“ไม่ต้องกลัว” น้ำเสียงของพิชยะอ่อนโยนและนุ่มนวล กัดกร่อนอาการแข็งขืนต่อต้านของเธอลงทีละน้อย“เฮียจะทะนุถนอมมีนเอง” ว่าแล้วเขาก็ขบเม้มเนื้ออ่อนที่ข้างลำคอก่อนจะพูดประโยคต่อมา“วันนี้จะใช้แค่นิ้วกับลิ้นเท่านั้น” ใบหน้าของหญิงสาวแดงก่ำผ่าวร้อน พิชยะหัวเราะในลำคอ เหมือนเห็นกระต่ายน้อยกำลังหวาดกลัวภัยอันตรายเขาอยากเห็นว่าหญิงสาวอ่อนหวานน่ารักคนนี้ ยามที่ถูกปลุกเร้าจนถึงที่สุด จะเร่าร้อนได้ขนาดไหน ชายหนุ่มรวบเอวคอด ยกร่างเล็กบางให้เอนหลังพิงพนักโซฟาหนังนุ่มอีกครั้งร่างกายหญิงสาวตื่นตระหนกในตอนที่เขาค่อย ๆ ตลบชายกระโปรงของเธอขึ้นแทบจะเปิดเปลือยท่อนล่าง ฝ่ามือใหญ่ลูบโลมขาอ่อนนวลเนียนก่อนจะเลื่อนขึ้นไปฟอนเฟ้นสะโพกอวบอิ่มเขารู้ว่ามนต์มีนากำลังหวาดกลัวแต่ก็ไม่ได้คิดจะหยุด…รอยยิ้มพึงใจแฝงอยู่ในน้ำเสียงห้าวต่ำ ผ่านเรื่องบนเตียงมาอย่างโชกโชน ทำไมจะดูไม่ออก ผู้หญิงคนไหนเคยผ่านสมรภูมิรบมาแล้ว คนไหนยังบริสุทธิ์ผุดผ่องและเขาคือคนแรกที่ได้เชยชม…ท้องน้อยหญิงสาวเสียววูบเมื่อปลายนิ้วเรียวยาวลากลงบนเนินเนื้ออ่อนนุ่มข้างใน สัมผัสจุดอ่อนไหวที่สุดสองแก้มของมนต์มีนาร้อนฉ่าจนแทบไหม้ พิชยะตรึงสะโพกของเธอกับ
แสงแดดที่สาดส่องลอดผ่านม่านเข้ามากระทบเปลือกตา ทำให้มนต์มีนาฝืนลืมตาขึ้นมา…เธอฝันไปหรอกเหรอ?ฝันถึงเรื่องน่าอับอายระหว่างเธอกับพิชยะความงัวเงียผ่านพ้นไป สองแก้มก็ร้อนฉ่าเมื่อสมองรำลึกได้ว่าเมื่อวานนี้เกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง แต่ยังไม่ทันได้ขบคิดปะติดปะต่อเรื่องราว เธอก็สำเหนียกได้ว่าไม่ได้นอนอยู่ในห้องที่คุ้นเคยหญิงสาวผุดขึ้นจากเตียงนอนใหญ่ มองเห็นตัวเองสวมเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งก็ตกใจ พลันเปิดผ้าห่มสำรวจร่างกายตามสัญชาตญาณ โชคดีที่ชั้นในสองชิ้นยังอยู่ครบแต่ทำไมเธอถึงมานอนที่ห้องของพิชยะได้ล่ะ?ใจพลันหายวูบ จำได้ว่าเมื่อคืนเธอขึ้นรถของเขาได้ก็ผล็อยหลับไปแล้วหลังจากนั้น เขาอาจจะ…ไม่! ไม่! ไม่!ถึงแม้ว่าพิชยะจะเป็นผู้ชายที่อันตราย แต่เธอก็เชื่ออย่างหนึ่งว่าเขาไม่ใช่ประเภทชอบลักหลับผู้หญิงอีกอย่าง…เธอก็แค่นอนหลับ ร่างกายจะไม่รับรู้อะไรเลยเหรอ?“เมื่อคืนหลับสบายไหม” เสียงของพิชยะราวกับเสียงนาฬิกาปลุกที่จ่ออยู่ข้างหู ปลุกให้เธอตื่นจากความฝันที่แทบจะจำอะไรไม่ได้ร่างสูงใหญ่อยู่ในชุดคลุมอาบน้ำสีน้ำเงิน สาปเสื้อแหวกออกมองเห็นแผงอกแข็งแรงรำไร เส้นผมดำสนิทที่ปรกหน้าผากลงมาชุ่มเปียกกรอบหน้ายังมีเม
