ในค่ำคืนอันมืดมิดซึ่งพายุฝนกำลังพัดกระหน่ำ ในห้องนอนเล็กๆ ของบ้านหลังน้อยกำลังร้อนระอุด้วยเพลิงพิศวาสที่เต็มไปด้วยความร้อนแรงและเอาแต่ใจของชายนุ่มรูปงามราวเทพบุตรที่สาดใส่ร่างบอบบางของสาวน้อยหน้าแฉล้มซึ่งนอนน้ำตารินด้วยความเจ็บปวดราวร่างจะแตกปริเมื่อเขารุกล้ำร่างบอบบางราวแก้วใสด้วยร่างแกร่งใหญ่โตของเขาโดยไม่สนใจว่าคนตัวเล็กใต้ร่างจะรู้สึกอย่างไร สิ่งที่เขาต้องการคือทำให้เธอเจ็บปวดมากที่สุด เจ็บปวดเท่าที่เขาเจ็บ...
อัคนี ดีแลนด์ เทพบุตรเลือดผสมไทย เยอรมัน วัยยี่สิบแปดปีซึ่งกลายร่างเป็นซาตานร้ายก้มลงบดขยี้เรียวปากกระด้างลงบนกลีบปากบางที่บวมเจ่อแทบแตกปรินั้นอย่างลงทัณฑ์ไม่สนใจว่าเธอจะเจ็บปวดเพราะน้ำมือเขาแค่ไหน เขาสนใจเพียงอย่างเดียวคือเชยชมร่างกายงดงามนี้ให้สมกับความแค้นในใจ ชายหนุ่มสาวสะโพกสอบเข้าใส่ร่างบอบบางด้วยแรงอารมณ์ แม้ความคับแน่นจะบีบรัดจนเขาปวดหนึบแทบจะขยับไม่ได้ก็ตาม
“ได้โปรด ออกไป บีเจ็บ ฮือออ...”
บารนี สาวน้อยวัยสิบแปดปีหมาดๆ ซึ่งตกเป็นเหยื่อและกลายเป็นผู้รับโทษทัณฑ์จากเขาวอนขอทั้งน้ำตา ความเจ็บปวดราวร่างจะฉีกออกจากกันทำให้เธอแทบขาดใจตายไปเสียเดี๋ยวนี้...
“ไม่หรอก เธอจะไม่ตายแค่นี้หรอกสาวน้อยแต่เธอจะต้องตายทั้งเป็น... หึหึ”
ชายหนุ่มไม่เมตตาแต่กลับเสือกสวนกายแกร่งเข้าหาหาร่างบอบบางอย่างบ้าคลั่งโดยไม่สนใจอะไรอีกต่อไปเมื่อร่างสาวบีบรัดจนเขาปวดร้าวไปทั้งกายและเขาต้องการปลดปล่อยความทรมานนี้ออกไป
อัคนีบดสะโพกแกร่งรัวเร็วโยกคลึงด้วยลีลาร้อนแรงจนสาวน้อยหอบหายใจสะท้านเมื่อความเจ็บแปลบค่อยคลายลงและความเสียวซ่านแปลกใหม่แทรกเข้ามาแทนที่แม้จะพยายามต้านทานความรู้สึกนั้นแต่ดูเหมือนมันจะไร้ค่า เพราะเธอกลับเผลอตอบสนองเขาด้วยการแอ่นร่างขึ้นเผลอยกสะโพกเคลื่อนไหวไปตามจังหวะที่เขาเป็นผู้นำ แม้เงอะงะแต่ก็ทำให้คนตัวโตพอใจ ก้มลงมาจูบริมฝีปากระเรื่อบวมเจ่อเพราะฤทธิ์จุมพิตลงทัณฑ์จากเขาในคราแรกอย่างอดไม่ไหว และรู้สึกอิ่มเอิบในใจเมื่อเขารู้ว่าตนเป็นผู้ชายคนแรกของเธอ
น้องสาวของศัตรูหัวใจ น้องสาวของคนที่แย่งคนรักของเขาไปอย่างหน้าไม่อาย และเมื่อนึกถึงข้อนี้อัคนีก็สอดเสยร่างแกร่งเขาหาคนตัวเล็กอย่างร้อนแรงและเต็มไปด้วยความหิวกระหายฟอนเฟ้นทรวงสาวแรกผลิอย่างไร้ความปราณีจนสาวน้อยเบ้หน้าด้วยความเจ็บปวดที่เริ่มทำร้ายเธออีกครั้ง...
