สองแก้มของมนต์มีนาร้อนผะผ่าว ฝ่ามืออุ่นจัดของคุณหมอยังลูบไล้เนินเนื้อบอบบางที่กึ่งกลางกลายของเธออยู่“จะให้มีนช่วยยังไงเหรอคะ” เธอเสมองไปที่พื้นห้องพยายามอย่างมากที่จะไม่ให้เสียงของตัวเองสั่นเพราะมือซุกซนของเขาพิชยะไม่ได้ตอบเขานิ่งอยู่อย่างนั้น ส่งเพียงสายตาอ้อน ๆ ขึ้นมามอง เขาเห็นมนต์มีนานิ่งไปจึงจับตัวเธอกดลงที่เตียงนุ่มแล้วตามไปทาบทับ“ทำไม ยังอายอยู่เหรอ” ปลายนิ้วนุ่มของศัลยแพทย์หนุ่มลูบไล้ใบหน้านวลเนียนไร้เครื่องสำอางใด ๆ ผ่านเปลือกตาที่หลุบลงของเธอมายังปลายจมูก แล้วหยุดที่ริมฝีปากจิ้มลิ้มที่เคยโอบอุ้มและกลืนกินความเป็นชายของเขาเข้าไปเขาสอดนิ้วเข้าไปในโพรงปากนุ่ม มนต์มีนาดูดนิ้วของเขาเบา ๆ กระทั่งที่เขาถอนนิ้วออกเปลี่ยนมากดริมฝีปากลงกับปากของเธอ ปากและลิ้นของทั้งคู่ดูดดุนและคลอเคล้ากันด้วยความดูดดื่มจนเกิดเสียงแลกน้ำลายกันฝ่ามือเรียวยาวทาบลงกับแผ่นท้องแบนราบของหญิงสาว ค่อย ๆ เลิกชุดนอนซาตินตัวบางขึ้น ขนอ่อนบนเนื้อตัวมนต์มีนาลุกชันในทันที ท้องนิ้วเนียนนุ่มไล้ผ่านหย่อมหญ้าบาง ๆ บนโหนกนูน“อื้ออ” เธอกัดริมฝีปากเอาไว้แต่ก็ยังหลุดเสียงครางออกมาเมื่อพิชยะจัดการจุดอ่อนไหวที่สุดของเธอเ
มนต์มีนาลืมตารู้สึกตัวในช่วงสายโด่งของวันรุ่งขึ้น ศีรษะและเนื้อตัวหนักอึ้งเหมือนถูกถ่วงทับด้วยก้อนหินขนาดใหญ่ ลำคอแห้งผาก ร่างกายเมื่อยล้าจากการรับศึกหนักไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้สิ่งแรกที่มองเห็นคือปลายคางแข็งแรงของชายหนุ่มที่เธอนอนแนบชิด เอาแก้มซบกับอกกว้าง แถมยังก่ายขาพาดอยู่บนลำตัวแขนข้างหนึ่งของคุณหมอโอบเอวเธอไว้หลวมๆ มือใหญ่แต่ให้ความนุ่มวางอยู่บนบั้นท้ายเปลือยเปล่าของเธอความกังวลที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้ เธอคงจะคิดมากไปเอง พิชยะก็ยังดูใส่ใจเธอดีทุกอย่าง เขายังทำตัวหมือนเดิมเลิกงานแล้วกลับมาหาเธอทุกวัน มาอยู่กับเธอเฉกเช่นในตอนนี้ทุกการกระทำของเขาทำให้เธออดไม่ได้ที่จะเข้าข้างตัวเองว่าอีกฝ่ายมีความรู้สึกดี ๆ ให้ตัวเอง“ตื่นแล้วเหรอ” ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมาเห็นเธอนอนมองตนเองอยู่จึงถามขึ้น“ค่ะ” เธอส่งยิ้มให้เขา เป็นรอยยิ้มที่ออกมาจากหัวใจ รอยยิ้มของคนที่มีความสุขที่สุดในชีวิตหากเป็นแค่ความฝัน เธอก็ไม่ขอตื่นขึ้นมา อยากอยู่ในห้วงแห่งความฝันที่มีพิชยะนอนอยู่ข้างกายทว่าสิ่งที่เธอรับรู้และสัมผัสได้ ทั้งหมดคือเรื่องจริง สายตาคู่นี้ ริมฝีปากนี้ ใบหน้านี้ ร่างกายนี้ของเขา ล้วนเป็นสิ่งที่จับต
