“สายแหลกกลับมาแล้วเหรอยะ” คำแซวนี้ทำเอาฉันมองบนใส่ยัยเพื่อนตัวแสบ ที่รู้ใจฉันไปเสียทุกอย่าง...ชิส์
“อื้อ…งั้นไปแหลกบุฟเฟ่ต์นะ อยากกินอ่ะ” “ไปสิ” อัปสรตามใจฉัน เราจึงไปกินบุฟเฟ่ต์ซีฟู้ดด้วยกันเสียเลย พอได้กิน พอได้มานั่งคิด มีเพื่อนให้แนวทาง ฉันก็คลายความกังวลไปได้มาก อะไรมันจะเกิดก็คงต้องปล่อยให้เกิด ฉันจะทำทุกวันให้มันดีที่สุด จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจทีหลัง พอกินข้าวอิ่ม ฉันกับอัปสรก็แวะไปที่บริษัทของพี่นิกกับพี่ตรัย ฉันว่างงานก็ว่าได้ ส่วนอัปสรนั้นกำลังเข้าไปช่วยงานที่บริษัท แต่พอไปถึงหน้าห้องทำงานของพี่นิก ภาพที่เห็นผ่านกระจกก็ทำเอาฉันควันออกหู อารมณ์หึงหวงเล่นงานจนหูอื้อตาลายเบาๆ ก่อนจะสะกิดถามคนข้างๆ “แก…นั่นใคร” “แฟนเก่าพี่นิก” คำตอบของอัปสรทำให้ฉันถึงบางอ้อ ฉันรู้ว่าก่อนหน้านี้พี่นิกเคยคบหากับผู้หญิงคนหนึ่ง คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียน แต่เมื่อสี่ปีก่อน เขาสองคนเลิกรากันไป พี่นิกเฮิร์ทหนักมากทีเดียว ฉันรู้เรื่องนี้เพราะอัปสรเคยเล่าให้ฟัง และเพราะคิดว่ามันคืออดีตที่จบไปแล้ว พอคบกับพี่นิกก็เลยไม่ได้เซ้าซี้ให้มันดูเยอะกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง แม้แต่ขอดูรูปฉันก็ยังไม่เคยทำ “อ้อ…คนนี้นะเหรอ” “อื้อ…คนนี้นี่แหละ ที่ทิ้งพี่ชายฉันไป ชื่อพี่แก้ว” “แล้วนางมาทำอะไรที่นี่” ขณะพูดฉันก็มองไปยังอดีตแฟนของพี่นิก ยิ่งเห็นเธอคลอเคลียใกล้ๆ เขาด้วยแล้วก็ตงิดๆ “ถ้าตอบแบบนางเอก นางก็คงผ่านมาแถวๆ นี้เลยแวะมาทักทายตามประสาเพื่อนเก่า เพื่อนแก่มั้ง” “แต่เซ้นส์ฉันมันบอกว่านางไม่ใช่แค่ผ่านมาแถวๆ นี้แน่ๆ” “คิดเหมือนกัน เพราะถ้าตอบแบบนางร้าย นางก็มาอ่อยดีๆ นี่เอง ดูจากชุดสุดโป๊กับท่าทางยั่วๆ นั่นก็พอจะดูออก นี่ลากได้นางคงลากพี่นิกไปปล้ำแล้วมั้งน่ะ” “หึ...” ฉันทำเสียงหึในลำคอ มองไปยังทั้งคู่ไม่วางตา ฉันไม่ใช่คนขี้หึง แต่ถ้าได้หึงขึ้นมาก็หึงโหดเป็นเหมือนกัน “แกอย่าหึสิ ลุยเลยไหม” “ไม่ต้องหรอก ฉันจะเชื่อว่านางแค่ผ่านมา” “นั่น...