“เธอให้ความรู้สึกดีเหลือเกินสาวน้อย อา... โอ้ว... สุดๆ ไปเลย ฉันเริ่มทนไม่ไหวแล้ว...”
ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่าก่อนจะกระแทกกายหนักๆ เข้าหาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะปลดปล่อยธารสวาทเร่าร้อนเข้าสู่กายบางจนหมดสิ้นด้วยความลืมตัว...
อัคนีแหงนเงยสุดปากด้วยความสุขสมเมื่อเขาสามารถไปถึงฝั่งฝันได้อย่างไม่น่าเชื่อว่าน้องสาวศัตรูหัวใจจะให้ความรู้สึกดีขนาดนี้ สาวน้อยร่างบางก็ครางกระเส่าด้วยความรู้สึกสุขสมที่ไม่เคยได้รับรู้มาก่อนว่าการกระทำเช่นนี้ของชายหญิงจะให้ความรู้สึกซ่านเสียวและเป็นสุขอย่างนี้...
ปัง! เสียงประตูห้องนอนเล็กๆ ของเธอเปิดออกอย่างแรงจนประตูกระแทกผนังห้องพร้อมกับร่างสูงไม่แพ้ชายหนุ่มบนร่างเธอยืนจังก้าอยู่หน้าห้องพร้อมกับภรรยาสาวซึ่งเป็น อดีตคนรัก ของอัคนีนั่นก็คือ ภัทรา
“น้องบี คุณอัคนี...”
บริบูรณ์ พี่ชายของเธอตะลึงมองภาพตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ความเจ็บปวดไหล่บ่าเข้าจู่โจมหัวใจแกร่งเมื่อเห็นสภาพของน้องสาวที่ดูก็รู้ว่าถูกอัคนีย่ำยีบารนีไปถึงไหนต่อไหนแล้ว...
“คุณจะต้องรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นคุณอัคนี...”
สี่ปีผ่านไป...
“น้องบูมครับมาทานผลไม้เร็วครับคุณแม่บีปอกมาให้แล้วครับ” บารนีในวัยยี่สิบสองปีร้องเรียก น้องบูม หรือ เด็กชายอัศวิน ดีแลนด์ บุตรชายผู้เป็นแก้วตาดวงใจเสียงใส ไม่นานเด็กชายตัวอ้วนกลมผิวสีน้ำตาลทองแก้มยุ้ยก็วิ่งตึกๆ มาหาผู้เป็นมารดาด้วยรอยยิ้มกว้างขวาง แก้มยุ้ยๆ นั้นแดงปลั่งเพราะวิ่งเล่นจนเหนื่อยเหงื่อท่วมตัว
“คุงแม่ค้าบ น้องบูมอยากว่ายน้ำ” เด็กชายอ้อนมารดามือป้อมๆ นั้นหยิบแอ๊ปเปิ้ลของโปรดเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆเมื่อมารดาจับมือน้อยไปล้างที่ก๊อกน้ำไม่ไกลกันนั้น