หล่อนจะทวงเขาคืนจากกาฝากตัวหนึ่งที่บ้านของเขารับเลี้ยงเอาไว้เสี้ยววินาทีต่อมาพิชยะก็ประกบริมฝีปากลงบนเรียวปากอิ่มชุ่มชื้นด้วยลิปสติกสีแดงจัด ทันทีที่เขาเริ่ม รสสราก็ส่งลิ้นเข้าไปดูดดึงลิ้นของเขาอย่างโหยหา นิ้วเรียวสวยของศัลยแพทย์สาวสอดเข้าไปในสาปเสื้อ ลูบไล้แผงอกแข็งแรงข้างในนั้นที่มันเป็นของหล่อนมาโดยตลอดจูบของทั้งคู่ดูดดื่มขึ้นเรื่อย ๆ จนได้ยินเสียงแลกน้ำลาย รสสราจับมืออีกฝ่ายขึ้นมาวางที่เอวคอดของตัวเอง มือคอยลูบไล้ไปตามท่อนแขนแข็งแรง ขยับให้กึ่งกลางกายบดเบียดเข้าหาเป้ากางเกงอย่างคนคุ้นเคยกันรสสราเลื่อนมือลงไปกอบกุมความเป็นชายที่ยังซุกซ่อนอยู่ข้างในนั้น ลูบไล้ขึ้นและลงเบา ๆ เพื่อปลุกเร้าให้เขามีอารมณ์ทว่าจังหวะรูดซิปกางเกงลงไปแล้วหมายจะล้วงลึกเข้าไปหาความแข็งขืน พิชยะก็จับมือของรสสราออก จัดการให้เสื้อผ้าบนกายอยู่ในสภาพที่เรียบร้อย “ยังอยู่ในเวลางาน”“โทษที โรสใจร้อนไปหน่อย แต่ก็เป็นเพราะว่าโรสคิดถึงฟันมากนะ” หล่อนตัดใจจากตัวตนของชายหนุ่มซบลงที่แผงอกกว้าง น้ำเสียงฟังดูเศร้าสร้อย พยายามให้เห็นว่าตลอดเวลาหล่อนที่อยู่ห่างไกลกัน หล่อนยังรักพิชยะไม่เปลี่ยน“ฟันก็คิดถึงโรสใช่ไหม”“อืม ค
ผ่านไปราว ๆ สองชั่วโมงพิชยะก็กลับเข้ามาในห้อง ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเลิกงาน แต่ที่โรงพยาบาลไม่มีอะไรแล้ว เขาเลยจะพารสสราออกไปหาอะไรกิน “เราแวะไปที่แผนกของฟันก่อนดีไหม โรสจะได้ไปทำความรู้จักกับเพื่อนในที่ทำงานของฟันด้วยไง”“เอาสิ” พิชยะหันไปยิ้มให้กับหญิงสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักของเขา ทว่าจู่ ๆ ภาพของมนต์มีนาที่เคยนั่งอยู่ที่เดียวกับรสสราก็ฉายทับซ้อนขึ้นมา มันชัดเจนจนเขาต้องรีบสลัดเธอออกไปจากหัว“เป็นอะไรหรือเปล่า” รสสราถามขึ้นเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มนิ่งไป“เปล่า สงสัยช่วงนี้จะเลิกงานดึกไปหน่อย ไม่มีอะไรหรอก เราไปกันเถอะ” หล่อนสังเกตเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับพิชยะเมื่อครู่นี้ แต่ก็เลือกที่จะไม่พูดอะไร เดินควงแขนออกไปจากห้องด้วยกันเมื่อประตูบานเลื่อนของแผนกศัลยกรรมทรวงอกเปิดออก ทุกคนต่างก็ให้ความสนใจกับผู้หญิงที่เดินเคียงข้างนายแพทย์พิชยะเข้ามาทุกคู่สายตาจ้องมองไปที่ศัลยแพทย์หนุ่มด้วยคำถามเดียวกัน ยกเว้นหมอธนาที่รู้จักรสสราอยู่แล้ว เพียงแต่เขาไม่รู้ว่ารสสรากลับมาตอนไหน“ไง คุณหมอธนา” รสสราเอ่ยทักเพื่อนชายด้วยรอยยิ้ม ทำให้ทุกคนยิ่งอยากรู้ว่าผู้หญิงที่หน้าตาสะสวยและดูดีราวกับนางแบบที่หลุ
