“สายแหลกกลับมาแล้วเหรอยะ” คำแซวนี้ทำเอาฉันมองบนใส่ยัยเพื่อนตัวแสบ ที่รู้ใจฉันไปเสียทุกอย่าง...ชิส์
“อื้อ…งั้นไปแหลกบุฟเฟ่ต์นะ อยากกินอ่ะ” “ไปสิ” อัปสรตามใจฉัน เราจึงไปกินบุฟเฟ่ต์ซีฟู้ดด้วยกันเสียเลย พอได้กิน พอได้มานั่งคิด มีเพื่อนให้แนวทาง ฉันก็คลายความกังวลไปได้มาก อะไรมันจะเกิดก็คงต้องปล่อยให้เกิด ฉันจะทำทุกวันให้มันดีที่สุด จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจทีหลัง พอกินข้าวอิ่ม ฉันกับอัปสรก็แวะไปที่บริษัทของพี่นิกกับพี่ตรัย ฉันว่างงานก็ว่าได้ ส่วนอัปสรนั้นกำลังเข้าไปช่วยงานที่บริษัท แต่พอไปถึงหน้าห้องทำงานของพี่นิก ภาพที่เห็นผ่านกระจกก็ทำเอาฉันควันออกหู อารมณ์หึงหวงเล่นงานจนหูอื้อตาลายเบาๆ ก่อนจะสะกิดถามคนข้างๆ “แก…นั่นใคร” “แฟนเก่าพี่นิก” คำตอบของอัปสรทำให้ฉันถึงบางอ้อ ฉันรู้ว่าก่อนหน้านี้พี่นิกเคยคบหากับผู้หญิงคนหนึ่ง คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียน แต่เมื่อสี่ปีก่อน เขาสองคนเลิกรากันไป พี่นิกเฮิร์ทหนักมากทีเดียว ฉันรู้เรื่องนี้เพราะอัปสรเคยเล่าให้ฟัง และเพราะคิดว่ามันคืออดีตที่จบไปแล้ว พอคบกับพี่นิกก็เลยไม่ได้เซ้าซี้ให้มันดูเยอะกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง แม้แต่ขอดูรูปฉันก็ยังไม่เคยทำ “อ้อ…คนนี้นะเหรอ” “อื้อ…คนนี้นี่แหละ ที่ทิ้งพี่ชายฉันไป ชื่อพี่แก้ว” “แล้วนางมาทำอะไรที่นี่” ขณะพูดฉันก็มองไปยังอดีตแฟนของพี่นิก ยิ่งเห็นเธอคลอเคลียใกล้ๆ เขาด้วยแล้วก็ตงิดๆ “ถ้าตอบแบบนางเอก นางก็คงผ่านมาแถวๆ นี้เลยแวะมาทักทายตามประสาเพื่อนเก่า เพื่อนแก่มั้ง” “แต่เซ้นส์ฉันมันบอกว่านางไม่ใช่แค่ผ่านมาแถวๆ นี้แน่ๆ” “คิดเหมือนกัน เพราะถ้าตอบแบบนางร้าย นางก็มาอ่อยดีๆ นี่เอง ดูจากชุดสุดโป๊กับท่าทางยั่วๆ นั่นก็พอจะดูออก นี่ลากได้นางคงลากพี่นิกไปปล้ำแล้วมั้งน่ะ” “หึ...” ฉันทำเสียงหึในลำคอ มองไปยังทั้งคู่ไม่วางตา ฉันไม่ใช่คนขี้หึง แต่ถ้าได้หึงขึ้นมาก็หึงโหดเป็นเหมือนกัน “แกอย่าหึสิ ลุยเลยไหม” “ไม่ต้องหรอก ฉันจะเชื่อว่านางแค่ผ่านมา” “นั่น...วิญญาณแม่พระเข้าสิงแล้วไหมล่ะแก” คำพูดของอัปสรทำเอาฉันขำ ใครมันจะเป็นแม่พระเมื่อเห็นแฟนเก่าถ่อมาหาแฟนตัวเองแบบนี้ได้กัน แค่ยังไม่ถึงเวลาวีนก็เท่านั้น “จริงๆ เพราะผู้ชายคงไม่ชอบผู้หญิงขี้หึงแบบไร้เหตุผลหรอก รอดูว่านางจะทำอะไร ถ้ามากไปกว่านี้ ฉันจะแหวกอกนางเอง” แม้พี่แก้วจะอายุมากกว่าฉันหลายปี แต่ฉันก็ไม่ค่อยอยากเรียกว่าพี่สักเท่าไหร่ เวลาคุยกันกับอัปสรแทนว่านางก็คงไม่แปลก “สายโหดอย่างแท้จริง นี่ชักจะสงสารพี่นิกแล้วสิ” “สงสารทำไมยะ ไม่ได้ทำอะไรผิด ใครจะไปทำอะไรได้” คำท้ายๆ ฉันทิ้งหางเสียง บ่งบอกถึงความไม่ปกติเล็กน้อย ส่วนอัปสรก็ยิ้มแห้งๆ ให้ “จ้ะ…ว่าที่พี่สะใภ้” “ชิส์…แกนี่” “เราเข้าไปหาพี่นิกกัน ยัยพี่แก้วนั่นจะได้รู้ว่าตอนนี้พี่ชายฉันไม่ได้โสดอีกต่อไป” เอ่ยจบสรก็ลากฉันเข้าไปในห้องทำงานของพี่นิกทันที “เดี๋ยวๆ สร อย่าเพิ่ง” “พี่นิก เลิกงานยังคะเนี่ย” ทันทีที่เปิดประตูเข้าไป สรก็เอ่ยทักทายพี่ชายตัวเองก่อน ส่วนฉันก็ยืนอยู่ ข้างๆ นั่นแหละ แอบชำเลืองมองหน้าอดีตคนรักของพี่นิกบ้าง อืมม์…ก็สวยดี ก่อนที่จะมองไปยังพี่นิก ที่หันมาส่งยิ้มให้ฉัน ซึ่งแขกของพี่นิกก็เห็นว่าเรายิ้มให้กัน “ใกล้แล้วจ้ะ” เจ้าของห้องเอ่ยตอบ “ดีเลย สรกับดาหิ๊ว...หิว เลิกงานแล้วเราไปหาอะไรกินกันนะคะ” “แต่ฉันอิ่มยันคอหอยแล้วนะแก ขืนกินอีกนี่มีอ้วกแน่ๆ” ฉันดึงแขนยัยสรไว้แล้วกระซิบกระซาบบอกข้างๆ หู “เออน่ะ...แก เงียบไว้” พอปรามฉันเสร็จ สรก็หันไปทักทายอดีตแฟนเก่าพี่ชาย ที่สรทำเป็นมองไม่เห็นตั้งแต่เข้ามาในห้อง“สายแหลกกลับมาแล้วเหรอยะ” คำแซวนี้ทำเอาฉันมองบนใส่ยัยเพื่อนตัวแสบ ที่รู้ใจฉันไปเสียทุกอย่าง...ชิส์“อื้อ…งั้นไปแหลกบุฟเฟ่ต์นะ อยากกินอ่ะ” “ไปสิ” อัปสรตามใจฉัน เราจึงไปกินบุฟเฟ่ต์ซีฟู้ดด้วยกันเสียเลย พอได้กิน พอได้มานั่งคิด มีเพื่อนให้แนวทาง ฉันก็คลายความกังวลไปได้มาก อะไรมันจะเกิดก็คงต้องปล่อยให้เกิด ฉันจะทำทุกวันให้มันดีที่สุด จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจทีหลัง พอกินข้าวอิ่ม ฉันกับอัปสรก็แวะไปที่บริษัทของพี่นิกกับพี่ตรัย ฉันว่างงานก็ว่าได้ ส่วนอัปสรนั้นกำลังเข้าไปช่วยงานที่บริษัท แต่พอไปถึงหน้าห้องทำงานของพี่นิก ภาพที่เห็นผ่านกระจกก็ทำเอาฉันควันออกหู อารมณ์หึงหวงเล่นงานจนหูอื้อตาลายเบาๆ ก่อนจะสะกิดถามคนข้างๆ “แก…นั่นใคร”“แฟนเก่าพี่นิก” คำตอบของอัปสรทำให้ฉันถึงบางอ้อ ฉันรู้ว่าก่อนหน้านี้พี่นิกเคยคบหากับผู้หญิงคนหนึ่ง คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียน แต่เมื่อสี่ปีก่อน เขาสองคนเลิกรากันไป พี่นิกเฮิร์ทหนักมากทีเดียว ฉันรู้เรื่องนี้เพราะอัปสรเคยเล่าให้ฟัง และเพราะคิดว่ามันคืออดีตที่จบไปแล้ว พอคบกับพี่นิกก็เลยไม่ได้เซ้าซี้ให้มันดูเยอะกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง แม้แต่ขอดูรูปฉันก็ยังไม่เคยทำ “อ้อ…คนนี้