“คุณแม่บอกว่าเวลากินอย่าพูดไงครับ มันไม่สุภาพและจะทำให้อาหารที่เราทานติดคอรู้ไหมคะ”
“ค้าบคุงแม่บี”
“แล้วก็ต้องพูดว่า คุณแม่บี ไม่ใช่คุงแม่บีนะครับลูกรัก”
หญิงสาวบอกลูกรักเพื่อให้เขาพูดได้ถูกต้องอย่างที่ส่วนใหญ่ผู้ที่เลี้ยงเด็กๆ ในวัยนี้เช่นคนที่เป็นปู่ย่าตายายมักจะหัวเราะชอบใจเมื่อหลานๆ พูดไม่ชัดมองว่าเป็นเรื่องตลกขบขันและไม่คิดว่ามันจะส่งผลให้กับเด็กเมื่อโตพอจะเข้าโรงเรียน และเรื่องแบบนี้เธอเคยเห็นมาก่อนสมัยเด็กๆ เพราะเพื่อนวัยเดียวกันกว่าจะพูดชัดก็เกือบจะจบชั้นประถมหก
“ค้าบ คุณ แม่ บี” เด็กชายพูดอย่างตั้งใจพร้อมกับยิ้มให้มารดาจนตาหยี บารนีมองลูกชายตัวน้อยด้วยความรักและพอใจที่น้องบูมเป็นเด็กฉลาดและว่านอนสอนง่ายคุณปู่และคุณย่าซึ่งเดินมาดูหลานรักเล่นปั่นจักรยานอยู่ในสวนมองสองแม่ลูกที่คุยกันด้วยเหตุผลอย่างแสนรัก บารนีกับน้องบูมคือแก้วตาดวงใจของบ้านนี้นั่นคือสิ่งผู้สูงวัยทั้งสองเห็นอยู่ในสายตามาเสมอ...
“มาทานข้าวเที่ยงกันได้แล้วจ้ะน้องบูม ลูกบี”
คุณดารา ร้องเรียกลูกสะใภ้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเอ็นดูสองแม่ลูก คุณดาราในวัยห้าสิบหกนั้นดูงดงามเปล่งปลั่งด้วยการดูแลตัวเองอย่างดีทำให้นางดูอ่อนกว่าวัยและมองแล้วสดชื่นสบายด้วยการแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีสดใสทันสมัยซึ่งทุกชุดที่นางสวมก็ล้วนแล้วแต่เป็นการออกแบบจากลูกสะใภ้สุดที่รักของนางนั่นเองและฝีมือการออกแบบและตัดเย็บของบารนียังเป็นผลงานที่สร้างชื่อให้กับ ดีแลนด์ซิลด์ หนึ่งในธุรกิจสร้างรายได้มหาศาลให้กับตระกูลดังอย่างตระกูลดีแลนด์ และคุณอีริคดีแลนด์ ประมุขใหญ่ของครอบครัวก็เป็นนักธุรกิจอาวุโสที่มีคนนับหน้าถือตาและถือเป็นแบบอย่างในการดำเนินธุรกิจอีกด้วย แต่นอกจากครอบครัวดีแลนด์จะทำธุรกิจสิ่งทอแล้วยังมีอีกหลายกิจการที่สร้างรายได้ให้กับคนตระกูลนี้มานานแสนนานนั่นคือธุรกิจสายการบินและการโรงแรม...