วิญญาณแม่พระเข้าสิงแล้วไหมล่ะแก” คำพูดของอัปสรทำเอาฉันขำ ใครมันจะเป็นแม่พระเมื่อเห็นแฟนเก่าถ่อมาหาแฟนตัวเองแบบนี้ได้กัน แค่ยังไม่ถึงเวลาวีนก็เท่านั้น “จริงๆ เพราะผู้ชายคงไม่ชอบผู้หญิงขี้หึงแบบไร้เหตุผลหรอก รอดูว่านางจะทำอะไร ถ้ามากไปกว่านี้ ฉันจะแหวกอกนางเอง” แม้พี่แก้วจะอายุมากกว่าฉันหลายปี แต่ฉันก็ไม่ค่อยอยากเรียกว่าพี่สักเท่าไหร่ เวลาคุยกันกับอัปสรแทนว่านางก็คงไม่แปลก “สายโหดอย่างแท้จริง นี่ชักจะสงสารพี่นิกแล้วสิ” “สงสารทำไมยะ ไม่ได้ทำอะไรผิด ใครจะไปทำอะไรได้” คำท้ายๆ ฉันทิ้งหางเสียง บ่งบอกถึงความไม่ปกติเล็กน้อย ส่วนอัปสรก็ยิ้มแห้งๆ ให้ “จ้ะ…ว่าที่พี่สะใภ้” “ชิส์…แกนี่” “เราเข้าไปหาพี่นิกกัน ยัยพี่แก้วนั่นจะได้รู้ว่าตอนนี้พี่ชายฉันไม่ได้โสดอีกต่อไป” เอ่ยจบสรก็ลากฉันเข้าไปในห้องทำงานของพี่นิกทันที “เดี๋ยวๆ สร อย่าเพิ่ง” “พี่นิก เลิกงานยังคะเนี่ย” ทันทีที่เปิดประตูเข้าไป สรก็เอ่ยทักทายพี่ชายตัวเองก่อน ส่วนฉันก็ยืนอยู่ ข้างๆ นั่นแหละ แอบชำเลืองมองหน้าอดีตคนรักของพี่นิกบ้าง อืมม์…ก็สวยดี ก่อนที่จะมองไปยังพี่นิก ที่หันมาส่งยิ้มให้ฉัน ซึ่งแขกของพี่นิกก็เห็นว่าเรายิ้มให้กัน “ใกล้แล้วจ้ะ” เจ้าของห้องเอ่ยตอบ “ดีเลย สรกับดาหิ๊ว...หิว เลิกงานแล้วเราไปหาอะไรกินกันนะคะ” “แต่ฉันอิ่มยันคอหอยแล้วนะแก ขืนกินอีกนี่มีอ้วกแน่ๆ” ฉันดึงแขนยัยสรไว้แล้วกระซิบกระซาบบอกข้างๆ หู “เออน่ะ...แก เงียบไว้” พอปรามฉันเสร็จ สรก็หันไปทักทายอดีตแฟนเก่าพี่ชาย ที่สรทำเป็นมองไม่เห็นตั้งแต่เข้ามาในห้องเมื่อเดือนก่อน ผมโม้ไปกับลูกพี่ลูกน้องอย่างเปรมว่าตอนนี้ผมนั้นไม่โสดแล้ว รอวันว่างๆ ผมจะพาเธอคนนั้นไปให้มันเจอ แต่คิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ เพราะผมยังโสดสนิทนี่สิ โสดจนใครหลายๆ คนคิดว่าผมเป็นเกย์ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือเปรม ที่ตอนนี้มันมีคู่และแต่งงานไปก่อนผมเสียอีก ไหนจะใกล้มีลูกคนแรกแล้วด้วย อันที่จริงตัวผมโสดแต่ใจผมไม่ได้โสดเหมือนตัวหรอกครับ ผมเองก็มีคนที่ชอบซึ่งเรียกว่าแอบชอบก็คงไม่ผิด และเธอคนนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น เพื่อนสนิทของน้องสาวผมเอง อ้อ…ลืมบอกไปว่าเธอชื่อกรดาหรือน้องดาครับ เพราะแอบชอบเพื่อนน้องสาว ทำให้ผมหักห้ามใจ ไม่พรากผู้เยาว์ เดี๋ยวคุกจะถามหา เมื่อรู้ว่าชอบ ผมก็เริ่มกันท่า ไม่ให้น้องสาวและน้องดามีแฟน บอกว่าต้องเรียนให้จบก่อน แต่ไอ้น้องตัวแสบของผมมันกลับแหกกฎ เพราะเกิดปิ๊งและมาคบกับเพื่อนสนิทผมเองซะงั้น ฟังแล้วงงไหมครับ...ฮ่าๆ งั้นผมขอเท้าความ เพื่อไม่ให้งงกันก่อน ผมชื่อเนติธร มีน้องสาวชื่ออัปสร ซึ่งอัปสรเนี่ยมีเพื่อนสนิทชื่อกรดาหรือดา ส่วนผมก็มีเพื่อนสนิทชื่อตรัย อัปสรกับตรัยรักกัน ผมก็ไม่ได้ห้าม แม้แรกๆ ผมจะหวงน้องสาวจนเกือบถีบไอ้เพื่อนตัวดีไปหลายครั้งก็ตาม แต่ตอนที่ตรัยมาส
“นั่งคิดอะไรอยู่คะ” เสียงที่ได้ยิน ทำให้ผมหยุดคิดเรื่องเก่าๆ ที่ล้วนแต่เป็นความทรงจำดีๆ ไว้ก่อน ผมส่งยิ้มให้น้องดา ที่วันนี้ใจดีแวะมารอผมที่ทำงาน เหลือเวลาอีกชั่วโมงนิดๆ ผมก็เลิกงานแล้ว หลังจากนั้นเราก็จะออกไปหามื้อเย็นกินกันแต่พอเห็นเธอ ก็อดที่จะใจหายไม่ได้ เพราะอีกไม่กี่วันเราก็ต้องห่างกันครึ่งค่อนโลก ผมไม่อยากให้น้องดาไปเรียนต่อ แต่ก็รู้ว่านั่นคือความฝันของเธอ ซึ่งผมไม่มีสิทธิ์ไปคัดค้าน ได้แต่ยอมรับและรอวันที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน เฮ้อ... “คิดเรื่องอดีตน่ะครับ คิดว่าเรามีวันนี้กันได้ยังไง”“คิดเป็นคนแก่ไปได้” เธอแยกเขี้ยวขาวๆ ให้ผม“พี่ยอมรับว่าแก่ แต่แก่ยังไงก็ยังหล่อว่าไหม”“หลงตัวเอง ดาเพิ่งรู้ก็วันนี้ว่าพี่นิกหลงตัวเอง”“พี่ยังมีอะไรตั้งเยอะที่น้องดายังไม่รู้ อย่างเช่น บนตัวพี่มีไฝตรงไหนบ้าง” ผมจงใจพูดแหย่ให้เธอเขิน ซึ่งมันก็ได้ผล เพราะเธอหน้าแดงก่ำ คงจินตนาการอะไรอยู่เป็นแน่ ก่อนจะเฉไฉตอบกลับมา “บ้า! ใครจะอยากไปรู้เรื่องนั้นกัน”“พรุ่งนี้น้องดาว่างไหมครับ”“อืมม์…ว่างค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ” สีหน้าเธอดูสงสัย ผมจึงลุกจากเก้าอี้ทำงานมานั่งบนโซฟาตัวข้างๆ เธอ “พอดีพี่จะพาไปเจอใครห
