คุณอีริคกับคุณดารานั้นมีบุตรชายด้วยกันสามคน คนโตคือ คุณเด่น หรืออัครา วัยสามสิบสี่ดูแลกิจการด้านสิ่งทอของครอบครัวรวมไปถึงการเป็นเจ้าของไร่อัครา ซึ่งมีพื้นที่เป็นพันไร่แยกปลูกไร่มันสำปะหลังและเลี้ยงไหมอีรี่ป้อนโรงงานทอผ้าของตนอีกด้วย
(ไหมอีรี่เป็นแมลงที่สร้างรังซึ่งเป็นเส้นใยธรรมชาติที่นำมาใช้ประโยชน์ทำเครื่องนุ่งห่มและสิ่งทอต่างๆ และพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่าได้เหมือนไหมหม่อนแต่เส้นใยไหมอีรี่มีคุณสมบัติเฉพาะ คือ มีความหนานุ่มคล้ายผ้าขนสัตว์แต่ก็ดูดซับเหงื่อและระบายอากาศได้ดี ทำให้ใส่แล้วรู้สึกอบอุ่นในฤดูหนาว และเย็นสบายในฤดูร้อน ไม่สากระคายมือ มีคุณภาพทนทานดีกว่าไหมหม่อน ซักได้ด้วยวิธีธรรมดา ไม่ต้องซักแห้ง เส้นไหมที่ผลิตได้จะมีลักษณะเป็นปุ่มปม มีความเงามันเล็กน้อยซึ่งสวยงามแปลกตาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวและยังเป็นแมลงที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจสูง ไหมอีรี่กินใบมันสำปะหลังและใบละหุ่งเป็นอาหาร )
คนกลางคือ คุณเดียวหรือ อัคนี วัยสามสิบสองปีซึ่งดูแลกิจการด้านการโรงแรมของครอบครัวและตอนนี้เขาก็ประจำอยู่ที่เยอรมันและเดินเดินทางไปดูงานโรงแรมของครอบครัวทั่วโลกยกเว้นเมืองไทย... ส่วนคนสุดท้ายคือ คุณโดม หรือ อัครวัฒน์ วัยยี่สิบเก้าดูแลกิจการด้านสายการบิน นั่นก็คือ ดีแลนด์อินเตอร์เนชันแนลแอร์ไลน์ และหนึ่งในสามคนนั้นคือสามีของเธอ หญิงสาวคิดแล้วก็รู้สึกเศร้าในใจ...
“บี...” เสียงคุณอีริคเรียกเธอเบาๆ ด้วยความอาทร
“คะคุณพ่อ”
“คืนพรุ่งนี้ไปงานเลี้ยงวันเกิดของคุณวิลสันกับพ่อนะ ทางนั้นเขาอยากเจอบีและสนใจลายผ้าของเรา อีกอย่างพ่ออยากให้หนูเปิดหูเปิดตาด้วย ตอนนี้หนูเล็กกลับจากอเมริกาแล้วนะ”
ผู้สูงวัยกล่าวกับลูกสะใภ้ด้วยรอยยิ้มซึ่งเต็มไปด้วยความรักความเมตตา และเอ่ยถึง หนูเล็ก หรือ ชลิตา เพื่อนที่เข้าอกเข้าใจเธอที่สุดและเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่บารนีมีอยู่ในตอนนี้...