ตอนที่2.คุณอีริคกับคุณดารานั้นมีบุตรชายด้วยกันสามคน คนโตคือ คุณเด่น หรืออัครา วัยสามสิบสี่ดูแลกิจการด้านสิ่งทอของครอบครัวรวมไปถึงการเป็นเจ้าของไร่อัครา ซึ่งมีพื้นที่เป็นพันไร่แยกปลูกไร่มันสำปะหลังและเลี้ยงไหมอีรี่ป้อนโรงงานทอผ้าของตนอีกด้วย(ไหมอีรี่เป็นแมลงที่สร้างรังซึ่งเป็นเส้นใยธรรมชาติที่นำมาใช้ประโยชน์ทำเครื่องนุ่งห่มและสิ่งทอต่างๆ และพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่าได้เหมือนไหมหม่อนแต่เส้นใยไหมอีรี่มีคุณสมบัติเฉพาะ คือ มีความหนานุ่มคล้ายผ้าขนสัตว์แต่ก็ดูดซับเหงื่อและระบายอากาศได้ดี ทำให้ใส่แล้วรู้สึกอบอุ่นในฤดูหนาว และเย็นสบายในฤดูร้อน ไม่สากระคายมือ มีคุณภาพทนทานดีกว่าไหมหม่อน ซักได้ด้วยวิธีธรรมดา ไม่ต้องซักแห้ง เส้นไหมที่ผลิตได้จะมีลักษณะเป็นปุ่มปม มีความเงามันเล็กน้อยซึ่งสวยงามแปลกตาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวและยังเป็นแมลงที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจสูง ไหมอีรี่กินใบมันสำปะหลังและใบละหุ่งเป็นอาหาร )คนกลางคือ คุณเดียวหรือ อัคนี วัยสามสิบสองปีซึ่งดูแลกิจการด้านการโรงแรมของครอบครัวและตอนนี้เขาก็ประจำอยู่ที่เยอรมันและเดินเดินทางไปดูงานโรงแรมของครอบครัวทั่วโลกยกเว้นเมืองไทย... ส่วนคนสุดท้ายค
ตอนที่3.คำพูดร้ายกาจออกมาจากปากหยักสวนสีแดงเรื่อราวปากอิสตรี แต่แต่ละคำพูดที่ออกจากปากนั้นช่างแสบสันและทำร้ายจิตใจคนฟังมากมาย บารนีมองหน้าของสามีหมาดๆ ด้วยความกลัวจับใจ ร่างบางในชุดสีขาวสะอาดถอยกรูดชิดผนังเมื่อร่างสูงใหญ่ของเขาปรี่เข้ามาใกล้ มือหนากระชากไหล่มนเข้ามาหาอย่างดุดันแล้วโน้มใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรลงมาช้าๆ ดวงตาสีน้ำเงินดูมืดดำจนบารนีหัวใจแทบหล่นไปอยู่แทบเท้าของเขา“อย่าทำอะไรบีเลยนะคะ ได้โปรดสงสารบีเถอะ” เมื่อเห็นท่าทางของเขาอย่างนี้บารนีรู้สึกหวิวหวั่นในใจ ความเจ็บแปลบที่เหมือนร่างจะแตกเป็นเสียงๆ นั้นยังตรึงอยู่ในจิตใจอันบอบบาง และหากเขาทำแบบนั้นกับเธออีกเธอคงตายแน่ๆ บารนีมองเขาด้วยน้ำตานองหน้า...“เธอจะต้องชดใช้ที่ทำให้ชีวิตของฉันพังไม่เป็นท่า และเธอจะต้องชดใช้ที่พี่ชายของเธอมันแย่งแฟนฉัน...” อัคนีกล่าวเสียงลอดไรฟัน ใบหน้าหล่อเหลาเข้มด้วยความเกลียดชังและความคับแค้นใจที่ถูกมัดมือชกในคืนนั้น คืนที่เขาพร่าพรหมจรรย์ของบารนี แล้วพี่ชายของเธอกลับมาพบว่าเขาทำอะไรกับน้องสาวของตนอีกทั้งอดีตคนรักของเขาก็อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย การแก้แค้นของเขาคงสิ้นสุดลงหากภัทราไม่อยู่ในคืนนั้น
ตอนที่4.“อื้อ ไม่นะ...โอ คุณเดียว... อย่า...” บารนีครางไม่เป็นภาษา รู้สึกสับสนกับความรู้สึกตนเอง ร่างของเธอร้อนราวกับไฟในขณะเดียวกันก็รู้สึกมวนในช่องท้อง และฉ่ำชื้นที่ใจกลางร่างซึ่งกำลังถูกชายหนุ่มจู่โจมอย่างเร่าร้อนด้วยปากและลิ้นของเขา ในใจหนึ่งก็รู้สึกกลัวความเจ็บแปลบที่เธอเคยผ่านพบมาก่อนหน้านี้ แต่อีกใจก็อยากรู้ว่าสัมผัสจากเขาจะทำให้เธอหายจากความทรมานนี้ได้หรือไม่ ความรู้สึกเสียวซ่านโจมตีเธอจนแทบมอดไหม้ความรู้สึกนี้ช่างแตกต่างจากครั้งแรกที่เขารุกรานเธอโดยสิ้นเชิง และตอนนี้เธอทรมานจากความรู้สึกนี้เหลือเกินและเธอก็รู้สึกแปลกใจกับความรู้สึกที่เหมือนลอยสูงขึ้นไปในอากาศแล้วตกลงมากระแทกพื้นที่อ่อนนุ่มพร้อมกับความรู้สึกเบาสบายแต่ไม่ทั้งหมดเพราะเธอรู้สึกถึงความร้อนที่จดจ่ออยู่ชิดกลีบกายสาวซึ่งสร้างความร้อนเร่าขึ้นในกายเธออีกครั้ง...“เธอเป็นของฉันสาวน้อย เธอเป็นของฉันบารนี...” ชายหนุ่มครางกระซิบเสียงแหบพร่ายกกายเหนือร่างงามแล้วกดแทรกแก่นกายร้อนรุ่มเข้าสู่ใจกลางดงดอกไม้สดฉ่ำช้าๆ ใบหน้าหล่อเหลาเหยเกเพราะความคับแน่นบีบอัดจนเขาแทบขาดใจก่อนจะดุนดันแก่นกายเข้าหาร่างบางจนสุดตัวและแช่นิ่งไว้ให
ตอนที่5.ที่สำคัญอัครากับอัคนีมีใบหน้าที่ละม้ายคล้ายกันมากและรูปร่างที่สูงห่างกันแค่เซนติเมตรเดียวไม่ได้ทำให้เขาทั้งสองดูแตกต่างกันสักเท่าไหร่ แต่สิ่งที่ไม่เหมือนก็คืออัคราไม่เคยเย็นชากับเธอเขาพูดกับเธอมากกว่าพูดกับคนอื่นๆ ด้วยซ้ำ จนบางทีอัครวัฒน์ซึ่งมักมาที่บ้านบ่อยๆ และค่อนข้างสนิทสนมกับเธอเพราะวัยใกล้เคียงกัน ก็ยังเคยเอ่ยล้อว่าเธอสามารถง้างปากเสือยิ้มยากให้ยิ้มและพูดมากได้ และหนุ่มทั้งสองคนนี้ไม่เคยสักครั้งที่เขาจะทำร้ายจิตใจเธอเหมือนใครบางคนที่เธอจำเป็นต้องเห็นเขาในฝันอยู่เสมอ...“น้องบีเป็นอะไรหรือเปล่า” ชายหนุ่มถามเมื่อเห็นใบหน้าที่ค่อนดูหม่นหมองลง“เปล่าค่ะ คือ บีแค่นอนดึกไปหน่อยค่ะเมื่อคืน”“ออกแบบลายผ้าให้พี่ล่ะสิ จริงๆ แล้วไม่ต้องรีบก็ได้ งานเลี้ยงก็มีคืนนี้ น้องบีทำตอนนี้ยังทันเลยไหนพี่ขอดูหน่อยสิ”ชายหนุ่มบอกอย่างอ่อนโยน รู้สึกรักและเอ็นดูน้องสะใภ้ผู้อาภัพมากขึ้นเพราะบารนีไม่เคยอยู่ว่าง เธอมักจะทำนู่นทำนี่อยู่ตลอดเวลา และบารนีก็ไปเป็นแขกที่ไร่อัคราเสมอเพราะไปดูการเลี้ยงไหมอีรี่และศึกษาพัฒนาผลิตภัณฑ์จากไหมกินใบมันสำปะหลังนั่นเอง จนตอนนี้ผลิตภัณฑ์จากไหมอีรี่ของดีแลนด์ซิลด์โ