“เป็นอะไรคะ” นวลนางถามขึ้นเมื่อเห็นเธอมีอาการแปลก ๆ “ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่มีนรู้สึกอยาก…” พูดไม่ทันจบ อาการพะอืดพะอมก็ตีขึ้นมาที่คอ รู้สึกอยากอาเจียน มนต์มีนาเลยรีบลุกไปที่ห้องน้ำที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล นวลนางรีบตามไปด้วยความเป็นห่วงยืนลูบหลังให้ตอนที่เธออาเจียนออกมา “เป็นไงบ้างคะ ไหวไหม” เธอค่อย ๆ ปรือตาขึ้นวักน้ำล้างที่ปากพวงแก้มสีเรื่อซีดเผือดเหมือนคนไม่สบาย “ไม่เป็นไรแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ” “แน่ใจนะคะ ไปหาหมอไหม เดี๋ยวพี่ให้ไอ้ศรมันขับรถไปให้” “ไม่เป็นไร มีนไม่ได้เป็นอะไรแล้ว สงสัยช่วงนี้ทำงานดึกไปหน่อยค่ะ” นวลนางฟังที่หญิงสาวบอกก็ไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรออกมา เธอคงจะพักผ่อนน้อย หรือไม่ก็ทานข้าวไม่ตรงเวลา แม้ในใจจะรู้สึกขัดแย้งกับความคิดของตัวเองอยู่บ้าง อาการของเธอดูคล้ายกับตอนที่นุชจรีแพ้ท้องใหม่ ๆ กับข้าวที่เคยโปรดปรานได้กลิ่นหน่อยก็ไม่ได้ อาเจียนออกมาแบบนี้เหมือนกัน “เป็นไงบ้างคะ” นุชจรีเอ่ยถามทันทีที่เธอเดินกลับมาที่โต๊ะพร้อมกับนวลนาง “ไม่เป็นไรแล้วค่ะ สงสัยพักผ่อนน้อย แล้วช่วงนี้มีนก็กินข้าวไม่เป็นเวลาด้วย” “อ๋อ พี่ก็ว่าอยู่ นึกว่าต้มจืดของพี่เสียแล้วซะอีก” “เปล่
เขาเป็นอะไรไป? คำถามนี้ดังกึกก้องอยู่ในหัวขาวโพลนของเธอ แม้ว่าเวลาอยู่บนเตียง พิชยะจะเป็นผู้ชายที่เร่าร้อนและรุนแรงกับเธอในบางครั้ง แต่แววตาของเขาก็อ่อนโยน บ่งบอกว่าต้องการทะนุถนอมเธอไว้ ทว่าครั้งนี้เธอกลับสัมผัสความรู้สึกเหล่านั้นจากตัวเขาไม่ได้ มันเลือนหายไปราวกับไม่เคยมีอยู่ไม่อาจจะอธิบายสิ่งที่ซ่อนอยู่ในแววตาคู่คมออกมาเป็นคำพูดได้หมด เธอรู้แค่ว่าพิชยะแปลกไปจากเดิมเท่านั้น หรือว่างานมีปัญหา เพราะถึงจะเหนื่อยล้ากลับมาแค่ไหนเขาก็ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน สองร่างเปล่าเปลือยที่เนื้อแนบกับเนื้อ เสียดสีกันก่อให้เกิดความรุ่มร้อนที่กดแนบอยู่กับท้องน้อยของคนทั้งคู่นิ้วเรียวยาวเลื่อนผ่านแอ่งสะดือลงไปยังกึ่งกลางกาย ต้องการจะแทรกสอดเข้าหาความคับแน่นปลายนิ้วนั้นปัดผ่านหย่อมหญ้าบาง ๆ แทรกเข้าไปในกลีบเนื้ออวบอูมที่ปิดอยู่ท้องนิ้วคลึงเคล้ากับติ่งเนื้อสีเรื่อที่ยื่นออกมา สัมผัสของพิชยะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ความซ่านเสียววิ่งปราดลงไปที่กลางกายสาวเธอกัดริมฝีปากแน่น กลั้นเสียงครางกระเส่าไม่ให้เล็ดลอดออกไปข้างนอกชายหนุ่มมองใบหน้าหญิงสาวที่กำลังถูกล่อลวงด้วยพิษรักของเขา ใบห
หนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาพิชยะไม่ได้กลับมานอนที่คอนโด เพราะช่วงนี้งานที่โรงพยาบาลค่อนข้างยุ่ง มีผ่าตัดตอนกลางคืนตลอด เขาจึงไม่มีเวลากลับมาหาเธอ“เป็นอะไรหรือเปล่า” เห็นมนต์มีนานั่งมองหน้าจอโทรศัพท์มาสักพักหนึ่งแล้ว เกศินีเลยเดินเข้ามาถามระหว่างรอเข้าห้องประชุม“เปล่า” เธอส่ายหน้า หากแต่ความเศร้าหมองก็ฉายชัดอยู่ในแววตา