“อุ๊ย! เพิ่งเห็นว่าพี่แก้วก็นั่งอยู่ตรงนี้ด้วย สวัสดีค่ะ”“สวัสดีค่ะน้องสร สบายดีไหมคะ”“สบายดีค่ะ ส่วนพี่แก้วก็คงสบายดี เพราะผิวหน้าเปล่งปลั่งเชียว” เอ่ยจบ ฉันก็เห็นสรส่งยิ้มให้พี่แก้วไป แต่ฉันมั่นใจว่านี่มันไม่ใช่ยิ้มปกติแน่ๆ เหมือนมีสายฟ้าดังเปรี๊ยะๆ อยู่รอบๆ บอกไม่ถูก“จ้ะ…ถ้ายังไงเย็นนี้พี่ขอไปกินข้าวด้วยคนได้ไหมคะ พอดีพี่เองก็หิว ตั้งแต่เที่ยงยังไม่ได้กินอะไรเลย”“คงไม่ได้หรอกค่ะ เพราะดินเนอร์เย็นนี้มีไว้สำหรับคู่รักเท่านั้น”“คู่รัก ใครกันจ๊ะ” สีหน้าของพี่แก้วดูงงๆ และยังสับสนให้เห็น ยัยสรก็ยังไม่หยุด ยังคงเล่นสนุกต่อ“เอ้า! ก็พี่นิกกับดาไงคะ”“นิกกับดา ดาเพื่อนน้องสรน่ะเหรอคะ” สีหน้าของพี่แก้วงงเข้าไปอีก ส่วนสรก็ยืนยิ้มชอบใจอยู่ข้างๆ ส่วนฉันได้แต่มองตาปริบๆ“ตายแล้ว! นี่พี่นิกยังไม่ได้บอกพี่แก้วเหรอว่าตอนนี้คบกับดาอยู่ ตายๆ แบบนี้ก็ให้ความหวังถ่านไฟเก่าแย่สิ”“สร” เสียงเ
“เชื่อใจพี่ได้ ว่าพี่ไม่ได้คิดอะไรกับแก้วอีกแล้ว เพราะหัวใจของพี่มีน้องดาอยู่เต็มไปหมด ไม่มีพื้นที่เหลือให้ใครได้อีกหรอก”“ชิส์…ถ้าผิดคำพูดนะ จะสับให้เละ” ฉันขู่ฟ่อๆ ยังกับงูเห่า ส่วนพี่นิกกลับหัวเราะชอบใจ“สับอะไร...หืม”“อะไรก็ได้”“ขืนสับกล่องดวงใจของพี่ ระวังจะอดใช้งานนะ” คำพูดเขาทำเอาฉันหน้าแดงก่ำ ก่อนจะรัวกำปั้นใส่เขาไม่ยั้ง“บ้า! พูดอะไรทะลึ่ง”“เอ้า! ก็ใครพูดทะลึ่ง สับๆ อะไรก่อน” พี่นิกรั้งข้อมือฉันไว้ แต่ใบหน้าทะเล้นๆ ยียวนที่เขาแสดงออกตอนนี้ มันยิ่งทำให้ฉันเขินจนอยากเอาหัวโขกเขาให้มันรู้แล้วรู้รอด“สับนิ้ว สับแขน สับขาก็ได้นิ พี่นิกนั่นแหละเจาะจงเอง ดาไม่เกี่ยว”“เกี่ยวสิ ทำไมจะไม่เกี่ยว เพราะทุกอย่างบนตัวพี่ พี่ยกให้ดาคนเดียว” น้ำเสียงของพี่นิกทำเอาฉันยิ่งขนลุกจนไม่กล้าสบตาด้วยเลย เอาแต่ก้มหน้างุดแล้วพูดง้องๆ แง้งๆ เสียงแมว“บ้า! คนลามก”“หึหึ…ตะกี้ส
“โอ๊ย! จะมาแดงอะไรตอนนี้เนี่ย แกยังเห็นรถพี่แก้วไหม”“เห็น” ฉันตอบอย่างมั่นใจ เพราะมองตามไปตลอด“ไปทางไหนแล้ว ตรงหรือเลี้ยว”“เลี้ยวเข้าม่านรูดตรงนั้น” ขณะพูดฉันก็ชี้นิ้วให้อัปสรดูด้วย คนข้างๆ พอเห็นป้ายก็ถึงกับอุทานออกมา“ม่านรูดเหรอ...อึ๋ย! อีนังพี่แก้วหน้าม้า เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อย ไฟจราจรช่วยเขียวเร็วๆ หน่อยได้ไหมเนี่ย”“เขียวแล้วแก” ผ่านไปสามนาทีไฟแดงถึงจะกลายเป็นไฟเขียว แต่สามนาทีสำหรับฉันตอนนี้มันกลับยาวนานเหมือนสามชั่วโมงไม่มีผิดอัปสรเลี้ยวรถเข้าไปยังม่านรูดที่ฉันบอก แต่ต้องหยุดเพราะไม่รู้ว่ารถของพี่แก้วเลี้ยวเข้าไปที่ห้องไหน เพราะทุกห้องมันปิดม่านหมดแล้ว กระทั่งพนักงานต้อนรับวิ่งเข้ามาหา“ห้องเราเต็มแล้วครับลูกค้า อุ๊ย! ฉิ่งฉับทัวร์” คำอุทานของพนักงานต้อนรับทำเอาอัปสรเดือดปุดๆ ส่วนฉันชะเง้อมองเข้าไปข้างใน เพราะห่วงพี่นิก“จะฉิ่งฉับทัวร์อะไรเล่า ฉันมาหาคน เอานี่...ช่วยหน่อย” อัปสรยัดเงินให้พนักงานต้อนรับไป