“ค่ะ บีไม่มีปัญหาค่ะอยากเจอหนูเล็กอยู่พอดี”
“จ้ะ งั้นเราไปทานข้าวกันเถอะ”
บารนียิ้มให้พ่อสามีของตนบางๆ แล้วเดินตามร่างสูงใหญ่ภูมิฐานของคุณอีริคที่เดินไปสมทบกับภรรยาซึ่งกำลังหอมแก้มซ้ายขวาของน้องบูมอย่างมันเขี้ยว หญิงสาวมองผู้สูงวัยทั้งสองที่อุ้มน้องบูมเข้าบ้านไปด้วยความชื่นมื่นเสียงหัวเราะสดใสของน้องบูมทำให้บ้านหลังงามมีสีสันความฉลาดและรู้เกินวัยทำให้น้องบูมเป็นแก้วตาดวงใจของทุกคน
คุณอีริคกับคุณดาราเอ็นดูกับลูกเป็นอย่างมากจนเธอรู้สึกละอายใจเพราะถึงแม้เธอจะแต่งงานกับอัคนีมาถึงสี่ปีแล้วแต่การใช้ชีวิตครอบครัวของเขาและเธอมันไม่ได้เป็นปกติเหมือนคู่สามีภรรยาคนอื่นๆ อัคนีทิ้งให้เธออยู่กับบิดามารดาของเขาแล้วตัวเขาเองก็หนีหน้าไปบริหารงานโรงแรมของ ดีแลนด์แกรนด์โฮเทล อยู่ที่เยอรมันและทั่วโลกซึ่งแน่นอนโรงแรมในเครือของดีแลนด์แกรนด์โฮเทล นั้นย่อมเป็นโรงแรมระดับห้าดาวและเป็นโรงแรมที่หรูหราทันสมัยอันดับหนึ่งของโลกหลังจากคืนเข้าหอแล้วอัคนีก็เดินทางไปเยอรมันทันทีโดยไม่สนใจเจ้าสาวที่นอนร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดจากการกระทำของเขา ทั้งร่างกายจิตใจของเธอบอบช้ำจนแทบไม่อยากจะอยู่ที่บ้านหลังงามโอ่อ่านี้...
อัคนีไปและก็ไม่เคยติดต่อกลับมา ไม่เคยส่งข่าวคราวมาให้เธอได้รับรู้ว่าเขาเป็นอยู่อย่างไร แต่เธอก็ได้รับข่าวคาวๆ ของเขาทางหนังสือพิมพ์บันเทิงต่างประเทศบ้างเพราะเขาขยันเป็นข่าวกับเหล่าดารานางแบบแถวหน้าของวงการบันเทิงทั้งในเยอรมันและฮอลลีวูด สร้างความน้อยเนื้อต่ำใจให้เธอพอสมควร
แม้ว่าเธอกับเขาจะแต่งงานกันเพราะความจำเป็นไม่ได้มีความรักเข้ามาเกี่ยวข้องก็ตาม แต่เธอยังอยู่ในฐานะภรรยาของเขาเขาก็ควรให้เกียรติเธอบ้างสิ หญิงสาวคิดในใจแต่แล้วอีกเสียงหนึ่งก็มักแย้งขึ้นมาเสมอว่า
ก็เขาไม่ได้เต็มใจ ไม่ได้รักเธอซ้ำยังถูกมัดมือชกแบบนั้น เขาจะมาสนใจเธอเพื่ออะไร...
“บี น้องบี...”
“คะ...” หญิงสาวตื่นจากภวังค์หันมามองใบหน้างามของคุณดารา ผู้สูงวัยมองใบหน้าสวยหวานของลูกสะใภ้ด้วยความรู้สึกเจ็บปวดลึกๆ นางมองคนที่นั่งเขี่ยข้าวในจานไปมาและดูเลื่อนลอยมาสักครู่แล้วและก็รู้ว่าบารนีกำลังคิดอะไรอยู่นางจึงเรียกเธอให้กลับมาสู่โลกความเป็นจริงแต่เธอไม่ได้ยินนางจึงเรียกเธออีกครั้งแล้วเขย่าแขนเรียวเบาๆ คุณดารามองใบหน้าสวยหวานจับใจด้วยความสงสาร...
นี่นางทำร้ายชีวิตอันสดใสของบารนีด้วยทะเบียนสมรสจากบุตรชายที่ไม่เคยเห็นค่าของบารนีหรือเปล่า คุณดาราถามตัวเองในใจ...