เกศินีดูออก อาการแบบนี้เหมือนกับคนอกหัก“หมู่นี้ไม่เห็นหมอคนนั้นมารับมีนกลับบ้านเลย” เกศินีแกล้งถามออกไป ในใจคิดว่าระหว่างมนต์มีนากับพี่ชายของเพื่อนเธอคนนี้มีอะไรแปลก ๆ แต่ก็ไม่เคยซักไซ้ เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องส่วนตัวพิชยะดูเป็นห่วงเป็นใยมนต์มีนาแปลก ๆ สายตาแบบนั้นไม่เหมือนพี่ชายที่หวงน้องสาวทั่วไป แต่เหมือนแมวที่กำลังหวงปลาย่างมากกว่า“ช่วงนี้เฮียเขางานยุ่งน่ะ” เป็นอีกครั้งที่เธอต้องฝืนยิ้มออกไป“เมื่อก่อนไม่เห็นยุ่งเลย” จากประสบการณ์โดยตรง เวลาที่ผู้ชายอ้างเรื่องงาน ส่วนใหญ่ก็ไปนอนกกผู้หญิงคนอื่นทั้งนั้น แต่เกศินีก็ภาวนาไม่ให้เป็นอย่างที่เธอคาดเดา เพราะดูแล้ว ๆ มนต์มีนาน่าจะชอบอีกฝ่ายมากเพราะตั้งแต่พิชยะไม่ได้แวะเวียนมาที่บริษัทตามรับตามส่ง ใบหน้าของมนต์มีนาก็แทบจะไม่มีรอ
ค่ำคืนซึ่งจิตใจเต็มไปด้วยความรู้สึกขุ่นมัว พิชยะเลือกจะพาตัวเองเข้าไปในสถานบันเทิงที่เปิดเพลงจังหวะหนัก ๆ ต้องการกลบเสียงของมนต์มีนาที่ก้องอยู่ในหัวของเขา จมอยู่ในห้วงความคิดต่อเธอที่ยากจะสลัดออกไปได้ สายตาคมกริบทอดมองออกไปเบื้องหน้า พิชยะพยายามจัดการกับอารมณ์ขุ่นมัวที่เกาะกุมความคิดของเขา แต่ยิ่งพยายามสลัดมนต์มีนาออกไปจากหัว ใบหน้าของเธอ รอยยิ้มของเธอ เสียงพูดของเธอ ทุกอย่างที่เป็นเธอกลับยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ แม้แต่เสียงของผู้คนรอบกายก็ถูกกลบฝังด้วยภาพในคืนวันที่เคยใช้ร่วมกัน เนิ่นนานที่ศัลยแพทย์หนุ่มนั่งมองออนเดอะร็อกในมือ มือที่เขาเคยได้สัมผัสเรือนร่างของมนต์มีนา มันยังจำทุกสัมผัสของเธอได้ หนึ่งสัปดาห์แล้วที่เขาไม่ได้กลับไปที่คอนโดแห่งนั้น ไม่ได้โทรหา ไม่โทรกลับ ส่งแค่ข้อความไปหนึ่งฉบับ แต่ก็เป็นการโกหกว่างานที่โรงพยาบาลยุ่ง ทั้งที่ความจริงเขาอยู่กับรสสราทุกคืน “จะมาทำไมไม่บอกวะ” คนของพิธาโทรไปบอกว่าเห็นพิชยะมานั่งดื่มคนเดียว คุณพ่อลูกแฝดอย่างเขาเลยต้องขออนุญาตภรรยาสุดที่รักออกมา พิชยะไม่ได้ตอบคำถาม กระดกออนเดอะร็อกที่น้ำแข็งยังไม่ทันละลายให้รสชาติขมปร่าเจือจางหมดในค
คุณมนูญกับคุณเพ็ญพิชย์หันไปมองหน้ากัน ไม่คาดคิดว่าจะเห็นคนอย่างเขายอมคุกเข่าให้กับผู้หญิง“อะไรที่อยากพูดก็พูดไปหมดแล้ว วันนี้เฮียแค่จะบอกว่าเฮียรักมีนจริง ๆ นะ รักจนไม่รู้จะรักยังไงแล้ว ไม่ว่ามีนจะให้อภัยเฮียวันไหน เฮียก็จะรอ”“สักสิบปีรอได้ไหมคะ” เขาคำนวณในใจทันที ตอนนี้เขาอายุสามสิบสอง แปลว่าอีกสิบปีข้างหน้า เขาอายุสี่สิบสองวิจัยหนึ่งบอกว่าปัจจุบันนี้ผู้ชายอายุสี่สิบก็เริ่มมีปัญหานกเขาไม่ขัน ถ้าถึงตอนนั้นเขาจะยังทำเรื่องอย่างว่าได้อยู่ไหมนะไม่สิ คุณภาพมันจะเหลือเท่าไหร่ต่างหาก“ว่าไง