“มีแน่” เสียงอัปสรเอ่ยลอดไรฟัน ก่อนจะสวนหมัดใส่ใบหน้าพี่แก้วไปเต็มๆ จนร่างของพี่แก้วเซถลาราวกับนกปีกหัก“โอ๊ย! ดั้งฉัน ยัยน้องสร จะมากไปแล้วนะ” พี่แก้วตวาดใส่อัปสร ตาเขียวปัดอย่างโกรธเกรี้ยว พร้อมๆ กับยกมือขึ้นมากุมกึ่งดั้งกึ่งจมูกไปด้วย“ดา แกรีบเข้าไปดูพี่นิก ทางนี้ฉันจัดการเอง” ฉันพยักหน้าให้ ก่อนจะรีบเดินผ่านพี่แก้วเพื่อจะเข้าไปข้างใน แต่พี่แก้วก็เข้ามาขวางฉันไว้เหมือนกัน“อย่านะ อย่ายุ่งกับนิกของฉัน” พี่แก้วยื้อแย่งตัวฉันไว้ โดยมีอัปสรยื้อพี่แก้วอีกคน กระทั่งฉันเป็นอิสระก็ปรี่เข้าไปหาพี่นิกที่ตอนนี้นอนกึ่งเปลือยอยู่บนเตียง กางเกงยังอยู่ครบแต่เสื้อคงถูกพี่แก้วถอดออกไป“นิกของฉันเหรอ นี่เอาหัวแม่ตีนคิดหรือไงถึงพูดออกมาแบบนี้ อย่าลืมสิว่าพี่แก้วเป็นคนทิ้งพี่นิกไปเอง ตอนนี้จะมาพูดนิกของฉันไม่อายปากบ้างหรือไง แล้วเรื่องทุเรศๆ ที่ทำอยู่นี่ ถ้าพี่นิกรู้คงได้เป็นเรื่อง” เสียงของอัปสรดังลั่น เพราะกำลังด่าพี่แก้วอยู่พร้อมๆ กับลากให้ออกไปจากห้องในสภาพที่
“พี่ตรัย พี่นิกเป็นอะไรคะเนี่ย”“สงสัยไอ้นิกมันจะไม่ไหวแล้ว”“ไม่ไหวอะไรคะ” สีหน้าฉันพลอยสับสนและงงไปด้วย นั่นเพราะไม่รู้ความหมายที่พี่ตรัยเอ่ยมาสักเท่าไหร่“ไอ้ตรัย” เสียงของพี่นิกดังขึ้น คล้ายจะห้ามไม่ให้พี่ตรัยพูด“ข้าต้องบอก ไม่งั้นเอ็งก็ต้องทรมานอยู่แบบนี้” พี่ตรัยชำเลืองมามองพี่นิกบ้าง“สองคนมีอะไรกัน สรุปพี่นิกเป็นอะไรคะพี่ตรัย” ฉันถามย้ำไปอีกครั้ง“พี่เดาว่าแก้วคงวางยาปลุกเซ็กซ์นิกมันแน่ๆ”“ห๊า!…ละ…แล้วเราจะทำยังไงกันดี” ประโยคที่ได้ยิน ทำเอาฉันถึงกับพูดตะกุกตะกักกันเลยทีเดียว ไม่คิดจริงๆ ว่าพี่แก้วจะใช้วิธีสกปรกๆ แบบนี้ฉันหันมามองพี่นิก ที่ตอนนี้เปลี่ยนมานั่งขดตัวติดกับประตูรถอีกฝั่ง โดยพยายามนั่งให้ห่างฉันเข้าไว้“ทำอะไรไม่ได้ครับ นอกเสียจาก…”“อย่าพูดนะไอ้ตรัย อย่า!” เสียงของพี่นิกดังขึ้นห้าม ก่อนจะมีสีหน้าและท่าทางทรมานแปลกๆ ซึ่งฉันก็ไม่เข้าใจ ได้
“ดาทนได้” ท่องไว้ว่าเจ็บเหมือนมดกัน ยัยสรเคยบอกไว้แบบนั้น ถ้าเจ็บมากกว่านี้ ฉันค่อยไปคิดบัญชีกับเพื่อนตัวแสบทีหลัง“ความเจ็บที่ไม่นานมันจะเปลี่ยนเป็นความเสียวซ่านอย่างที่น้องดาเองก็คาดไม่ถึง” แค่คำพูด แววตาที่พี่นิกส่งมา มันก็ทำเอาฉันหวิวๆ บอกไม่ถูก“เสียวซ่านยังไง”“แบบนี้” พูดจบพี่นิกก็โน้มใบหน้าลงมาจูบฉัน คราวนี้เขาเป็นฝ่ายรุก ไม่ได้นิ่งเป็นหุ่นยนต์เหมือนเมื่อครู่ ริมฝีปากของพี่นิกกำลังหลอมละลายตัวฉันเสียแล้วสิ ไหนจะมือร้อนๆ ที่เขากำลังลูบไล้อยู่บนเนื้อตัวของฉันนั่นอีกความรู้สึกตอนนี้หรือเปล่าที่เรียกว่าเสียวซ่านฉันไม่รู้ว่าเวลามันผ่านไปนานเท่าไหร่ที่เราจูบกัน