“ปละ เปล่านี่คะ บีแค่รู้สึกเหนื่อยๆ เมื่อคืนนี้ออกแบบลายผ้าดึกไปหน่อยค่ะ”
“ขอให้จริงเถอะไม่ใช่ว่าคิดเรื่องตาเดียวจนนอนไม่หลับล่ะ”
คุณดาราพูดเหมือนมานั่งอยู่ในใจของเธอ บารนีหน้าแดงด้วยความละอายเสหลบตาผู้สูงวัยด้วยการเดินไปนั่งข้างๆ ลูกชายตัวน้อยเช็ดปากซึ่งเปรอะเปื้อนคราบอาหารที่ติดมุมปากของน้องบูมอย่างอ่อนโยน
คุณดาราถอนใจพลางมองหน้าสามีอย่างขอความเห็น คุณอีริคส่ายหน้าช้าๆ เป็นการบอกรายๆ ว่าอย่าเพิ่งทำหรือพูดอะไรตอนนี้ นางจึงได้แต่รู้สึกหนักอึ้งในใจ...
“คุณอัคนีคะ คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ ปล่อยบีไปเถอะค่ะ ฮือๆ” เธออ้อนวอนขอร้องเขาทั้งน้ำตาเมื่อเห็นท่าทางและแววตากรุ่นด้วยความโกรธของเขา อัคนีไม่มีทางปล่อยให้เธออยู่เป็นสุขแน่ๆ
“เธอจะมาขอร้องฉันให้ปล่อยเธอทำไมในเมื่อเธอกับพี่ชายสารเลวของเธอต้องการแบบนี้ ต้องการทำลายฉัน พี่ชายเธอมันแย่งแฟนฉันยังไม่พอ มันจะยัดเยียดให้ฉันเอาเธอมาเป็นเมียอีก พวกเธอพี่น้องนี่หัวสูงจริงๆ พี่ชายก็หวังเกาะเมียกิน หึ คงคิดว่ามีเมียรวยแล้วจะสบายสิท่า ส่วนเธอก็อยากได้ฉันเป็นผัวจนตัวสั่น”
“ไม่นะคะ บีไม่เคยคิดแบบนั้น พรุ่งนี้เราไปหย่ากันก็ได้”
“หย่าเหรอ เธอคิดว่าพ่อกับแม่ฉันจะเห็นด้วยอย่างนั้นเหรอ คนอย่างอัคนีไม่เคยต้องยอมให้ผู้หญิงคนไหนมามัดมือชกหรือมาสั่งให้ทำนั่นทำนี่หรอกนะ นอกจากแม่ของฉันและเธอก็ไม่ใช่แม่ของฉันด้วย แต่เป็นโสเภณีที่มีทะเบียนสมรสเท่านั้นล่ะ”
ตอนที่3.คำพูดร้ายกาจออกมาจากปากหยักสวนสีแดงเรื่อราวปากอิสตรี แต่แต่ละคำพูดที่ออกจากปากนั้นช่างแสบสันและทำร้ายจิตใจคนฟังมากมาย บารนีมองหน้าของสามีหมาดๆ ด้วยความกลัวจับใจ ร่างบางในชุดสีขาวสะอาดถอยกรูดชิดผนังเมื่อร่างสูงใหญ่ของเขาปรี่เข้ามาใกล้ มือหนากระชากไหล่มนเข้ามาหาอย่างดุดันแล้วโน้มใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรลงมาช้าๆ ดวงตาสีน้ำเงินดูมืดดำจนบารนีหัวใจแทบหล่นไปอยู่แทบเท้าของเขา“อย่าทำอะไรบีเลยนะคะ ได้โปรดสงสารบีเถอะ” เมื่อเห็นท่าทางของเขาอย่างนี้บารนีรู้สึกหวิวหวั่นในใจ ความเจ็บแปลบที่เหมือนร่างจะแตกเป็นเสียงๆ นั้นยังตรึงอยู่ในจิตใจอันบอบบาง และหากเขาทำแบบนั้นกับเธออีกเธอคงตายแน่ๆ บารนีมองเขาด้วยน้ำตานองหน้า...“เธอจะต้องชดใช้ที่ทำให้ชีวิตของฉันพังไม่เป็นท่า และเธอจะต้องชดใช้ที่พี่ชายของเธอมันแย่งแฟนฉัน...” อัคนีกล่าวเสียงลอดไรฟัน ใบหน้าหล่อเหลาเข้มด้วยความเกลียดชังและความคับแค้นใจที่ถูกมัดมือชกในคืนนั้น คืนที่เขาพร่าพรหมจรรย์ของบารนี แล้วพี่ชายของเธอกลับมาพบว่าเขาทำอะไรกับน้องสาวของตนอีกทั้งอดีตคนรักของเขาก็อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย การแก้แค้นของเขาคงสิ้นสุดลงหากภัทราไม่อยู่ในคืนนั้น
ตอนที่4.“อื้อ ไม่นะ...โอ คุณเดียว... อย่า...” บารนีครางไม่เป็นภาษา รู้สึกสับสนกับความรู้สึกตนเอง ร่างของเธอร้อนราวกับไฟในขณะเดียวกันก็รู้สึกมวนในช่องท้อง และฉ่ำชื้นที่ใจกลางร่างซึ่งกำลังถูกชายหนุ่มจู่โจมอย่างเร่าร้อนด้วยปากและลิ้นของเขา ในใจหนึ่งก็รู้สึกกลัวความเจ็บแปลบที่เธอเคยผ่านพบมาก่อนหน้านี้ แต่อีกใจก็อยากรู้ว่าสัมผัสจากเขาจะทำให้เธอหายจากความทรมานนี้ได้หรือไม่ ความรู้สึกเสียวซ่านโจมตีเธอจนแทบมอดไหม้ความรู้สึกนี้ช่างแตกต่างจากครั้งแรกที่เขารุกรานเธอโดยสิ้นเชิง และตอนนี้เธอทรมานจากความรู้สึกนี้เหลือเกินและเธอก็รู้สึกแปลกใจกับความรู้สึกที่เหมือนลอยสูงขึ้นไปในอากาศแล้วตกลงมากระแทกพื้นที่อ่อนนุ่มพร้อมกับความรู้สึกเบาสบายแต่ไม่ทั้งหมดเพราะเธอรู้สึกถึงความร้อนที่จดจ่ออยู่ชิดกลีบกายสาวซึ่งสร้างความร้อนเร่าขึ้นในกายเธออีกครั้ง...“เธอเป็นของฉันสาวน้อย เธอเป็นของฉันบารนี...” ชายหนุ่มครางกระซิบเสียงแหบพร่ายกกายเหนือร่างงามแล้วกดแทรกแก่นกายร้อนรุ่มเข้าสู่ใจกลางดงดอกไม้สดฉ่ำช้าๆ ใบหน้าหล่อเหลาเหยเกเพราะความคับแน่นบีบอัดจนเขาแทบขาดใจก่อนจะดุนดันแก่นกายเข้าหาร่างบางจนสุดตัวและแช่นิ่งไว้ให