ฉัน ‘กรดา’ ตอนนี้ฉันกำลังยกมือขึ้นมาวางบนอกข้างซ้ายของตัวเอง ที่ตอนนี้มันยังเต้นตึกๆ ตักๆ อย่างไม่เป็นจังหวะ เมื่อครู่ฉันกับพี่นิกเกือบจะจูบกันแล้วใช่ไหม ฉันไม่ได้คิดไปเองแน่ๆ เพราะใบหน้าเราอยู่ใกล้กันจนสัมผัสลมหายใจอุ่นๆ ของกันได้ เกิดมาจนตอนนี้ฉันยังไม่เคยใกล้ชิดกับใครเท่านี้มาก่อน โอ๊ย! ฉันจะเป็นลมไหมฉันแอบชำเลืองมองคนข้างๆ ที่ตอนนี้กำลังขับรถพาฉันไปซื้อของฝากให้เพื่อนที่ห้างสรรพสินค้า พี่นิกยังคงทำตัวเป็นปกติ ผิดกับฉันที่มันไม่ค่อยปกติ เพราะใจยังคงเต้นแรง แรงพอๆ กับวันที่พี่นิกบุกไปที่บ้านแล้วสารภาพความในใจออกมา พร้อมๆ กับขอคบกับฉันต่อหน้าพ่อกับแม่วันนั้นฉันเกือบเป็นลม เพราะไม่คิดไม่ฝันว่าผู้ชายที่ฉันแอบรักมาตลอดเขาเองก็แอบรักฉันอยู่เช่นกัน มันเหมือนนิยายโรแมนติกสักเรื่อง ที่จุดเริ่มต้นมันมีแต่ความสุข ทั้งๆ ที่ความจริงมันเพิ่งจะเริ่มต้น ความจริงที่ว่าฉันกำลังจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศและต้องอยู่ห่างกับ พี่นิกถึงสองปี เขาจะไปแอบชอบใครอื่นไหมนะ “นั่งคิดอะไรอยู่ครับ เงียบเชียว”“คิดไปเรื่อยเปื่อยน่ะค่ะ ไม่มีอะไร” เสียงที่ดังขึ้น ทำเอาฉันสะดุ้งเบาๆ “คิดเรื่องของเราอยู่ใช่ไหม...หืม”
“แฟนเอ็งน่ารักใช่หยอกนี่หว่านิก” คำชมของคนข้างๆ ทำให้ผมยิ้มภูมิใจ ก่อนจะทอดสายตามองไปยังน้องดาที่ตอนนี้นั่งคุยอยู่กับเหมือนฝันอย่างสนุก เพราะได้ยินเสียงหัวเราะแทบตลอดเวลา “เออ...ดิ ข้ามันตาถึง”“ไอ้ขี้โม้ แล้วนี่จะปล่อยให้ไปเรียนต่อนอกโดยไม่ทำอะไรเลยเหรอ” คำพูดของเปรม ทำเอาผมเริ่มเครียด ก่อนจะหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มเสียหน่อย แล้วเอ่ยขึ้น “แล้วจะให้ข้าทำอะไรได้ ทุกอย่างมันเตรียมการไว้หมดแล้ว”“ไม่ใช่เรื่องนั้น ข้าหมายถึงเอ็งไม่อยากตีตราจองน้องดาไว้เหรอ ฮื้อ…ว่าไง”“ไม่”“หูย…พ่อพระ” สีหน้าของเปรมมันดูไม่เชื่อว่าผมจะทำอย่างที่ปากพูดจริงๆ เข้าให้อีกคนแล้ว สงสัยมันจะก็อปความคิดตรัยมาแน่ๆ “ข้าไม่ใช่พ่อพระ แต่ข้าไม่อยากเห็นแก่ตัวว่ะ เพราะสองปีที่เราห่างกัน บางทีน้องดาอาจเจอผู้ชายดีๆ กว่าข้าก็ได้ ข้าไม่อยากทำลายอนาคตของคนที่ข้ารัก” นี่คือความคิดของผม อาจแตกต่างไปจากคนอื่นเสียหน่อย แต่ผมก็อยากทำแบบนี้จริงๆ “ฟังยังไง เอ็งมันก็พ่อพระอยู่ดี”“แล้วนี่เอ็งจะบอกข้าได้ยัง ว่าได้ลูกชายลูกสาว” ผมจงใจเปลี่ยนเรื่อง ถามถึงเพศลูกเปรมมันเสียเลย “ไม่บอกเฟ้ย ไปเซอร์ไพรส์วันคลอดเลย”“ไอ้นี่…ที่ถามเพราะข้