ทำไมไม่รีบตอบหนูมีนไปล่ะ” เป็นคุณเพ็ญพิชย์เร่งเอาคำตอบจากลูกชายของตัวเองบ้าง จนในที่สุดเขาก็พูดคำนี้ออกมา“ได้ รอได้”“สิบปีนะคะ ระหว่างนี้ห้ามมาเข้าใกล้มีน” เขาพยักหน้า สิบปีก็สิบปีวะ ต่อไปนี้เขาคงต้องออกกำลังกายให้หนักขึ้นกว่าเดิม เพื่อที่อีกสิบปีข้างหน้าน้องชายของเขาจะยังใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ“ระหว่างสิบปีนี้มีนจะไปอยู่อเมริกานะคะ”“ไปทำอะไร” ให้รอสิบปียังพอทน แต่ห่างกันสิบปี ใจขาดกันพอดีสิ“ไปเรียนต่อค่ะ แล้วก็จะทำงานอยู่ที่โน่น คุณมุกเป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้” ทั้งที่คิดว่าเขากำลังจะได้อุ้มลูก
สามวันให้หลังพิชยะได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้ คนที่เสียสละทั้งเวลางานและเวลาส่วนตัวเป็นสารถีขับรถให้เขานั่งสบาย ๆ ก็ไม่พ้นคุณหมอธนาเพราะพิธาติดประชุมกับคณะผู้บริหาร“กลับบ้านได้แล้วไม่ดีใจเหรอวะ” ตั้งแต่เข้ามานั่งในรถเขาก็เห็นพิชยะทำหน้าเหมือนตูดลิง“แค่กลับบ้านมีอะไรให้ดีใจ” เป็นเมื่อก่อนก็ว่าไปอย่าง ที่พอเขากลับไปแล้วจะได้เจอมนต์มีนาอยู่ที่บ้านแต่ตอนนี้อย่าว่าแต่ได้เจอ เขาโทรไปหาเป็นร้อย ๆ ครั้งเธอก็ยอมไม่รับสายถ้าเป็นเมื่อก่อน ไม่มีทางที่เขาจะอยู่เฉยแบบนี้แน่ ต้องตามไปลงโทษกันบ้าง“ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะน้องมีนของกูยังไม่ยอมรับโทรศัพท์เหรอวะ เห้ยย อย่านะเว้ย กูพาเสยเสาไฟจริงด้วย เอาสิ” ธนาร้องโวยวายพร้อมกับข่มขู่ตอนที่พิชยะจะยกเท้าขึ้นมาประทุษร้ายที่ธนาพูดจาไม่เข้าหู แถมยังเรียกมนต์มีนาว่า ‘น้องมีนของกู’ อีก “แม้ระหว่างทางจะเกิดสงครามเล็ก ๆ ระหว่างเพื่อนจนเกือบจะเกิดอุบัติเหตุหลายครั้ง แต่ทั้งสองคนก็มาถึงบ้านกิจธาดาวงศ์ด้วยความปลอดภัยธนายังมีธุระที่อื่นต่อ พอเข้าไปทักทายคุณมนูญกับคุณเพ็ญพิชย์ที่เพิ่งลงเครื่องมาหมาด ๆ ก็ขอตัวกลับทันที ตอนนี้ในที่โถงรับแขกจึงมีเพียงพ่อแม่ลูกนั่
ไม่รู้ว่าจะทนอดเปรี้ยวไว้กินหวานได้อีกนานอีกไหน“คุยกับมีนเหรอคะ?” มนต์มีนาเอียงคอถาม มองมาที่ชายหนุ่ม ความจริงหูของเธอได้ยินที่เขาพูดชัดทุกคำ แต่แกล้งทำเหมือนไม่ได้ตั้งใจฟัง“ถ้าเฮียไม่คุยกับมีนแล้วจะให้เฮียคุยกับใคร”“ไม่รู้สิคะ คุยกับพยาบาลไหมล่ะคะ เดี๋ยวมีนไปตามมาให้สักสองสามคน” เรื่องที่พิชยะล้มงานวิวาห์กระจายไปทั่วโรงพยาบาล บรรดาพยาบาลต่างก็ดีใจที่เขากลับมาโสดอีกครั้งแต่พวกเธอก็ดีใจได้ไม่กี่วัน พิชยะก็ให้พิธาบอกกับทุกคนว่าผู้หญิงที่มาเยี่ยมเขาทุกวันคือคนที่เขารักและกำลังตามง้ออยู่ ทำเอาพยาบาลอกหักไปตาม ๆ กันทว่าก็ยังมีพยาบาลหลายคนที่ไม่ถือสาว่าศัลยแพทย์หนุ่มจะมีเจ้าของหัวใจแล้ว