มนต์มีนากลับไปที่ห้องของตัวเองแล้ว พิชยะก็กลับมานั่งลงที่เตียงจิตใจไม่สงบนิ่งด้วยกำลังคิดบางอย่าง กลิ่นกายของหญิงสาวยังติดอยู่ที่ผ้านวม ริมฝีปากอ่อนนุ่มที่กดแนบลงกับปากของเขาเมื่อวานนี้ยังให้สัมผัสอุ่นร้อนเหมือนเพิ่งผละจากไปนอกจากเหตุผลที่ใช้มาเป็นข้ออ้างในการพามนต์มีนามานอนที่ห้องอย่างขาวสะอาด เรื่องอื่นก็เป็นอย่างที่เขาเล่าเมื่อคืนนี้เธอนอนหลับอยู่บนเตียงของเขาได้สักพักก็ลุกขึ้นมานั่งอาเจียนใส่ตัวเอง เขาจึงจำเป็นต้องอุ้มเธอไปล้างคราบที่เลอะเปรอะเปื้อนในห้องน้ำ แต่ล้างออกแล้วก็ยังมีกลิ่นไม่พึงประสงค์อยู่ ส่วนชุดของเธอก็เปียกชุ่มตั้งแต่ทรวงอกลงมาเพราะกลัวว่ามนต์มีนาจะไม่สบาย พิชยะเลยถือวิสาสะเอาเสื้อของเขามาเปลี่ยนให้เธอ แต่สองชิ้นน้อย ๆ นั้น เขาไม่ได้แตะต้องหากจะบอกว่าเขาไม่มีความคิดลามกอยู่ในหัวตอนที่ลงมือเปลี่ยนชุดให้ ก็ดูจะเป็นการโกหกไปหน่อยผู้ชายร้อยทั้งร้อย ถ้าเห็นผู้หญิงนอนสวมแค่ชั้นในอยู่บนตัว ยังไงก็ต้องมีอารมณ์…เกาะอกลู่แนบไปกับส่วนโค้งนุ่มของทรวงอกกลมกลึง มันทำให้พิชยะลำคอแห้งผากในยามนั้น เขาแทบอยากจะเกาะกุมเอวเล็กคอดเข้าหาตัว จัดการกับหญิงสาวด้วยสัญชาตญาณดิบในกาย ปลดป
ยืนคิดฟุ้งซ่านครู่ใหญ่ มนต์มีนาก็ดึงให้สติตัวเองกลับมา รีบก้าวขาเข้าไปยืนใต้ฝักบัว อาบน้ำล้างฟองสบู่ด้วยความรวดเร็วเป่าผมจนแห้ง ร่างบางตรงไปที่ตู้เสื้อผ้าสีขาวมินิมอล หยิบกระโปรงยาวเอวสูงกับเสื้อยืดสีขาวพิมพ์ลายที่แขวนอยู่มาสวมใส่ แต่งหน้าทาปากเบา ๆ ก็เป็นอันเสร็จเมื่อฉุกคิดขึ้นได้ว่านุชจรีนอนป่วยอยู่ในห้อง ได้ยินว่าคนที่ตั้งครรภ์อ่อน ๆ ยิ่งต้องระวังและดูแลเป็นพิเศษเธอก็ยิ่งเป็นห่วงอยากไปดูอาการ ตั้งใจว่าจะเข้าครัวไปทำข้าวต้มให้นุชจรีก่อนแล้วค่อยออกไปทำธุระของตัวเองนวลนางกับนุชจรีต่างก็มีน้ำใจกับเธอตั้งแต่วันแรกที่เธอเข้ามาอยู่อาศัยในบ้านหลังนี้ ยามเจ็บป่วยเธอเลยอยากจะแสดงน้ำใจกลับไปบ้างแต่กลับพบว่านุชจรีที่เธอห่วงว่าจะยังไม่ได้ทานข้าวทานยา กำลังนั่งทานข้าวต้มอยู่ พอพูดคุยจึงรู้ว่าพิชยะเป็นคนเอาเข้ามาให้พิชยะเป็นนายจ้างที่มีความเมตตา เห็นอกเห็นใจคนรับใช้ในบ้านไม่ต่างจากบิดามารดาของเขา ทั้งที่เธอเห็นด้วยตาตัวเองและจากคำบอกเล่าของคนรับใช้ เวลาเดือดร้อนเรื่องเงินทองก็ไม่เคยดูดาย ให้ความช่วยเหลือทุกครั้ง ส่วนหนี้พวกนั้นเขาก็ทยอยหักตามแต่เห็นสมควรหรือแม้แต่กับคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อ
มนต์มีนาเงยหน้าขึ้นช้า ๆ จึงเห็นว่าเป็นพิชยะที่ยืนอยู่ ในมือถือร่มกางให้เธอหัวใจหญิงสาวที่หนาวสั่นเพราะร่างกายชุ่มไปด้วยน้ำฝนกลับอบอุ่นขึ้นมาเพียงแค่เห็นใบหน้าของเขาเขาลงมาข้างล่างแล้วพบว่ามนต์มีนาไม่ได้อยู่ในบ้านจึงโทรไปถามพิชชา เลยรู้ว่าวันนี้เธอมาทำบุญให้กับบิดาที่วัดแห่งนี้ จากการตะล่อมถามเขาบึ่งรถออกมาทันที