แต่ฉันรู้เพียงแค่ว่าใจของฉันมันเต้นไม่เป็นจังหวะเอาเสียเลย เพราะทุกสัมผัสที่พี่นิกมอบให้มันกระตุ้นให้ฉันตื่นตัวอยู่ตลอด ฉันรู้ว่าพี่นิกพยายามข่มใจ เขาสัมผัสฉันอย่างอ่อนโยนทั้งๆ ที่ยาปลุกเซ็กซ์มันกำลังออกฤทธิ์“น้องดาของพี่หวานจัง” หลังจากจูบฉันมาเนิ่นนานจนฉันรู้สึกระบมที่ริมฝีปาก พี่นิกก็ถอนจูบออก จากนั้นเขาก็ฝังใบห
“อืมม์…น้องดาขา” เสียงกระเส่าของพี่นิกดังขึ้น ก่อนที่พี่เขาจะจับฉันหันหลังพิงกับผนังห้องน้ำ แล้วซุกไซ้ใบหน้าลงมาแถวๆ ใบหน้าข้างซ้ายของฉัน พร้อมกับขบเม้มติ่งหูเล่นเบาๆ นั่นทำเอาฉันขนลุกแล้วขนลุกอีกพี่นิกบดเบียดความเป็นชายกับสะโพกผายของฉันอย่างต่อเนื่อง ขณะที่มือก็ยังคงบีบคลึงหน้าอกไปด้วย ปากก็ยังคงประทับตราความเป็นเจ้าของไว้บนตัวฉันด้วยรอยจูบแต่อยู่ๆ พี่นิกก็หยุดทุกอย่าง พี่เขาเอื้อมมือไปปิดน้ำแล้วหยิบผ้าขนหนูมาซับน้ำให้ฉัน ตามด้วยของตัวเขาเองบ้าง แล้วจึงอุ้มฉันไปยังเตียงนอน ทันทีที่วางฉันลง เขาก็ตามลงมาทาบทับและเริ่มปลุกเร้าอารมณ์ของฉันอีกครั้ง บางครั้งก็อ่อนโยน บางครั้งก็เร่าร้อนจนฉันแทบหยุดหายใจ“พี่อยากทำให้น้องดาพร้อมกว่านี้ แต่พี่ไม่ไหวแล้ว” ฉันพยักหน้ารับรู้ เพราะรู้ว่าพี่นิกต้องข่มความรู้สึกไว้มากมายขนาดไหนเพื่อเล้าโลมไม่ให้ฉันตื่นกลัว“ดาเข้าใจค่ะ” คำตอบรับของฉันทำให้พี่นิกยิ้ม ก่อนที่เขาจะจูบต่ำลงไปเรื่อยๆ กระทั่งถึงขอบแพนตี้แล้วจัดการถอดมันออก ตามด้วยอันเดอร์แวร์ที
เมื่อไม่มีกางเกง มือของเปรมก็ยิ่งสำรวจร่างกายฉันได้ง่ายขึ้น เขาสอดปลายนิ้วผ่านขอบแพนตี้แล้วสัมผัสกลีบดอกไม้ รวมทั้งส่งนิ้วเข้าไปสำรวจยังใจกลางลำตัวของฉัน ที่มันร้อนผ่าวๆ แม้ตอนนี้ฉันจะอยู่ในน้ำก็ตาม“ข้างในตัวที่รักมันทั้งอุ่น แถมยังนุ่มไม่เปลี่ยน” เขากระซิบชม ซึ่งเป็นคำชมที่ทำให้ฉันยิ่งเร่าร้อน ก่อนจะครางออกมาเมื่อเปรมเร่งนิ้วให้ถี่กระชั้นฉันขบเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น ก่อนที่เปรมจะโน้มใบหน้าลงมาจูบฉัน ขณะที่ยังคงสอดนิ้วเข้าออกอยู่ในตัวฉันอย่างต่อเนื่อง กระทั่งฉันลอยขึ้นจากน้ำ เพราะถูกเปรมอุ้มให้ขึ้นมานั่งอยู่ริมสระในสภาพกึ่งเปลือยขาทั้งสองข้างของฉันถูกแยกห่างออกจากกัน โดยมีเปรมแทรกตัวอยู่ตรงกลาง เขาไม่รอให้ฉันตั้งตัว ก็โน้มใบหน้าลงไปสัมผัสจุดกึ่งกลางของฉันด้วยความรวดเร็ว แม้จะมีแพนตี้กั้นอยู่ แต่เนื้อผ้ามันก็บางจึงขวางสัมผัสจากปลายลิ้นของเปรมแทบไม่ได้เลยด้วยซ้ำ“อืมม์…ที่รักขา” ฉันครางออกมาเสียงกระเส่า พร้อมๆ กับขยำขยี้เส้นผมที่เปียกน้ำของเปรมเพื่อปลดปล่อยความรู้สึกที่เกิดขึ้นตอ