ยังแวะเวียนกันเอาของมาเยี่ยมจนหัวกระไดห้องนี้ไม่เคยแห้ง“หึงเหรอ” เขายิ้มที่มุมปาก พอใจที่เห็นความหึงหวงเป็นประกายอยู่ในแววตาของหญิงสาว“ใครหึง มีนไม่ได้หึงสักหน่อย” มนต์มีนาปอกแอปเปิลในมือต่อ ไม่สบสายตาคู่คม กลัวตัวเองจะเผยความรู้สึกนึกคิดออกไปแม้ว่าบาดแผลในใจจะได้รับการเยียวยาจนเกือบจะหายดีแล้วแต่เธอยังไม่สามารถกลับมาคืนดีกับเขาได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะเธอยังอยากดูความจริงใจจากเขาอีกสหน่อยไม่สิ
กว่าสามสัปดาห์แล้วที่พิชยะพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ‘วิวัฒเวช’ อาการบาดเจ็บของเขาดีขึ้นตามลำดับจนใกล้จะหายดี เมื่อเช้าหมอแจ้งว่าอีกไม่เกินสองสามวันนี้เขาก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วมนต์มีนามาเยี่ยมชายหนุ่มทุกวัน แต่เธอไม่ได้อยู่นอนเฝ้าอย่างที่ควรจะเป็นเพราะยังต้องไปฝึกงาน ซึ่งตอนนี้การเป็นนักศึกษาฝึกงานของเธฮก็เข้าสู่เดือนสุดท้ายแล้วถึงแม้ว่าเธอจะใจอ่อนให้พิชยะไปเยอะแล้วก็ตาม แต่ถ้าจะให้เธอทำเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ก็คงจะเป็นไปไม่ได้แกรกก…ทันทีที่ได้ยินเสียงเปิดประตูห้องเข้ามา คนซึ่งกำลังยืนยืดเส้นยืดสายอยู่ที่หน้าต่างห้องรับอาการดี ๆ ของวันใหม่ แทบจะกระโจนขึ้นไปบนเตียงของโรงพยาบาล ก่อนจะทำทีว่าตนเองนอนหลับอยู่ถ้าคนที่เข้ามาเป็นมนต์มีนาอย่างที่ชายหนุ่มคิด เธอก็อาจจะไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของเขา แต่บังเอิญว่าเป็นพิธากับธนา พวกเขาจึงรู้เท่าทัน“ลืมตาได้แล้ว พวกกูเอง” พอได้ยินเสียงของหมอธนาพิชยะก็ลืมตาขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์“มาทำไมนักหนาวะ ไม่มีการมีงานทำรึไง”“อ้าว! พูดแบบนี้ มึงหาว่าท่าน ผอ.ของกูอู้งานเหรอวะ” ธนานั่งลงที่โซฟาภายในห้องผู้ป่วยพิเศษ ไม่ใส่ใจกับคำพูดอ้อม ๆ ของพิชยะที่บ่งบ
พิชยะถูกนำตัวเข้าห้องฉุกเฉินทันที โชคดีที่คมมีดไม่โดนจุดสำคัญตอนนี้เขาจึงปลอดภัยแล้วพิธากับธนารู้ว่าเพื่อนถูกแทงก็รีบมาที่ห้องฉุกเฉินทุกคนในแผนกต่างก็พากันตกใจที่เนื้อตัวของศัลยแพทย์หนุ่มเต็มไปด้วยเลือดไม่กี่วันก่อนพิชยะเพิ่งจะประกาศยกเลิกวิวาห์กลางคัน จนกลายเป็นหัวข้อหลักในวงสนทนาของบรรดาหมอและพยาบาลทั้งวอร์ด วันนี้เขากลับได้รับบาดเจ็บมาพ้นขีดอันตรายจวนจะเข้าวันที่สองแล้วแต่จนป่านนี้พิชยะก็ยังไม่ได้สติ มนต์มีนาเป็นห่วงเขามาก เธอไม่ยอมลุกไปไหนแม้ว่าพิธากับธนาจะหมุนเวียนกันมาเฝ้า เธอนั่งกุมมือเขาไว้ตลอดเวลา หวังเพียงให้เขาตื่นขึ้นมาอย่างปลอดภัย แต่ร่างกายที่อ่อนเพลียจากการอดนอนทำให้หญิงสาวฟุบหลับไปมนต์มีนาจึงไม่เห็นตอนที่พิชยะลืมตาขึ้นมา และทันทีที่เขาเห็นหญิงสาวนอนเฝ้าอยู่ข้างเตียง