บทที่ 1. ชะตาที่ดูเหมือนจะเลวร้าย
ร่างบอบบางของหญิงสาววัยยี่สิบสองปีดิ้นรนออกจาการกอดรัดที่หยาบโลนของชายหนุ่มรูปร่างผอมทว่าแกร่งกร้านด้วยแรงราคะซึ่งพยายามจะกระชากเสื้อตัวสวยออกจากกายสาวขาวผ่อง มือบางทั้งผลักทั้งทุบตีปัดป้องเนื้อนวลของตนให้พ้นจากการรุกราน แต่ทว่าเรี่ยวแรงที่มีนั้นหาได้ทัดเทียมผู้รุกรานไม่...
“ปล่อยฉันนะคนเลว กรี๊ดดดด...”
เสียงหวีดร้องอย่างตื่นตระหนกดังก้องไปทั้งห้องพักแคบๆ ที่เธอใช้ซุกหัวนอนมานานปี หากแต่ในคืนฝนตกหนักและพายุลมแรงเช่นนี้จะมีใครได้ยินเสียงหวีดร้องขอความช่วยเหลือจากเธอหรือไม่
รติมา หน้าซีดตัวสั่นเมื่อเสื้อนักศึกษาตัวสวยขาดวิ่นติดมือของคนชั่วไปและผิวเนื้อนวลขาวกระจ่างท่ามกลางแสงแปลบปลาบของสายฟ้าที่สว่างเป็นครั้งคราวด้านนอกนั้นยิ่งกระตุ้นราคะของคนชั่วร้ายอย่าง อานนท์ ลูกเลี้ยงของคุณพริ้ง ซึ่งเป็นป้าแท้ๆ ของเธอ
“แม่เจ้า เธอสวยจริงๆ นังน้องมด คืนนี้แหละไอ้นนท์ขอสัญญาว่า เธอต้องเป็นเมียของฉัน ฮ่าๆๆ”
“ได้โปรด อย่าทำอะไรน้องมดเลยนะคะคุณนนท์ ปล่อยน้องมดเถอะนะคะ ฮือๆๆ”
“ฉันได้โปรดเธอแน่คนสวย และเธอจะต้องของร้องฉันว่าได้โปรดๆ ทั้งคืน หึหึ”
มือหยาบกร้านลูบไล้บั้นเอวบางอย่างหลงใหลในความนวลเนียนละมุนมือ ร่างสาวกึ่งเปลือยตรงหน้านั้นงดงามยิ่งนักนัก เรือนร่างบอบบางขาวนวลอรชรราวรูปปั้นนางอัปสร ยิ่งได้สัมผัสอานนท์ยิ่งอยากครอบครองเป็นเจ้าของเรือนกายนี้
เรือนร่างซึ่งเขาจับจ้องมานานวัน จนวันนี้ก็สบโอกาสเมื่อคนทั้งบ้านพร้อมใจไปเที่ยวต่างจังหวัด หลังจากนั้นเขาก็แอบกลับเข้ามาในบ้านแล้วจัดการตัดไฟให้ดับทั้งบ้านและคืนนี้เขาจะไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอย ชายหนุ่มผู้ชั่วร้ายคิดอย่างเป็นสุขกับแผนการอันเลวร้ายของตน
“ไม่นะอย่า...กรี๊ดดดด...”
เสียงหวีดร้องของเธอดังขึ้นอีกครั้งเมื่อร่างสูงผอมกร้านนั้นเปลือยเปล่าโผนเข้าหาร่างบอบบางของเธอ มือบางปัดป้องวุ่นวายถูกตรึงไว้เหนือศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นยาวสลวยที่ยุ่งเหยิง
“ฮ่าๆๆ คืนนี้เธอต้องเป็นของฉัน นังน้องมดคนสวย มามะมาสนุกกับพี่นนท์ดีกว่า ฮ่าๆๆ”
“ไม่นะ ช่วยด้วย แม่จิตขา ช่วยน้องมดด้วย”
“ร้องไปเถอะคนสวยไม่มีใครช่วยเธอได้หรอก ยายแก่นั่นป่านนี้มันคงนอนซมอมโรคชรา และเธอก็จะต้องเป็นของฉัน”
มันพูดจบก็ก้มลงดอมดมร่างสาวอย่างหื่นกระหาย รติมาเบือนหน้าหนีริมฝีปากดำคล้ำและเหม็นกลิ่นเหล้าบุหรี่จนน่าคลื่นเหียน พยายามดิ้นรนออกจากใต้ร่างของมันแม้โอกาสน้อยนิดใบหน้านวลสวยเปรอะเปื้อนด้วยน้ำตาอย่างน่าเวทนา หากแต่ชายหนุ่มผู้มากด้วยราคะเลวทรามกลับเห็นเป็นเรื่องน่าอภิรมย์และกระหยิ่มใจ ที่เนื้อสมันชิ้นงามกำลังจะเป็นอาหารราคะอันโอชะของเขา เสียงหัวเราะและสัมผัสอันหยาบโลนนั้นแทบทำให้เนื้อนวลชอกช้ำ รอยแดงๆ จากมือกร้านของมันทิ้งไว้ทุกที่ๆ มันลากมือผ่านอย่างหยาบคาย รติมาหลับตาลงอย่างรันทด หมดสิ้นแล้วความสาวซึ่งถนอมมาตลอดชีวิตสาว หมดสิ้นแล้วโอกาสที่จะโบยบินออกจากบ้านหลังนี้ และความอดสูที่กำลังจะเผชิญนับจากนี้ทำให้เธอสะอื้นในอกอย่างสิ้นหวัง...
“โอ๊ยยย...”
อานนท์ร้องอย่างเจ็บปวดและร่างผอมกร้านผละออกจากการคร่อมทับร่างบอบบางตรงหน้าทันที อานนท์กุมหัวของตนเองอย่างเจ็บปวดตัวงอเป็นกุ้งโดนน้ำร้อนและมันก็ร้องซ้ำขึ้นอีกครั้งเมื่อสากกระเบือที่อยู่ในมือเหี่ยวย่นของ แม่จิต แม่นมของรติมาฟาดตุบๆ ลงบนร่างซึ่งงองุ้มด้วยความเจ็บปวดของมันอย่างไม่นับจนร่างผอมๆ นั้นแน่นิ่งไป
“แม่จิตมาแล้วค่ะ คุณหนูของแม่จิตโถๆ ขวัญเอ๋ยขวัญมา”
“ฮือๆ แม่จิตจ๋า น้องมดกลัว”
ทั้งโอบกอดกันด้วยน้ำตา หญิงชราวัยหกสิบเศษโอบร่างสั่นเท่ากึ่งเปลือยของรติมาแนบอกมือเหี่ยวย่นลูบเรือนผมสลวยอย่างอ่อนโยน และค่อยๆ คลุมเสื้อตัวหนาลงบนร่างบอบบาง
“ไปกันเถอะค่ะ เรารีบไปก่อนที่ไอ้คนชั่วมันจะฟื้น แต่ดูท่ามันจะหลับไปอีกนาน”
“เขาจะตายไหมคะ”
“ไม่หรอกค่ะคุณหนู ถ้ามันตายจริงๆ แม่จิตก็ไม่กลัวหรอกค่ะ แม่จิตจะเดินไปมอบตัวกับตำรวจเองเลย”
“โธ่.. แม่จิต อย่าพูดแบบนี้สิคะ หากไม่มีแม่จิตน้องมดจะทำอย่างไรล่ะคะ” หญิงสาวกอดร่างผอมๆ ของแม่นมที่กล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูเธอมาตลอดเวลายี่สิบปีอย่างแสนรัก
“ไปเถอะค่ะ อย่าสนใจมันเลย ไอ้คนจัญไร สารเลวตายไปเสียคนแผ่นดินก็คงสูงขึ้น”
“นี่แกไปฟัดกับหมาที่ไหนมาเจ้านนท์” เสียงแหบแห้งของ นายอนันต์ ถามขึ้นเมื่อเจอสภาพที่ยับเยินของบุตรชายที่ทั้งตาปูดบวม หัวแตกและปากเจ่อ ซ้ำยังมีรอยเขียวๆ ช้ำๆ ไปทั้งแขน หากแต่อานนท์ผู้เป็นบุตรชายกลับไม่ตอบซ้ำยังหลบสายตาคาดคั้นของบิดาและมารดาเลี้ยงที่มองมาอย่างเหยียดหยัน
“ก็คงจะไปมีเรื่องกับพวกอันธพาลขี้ยาข้างนอกมาล่ะสิ คุณควรจะสั่งสอนลูกชายคุณบ้างนะคุณอนันต์ไม่ใช่ให้ทำตัวเป็นนักเลงขี้ยาสร้างปัญหาอยู่แบบนี้”
“นี่คุณนายพริ้ง ผมไม่ได้ไปมีเรื่องกับใครนะ” อานนท์แย้งเสียงเบาซ่อนความไม่พอใจเอาไว้แทบไม่มิด
“แล้วที่เธอมีสภาพแบบนี้ จะให้คิดว่าเธอละเมอไปฟัดกับหมามารึไงยะ” คุณพริ้ง สตรีวัยสี่สิบปลายหากแต่ยังสวยพริ้งสมชื่อเพราะการดูแลเอาใจใส่ประโคมเครื่องบำรุงบำเรอทุกอย่างเพื่อคงความสวยงามนี้ไว้ ดวงตาคมสวยเพราะถูกแต่งเติมวาววับเมื่อมองหน้าลูกติดของสามีใหม่อย่างไม่พอใจ ก่อนสายตาจะมองหาใครอีกคน
“แล้วนี่น้องรตาไปไหน ทำไมยังไม่ลงมา”
“เอ่อ สงสัยยังไม่ตื่นล่ะมั้งคุณ”