“หูย…อิจฉาริษยาคนมีปั๋วขยันส่งการบ้าน”“บางทีฉันก็ปล้ำเปรมก่อน...โฮะๆ” ฉันยิ้มกรุ้มกริ่ม ส่วนคนฟังก็แอบแลบลิ้นใส่ฉัน อ้อ…ลืมบอกไปว่าปรางทิพย์ก็แต่งงานแล้ว มีลูกชายน่ารักๆ หนึ่งคน ตอนนี้เรียนอยู่อนุบาลสอง“ยัยหื่น เอ้!...หรือว่าที่แกยังไม่ป่อง เพราะแกมันหื่นเกินไป”“หื่นเกินไป ทฤษฎีไหนของแกอีกเนี่ยยัยปราง”“ทฤษฎีด็อกเตอร์ปรางทิพย์นี่แหละจ้ะ ฉันว่าแกลองห่างกิจกรรมเข้าจังหวะกันไปสักเดือนนึงแล้วค่อยซั่ม คราวนี้เปอร์เซ็นต์ที่จะติดน่าจะมากขึ้นนะ” ยัยเพื่อนตัวแสบยกตัวเองเป็นด็อกเตอร์ไปซะแล้ว แต่ทฤษฎีนี้ของปรางทิพย์ฉันไม่เคยได้ยิน แต่มันก็ไม่เสียหายที่จะลอง แต่หนึ่งเดือนมันนานไปไหม ฉันจะอดใจได้หรือเปล่า...งื้อ“โหว…ตั้งเดือนนึง” เสียงโอดครวญของฉันดังขึ้น“เออ…เดือนเดียวเอง ท่องไว้สิ ว่าอดเปรี้ยวไว้กินหวาน” ยัยปรางให้กำลังใจฉันแบบสุดๆ“ฉั
จากนั้นก็นั่งคุกเข่าแล้วดื่มกินเกสรน้ำหวานที่กำลังหยาดเยิ้มออกมาจากใจกลางกุหลาบดอกสวย ที่กลีบดอกมันยังคงอวบอูมน่าสัมผัสไม่แพ้ครั้งแรกที่ผมได้เห็น ปลายลิ้นของผมที่ตวัดไปมาทำให้น้องดาสะท้าน ร่างกายสั่นไหวพร้อมๆ กับเสียงครางที่ยังคงดังให้ได้ยินอย่างต่อเนื่อง“พะ….พี่นิก อะ…อ่ะ” เธอเอ่ยกระท่อนกระแท่นในยามที่ผมเปลี่ยนมาใช้นิ้วแทนที่จะเป็นลิ้น ผมส่งนิ้วเข้าไปสำรวจความพร้อม ขยับเข้าออกถี่รัว พร้อมๆ กับโน้มใบหน้าลงมาดูดดุนหน้าอกของเธอด้วยการอ้าปากร้อนๆ รับเม็ดยอดสีชมพูสวยที่กำลังแข็งเป็นไตเข้าไปหยอกเย้าในปาก ในขณะที่มือก็ยังคงเคลื่อนไหวเข้าออกไม่ได้หยุด“พี่นิกขา ดาไม่ไหวแล้ว อ่ะ…” ผมรู้ว่าน้องดาใกล้ถึงจุดหมายปลายทางเต็มที นั่นเพราะภายในร่างกายของเธอมันตอดรัดถี่รัว ผมจึงเร่งจังหวะส่งเธอไปก่อน เพราะอีกไม่นานผมจะตามไปสมทบน้องดาอ่อนระทวยสลับไหวสะท้านขึ้นลงบ่งบอกว่าได้ปลดปล่อยออกมาแล้ว ผมยิ้มให้เธอก่อนที่จะรั้งเธอมาจูบหนักๆ ซึ่งน้องดาเองก็จูบตอบผมกลับมาเช่นเดียวกันจังหวะนั
“มีค่ะ” เธอเอ่ยรับ ก่อนจะหยิบผ้าคลุมไหล่ออกมาพันไว้รอบเอวคอด ผมจึงหายใจหายคอโล่งขึ้นมาได้หน่อย เพราะไม่อยากให้ใครแทะโลมคู่หมั้นผมจากนั้นเราก็เดินจูงมือกันไปที่ชายหาด ก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นเล่นสกีก่อน แล้วค่อยลงเล่นน้ำกันทีหลัง พอเหนื่อยกับกิจกรรมทางทะเล เราก็ขึ้นมาอาบน้ำ แต่งชุดสวยๆ แล้วออกไปดินเนอร์กันที่ชายหาดในค่ำคืนที่มีดาวประดับประดาอยู่เต็มท้องฟ้า“พี่นิก ยิ้มอะไรคะ”“ยิ้มเพราะพี่มีความสุข พี่อยากเก็บภาพตอนนี้ไว้ให้มันอยู่ในความทรงจำเพื่อหล่อเลี้ยงหัวใจของพี่ พี่จะรอจนกว่าเราจะได้กลับมาพบกัน”“สองปีเอง ไม่นานสักนิด” น้องดาพยายามปลอบผม ทั้งๆ ที่ผมรู้ว่าเธอเองก็กลัวเรื่องเวลาที่เราต้องห่างกัน แต่ผมจะทำลายความกลัวนั้นให้พังราบคาบเอง“ใช่…สองปี ไม่เห็นจะนานเลย”“ดารักพี่นิกนะคะ”“พี่ก็รักน้องดาจ้ะ ไปเต้นรำกับพี่ไหม” ผมเอ่ยชวน เพราะไม่อยากทำให้บรรยากาศมันดูเศร้า&