น้ำตาของลูกผู้ชายก็ซึมออกมาโดยไม่รู้ตัวตอนนี้เธอจะยอมยกโทษให้เขาหรือไม่นั้น ไม่สำคัญอีกต่อไป แค่เสี้ยวหนึ่งที่เธอเป็นห่วงเขา เขาก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้วมือเรียวยาวของชายหนุ่มค่อย ๆ ขยับเข้าไปหาใบหน้าจิ้มลิ้ม ใบหน้าของคนที่เขาคิดถึงและโหยหามาตลอดนิ้วเรียวยาวนั่นค่อย ๆ วางลงบนพวงแก้มขาวเนียน หัวใจที่เ
วันต่อมา ทั้งวันมนต์มีนาไม่เห็นพิชยะมาที่บริษัทจึงคิดว่าเหตุการณ์วันก่อนคงทำให้เขาถอดใจไปแล้ว สุดสัปดาห์ทีไรบรรยากาศในการทำงานของพนักงานบริษัทตะวันฉายก็จะครึกครื้นเป็นพิเศษ เพราะบางคนวางแผนจะไปเที่ยวต่างจังหวัดกับคนรัก บางคนก็วางแผนจะใช้เวลาในวันหยุดเสาร์อาทิตย์อยู่กับครอบครัว ถึงเวลาเลิกงานมนต์มีนาก็เดินออกมาที่ประตูฝั่งด้านหน้าของบริษัทหลังจากแน่ใจว่าพิชยะไม่ได้มาดักรอเจอเธอ วันนี้อาทิตย์กับมุกรินไม่ได้เข้าบริษัทเพราะมุกรินต้องไปตรวจครรภ์ตามนัด ส่วนเจนจิราขอลาหยุดหนึ่งวันเพราะต้องไปเฝ้าพี่สะใภ้ที่โรงพยาบาลแทนพี่ชาย ส่วนภูวเนศออกไปพบลูกค้าตั้งแต่เช้ายังไม่กลับเข้ามา วันนี้เธอเลยต้องนั่งรถประจำทางกลับไปที่อพาร์ทเม้นท์คนเดียวเพราะเกศินีที่ชอบไปขลุกอยู่ที่ห้องเธอจนดึกดื่นแทบจะทุกวันขอลาไปทำธุระกับครอบครัวที่ต่างจังหวัด แต่พอเดินออกมาเธอก็พบว่ามีคนมายืนรออยู่ หญิงสาวกอบกำมือทั้งสองเข้าหากันเมื่อต้องการเรียกความเข้มแข็งให้ตัวเอง “ขอคุยด้วยหน่อยสิ” “ถ้าคุณรสสราจะมาติดต่อเรื่องงานคุยกับพี่มุกโดยตรงได้เลยนะคะ ขอตัวค่ะ” “ไม่ต้องมาแกล้งโง่” ถ้อยคำที่แฝงไปด้วยการด่าทอเอ่ยไล่หลังหญิงสาวอ
คนที่โง่มันคือเขาต่างหากเขาโง่ที่ไม่เคยรู้อะไรเลย ไม่เคยรู้แม้กระทั่งว่าผู้หญิงที่เขาลงมือทำร้ายคือคนที่หัวใจของเขาต้องการชายหนุ่มหยัดกายลุกขึ้นยืนท่ามกลางสายฝนที่เทกระหน่ำลงมา ทุกย่างก้าวของเขาหนักอึ้งไปด้วยความปวดใจจากการกระทำในวันวาน ไม่ว่าจะเหลียวมองไปทางไหนก็พบแต่ความสิ้นหวัง เห็นเพียงใบหน้าหมางเมินของมนต์มีนาที่ฉายวนซ้ำไปมาคำพูดเชือดเฉือนหัวใจมันยังดังก้องอยู่ภายในหัวของเขา ร่างสูงเดินออกไปจากตรงนั้นไม่ต่างจากคนไร้วิญญาณ ไหล่ที่เคยสง่าผ่าเผยกลับลู่ลงข้างกายอย่างสิ้นไร้ความหวังเขาจะทำอย่างไรดี เขาควรทำอย่างไรต่อถึงจะตามหัวใจของเขากลับคืนมาได้เมื่อหมดหนทางสุดท้ายคืนนั้นพิชยะก็ตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากอาทิตย์ เจ้าของบริษัทตะวันฉายที่มนต์มีนาฝึกงานอยู่ โดยเขาได้นัดอีกฝ่ายออกมาเจอที่ไนต์คลับของพิธาทั้งสองนั่งพูดคุยกัน ตอนแรกอาทิตย์ปฏิเสธที่จะเข้ามายุ่งเรื่องนี้เพราะอย่างไรเขาก็เป็นคนนอก แต่พอเห็นว่าพิชยะสำนึกผิดจริง ๆ และต้องการจะแก้ไขทุกอย่างให้ดีขึ้น อาทิตย์ก็เกิดเห็นใจผู้ชายด้วยกันครั้งหนึ่งอาทิตย์ก็เคยทำผิดพลาดครั้งใหญ่กับมุกริน เขาเลยเข้าใจความรู้สึกของพิชยะดี คนที่ต้องก