แต่กว่าจะฝ่าพายุฝนมาได้มนต์มีนาก็เปียกปอนไปทั้งตัวแล้ว“มาได้ยังไงคะ”“อย่าเพิ่งถามตอนนี้ ไปขึ้นรถก่อน” เขาคว้าไปที่ข้อมือเล็กให้ร่มคันใหญ่ปกป้องมนต์มีนาจากเม็ดฝนแล้วก้าวขาเร็ว ๆ พาหญิงสาวไปยังรถของเขาที่จอดเทียบอยู่อีกฝั่งหนึ่งมนต์มีนาเข้าไปนั่งในรถที่ติดเครื่องรออยู่แล้ว พิชยะก็อ้อมมาฝั่งคนขับรีบเปิดประตูเข้ามานั่งแต่จังหวะจะออกรถ เขาก็เห็นมนต์มีนานั่งตัวสั่นกอดตัวเองจึงเกิดความเป็นห่วง“เปลี่ยนเสื้อไหม มีเสื้ออยู่เบาะหลัง”“ไม่เป็นไรค่ะ” เป็นความคิดที่ดี แต่ตอนนี้เธออยู่ในรถคงไม่เหมาะ“ไม่เป็นไรได้ไง เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก” พิชยะเอี้ยวตัวไปหยิบเชิ้ตสีขาวของตนมาให้มนต์มีนาใช้เปลี่ยนเธอรับเชิ้ตตัวใหญ่โคร่งสีเข้มจากเขา หัวใจเต้นระรัวเพียงแค่คิดว่าต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าต่อหน้าคน
“เฮียเคยบอกมีนแล้วไม่ใช่เหรอว่าตรงนี้ถ้าเข้ามาแล้วออกไปง่าย ๆ ไม่ได้” เสียงพร่าแหบชิดริมหูเธอ เพียงแค่จินตนาการถึงร่องทรวงขาวผ่องอวบอิ่มเบียดชิดกันอยู่ในนั้นความตั้งใจที่จะอดเปรี้ยวไว้กินหวานก็ลืมเลือนไปจนหมดสิ้นมนต์มีนาแทบจะกลั้นลมหายใจในยามที่จมูกโด่งเลื่อนลงไปซุกไซ้ซอกคอขาวผ่องของเธอ ชายหนุ่มลิ้มเลียหยาดน้ำบนผิวอ่อนนุ่มแล้วฝังจุมพิตลงไปเบา ๆ มือไม้เธอพลันอ่อนยวบยาบ ความวาบหวามซาบซ่านแล่นพล่านไปทั้งร่างกายพิชยะเองก็ไม่ต่างกัน ความรุ่มร้อนที่สุมอยู่ภายในหน้าขาก่อนนี้หนักอึ้งขึ้นทุกขณะ สิ่งที่ยังซ่อนอยู่ในกางเกงเนื้อดีค่อย ๆ แข็งขึง เลือดในกายไหลลงไปรวมกันที่ส่วนนั้น รอการปลดปล่อยคนตัวเล็กนั่งเกร็งอยู่บนตักแข็งแรงไม่กล้าขยับ สมองว่างเปล่าไม่อาจคิดวิเคราะห์สิ่งใดได้“เฮีย ฟ…ฟัน” เสียงครางผะแผ่วของหญิงสาวยิ่งทำให้ชายหนุ่มยิ้มพอใจเขาจัดการปรับให้เบาะรถเอนลงจนได้ระดับ อำนวยความสะดวกให้เขาได้กลืนกินมนต์มีนาได้สะดวกขึ้นร่างกายของหญิงสาวแตกตื่น เธอรับรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังจะทำอะไรเธอควรจะขัดขืน หักห้ามใจตัวเองไม่ให้พลั้งเผลอกลับทำได้เพียงรอคอยสัมผัสจากอีกฝ่ายแกอย่าใจง่ายอย่างเด็ดข
“ไม่ต้องกลั้น เฮียอยากได้ยินเสียงมีนเวลาที่ทำหน้าลามกแบบนี้” น้ำเสียงที่นุ่มหูสะกดให้ความตื่นกลัวเพราะยังไม่เคยผ่านเรื่องอย่างว่ามาก่อนลดน้อยลงไปได้บ้างทว่าไม่ทันจะเรียนรู้ความรู้สึกแปลกใหม่ ก้านนิ้วยาวก็ลากขึ้นลงระหว่างกึ่งกลางกลีบกุหลาบของเธอ เสียดสีส่วนอ่อนไหวด้วยจังหวะหนักแน่นขึ้น บดคลึงติ่งเนื้อน้อยที่ชูชันอยู่ราวกับมีกองไฟขนาดใหญ่สุมอยู่ในกาย ท้องน้อยวูบไหวเหมือนเธอกำลังอยู่บนรถไฟเหาะ ร่างบางแอ่นตัวขึ้นหาก้านนิ้วยาว หูตาพร่าลายไม่ได้ยินแม้เสียงฝนข้างนอกนั้น“มีน…มีนไม่ไหวแล้วค่ะ อ๊ะ! อื้ออ” เธอร้องบอกด้วยความทรมาน เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มหวานหยาดเยิ้ม แทบลืมความอับอายก่อนหน้า“แตกออกมาสิ เฮียอยากกินน้ำของมีนจะแย่แล้ว” เขากระซิบเสียงพร่า ลงมือขยี้ส่วนอ่อนไหวหนักหน่วง จนสุดท้ายเธอก็ทนต่อพิษสงของมันไม่ไหวเกร็งกระตุกหลายครั้ง ปล่อยน้ำหวานหยาดเยิ้มออกมาเปียกชุ่มที่หว่างขาตัวเองในที่สุดเมื่อร่างกายได้รับการปลดปล่อย ความกระดากอายก็แล่นพล่านกลับขึ้นมา แต่ไม่ทันที่มนต์มีนาจะได้ตั้งตัวเขาก็กดเธอลงไปที่เบาะนุ่ม ก่อนจะปลดเปลื้องกางเกงของตนเองออกไปกว่าจะฉุกคิดขึ้นมำได้ว่าเขาไม่มีถุงยางอนามั
มนต์มีนารู้สึกตัวตื่นเพราะแสงแดดที่ส่องกระทบเปลือกตา ศีรษะและร่างกายหนักอึ้งเหมือนถูกถ่วงทับด้วยภูเขาหิน ลำคอแห้งผากกว่าจะขยับเนื้อตัวได้ต้องใช้เวลาครู่หนึ่งพลันอาการปวดระบมก็จู่โจมเธอเพียงขยับร่างกายก็รู้สึกเจ็บแสบตรงหว่างขา ย้ำเตือนว่าเมื่อวานนี้เธอเพิ่งจะทอดกายให้เขาเชยชมแค่เพียงรำลึกถึงเหตุการณ์ในรถของพิชยะที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ สองแก้มก็ผ่าวร้อนขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เสียงครางกระเส่าเสียงเนื้อกระทบเนื้อในวันฝนตกหนัก ทุก ๆ สัมผัสจากพิชยะยังเป็นภาพที่ชัดเจนกวาดสายตามองตัวเองในชุดนอนซาติน นึกถึงภาพวาบหวามเหล่านั้นก็สำเหนียกได้ว่าเธอไม่บริสุทธิ์ผุดผ่องอีกต่อไป ทั้งหัวใจและร่างกายตอนนี้กลายเป็นของพิชยะโดยสมบูรณ์แบบระหว่างกำลังคิดใคร่ครวญอยู่นั้น สายตาก็เหลือบไปเห็นเวลาที่นาฬิกาปลุก หญิงสาวก็รีบตั้งสติก้าวลงจากเตียงนอนอย่างรวดเร็วเผลอตื่นสายจนได้สินะ เธอมีเรียนตอนแปดโมงครึ่ง แต่ตอนนี้จวนจะเจ็ดโมงเช้าแล้วมนต์มีนาใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวด้วยความรวดเร็ว เสร็จแล้วก็วิ่งลงมาข้างล่าง ซึ่งพิชชากับพิชยะรออยู่ที่โต๊ะอาหารก่อนแล้ว“ไม่ต้องตักข้าวให้มีนนะคะพี่นุช พอดีวันนี้มีนตื่นสายเลยว่าจะอ
หล่อนจะทวงเขาคืนจากกาฝากตัวหนึ่งที่บ้านของเขารับเลี้ยงเอาไว้เสี้ยววินาทีต่อมาพิชยะก็ประกบริมฝีปากลงบนเรียวปากอิ่มชุ่มชื้นด้วยลิปสติกสีแดงจัด ทันทีที่เขาเริ่ม รสสราก็ส่งลิ้นเข้าไปดูดดึงลิ้นของเขาอย่างโหยหา นิ้วเรียวสวยของศัลยแพทย์สาวสอดเข้าไปในสาปเสื้อ ลูบไล้แผงอกแข็งแรงข้างในนั้นที่มันเป็นของหล่อนมาโดยตลอดจูบของทั้งคู่ดูดดื่มขึ้นเรื่อย ๆ จนได้ยินเสียงแลกน้ำลาย รสสราจับมืออีกฝ่ายขึ้นมาวางที่เอวคอดของตัวเอง มือคอยลูบไล้ไปตามท่อนแขนแข็งแรง ขยับให้กึ่งกลางกายบดเบียดเข้าหาเป้ากางเกงอย่างคนคุ้นเคยกันรสสราเลื่อนมือลงไปกอบกุมความเป็นชายที่ยังซุกซ่อนอยู่ข้างในนั้น ลูบไล้ขึ้นและลงเบา ๆ เพื่อปลุกเร้าให้เขามีอารมณ์ทว่าจังหวะรูดซิปกางเกงลงไปแล้วหมายจะล้วงลึกเข้าไปหาความแข็งขืน พิชยะก็จับมือของรสสราออก จัดการให้เสื้อผ้าบนกายอยู่ในสภาพที่เรียบร้อย “ยังอยู่ในเวลางาน”“โทษที โรสใจร้อนไปหน่อย แต่ก็เป็นเพราะว่าโรสคิดถึงฟันมากนะ” หล่อนตัดใจจากตัวตนของชายหนุ่มซบลงที่แผงอกกว้าง น้ำเสียงฟังดูเศร้าสร้อย พยายามให้เห็นว่าตลอดเวลาหล่อนที่อยู่ห่างไกลกัน หล่อนยังรักพิชยะไม่เปลี่ยน“ฟันก็คิดถึงโรสใช่ไหม”“อืม ค
มนต์มีนาลืมตารู้สึกตัวในช่วงสายโด่งของวันรุ่งขึ้น ศีรษะและเนื้อตัวหนักอึ้งเหมือนถูกถ่วงทับด้วยก้อนหินขนาดใหญ่ ลำคอแห้งผาก ร่างกายเมื่อยล้าจากการรับศึกหนักไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้สิ่งแรกที่มองเห็นคือปลายคางแข็งแรงของชายหนุ่มที่เธอนอนแนบชิด เอาแก้มซบกับอกกว้าง แถมยังก่ายขาพาดอยู่บนลำตัวแขนข้างหนึ่งของคุณหมอโอบเอวเธอไว้หลวมๆ มือใหญ่แต่ให้ความนุ่มวางอยู่บนบั้นท้ายเปลือยเปล่าของเธอความกังวลที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้ เธอคงจะคิดมากไปเอง พิชยะก็ยังดูใส่ใจเธอดีทุกอย่าง เขายังทำตัวหมือนเดิมเลิกงานแล้วกลับมาหาเธอทุกวัน มาอยู่กับเธอเฉกเช่นในตอนนี้ทุกการกระทำของเขาทำให้เธออดไม่ได้ที่จะเข้าข้างตัวเองว่าอีกฝ่ายมีความรู้สึกดี ๆ ให้ตัวเอง“ตื่นแล้วเหรอ” ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมาเห็นเธอนอนมองตนเองอยู่จึงถามขึ้น“ค่ะ” เธอส่งยิ้มให้เขา เป็นรอยยิ้มที่ออกมาจากหัวใจ รอยยิ้มของคนที่มีความสุขที่สุดในชีวิตหากเป็นแค่ความฝัน เธอก็ไม่ขอตื่นขึ้นมา อยากอยู่ในห้วงแห่งความฝันที่มีพิชยะนอนอยู่ข้างกายทว่าสิ่งที่เธอรับรู้และสัมผัสได้ ทั้งหมดคือเรื่องจริง สายตาคู่นี้ ริมฝีปากนี้ ใบหน้านี้ ร่างกายนี้ของเขา ล้วนเป็นสิ่งที่จับต
สองแก้มของมนต์มีนาร้อนผะผ่าว ฝ่ามืออุ่นจัดของคุณหมอยังลูบไล้เนินเนื้อบอบบางที่กึ่งกลางกลายของเธออยู่“จะให้มีนช่วยยังไงเหรอคะ” เธอเสมองไปที่พื้นห้องพยายามอย่างมากที่จะไม่ให้เสียงของตัวเองสั่นเพราะมือซุกซนของเขาพิชยะไม่ได้ตอบเขานิ่งอยู่อย่างนั้น ส่งเพียงสายตาอ้อน ๆ ขึ้นมามอง เขาเห็นมนต์มีนานิ่งไปจึงจับตัวเธอกดลงที่เตียงนุ่มแล้วตามไปทาบทับ“ทำไม ยังอายอยู่เหรอ” ปลายนิ้วนุ่มของศัลยแพทย์หนุ่มลูบไล้ใบหน้านวลเนียนไร้เครื่องสำอางใด ๆ ผ่านเปลือกตาที่หลุบลงของเธอมายังปลายจมูก แล้วหยุดที่ริมฝีปากจิ้มลิ้มที่เคยโอบอุ้มและกลืนกินความเป็นชายของเขาเข้าไปเขาสอดนิ้วเข้าไปในโพรงปากนุ่ม มนต์มีนาดูดนิ้วของเขาเบา ๆ กระทั่งที่เขาถอนนิ้วออกเปลี่ยนมากดริมฝีปากลงกับปากของเธอ ปากและลิ้นของทั้งคู่ดูดดุนและคลอเคล้ากันด้วยความดูดดื่มจนเกิดเสียงแลกน้ำลายกันฝ่ามือเรียวยาวทาบลงกับแผ่นท้องแบนราบของหญิงสาว ค่อย ๆ เลิกชุดนอนซาตินตัวบางขึ้น ขนอ่อนบนเนื้อตัวมนต์มีนาลุกชันในทันที ท้องนิ้วเนียนนุ่มไล้ผ่านหย่อมหญ้าบาง ๆ บนโหนกนูน“อื้ออ” เธอกัดริมฝีปากเอาไว้แต่ก็ยังหลุดเสียงครางออกมาเมื่อพิชยะจัดการจุดอ่อนไหวที่สุดของเธอเ
