พ้นกระโปรงทรงเอตัวสั้นก่อนจะพ่นลมหายใจเบา ๆ แล้วยืดตัวขึ้นเต็มความสูง
“รับไว้แล้ว กลับได้ยัง?” น้ำเสียงไม่ไยดีเอ่ยไล่อีกครั้ง
“แล้วมาอีกได้ไหม?”
“…”
คนหล่อถึงกับชะงักค้างเมื่อฉันถามสวนขึ้น ขนาดตัวฉันเองยังตกใจเลย!
โอเค… ฉันรู้ว่ามันดูประหลาดมาก แต่ฉันก็สะเหล่อพูดออกไปแล้ว ไอ้เอาของมาขอบคุณมันก็ข้ออ้างนั่นแหละ จริง ๆ แค่อยากมาเจอหน้าของเขาอีกครั้งต่างหาก! และยิ่งเห็นแบบนี้ยิ่งกระแทกใจคุณนลินอย่างแรง!
ยิ่งทำเป็นไม่แล ยิ่งโดนใจ!
ก็หล่อขนาดนี้ หล่อทะลุมาตรฐานคนหล่อทั่วไปแบบโคตร ๆ หล่อแบบตะโกน!!!
“ไม่ได้” หลังจากเงียบอยู่อึดใจร่างสูงก็ทำท่าจะเดินหนี ฉันเลยรีบตะโกนบอก
“พรุ่งนี้จะแวะมาใหม่”
“…” สีหน้าที่พยายามฝืนกลั้นความหงุดหงิดหันมามองกันอีกครั้งอย่างเอือมระอา ก่อนจะพูดส่ง ๆ เหมือนรำคาญเต็มที “รถพังค่อยมาละกัน”
แล้วเจ้าตัวก็เดินแกว่งถุงขนมนั่นเข้าอู่ไปโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย ไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงได้ยิ้มกว้างกับตัวเองขนาดนี้ที่โดนทั้งไล่ โดนปฏิเสธสารพัด ว่าแล้วก็ถอยรถไปจอดดูสถานการณ์ตรงหน้าประตูอู่สักหน่อย
ร่างสูงกำลังเดินไปหยิบกล่องอุปกรณ์จากชั้นวางของ ถุงขนมที่ฉันซื้อมาถูกส่งต่อให้เพื่อน ๆ เขาอย่างไม่ไยดี คนอื่น ๆ พากันลุกมากินพร้อมทั้งหัวเราะกับอะไรบางอย่าง ในขณะที่เจ้าตัวทำหน้าหงุดหงิดไม่เลิก พอเหลือบมามองเห็นว่าฉันยังคงเสนอหน้าสอดส่องอยู่ก็ถึงกับยกมือขึ้นเท้าสะเอวยืนตะแคงคอมองพร้อมกันก็โบกมือไล่อีกครั้ง
โอเค… ไว้มาใหม่ก็ได้…
ต้องให้รถพังอย่างนั้นเหรอ? หึ! รู้จักคุณนลินน้อยไปซะแล้ว!
20.00 น.
โครม!
เพล้ง!