“ว่าแต่ข้า เอ็งบอกยัยสรยังว่าเย็นนี้ชวนข้าไปกินเหล้า”“บอกแล้วสิ ถ้าไม่บอกข้าจะมาชวนเอ็งแบบนี้เหรอ”“บอกตอนไหนคะ พี่ตรัย” ผมนี่เห็นกับตาว่าไอ้ตรัยมันมีอาการสะดุ้ง ก่อนจะหันไปมองน้องสาวผม พร้อมกับถามเสียงอ่อยๆ ผมอยากหัวเราะท่าทางมันนัก แต่ต้องเก็บอาการเอาไว้“สร มาตั้งแต่เมื่อไหร่จ๊ะ”“ก็นานพอจะได้ยินทั้งหมดนั่นแหละค่ะ ว่าไงคะ สรจำไม่ได้นะ ว่าพี่ตรัยบอกสรตอนไหนว่าเย็นนี้จะไปปาร์ตี้กับพี่นิก...หืม” เอาแล้วไง น้องสาวผมเริ่มซักแล้ว โชคดีนะเพื่อนตรัย“บอกตอนนี้จ้า สรจ๋า...คืนนี้พี่ขอไปปาร์ตี้กับไอ้นิกหน่อยได้ไหมจ๊ะ”“นั่นไง ทีตะกี้ทำเป็นซ่าส์ เอ็งมันก็พ่อบ้านใจกล้าดีๆ นี่เองแหละไอ้ตรัย” ผมเอ่ยขึ้น มันถึงกับหันขวับมามองผมเลยทีเดียว“อืมม์…จะให้ไปดีไหมนะ”“อดแล้วเอ็ง” ประโยคนี้ก็ยังเป็นของผม ส่วนไอ้ตรัยตอนนี้หน้ามันจ๋อยๆ บอกไม่ถูก
“งั้นก็อย่าห้ามพี่เลยนะ พี่ขอ เพราะอีกไม่กี่วันเราก็ต้องอยู่ห่างกันครึ่งค่อนโลกแล้ว” ผมได้ทีกระชับอ้อมกอด“ชิส์…ทำมาเป็นอ้อน ดูไม่เข้ากับพี่นิกเท่าไหร่เลย”“ก็เมื่อก่อนพี่ไม่เคยมีคนให้อ้อนแบบนี้นี่นา พี่ต้องเป็นพี่ใหญ่ ต้องเข้มแข็ง ขืนมามุ้งๆ มิ้งๆ ยัยสรได้ล้อตาย”“เชอะ”“พี่อ้อนน้องดาก็เพราะพี่รักนะ หรือน้องดาไม่รักพี่” ผมถามกลับบ้าง เพราะอยากได้ยินเธอบอกรักกลับมา ซึ่งมันก็ได้ผล“รักค่ะ ไม่รักพี่นิกแล้วจะให้ดาไปรักใคร รู้อยู่ว่าดาแอบรักคนแถวนี้มาตั้งหลายปี...ชิส์” เอ่ยจบเธอก็ย่นจมูกให้ผม ผมจึงโน้มใบหน้าลงไปหอมแก้มเธอหนักๆ ก่อนจะลามมาเป็นการจูบ ที่มันกินเวลาไปหลายนาที กว่าที่ผมจะยอมปล่อยน้องดาให้เป็นอิสระ“เรื่องหมั้น เดี๋ยวพี่ให้ผู้ใหญ่ไปคุยกันนะ พ่อแม่เราจะได้เจอกันด้วย”“ค่ะ” น้องดาตอบรับอู้อี้อยู่ใต้แผงอกของผม ตอนนี้เธอหายใจหอบเหนื่อย คงเพราะเราเพิ่งจู
“ขอบคุณนะคะ”“ครับ งั้นเรามากินข้าวกัน”“ค่ะ” เธอพยักหน้ารับ จากนั้นเราก็นั่งกินข้าวด้วยกัน แม้จะเป็นกับข้าวธรรมดาๆ แต่มันกลับอร่อยสำหรับผมมากทีเดียวพอกินอิ่มน้องดาก็อาสาล้างจาน ผมยืนกอดอกมองเธอที่เวลาอยู่ในครัวจะดูคล่องแคล่วไม่เปลี่ยน อ้อ…ผมบอกไปหรือยังว่าน้องดาทำกับข้าวอร่อยมาก อร่อยชนิดที่ว่ายัยสรน้องสาวผมชิดซ้ายเมื่อเคลียร์ครัวเสร็จ เราก็มานั่งคุยกันที่ห้องรับแขก ก่อนที่ผมจะเอนตัวนอนไปกับเก้าอี้ตัวยาว โดยคว้าน้องดาให้ลงมานอนอยู่ในอ้อมกอดด้วย“น้องดาคะ”“ค่ะ”“ถ้าเราจะหมั้นกันก่อนที่น้องดาจะบินไปเรียนต่อต่างประเทศ น้องดาคิดว่ายังไงครับ” นี่คือความจริงใจที่ผมอยากแสดงให้เธอได้เห็นว่าผมจริงจังกับเธอมากขนาดไหน“ถ้าพี่นิกจะหมั้นดาเพราะเรื่องเมื่อคืน มันไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ก็ได้นะคะ”“เปล่า…พี่มันก็แค่คนเห็นแก่ตัว