“สายแหลกกลับมาแล้วเหรอยะ” คำแซวนี้ทำเอาฉันมองบนใส่ยัยเพื่อนตัวแสบ ที่รู้ใจฉันไปเสียทุกอย่าง...ชิส์“อื้อ…งั้นไปแหลกบุฟเฟ่ต์นะ อยากกินอ่ะ” “ไปสิ” อัปสรตามใจฉัน เราจึงไปกินบุฟเฟ่ต์ซีฟู้ดด้วยกันเสียเลย พอได้กิน พอได้มานั่งคิด มีเพื่อนให้แนวทาง ฉันก็คลายความกังวลไปได้มาก อะไรมันจะเกิดก็คงต้องปล่อยให้เกิด ฉันจะทำทุกวันให้มันดีที่สุด จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจทีหลัง พอกินข้าวอิ่ม ฉันกับอัปสรก็แวะไปที่บริษัทของพี่นิกกับพี่ตรัย ฉันว่างงานก็ว่าได้ ส่วนอัปสรนั้นกำลังเข้าไปช่วยงานที่บริษัท แต่พอไปถึงหน้าห้องทำงานของพี่นิก ภาพที่เห็นผ่านกระจกก็ทำเอาฉันควันออกหู อารมณ์หึงหวงเล่นงานจนหูอื้อตาลายเบาๆ ก่อนจะสะกิดถามคนข้างๆ “แก…นั่นใคร”“แฟนเก่าพี่นิก” คำตอบของอัปสรทำให้ฉันถึงบางอ้อ ฉันรู้ว่าก่อนหน้านี้พี่นิกเคยคบหากับผู้หญิงคนหนึ่ง คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียน แต่เมื่อสี่ปีก่อน เขาสองคนเลิกรากันไป พี่นิกเฮิร์ทหนักมากทีเดียว ฉันรู้เรื่องนี้เพราะอัปสรเคยเล่าให้ฟัง และเพราะคิดว่ามันคืออดีตที่จบไปแล้ว พอคบกับพี่นิกก็เลยไม่ได้เซ้าซี้ให้มันดูเยอะกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง แม้แต่ขอดูรูปฉันก็ยังไม่เคยทำ “อ้อ…คนนี้
“แฟนเอ็งน่ารักใช่หยอกนี่หว่านิก” คำชมของคนข้างๆ ทำให้ผมยิ้มภูมิใจ ก่อนจะทอดสายตามองไปยังน้องดาที่ตอนนี้นั่งคุยอยู่กับเหมือนฝันอย่างสนุก เพราะได้ยินเสียงหัวเราะแทบตลอดเวลา “เออ...ดิ ข้ามันตาถึง”“ไอ้ขี้โม้ แล้วนี่จะปล่อยให้ไปเรียนต่อนอกโดยไม่ทำอะไรเลยเหรอ” คำพูดของเปรม ทำเอาผมเริ่มเครียด ก่อนจะหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มเสียหน่อย แล้วเอ่ยขึ้น “แล้วจะให้ข้าทำอะไรได้ ทุกอย่างมันเตรียมการไว้หมดแล้ว”“ไม่ใช่เรื่องนั้น ข้าหมายถึงเอ็งไม่อยากตีตราจองน้องดาไว้เหรอ ฮื้อ…ว่าไง”“ไม่”“หูย…พ่อพระ” สีหน้าของเปรมมันดูไม่เชื่อว่าผมจะทำอย่างที่ปากพูดจริงๆ เข้าให้อีกคนแล้ว สงสัยมันจะก็อปความคิดตรัยมาแน่ๆ “ข้าไม่ใช่พ่อพระ แต่ข้าไม่อยากเห็นแก่ตัวว่ะ เพราะสองปีที่เราห่างกัน บางทีน้องดาอาจเจอผู้ชายดีๆ กว่าข้าก็ได้ ข้าไม่อยากทำลายอนาคตของคนที่ข้ารัก” นี่คือความคิดของผม อาจแตกต่างไปจากคนอื่นเสียหน่อย แต่ผมก็อยากทำแบบนี้จริงๆ “ฟังยังไง เอ็งมันก็พ่อพระอยู่ดี”“แล้วนี่เอ็งจะบอกข้าได้ยัง ว่าได้ลูกชายลูกสาว” ผมจงใจเปลี่ยนเรื่อง ถามถึงเพศลูกเปรมมันเสียเลย “ไม่บอกเฟ้ย ไปเซอร์ไพรส์วันคลอดเลย”“ไอ้นี่…ที่ถามเพราะข้
ฉัน ‘กรดา’ ตอนนี้ฉันกำลังยกมือขึ้นมาวางบนอกข้างซ้ายของตัวเอง ที่ตอนนี้มันยังเต้นตึกๆ ตักๆ อย่างไม่เป็นจังหวะ เมื่อครู่ฉันกับพี่นิกเกือบจะจูบกันแล้วใช่ไหม ฉันไม่ได้คิดไปเองแน่ๆ เพราะใบหน้าเราอยู่ใกล้กันจนสัมผัสลมหายใจอุ่นๆ ของกันได้ เกิดมาจนตอนนี้ฉันยังไม่เคยใกล้ชิดกับใครเท่านี้มาก่อน โอ๊ย! ฉันจะเป็นลมไหมฉันแอบชำเลืองมองคนข้างๆ ที่ตอนนี้กำลังขับรถพาฉันไปซื้อของฝากให้เพื่อนที่ห้างสรรพสินค้า พี่นิกยังคงทำตัวเป็นปกติ ผิดกับฉันที่มันไม่ค่อยปกติ เพราะใจยังคงเต้นแรง แรงพอๆ กับวันที่พี่นิกบุกไปที่บ้านแล้วสารภาพความในใจออกมา พร้อมๆ กับขอคบกับฉันต่อหน้าพ่อกับแม่วันนั้นฉันเกือบเป็นลม เพราะไม่คิดไม่ฝันว่าผู้ชายที่ฉันแอบรักมาตลอดเขาเองก็แอบรักฉันอยู่เช่นกัน มันเหมือนนิยายโรแมนติกสักเรื่อง ที่จุดเริ่มต้นมันมีแต่ความสุข ทั้งๆ ที่ความจริงมันเพิ่งจะเริ่มต้น ความจริงที่ว่าฉันกำลังจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศและต้องอยู่ห่างกับ พี่นิกถึงสองปี เขาจะไปแอบชอบใครอื่นไหมนะ “นั่งคิดอะไรอยู่ครับ เงียบเชียว”“คิดไปเรื่อยเปื่อยน่ะค่ะ ไม่มีอะไร” เสียงที่ดังขึ้น ทำเอาฉันสะดุ้งเบาๆ “คิดเรื่องของเราอยู่ใช่ไหม...หืม”
“นั่งคิดอะไรอยู่คะ” เสียงที่ได้ยิน ทำให้ผมหยุดคิดเรื่องเก่าๆ ที่ล้วนแต่เป็นความทรงจำดีๆ ไว้ก่อน ผมส่งยิ้มให้น้องดา ที่วันนี้ใจดีแวะมารอผมที่ทำงาน เหลือเวลาอีกชั่วโมงนิดๆ ผมก็เลิกงานแล้ว หลังจากนั้นเราก็จะออกไปหามื้อเย็นกินกันแต่พอเห็นเธอ ก็อดที่จะใจหายไม่ได้ เพราะอีกไม่กี่วันเราก็ต้องห่างกันครึ่งค่อนโลก ผมไม่อยากให้น้องดาไปเรียนต่อ แต่ก็รู้ว่านั่นคือความฝันของเธอ ซึ่งผมไม่มีสิทธิ์ไปคัดค้าน ได้แต่ยอมรับและรอวันที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน เฮ้อ... “คิดเรื่องอดีตน่ะครับ คิดว่าเรามีวันนี้กันได้ยังไง”“คิดเป็นคนแก่ไปได้” เธอแยกเขี้ยวขาวๆ ให้ผม“พี่ยอมรับว่าแก่ แต่แก่ยังไงก็ยังหล่อว่าไหม”“หลงตัวเอง ดาเพิ่งรู้ก็วันนี้ว่าพี่นิกหลงตัวเอง”“พี่ยังมีอะไรตั้งเยอะที่น้องดายังไม่รู้ อย่างเช่น บนตัวพี่มีไฝตรงไหนบ้าง” ผมจงใจพูดแหย่ให้เธอเขิน ซึ่งมันก็ได้ผล เพราะเธอหน้าแดงก่ำ คงจินตนาการอะไรอยู่เป็นแน่ ก่อนจะเฉไฉตอบกลับมา “บ้า! ใครจะอยากไปรู้เรื่องนั้นกัน”“พรุ่งนี้น้องดาว่างไหมครับ”“อืมม์…ว่างค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ” สีหน้าเธอดูสงสัย ผมจึงลุกจากเก้าอี้ทำงานมานั่งบนโซฟาตัวข้างๆ เธอ “พอดีพี่จะพาไปเจอใครห
เมื่อเดือนก่อน ผมโม้ไปกับลูกพี่ลูกน้องอย่างเปรมว่าตอนนี้ผมนั้นไม่โสดแล้ว รอวันว่างๆ ผมจะพาเธอคนนั้นไปให้มันเจอ แต่คิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ เพราะผมยังโสดสนิทนี่สิ โสดจนใครหลายๆ คนคิดว่าผมเป็นเกย์ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือเปรม ที่ตอนนี้มันมีคู่และแต่งงานไปก่อนผมเสียอีก ไหนจะใกล้มีลูกคนแรกแล้วด้วย อันที่จริงตัวผมโสดแต่ใจผมไม่ได้โสดเหมือนตัวหรอกครับ ผมเองก็มีคนที่ชอบซึ่งเรียกว่าแอบชอบก็คงไม่ผิด และเธอคนนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น เพื่อนสนิทของน้องสาวผมเอง อ้อ…ลืมบอกไปว่าเธอชื่อกรดาหรือน้องดาครับ เพราะแอบชอบเพื่อนน้องสาว ทำให้ผมหักห้ามใจ ไม่พรากผู้เยาว์ เดี๋ยวคุกจะถามหา เมื่อรู้ว่าชอบ ผมก็เริ่มกันท่า ไม่ให้น้องสาวและน้องดามีแฟน บอกว่าต้องเรียนให้จบก่อน แต่ไอ้น้องตัวแสบของผมมันกลับแหกกฎ เพราะเกิดปิ๊งและมาคบกับเพื่อนสนิทผมเองซะงั้น ฟังแล้วงงไหมครับ...ฮ่าๆ งั้นผมขอเท้าความ เพื่อไม่ให้งงกันก่อน ผมชื่อเนติธร มีน้องสาวชื่ออัปสร ซึ่งอัปสรเนี่ยมีเพื่อนสนิทชื่อกรดาหรือดา ส่วนผมก็มีเพื่อนสนิทชื่อตรัย อัปสรกับตรัยรักกัน ผมก็ไม่ได้ห้าม แม้แรกๆ ผมจะหวงน้องสาวจนเกือบถีบไอ้เพื่อนตัวดีไปหลายครั้งก็ตาม แต่ตอนที่ตรัยมาส