รถเบนซ์เอสคลาสรุ่นล่าสุดที่ปะป๊าเพิ่งถอยมาให้เมื่อปีกลายสั่นเล็กน้อย เมื่อท้ายชนเข้ากับกระถางต้นไม้นับสิบที่หน้าบ้านฉัน พอลงมาดูก็ได้ยินเสียงล้งเล้งของทั้งปะป๊า และหม่าม้าโวยวายอยู่ตรงท้ายรถนั่นเอง
“อาลิน ลื้อโง่เปล่าวะเนี่ย? ถอยรถประสาอะไร? ต้นไม้พังหมดเลย!” หม่าม้าตะโกนเสียงดัง พร้อมขยับเข้าไปมองเศษซากกระถางต้นไม้ของตัวเองอย่างใจหาย
“ไม่ห่วงรถหน่อยเหรอม้า?” ฉันยืนมองขำ ๆ แต่พอสบตาเข้ากับอีกคนถึงกับขำไม่ออก
“ลื้อตลกอะไร? หาเรื่องเสียเงินอีกแล้ว อั๊วบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าชงๆ” เสียงล้งเล้งที่พูดไทยไม่ค่อยชัดของป๊าดังขึ้นสีหน้าหงุดหงิดฉายชัด พร้อมกันก็ชี้นิ้วมาที่ตัวรถซึ่งตอนนี้มีสีถลอกอย่างไม่น่าดู
“นิดเดียวเองป๊า เดี๋ยวลินจัดการเองน่า”
“จัดกงจัดการอะไรของลื้อ? ยังไงก็เงินอั๊วอยู่ดี”
“นิดหน่อยเอง”
“อั๊วล่ะปวดหัว ไป! เข้าบ้าน” ป๊าโบกมือไล่ทั้งม้า และฉัน ก่อนจะตะโกนเรียกพี่จุ๋มเสียงดัง “อาจุ๋ม! ลื้อมาทำความสะอาดกงนี้ด้วย!”
พอเดินพ้นประตูบ้านเข้ามาก็ต้องเจอกับสายตากวนประสาทของพี่ชายตัวดี ซึ่งกำลังนั่งกระดิกเท้ายิก ๆ เล่น PS5 อยู่บนโซฟาเข้าชุดกันสุดอลังการของหม่าม้า ร่างสูงขยับตัวบิดขี้เกียจเมื่อเห็นหน้ากัน เฮียนนท์ยิ้มกวนเหมือนจะรับรู้เหตุการณ์เมื่อครู่นี้แล้วหลังจากได้ยินเสียงโวยวายของป๊านั่นแหละ
“ระวังให้ดีเหอะ… จะโดนยึดบัตรเครดิตเข้าสักวัน หาแต่เรื่องใช้เงิน”
“น้อย ๆ หน่อยเฮีย ทำยังกับตัวเองใช้เงินน้อยตายแหละ”
ฉันสวนทันควันอย่างหมั่นไส้ แล้วเดินผ่านไอ้พี่บ้าขึ้นบันไดไปชั้นบนอย่างไม่ยี่หระกับอะไรทั้งนั้น ยังคงได้ยินเสียงป๊าสั่งงานพี่จุ๋มไม่เลิก ได้ยินเสียงหม่าม้าบ่นเรื่องต้นไม้ที่เพิ่งจะซื้อมาได้ไม่ถึงเดือน
ถ้าจะมองว่าฉันนิสัยเสียก็คง… ใช่แหละ…
ฉันจะไม่ปฏิเสธว่าตัวเองไม่ใช่คุณหนู เพราะว่าฉันเติบโตมาแบบนั้นจริง ๆ บ้านฉันค่อนข้างรวยมาก ขนาดที่ว่าป๊ากับม้าไปเที่ยวรอบโลกทุกปี วงเงินบัตรเครดิตที่ทิ้งไว้ให้ทั้งฉันและไอ้เฮียนนท์ใช้ ก็เดือนละหลายแสน เราสองคนเลยใช้เงินแบบไม่ลืมหูไม่ลืมตา และกะอีแค่รถสีถลอกแค่นี้ไม่กระเทือนป๊าฉันหรอก
แต่แกเป็นคนหาเงินก็ต้องซีเรียสกับเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว ฉันฟังมาตั้งแต่เล็กจนโตกับประโยคที่ว่า ‘เงินทองเป็นของมีค่า’
แต่ก็อย่างว่า… ฉันมันคนนิสัยไม่ดี และโดนสปอยล์มาตั้งแต่เด็ก
คนหาเงินไม่ได้ใช้… คนใช้ไม่ได้หาเงิน… มันก็ตามนี้… ถึงรู้ว่านิสัยเสียสุด ๆ แต่ก็ช่วยไม่ได้เลยที่ฉันมันเป็นพวกใช้เงินอย่างไม่รู้คุณค่าจริง ๆ
โอเค… ทีนี้ก็มีหน้าไปเจอพี่สิงห์ได้แล้วสินะ… ลุย!
พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน ตอนที่ 3วันต่อมา…“รีบไปไหน?”เสียงของยิมเพื่อนสนิทเอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นว่าฉันคว้ากระเป๋า GUCCI คอลเลกชันใหม่ล่าสุดมาสะพายเตรียมตัวจะกลับ สายตาจับผิดมองมาอย่างทะลุปรุโปร่ง ร่างแบบบางของมันขยับตัวลุกขึ้นจากโต๊ะเลกเชอร์ พร้อมสะบัดเรือนผมยาวสยายไปด้านหลังเรียกสายตาจากหนุ่ม ๆ ในคลาสได้มากโข ก่อนเจ้าตัวจะเดินเข้ามาคล้องแขนฉันไว้“ว่าไงจ๊ะ? ไปตกหลุมรักผู้ชายที่ไหนอีก?” เสียงประชดประชันถามเค้นมาอีกรอบตา นัยน์ตาสีอ่อนฉายแววขบขันอย่างรู้ทันนิสัยกันฉันถึงกับหัวเราะออกมา ราวกับว่ามันอ่านใจฉันได้หมดทุกซอกทุกมุม ก็ใช่หรอก… ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันเป็นแบบนี้ เวลาฉันชอบใครก็มักจะวิ่งเข้าใส่ทุกที และอาการเดิม ๆ ก็คือรีบกลับเพื่อจะไปหาผู้ชายคติพจน์ของเราก็คือผู้ชายมาก่อนเสมอ ยังไงเพื่อนก็ไม่ไปไหนอยู่แล้ว… ใช่! เราทั้งคู่มันคนแรดแบบนี้แหละ“คนนี้ฉันรู้จักไหม?” มันยังไม่เลิกกระแซะถาม ฉันเลยส่ายหน้าตอบ“ไม่หรอก”“เจอที่ไหน? ที่มอ.หรือเปล่า? คณะฯ อะไร?”“ใจเย็น… ไม่ได้เรียนที่นี่หรอก”“แล้ว?”“เจอตามข้างทาง” ฉันบอกไปตามจริง แต่ไม่คิดจะเล่ารายละเอียดอะไรให้ฟังมากนัก“หืม? คุณน
พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลินตอนที่ 4จนแล้วจนรอดฉันก็ยังคงคอนเซ็ปต์ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลกอยู่ดี…ตอนนี้พี่สิงห์ทำงานเสร็จแล้ว และกำลังยืนกินมาม่าคัพอยู่ตรงเคาน์เตอร์ชงกาแฟลูกค้า ร่างสูงยืนกินไปมองหน้าฉันไปเงียบ ๆ โดยไม่คิดจะชวนกันสักแอะ…หลังจากกินเสร็จก็เดินผ่านหน้าฉันไปคว้ากุญแจมอเตอร์ไซค์ที่แขวนอยู่ตรงล็อกเกอร์ เสียงพ่นลมหายใจดังขึ้นเป็นรอบที่หนึ่งล้าน แล้วเสียงเรียบก็เอ่ยขึ้น“ออกมาได้แล้วจะปิดร้าน”ไม่ต้องบอกก็รู้หรอกน่า… ฉันมุดหัวออกทางประตูเหล็กที่ปิดลงมาแล้วครึ่งหนึ่ง ยืนนิ่งรอเขาล็อกประตู“เดี๋ยวเรียกแท็กซี่ให้” ว่าแล้วก็หันมาบอก พร้อมเลื่อนมือถือไปด้วย“อะไรอะ? นี่รอตั้งนานจะส่งขึ้นแท็กซี่?” ฉันร้องเสียงหลง พร้อมชี้นิ้วไปยังไอ้มอเตอร์ไซค์บุโรทั่งของเขา “จะนั่งไอ้นี่กลับ”“…” เจ้าตัวทิ้งแขนข้างที่ถือโทรศัพท์ลงข้างตัว สายตารำคาญมองมาอีกครั้งก่อนจะประชด “อยากนั่งไอ้แก่นี่นักรึไง?”“ใช่ อยากมาก” ฉันรีบบอกพร้อมขยับเข้าไปใกล้ไอ้แก่ที่ว่า พร้อมกับลูบ ๆ คลำ ๆ แสดงความต้องการ“…”เจ้าของไอ้แก่ยัดมือถือใส่เสื้อช็อป แล้วเดินมาถอยรถออกจากซองจอดเงียบ ๆ ราวกับเบื่อที่จะเถียงอะไรกับฉันแ
พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน ตอนที่ 5สิบห้านาทีต่อมารถจอดนิ่งสนิทลงตรงหน้าร้านเหล้าแบบนั่งดื่มมีดนตรีสดร้านหนึ่ง ฉันเองก็ขับผ่านร้านนี้บ่อย ๆ แต่ไม่เคยได้มีโอกาสแวะมาเพราะยิมชอบเที่ยวผับมากกว่า พี่สิงห์หันมามองหน้ากันอีกครั้งบอกเสียงเครียด“กลับบ้านเลย เข้าใจ?”“อือฮึ” ฉันพยักหน้าพร้อมส่งยิ้มให้ คนข้าง ๆ ยังคงทำหน้าเหมือนไม่ไว้ใจกัน“ห้ามไปก่อกวนเวลาทำงาน?” ว่าแล้วก็ย้ำมาอีกที“รู้แล้วน่า รีบไปสิเดี๋ยวก็สายหรอก” ฉันทำเป็นโบกมือไล่“เออ”ร่างสูงเปิดประตูลงจากรถไปแล้ว แต่ยังคงยืนนิ่งโบกมือไล่กันอยู่อย่างนั้น ฉันพยักหน้าอย่างเข้าอกเข้าใจ แล้วเริ่มเคลื่อนรถอีกครั้ง มองผ่านกระจกมองหลังยังเห็นว่าเจ้าตัวยืนอยู่ที่เดิมราวกับระแวงว่าฉันจะไม่ยอมกลับจริง ๆก็แหงสิ! เรื่องอะไรต้องกลับด้วย ไปวนรถมาอีกรอบก็ได้!ฉันทำเป็นขับรถตรงไปเรื่อย ๆ พอเห็นว่าเลยมาไกลพอสมควรก็หาที่กลับรถเพื่อจะกลับไปที่เดิมอีกครั้ง อยากรู้จะตายชักว่าทำงานเสริมอะไรอีก เรื่องอะไรต้องยอมกลับด้วยล่ะ…นี่ใคร นี่นลินนะ! ฉันเนี่ยเบอร์หนึ่งเรื่องดื้อเลยขอบอก!หลังจากหาที่จอดรถได้แล้ว ฉันก็เดินไปที่หน้าร้านเดิมที่พี่สิงห์เข้าไปเมื
พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน ตอนที่ 101.30 น.ไม่อยากจะเชื่อ…ไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ ว่าฉันจะต้องมายืนรอเพื่อนมารับตรงซอยเปลี่ยวในเวลาตีหนึ่งกว่า ๆ แบบนี้ โอเค… มันก็เป็นย่านที่คนพลุกพล่านนั่นแหละ แต่ทีนี้เพราะซอยอื่นรถมันเยอะฉันเลยโดนสั่งให้มายืนรอตรงซอยนี้แทนไม่มีใคร… ไม่มีรถผ่าน… มีก็แต่…ร่างสูงของใครคนหนึ่งกำลังมุดหัวออกมาจากประตูเลื่อนที่ปิดลงมาครึ่งหนึ่งของอู่ซ่อมรถขนาดใหญ่ มันดูเหมือนจะเลยเวลาทำการมานานแล้วทว่าแสงไฟจากในอู่เพิ่งจะดับลงเมื่อครู่นี้เอง เพราะความหวาดระแวงฉันเลยลอบสังเกตผู้ชายคนนั้นเงียบ ๆ ร่างสูงดูทะมัดทะแมง แข็งแรง