ตอนที่5.ที่สำคัญอัครากับอัคนีมีใบหน้าที่ละม้ายคล้ายกันมากและรูปร่างที่สูงห่างกันแค่เซนติเมตรเดียวไม่ได้ทำให้เขาทั้งสองดูแตกต่างกันสักเท่าไหร่ แต่สิ่งที่ไม่เหมือนก็คืออัคราไม่เคยเย็นชากับเธอเขาพูดกับเธอมากกว่าพูดกับคนอื่นๆ ด้วยซ้ำ จนบางทีอัครวัฒน์ซึ่งมักมาที่บ้านบ่อยๆ และค่อนข้างสนิทสนมกับเธอเพราะวัยใกล้เคียงกัน ก็ยังเคยเอ่ยล้อว่าเธอสามารถง้างปากเสือยิ้มยากให้ยิ้มและพูดมากได้ และหนุ่มทั้งสองคนนี้ไม่เคยสักครั้งที่เขาจะทำร้ายจิตใจเธอเหมือนใครบางคนที่เธอจำเป็นต้องเห็นเขาในฝันอยู่เสมอ...“น้องบีเป็นอะไรหรือเปล่า” ชายหนุ่มถามเมื่อเห็นใบหน้าที่ค่อนดูหม่นหมองลง“เปล่าค่ะ คือ บีแค่นอนดึกไปหน่อยค่ะเมื่อคืน”“ออกแบบลายผ้าให้พี่ล่ะสิ จริงๆ แล้วไม่ต้องรีบก็ได้ งานเลี้ยงก็มีคืนนี้ น้องบีทำตอนนี้ยังทันเลยไหนพี่ขอดูหน่อยสิ”ชายหนุ่มบอกอย่างอ่อนโยน รู้สึกรักและเอ็นดูน้องสะใภ้ผู้อาภัพมากขึ้นเพราะบารนีไม่เคยอยู่ว่าง เธอมักจะทำนู่นทำนี่อยู่ตลอดเวลา และบารนีก็ไปเป็นแขกที่ไร่อัคราเสมอเพราะไปดูการเลี้ยงไหมอีรี่และศึกษาพัฒนาผลิตภัณฑ์จากไหมกินใบมันสำปะหลังนั่นเอง จนตอนนี้ผลิตภัณฑ์จากไหมอีรี่ของดีแลนด์ซิลด์โ
ตอนที่1.ในค่ำคืนอันมืดมิดซึ่งพายุฝนกำลังพัดกระหน่ำ ในห้องนอนเล็กๆ ของบ้านหลังน้อยกำลังร้อนระอุด้วยเพลิงพิศวาสที่เต็มไปด้วยความร้อนแรงและเอาแต่ใจของชายนุ่มรูปงามราวเทพบุตรที่สาดใส่ร่างบอบบางของสาวน้อยหน้าแฉล้มซึ่งนอนน้ำตารินด้วยความเจ็บปวดราวร่างจะแตกปริเมื่อเขารุกล้ำร่างบอบบางราวแก้วใสด้วยร่างแกร่งใหญ่โตของเขาโดยไม่สนใจว่าคนตัวเล็กใต้ร่างจะรู้สึกอย่างไร สิ่งที่เขาต้องการคือทำให้เธอเจ็บปวดมากที่สุด เจ็บปวดเท่าที่เขาเจ็บ...อัคนี ดีแลนด์ เทพบุตรเลือดผสมไทย เยอรมัน วัยยี่สิบแปดปีซึ่งกลายร่างเป็นซาตานร้ายก้มลงบดขยี้เรียวปากกระด้างลงบนกลีบปากบางที่บวมเจ่อแทบแตกปรินั้นอย่างลงทัณฑ์ไม่สนใจว่าเธอจะเจ็บปวดเพราะน้ำมือเขาแค่ไหน เขาสนใจเพียงอย่างเดียวคือเชยชมร่างกายงดงามนี้ให้สมกับความแค้นในใจ ชายหนุ่มสาวสะโพกสอบเข้าใส่ร่างบอบบางด้วยแรงอารมณ์ แม้ความคับแน่นจะบีบรัดจนเขาปวดหนึบแทบจะขยับไม่ได้ก็ตาม“ได้โปรด ออกไป บีเจ็บ ฮือออ...”บารนี สาวน้อยวัยสิบแปดปีหมาดๆ ซึ่งตกเป็นเหยื่อและกลายเป็นผู้รับโทษทัณฑ์จากเขาวอนขอทั้งน้ำตา ความเจ็บปวดราวร่างจะฉีกออกจากกันทำให้เธอแทบขาดใจตายไปเสียเดี๋ยวนี้...“ไม่หรอก