“เฮียชอบเลียตรงนี้ของมีนที่สุด” ไม่รอให้เธอเตรียมใจ ปลายลิ้นของศัลยแพทย์หนุ่มก็นาบลงที่ยอดเกสรน้อย ๆ สัมผัสจากลิ้นร้อนทำเธอสั่นไปทั้งตัว“เฮียฟันนน” เจ้าของเสียงหวานจิกเล็บลงกับบ่ากว้าง ความซ่านสยิวพุ่งปรี่ลงไปยังจุดอ่อนไหวที่ลิ้นของอีกฝ่ายกำลังบดเคล้า ปากของพิชยะดูดดึงติ่งน้อยที่ยื่นออกมา ลิ้นคอยตวัดเลียทุกซอกทุกมุมของกลีบเนื้ออ่อนละมุนที่แยกแย้มออก“พะ…พอแล้วค่ะ”“ทำไม” เขาขบเม้มเนินเนื้อนุ่มนิ่มเบา ๆ เหมือนต้องการจะแกล้ง“ก็มันเสียวนี่คะ” โพล่งออกไปแล้วมนต์มีนาถึงค่อยกระดากอาย อยากมุดหายไปซะตอนนี้ เดี๋ยวนี้“ก็ถูกแล้ว เวลาถูกเลียมีนก็ต้องเสียว” พูดแล้วเขาก็กลับลงไปดูดน้ำหวานที่เคลือบอยู่บนติ่งน้อยที่เป่งบวมด้วยพิษไข้ ส่งผลให้มนต์มีนาส่งเสียงครางออกมา เธอหลับตาลงแน่นมือทึ้งเรือนผมที่ท้ายทอยของชายหนุ่ม ได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วเบาจากคนที่ซุกหน้าอยู่กลางเรียวขาตัวเองราวกับว่าเขากำลังพอใจที่เห็นเธอดิ้นเร่าร้องครางไม่เป็นภาษา“อ๊า มะ…มีนไม่ไหวแล้วจะ…แตก อื้ออ” แผ่นหลังของหญิงสาวแอ่นโค้งอยู่ไม่ห่างจากอาหารมื้อเช้า จิกนิ้วเท้าเข้าหากัน บั้นท้ายร่อนส่ายไปมา ต้องการหลุดพ้นจากพิษปรารถนาที่กำลังร
หนึ่งเดือนต่อมาแสงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามาทางระเบียงห้องกระทบร่างเล็กที่ขดตัวนอนตะแคงอยู่ในผ้านวมผืนหนา ในขณะที่มีคนกำลังขะมักเขม้นอยู่กับการปรุงอาหารเช้าวันนี้คุณหมอสวมผ้ากันเปื้อนสีขาวสะอาดต่างจากตอนที่อยู่ในห้องผ่าตัด ดูคล่องแคล่วตอนที่ลงมือหั่นผักเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใบหน้าคมคายเปี่ยมล้นด้วยความสุขอย่างที่ไม่มีมานาน เมื่อนึกถึงใบหน้ายามที่มนต์มีนาลิ้มรสอาหารฝีมือของตนเอง เขาตั้งใจทำอย่างพิถีพิถันเพื่อให้อาหารทุกมื้อของเขาออกมาสมบูรณ์แบบและถูกปากเธอที่สุดตอนที่เขากำลังตั้งใจปรุงอาหารอยู่นั้นมนต์มีนาก็ตื่นนอน ไม่เห็นชายหนุ่มนอนอยู่ข้างกายเธอก็มองหาเพราะยังเช้าอยู่ร่างเล็กสวมชุดนอนยาวเลยเข่าเปิดประตูออกมาจากในห้องนอน เดินตรงมาเรื่อย ๆ กลิ่นหอมที่ลอยเข้ามาในจมูกชัดเจนขึ้นกระตุ้นให้กะเพราะอาหารตื่นตัวเดินตามกลิ่นมาจนมองเห็นชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงเคาน์เตอร์ครัว มนต์มีนายืนมองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่ชื่นชม ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเป็นผู้หญิงที่โชคดีอย่างนี้ความโศกเศร้าที่แผ่คลุมหัวใจของเธอ ความทรงจำอันเจ็บปวดที่จู่ ๆ เธอก็ต้องสูญเสียครอบครัวยังคงเป็นหมอกมืดดำอยู่ในใจไม่จางหาย แต่วันนี้แสงสว่างก็ปรากฏ