และที่สำคัญ… ขนาดมองจากตรงนี้ยังเห็นได้ชัดว่าเขาโคตรพ่อโคตรแม่หล่อเลยจริง ๆใบหน้าติดจะหงุดหงิดชำเลืองมามองฉันที่ยืนอยู่ชิดฟุตพาทฝั่งตรงข้ามเงียบ ๆ ฉันเลยพลอยได้จ้องเขาถนัดขึ้น นัยน์ตาสีอ่อนดูแปลกใจที่มีผู้หญิงที่แต่งตัวจัดเต็มมายืนแกร่วอยู่แถวนี้แต่แล้วจมูกโด่งก็พ่นลมหายใจหนักจนได้ยินเสียงดังฟังชัด เขายืดตัวขึ้นเต็มความสูง ทำให้มองเห็นว่าเจ้าตัวอยู่ในเสื้อช็อปสีกรม เหมือนจะเรียนวิทยาลัยช่างในละแวกนี้ เขาเสยผมสีน้ำตาลเข้มขึ้นก่อนมือสองข้างจะลดล
พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน ตอนที่ 5สิบห้านาทีต่อมารถจอดนิ่งสนิทลงตรงหน้าร้านเหล้าแบบนั่งดื่มมีดนตรีสดร้านหนึ่ง ฉันเองก็ขับผ่านร้านนี้บ่อย ๆ แต่ไม่เคยได้มีโอกาสแวะมาเพราะยิมชอบเที่ยวผับมากกว่า พี่สิงห์หันมามองหน้ากันอีกครั้งบอกเสียงเครียด“กลับบ้านเลย เข้าใจ?”“อือฮึ” ฉันพยักหน้าพร้อมส่งยิ้มให้ คนข้าง ๆ ยังคงทำหน้าเหมือนไม่ไว้ใจกัน“ห้ามไปก่อกวนเวลาทำงาน?” ว่าแล้วก็ย้ำมาอีกที“รู้แล้วน่า รีบไปสิเดี๋ยวก็สายหรอก” ฉันทำเป็นโบกมือไล่“เออ”ร่างสูงเปิดประตูลงจากรถไปแล้ว แต่ยังคงยืนนิ่งโบกมือไล่กันอยู่อย่างนั้น ฉันพยักหน้าอย่างเข้าอกเข้าใจ แล้วเริ่มเคลื่อนรถอีกครั้ง มองผ่านกระจกมองหลังยังเห็นว่าเจ้าตัวยืนอยู่ที่เดิมราวกับระแวงว่าฉันจะไม่ยอมกลับจริง ๆก็แหงสิ! เรื่องอะไรต้องกลับด้วย ไปวนรถมาอีกรอบก็ได้!ฉันทำเป็นขับรถตรงไปเรื่อย ๆ พอเห็นว่าเลยมาไกลพอสมควรก็หาที่กลับรถเพื่อจะกลับไปที่เดิมอีกครั้ง อยากรู้จะตายชักว่าทำงานเสริมอะไรอีก เรื่องอะไรต้องยอมกลับด้วยล่ะ…นี่ใคร นี่นลินนะ! ฉันเนี่ยเบอร์หนึ่งเรื่องดื้อเลยขอบอก!หลังจากหาที่จอดรถได้แล้ว ฉันก็เดินไปที่หน้าร้านเดิมที่พี่สิงห์เข้าไปเมื
พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลินตอนที่ 4จนแล้วจนรอดฉันก็ยังคงคอนเซ็ปต์ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลกอยู่ดี…ตอนนี้พี่สิงห์ทำงานเสร็จแล้ว และกำลังยืนกินมาม่าคัพอยู่ตรงเคาน์เตอร์ชงกาแฟลูกค้า ร่างสูงยืนกินไปมองหน้าฉันไปเงียบ ๆ โดยไม่คิดจะชวนกันสักแอะ…หลังจากกินเสร็จก็เดินผ่านหน้าฉันไปคว้ากุญแจมอเตอร์ไซค์ที่แขวนอยู่ตรงล็อกเกอร์ เสียงพ่นลมหายใจดังขึ้นเป็นรอบที่หนึ่งล้าน