“พี่เจนไม่ต้องพูดอะไรก็ได้ค่ะ เดี๋ยวมีนออกไปคุยกับเขาเอง”“เดี๋ยวก่อนมีน…” เจนจิรากลัวว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาเลยรีบตามหญิงสาวออกไป ตอนนั้นพิชยะกำลังจะเดินกลับไปที่รถ เขาเห็นมนต์มีนาจึงหน้าถอดสี“มีน…” ชายหนุ่มเดาได้ทันทีว่ามนต์มีนาอาจจะรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว แต่เขากลับไม่ได้มีความกังวลหรือกลัวอะไร เพราะอย่างน้อยมันก็ทำให้เธอยอมออกมาเจอเขา“เอาของพวกนี้กลับไปด้วยค่ะ มีนไม่ต้องการ” มนต์มีนาโยนของที่ถืออยู่ในมือลงพื้นราวกับว่าเป็นสิ่งของเน่าเสีย ชายหนุ่มได้แต่มองของที่หล่นกระจายอยู่ที่พื้นตรงหน้าของเขาด้วยความเจ็บปวด“เฮียยอมรับผิดทุกอย่างแล้ว มีนให้โอกาสเฮียสักครั้งได้ไหม” นาทีนี้พิชยะแทบจะก้มศีรษะขอโอกาสจากเธอ ทว่าเขากลับได้รับเพียงคำพูดที่ไร้เยื่อใยกลับมา และแม้ว่าเขาจะไม่ได้ตะโกนออกมา แต่คำขอโทษที่มาจากข้างในก็ดังไปถึงความรู้สึกของมนต์มีนาอย่างไม่น่าเชื่ออานุภาพของมันทำให้ขาทั้งสองข้างที่กำลังจะก้าวออกไปหยุดชะงัก แต่เธอก็ไม่ได้หันกลับมามองเขา“มีนไม่มีโอกาสอะไรให้หรอกค่ะ ถ้าไม่อยากให้มีนเกลียดเฮียไปมากกว่านี้ก็อย่ามาให้มีนเห็นหน้าอีก แล้วต่อไปนี้ก็ไม่ต้องเอาอะไรมาให้ เพราะทุกอย่
พิชยะขับรถมาที่โรงพยาบาลเพราะเขารู้ว่าตัวเองมีไข้สูง ตอนที่มาถึงเขาจึงถูกพาเข้าห้องฉุกเฉินหมอและพยาบาลรีบเข้ามาตรวจอาการของเขาอย่างรวดเร็วก่อนจะให้ยาลดไข้ในทันทีชายหนุ่มนอนหลับไปครึ่งวัน ตื่นมาอีกทีเขาก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล“เป็นไงไอ้คนเก่ง ฟื้นแล้วเหรอมึง” ธนาทักเขาเป็นคนแรก ถ้ามาช้ากว่านี้สักครึ่งชั่วโมง พิชยะอาจจะถูกพิษไข้ที่สูงกว่าสี่สิบองศาเล่นงานจนไม่มีโอกาสได้ไปง้อเมียอีกแน่ ๆ“ไม่ต้องห่วงหรอก กูยังดวงแข็ง”“ปากดีขนาดนี้กูไม่น่าเช็ดตัวให้มึงเลย น่าจะปล่อยให้มึงหนาวตายไปซะ” ธนาพูดด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะหันไปเห็นว่าพิชชากำลังมองเขม่นมาที่ตัวเอง“แต่ก็เห็นแก่ที่มึงเคยเปิดเมมเบอร์เลาจน์ให้กู หนี้ชีวิตที่กูช่วยเช็ดตัวให้มึงกูไม่คิดก็ได้”“พร่ำอะไรของมึงวะ” พิธาที่ฟังอยู่นานพูดขึ้นบ้าง เขาได้รับรายงานเรื่องที่พิชยะจัดการเรื่องผ่าตัดโดยไม่ผ่านระเบียบของโรงพยาบาลแล้ว“มึงมีอะไรจะพูดกับกูไหม”“ไม่มี แล้วแต่มึงจะพิจารณาเลย” ตอนที่ตัดสินใจทำลงไปเขาย่อมรู้ความผิดของตนเองและผลที่จะตามมาอยู่แล้วจึงไม่คิดจะอาศัยความเป็นเพื่อนขอให้พิธาผ่อนปรนโทษให้“งั้นกูหักเงินเดือนมึงทั้งเ