ถ้าเลือกได้ ผมยังไม่อยากให้เรื่องเมื่อคืนมันเกิดขึ้น แต่สุดท้ายมันก็เกิดเพราะความสะเพร่าของตัวผมเอง ผมไว้ใจแก้วมากเกินไป สุดท้ายน้องดาก็ต้องยื่นมือเข้ามาช่วยผมนอนมองคนในอ้อมกอดที่ยังคงหลับสนิท เมื่อคืนผมรังแกเธอไปหลายครั้ง รู้ว่าเธอเจ็บเพราะยังใหม่กับเรื่องนี้ แต่ผมก็ไม่อาจต่อต้านความต้องการของตัวเองได้ แรกๆ มันคือฤทธิ์ยา แต่ครั้งหลังๆ มันคือจิตใต้สำนึกของผมล้วนๆแก้มนุ่มๆ ริมฝีปากอิ่มและทุกจุดบนร่างกายเธอต้องช้ำเพราะฝีมือผม ทั้งๆ ที่ตั้งใจจะทำเรื่องนี้ในคืนส่งตัว ผมโน้มใบหน้าลงไปหอมแก้มน้องดาหนักๆ แล้วกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นไปอีกหน่อย“พี่รักน้องดา” คำว่ารักที่ผมเอ่ยให้เธอได้ยินมาทั้งคืนยังดังขึ้นอีกครั้ง และผมอยากพูดประโยคนี้ไปตลอด“ดาก็รักพี่นิก” เธอเอ่ยว่ารักผมเช่นกัน ยิ่งทำให้หัวใจของผมพองโตจนมันแน่นอกไปหมด ผมหอมแก้มเธอหนักๆ ก่อนจะชวนกันไปอาบน้ำ เพราะตอนนี้ผมชักจะเริ่มหิวแล้วนั่นเพราะน้องดาเคยมานอนค้างกับน้องสาวผมบ่อยๆ เธอจึงมีเสื้อผ้าอยู่ที่นี่บ้าง ไม่งั้นเธอคงได้ใส่เสื้อของผมที่ขนาดของมันโอเวอร์ไซส์สำหรับเธอมาก
“อืมม์…น้องดาขา” เสียงกระเส่าของพี่นิกดังขึ้น ก่อนที่พี่เขาจะจับฉันหันหลังพิงกับผนังห้องน้ำ แล้วซุกไซ้ใบหน้าลงมาแถวๆ ใบหน้าข้างซ้ายของฉัน พร้อมกับขบเม้มติ่งหูเล่นเบาๆ นั่นทำเอาฉันขนลุกแล้วขนลุกอีกพี่นิกบดเบียดความเป็นชายกับสะโพกผายของฉันอย่างต่อเนื่อง ขณะที่มือก็ยังคงบีบคลึงหน้าอกไปด้วย ปากก็ยังคงประทับตราความเป็นเจ้าของไว้บนตัวฉันด้วยรอยจูบแต่อยู่ๆ พี่นิกก็หยุดทุกอย่าง พี่เขาเอื้อมมือไปปิดน้ำแล้วหยิบผ้าขนหนูมาซับน้ำให้ฉัน ตามด้วยของตัวเขาเองบ้าง แล้วจึงอุ้มฉันไปยังเตียงนอน ทันทีที่วางฉันลง เขาก็ตามลงมาทาบทับและเริ่มปลุกเร้าอารมณ์ของฉันอีกครั้ง บางครั้งก็อ่อนโยน บางครั้งก็เร่าร้อนจนฉันแทบหยุดหายใจ“พี่อยากทำให้น้องดาพร้อมกว่านี้ แต่พี่ไม่ไหวแล้ว” ฉันพยักหน้ารับรู้ เพราะรู้ว่าพี่นิกต้องข่มความรู้สึกไว้มากมายขนาดไหนเพื่อเล้าโลมไม่ให้ฉันตื่นกลัว“ดาเข้าใจค่ะ” คำตอบรับของฉันทำให้พี่นิกยิ้ม ก่อนที่เขาจะจูบต่ำลงไปเรื่อยๆ กระทั่งถึงขอบแพนตี้แล้วจัดการถอดมันออก ตามด้วยอันเดอร์แวร์ที