แล้วเสียงเรียบก็เอ่ยขึ้น“ออกมาได้แล้วจะปิดร้าน”ไม่ต้องบอกก็รู้หรอกน่า… ฉันมุดหัวออกทางประตูเหล็กที่ปิดลงมาแล้วครึ่งหนึ่ง ยืนนิ่งรอเขาล็อกประตู“เดี๋ยวเรียกแท็กซี่ให้” ว่าแล้วก็หันมาบอก พร้อมเลื่อนมือถือไปด้วย“อะไรอะ? นี่รอตั้งนานจะส่งขึ้นแท็กซี่?” ฉันร้องเสียงหลง พร้อมชี้นิ้วไปยังไอ้มอเตอร์ไซค์บุโรทั่งของเขา “จะนั่งไอ้นี่กลับ”“…” เจ้าตัวทิ้งแขนข้างที่ถือโทรศัพท์ลงข้างตัว สายตารำคาญมองมาอีกครั้งก่อนจะประชด “อยากนั่งไอ้แก่นี่นักรึไง?”“ใช่ อยากมาก” ฉันรีบบอกพร้อมขยับเข้าไปใกล้ไอ้แก่ที่ว่า พร้อมกับลูบ ๆ คลำ ๆ แสดงความต้องการ“…”เจ้าของไอ้แก่ยัดมือถือใส่เสื้อช็อป แล้วเดินมาถอยรถออกจากซองจอดเงียบ ๆ ราวกับเบื่อที่จะเถียงอะไรกับฉันแ
พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน ตอนที่ 3วันต่อมา…“รีบไปไหน?”เสียงของยิมเพื่อนสนิทเอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นว่าฉันคว้ากระเป๋า GUCCI คอลเลกชันใหม่ล่าสุดมาสะพายเตรียมตัวจะกลับ สายตาจับผิดมองมาอย่างทะลุปรุโปร่ง ร่างแบบบางของมันขยับตัวลุกขึ้นจากโต๊ะเลกเชอร์ พร้อมสะบัดเรือนผมยาวสยายไปด้านหลังเรียกสายตาจากหนุ่ม ๆ ในคลาสได้มากโข ก่อนเจ้าตัวจะเดินเข้ามาคล้องแขนฉันไว้“ว่าไงจ๊ะ? ไปตกหลุมรักผู้ชายที่ไหนอีก?” เสียงประชดประชันถามเค้นมาอีกรอบตา นัยน์ตาสีอ่อนฉายแววขบขันอย่างรู้ทันนิสัยกันฉันถึงกับหัวเราะออกมา ราวกับว่ามันอ่านใจฉันได้หมดทุกซอกทุกมุม ก็ใช่หรอก… ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันเป็นแบบนี้ เวลาฉันชอบใครก็มักจะวิ่งเข้าใส่ทุกที และอาการเดิม ๆ ก็คือรีบกลับเพื่อจะไปหาผู้ชายคติพจน์ของเราก็คือผู้ชายมาก่อนเสมอ ยังไงเพื่อนก็ไม่ไปไหนอยู่แล้ว… ใช่! เราทั้งคู่มันคนแรดแบบนี้แหละ“คนนี้ฉันรู้จักไหม?” มันยังไม่เลิกกระแซะถาม ฉันเลยส่ายหน้าตอบ“ไม่หรอก”“เจอที่ไหน? ที่มอ.หรือเปล่า? คณะฯ อะไร?”“ใจเย็น… ไม่ได้เรียนที่นี่หรอก”“แล้ว?”“เจอตามข้างทาง” ฉันบอกไปตามจริง แต่ไม่คิดจะเล่ารายละเอียดอะไรให้ฟังมากนัก“หืม? คุณน
พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน ตอนที่ 2วันต่อมาวันนี้หลังจากเลิกเรียน ฉันก็ตั้งใจจะเอาของกินไปขอบคุณผู้ชายคนเมื่อวานที่อู่ซ่อมรถอู่เดิม แต่กลายเป็นว่าไม่เห็นหน้าหล่อ ๆ ของเขาเลย เห็นก็แต่ผู้ชายอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกำลังทำงานกันอยู่ บางคนใส่เสื้อช็อปแบบเดียวกับที่เขาใส่ แต่บางคนก็อยู่ในชุดทำงานของอู่ มีตัวอักษรเขียนกำกับบนหลังเสื้อว่า…‘อู่เฮียเล้ง’“ติดต่ออะไรครับ?”“…”อาจเป็นเพราะว่าทุกคนหันมาเห็นฉันยืนด้อม ๆ มอง ๆ อยู่ด้านหน้า อาเฮียที่อยู่ข้างในเลยส่งเสียงบอกให้ช่างของอู่หนึ่งในนั้นเดินออกมาหา เขาตัวสูงพอ ๆ กับคนเมื่อวาน หน้าตาหล่อเหมือนกัน ซ้ำยังใส่เสื้อช็อปของวิทยาลัยเดียวกัน… แต่ฉันค่อนข้างมั่นใจว่าไม่ใช่คนนี้แน่นอน เพราะคนที่ว่าหน้านิ่งกว่านี้เยอะ…“มาหาคนรู้จักค่ะ” ฉันยิ้มตอบพร้อมทั้งชูถุงขนมแบรนด์ดังที่กำลังเป็นกระแสขึ้นมาให้คนตรงหน้าดู“ใครครับ?” เขาไม่ได้มองถุงขนมราคาแพงแต่เลิกคิ้วถามอีกครั้งพร้อมหันไปมองเพื่อน ๆ ตัวเองอย่างข้องใจ “ไม่น่ามีใครที่นี่รู้จักกับคุณนะ”“มีสิ… คนที่หล่อ ๆ ตัวสูง ๆ หน้านิ่ง ๆ หน่อย” ฉันพยายามให้ข้อมูล ซึ่งมันก็ดูไม่ได้ช่วยอะไรมากเท่าไหร่“พ
พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน ตอนที่ 101.30 น.ไม่อยากจะเชื่อ…ไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ ว่าฉันจะต้องมายืนรอเพื่อนมารับตรงซอยเปลี่ยวในเวลาตีหนึ่งกว่า ๆ แบบนี้ โอเค… มันก็เป็นย่านที่คนพลุกพล่านนั่นแหละ แต่ทีนี้เพราะซอยอื่นรถมันเยอะฉันเลยโดนสั่งให้มายืนรอตรงซอยนี้แทนไม่มีใคร… ไม่มีรถผ่าน… มีก็แต่…ร่างสูงของใครคนหนึ่งกำลังมุดหัวออกมาจากประตูเลื่อนที่ปิดลงมาครึ่งหนึ่งของอู่ซ่อมรถขนาดใหญ่ มันดูเหมือนจะเลยเวลาทำการมานานแล้วทว่าแสงไฟจากในอู่เพิ่งจะดับลงเมื่อครู่นี้เอง เพราะความหวาดระแวงฉันเลยลอบสังเกตผู้ชายคนนั้นเงียบ ๆ ร่างสูงดูทะมัดทะแมง แข็งแรง และที่สำคัญ… ขนาดมองจากตรงนี้ยังเห็นได้ชัดว่าเขาโคตรพ่อโคตรแม่หล่อเลยจริง ๆใบหน้าติดจะหงุดหงิดชำเลืองมามองฉันที่ยืนอยู่ชิดฟุตพาทฝั่งตรงข้ามเงียบ ๆ ฉันเลยพลอยได้จ้องเขาถนัดขึ้น นัยน์ตาสีอ่อนดูแปลกใจที่มีผู้หญิงที่แต่งตัวจัดเต็มมายืนแกร่วอยู่แถวนี้แต่แล้วจมูกโด่งก็พ่นลมหายใจหนักจนได้ยินเสียงดังฟังชัด เขายืดตัวขึ้นเต็มความสูง ทำให้มองเห็นว่าเจ้าตัวอยู่ในเสื้อช็อปสีกรม เหมือนจะเรียนวิทยาลัยช่างในละแวกนี้ เขาเสยผมสีน้ำตาลเข้มขึ้นก่อนมือสองข้างจะลดล