มนต์มีนาควรได้รู้…นอกจากเขาจะเป็นหมอที่มีฝีมือด้านการผ่าตัด เขายัง ‘เซ็กซ์จัด’ อีกด้วยพิชยะจัดการถอดคอนดอมที่เปียกโชกไปด้วยน้ำรักของหญิงสาวออกโยนลงถังขยะที่วางอยู่ใกล้กันนั้น ก่อนจะพาเธอไปที่เตียงเพื่อจะได้กินเธออีกรอบ“ขย่มให้ได้ไหม” ใบหน้านวลเนียนที่ยังหลงเหลือพิษรักก่อนหน้านี้เปลี่ยนเป็นสีแดงจัดขย่ม คือการที่ผู้หญิงอยู่ข้างบนแล้วเป็นคนคุมจังหวะด้วยตัวเอง แน่นอนว่าเธอรู้และเคยเห็นผ่านคลิปโป๊มาบ้างแต่เธอรู้แค่ทฏษฎีไม่เคยปฏิบัติจริง ซึ่งพิชยะก็น่าจะรู้แก่ใจแต่เขาก็ยังขอร้องให้เธอทำ“ทำไม? ทำไม่ได้ หรือเพราะมีนไม่เคยขึ้นก็เลยอาย” ความร้อนแผ่ซ่านไปทั่วใบหน้า การพูดความจริงเป็นเรื่องที่ไม่ผิด แต่เขาก็ไม่ควรจะพูดออกมาตรง ๆ ในตอนที่สายตาจาบจ้วงยังไม่หยุดมองเรือนร่างของเธอ“คือ…” เธอเสมองไปทางอื่น ไม่กล้ามองใบหน้าอีกฝ่าย กลัวจะพ่ายแพ้ต่อสายตาคู่นั้นของเขาทว่าพิชยะในตอนนี้ก็เอาแต่ใจเกินกว่าจะปล่อยให้เธอปฏิเสธคำขอของตนเองลุกขึ้นจากเตียงเดินไปหยิบคอนดอมออกมาจากกระเป๋ากางเกงที่วางกองอยู่กับพื้น จัดการฉีกซองขนาดเล็กสวมมันครอบเข้าไปในลำเอ็นในท่ายืนหันหน้าเข้าหาหญิงสาวขึ้นไปบนเตียงแล้วจับเธอใ
มนต์มีนานั่งตัวเกร็ง กำมือเข้าหากันจนเริ่มมีเหงื่อซึมออกมาทั้งที่ภายในรถเปิดแอร์เย็นฉ่ำบรรยากาศอันน่าอึดอัดระหว่างทั้งคู่อบอวลอยู่ในรถ กระทั่งรถสปอร์ตสมรรถนะสูงแล่นผ่านประตูสูงใหญ่เข้าไปในเขตรั้วของบ้านกิจธาดาวงศ์พิชยะลงจากรถ อ้อมมาเปิดประตูให้เธอแต่ไม่ยอมพูดอะไร เจ้าของร่างสูงเดินเข้าไปในบ้านด้วยท่าทีสุขุมเหมือนเช่นทุกวัน เขาไม่ได้เอ่ยถึงหรือแม้แต่สนใจข้าวของที่วางอยู่เบาะหลัง ราวกับเป็นสิ่งของที่สมควรทิ้งนวลนางเห็นทั้งคู่ก็เข้ามาหาทั้งคู่เพราะจวนจะได้เวลาตั้งโต๊ะอาหารพอดี“คุณฟันจะทานข้าวเลยไหมคะ นวลจะได้ไปตั้งโต๊ะเดี๋ยวนี้เลย”“ครับ แต่ไม่ต้องเผื่อผมนะครับ ผมกินมาจากโรง’บาลแล้ว” ชายหนุ่มเดินผ่านคนรับใช้ขึ้นไปบนชั้นสอง มนต์มีนามองตามร่างสูงไปแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา รู้สึกคล้ายพายุลูกใหญ่กำลังก่อตัวเงียบ ๆ“น้องมีนจะไปอาบน้ำก่อนไหมคะ เมื่อกี้พี่ขึ้นไปตามคุณฟินน์ เธออาบน้ำอยู่คงใกล้เสร็จแล้วค่ะ” สองวันก่อนคุณเพ็ญพิชย์โทรมากำชับให้พิชยะช่วยดูแลมนต์มีนาระหว่างช่วงที่กำลังฝึกงานนี้เพราะเห็นว่าที่ฝึกงานอยู่ไกลจากบ้าน จึงไม่มีใครคิดสงสัยที่ทั้งสองคนกลับมาด้วยกัน“ค่ะ งั้นมีนอาบแป๊บเดียว เด
“เดี๋ยวก็รู้เอง ยังไงก็เตรียมรับมือคุณภูไว้ด้วยนะ แต่พี่ขอเตือนว่าถ้าไม่อยากให้คุณภูเขาออกตัวจีบเราแรงแบบนี้ทุกวัน ให้รีบปฏิเสธแบบย้ำ ๆ ไปเลย แต่พี่ว่าไม่มีประโยชน์หรอก”“อะอ้าว พวกพี่เอางี้เลยเหรอคะ” เกศินีกับอรรถนพมองหน้ากัน มึนงงพอกันที่เจนจิรากับปรียาภรณ์ลากเก้าอี้กลับไปที่โต๊ะทำงานโดยไม่ไขข้อสงสัยก่อน“โชคดีแล้วกันนะมีน” เกศินีไม่รู้จะช่วยเธอยังไง จึงได้แต่พูดปลอบแล้วกลับไปที่โต๊ะของตัวเองบ้าง ส่วนอรรถนพก็ส่งยิ้มให้กำลังใจเธอมาอีกคนมนต์มีนายิ้มรับความเป็นห่วงเป็นใยจากเพื่อนร่วมงานทุกคน แม้จะยังไม่ค่อยเข้าใจ หันหน้าเข้าหาคอมพิวเตอร์ ทว่าในใจกำลังคิดหนักถ้าพิชยะเห็นกุหลาบช่อนี้จะต้องเป็นเรื่องแน่ แต่ถ้าเธอจะทิ้งลงถังขยะมันก็คงจะไม่ดีนัก เพราะตลอดสามเดือนของการเป็นนักศึกษาฝึกงานเธออยู่ภายใต้การดูแลของภูวเนศ แต่ถึงอย่างไรเธอก็ต้องหาโอกาสพูดกับเขาตรง ๆอีกด้านหนึ่งภายในห้องพักของนายแพทย์พิชยะ กิจธาดาวงศ์ ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนั่งที่โต๊ะทำงานด้วยใบหน้าที่เหนื่อยอ่อนนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เขาต้องไปรับมนต์มีนากลับบ้าน จึงสลัดความง่วงและความเหนื่อยล้าออกไป เปลี่ยนเสื้อตัวใหม่แล้วเปิดประตูออกจา
ท้องฟ้าเจิดจ้าที่บ้านกิจธาดาวงศ์บัดนี้มืดครึ้มลงเมื่อมนต์มีนาเดินทางมาถึง ‘ตะวันฉายดีไซน์’ บริษัทออกแบบและตกแต่งที่จะให้เธอได้นำความรู้ที่ร่ำเรียนมาตลอดห้าปีมาใช้เกศินีและอรรถนพ นักศึกษาฝึกงานอีกสองคนเดินทางมาถึงก่อนเธอเล็กน้อย ทั้งหมดมีโต๊ะทำงานเป็นของตัวเอง นั่งอยู่ในโซนเดียวกับพนักงานประจำ ไม่ได้แบ่งแยกให้ถูกเปรียบเทียบมนต์มีนานั่งลงที่โต๊ะทำงานของตัวเองก็รู้สึกตื่นเต้นกระตือรือร้นที่จะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ของการเป็นนักศึกษาฝึกงานนอกจากภูวเนศที่ให้ความเป็นกันเองกับพวกเธอแล้ว พนักงานคนอื่น ๆ ก็อัธยาศัยดีและยิ้มแย้มเก่งไม่แพ้กัน ทุกคนดูมีน้ำใจไม่มีใครแสดงอำนาจบาตรใหญ่นอกจากนี้ยังได้พูดให้พวกเธอสบายใจว่าบริษัทไม่มีแบ่งแยกว่าใครอยู่ก่อน ใครมาทีหลัง ทุกอย่างวัดกันที่ความสามารถทั้งหมดนี้เป็นกฎระเบียบและข้อห้ามของเจ้าของบริษัทนั่นก็คือ ‘อาทิตย์ อัครราช’ ทุกคนในบริษัทต่างเรียกเขาว่า ‘บอส’ เรียกภูวเนศว่า ‘คุณภู’ แต่สำหรับนักศึกษาฝึกงาน ภูวเนศอนุญาตเป็นกรณีพิเศษในการให้เรียกตนเองว่าพี่ภูได้มนต์มีนากับนักศึกษาฝึกงานอีกสองคนยังไม่ได้ทำอะไรมากนักเพราะเป็นการฝึกงานวั