“แย่จริงลูกคนนี้นี่ก็เกือบเที่ยงแล้ว สักพักคนบ้านนั้นก็จะมา เฮ้อ พูดแล้วฉันก็กลุ้มใจเราจะทำอย่างไรกันดีคะคุณ”
“เอาน่าคุณ หากเขาส่งคนมาเจรจาแบบนี้เราก็ควรจะเบาใจ ดีกว่าเรื่องต้องขึ้นโรงขึ้นศาล”
คุณอนันต์กล่าวพลางหลบตาผู้เป็นภรรยา แล้วชำเลืองมองไปยังชั้นบนของบ้านฝั่งที่เป็นห้องนอนของลูกเลี้ยงสาวแสนสะคราญซึ่งคงกำลังนอนหลับอย่างหมดเรี่ยวแรงหลังจาก กิจกรรม เมื่อคืน
“แล้วนี่นังมดไปไหน ทำไมตั้งแต่มาฉันยังไม่เห็นหัวมันเลย จิต นังจิต..”
“ขา คุณผู้หญิง” แม่จิตขานรับพลางยกถาดเครื่องดื่มออกมาอย่างรู้หน้าที่
ตอนที่ 2“นังมดไปไหน” “เอ่อ คุณหนูไม่สบายค่ะ เป็นไข้หวัดมาสองวันแล้วค่ะ” แม่จิตตอบตามความเป็นจริง ซึ่งมันทำให้คุณพริ้งไม่ใคร่จะพอใจนัก แต่ก็ได้แต่พยักหน้า เมื่อเห็นแม่บ้านเก่าแก่ที่อยู่กันมานานมองด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก และวันนี้ดูท่าทางของแม่บ้านสูงวัยจะเปลี่ยนไป “มีอะไรรึเปล่าถึงได้มองฉันแบบนี้” คุณพริ้งถามเสียงแข็งในใจก็กลัวว่าลูกจ้างจะขอขึ้นเงินเดือนมากกว่าอย่างอื่น “อิฉันจะขอลาออกค่ะ และคุณหนูมดก็จะออกไปอยู่ข้างนอกเหมือนกัน ตอนนี้คุณหนูก็เรียนจบแล้ว” “เฮอะ เรียนจบแล้ว กะอีแค่ใบปริญญาจากรามฯ ใบเดียวคิดว่ามันจะช่วยเลี้ยงแกทั้งสองคนให้กินดีอยู่ดีเหมือนอยู่กับฉันรึ อยากจะไปไหนก็ไป แต่บอกไว้ก่อนว่านี่ยังไม่สิ้นเดือน หากแกไปเงินเดือนๆ นี้ก็ไม่ได้ และนังมดก็จะไม่ได้อะไรออกไปแม้แต่บาทเดียว” “ค่ะ อิฉันเข้าใจแค่จะเรียนให้ทราบเท่านั้น” “อยากจะไปไหนก็เชิญ แต่ก่อนออกไปก็เอาข้าวของมาให้ฉันดูก่อนล่ะ ฉันไม่ไว้ใจพวกแก” คุณพริ้งพูดอย่างเย็นชาไม่ได้รู้สึกห่วงหาผู้เป็นหลานสาวเลยสักนิด แม่จิตเดินออกไปจากห้องรับแขกเงียบๆ พลางคิดถึง
ตอนที่3“อะไรของพวกเอ็งวะ อยู่ที่นี่อย่างน้อยๆ พวกเอ็งก็มีที่ซุกหัวนอนนะเว้ย ข้ากับคุณหนูไปยังไม่รู้เลยว่าจะไปอยู่อย่างไร อดทนเอาหน่อยเถอะวะ อย่าออกไปลำบากกันเลย งานก็ใช่จะหาได้ง่ายๆ ที่ข้าออกไปก็เพราะข้าเองก็พอมีเงินเก่าเงินเก็บ และที่ผืนเล็กๆ พอได้ทำกิน นี่ข้าก็กะว่าจะสร้างบ้านหลังเล็กๆ อยู่กับคุณหนูก่อน”“โธ่ป้า อดทงอดทนอะไรกันพวกฉันก็ใช่ว่าอยากจะได้เงินเดือนที่จ่ายบ้างไม่จ่ายบ้าง แถมไม่ตรงเวลาอีกต่างหากแบบนี้นะ อย่างน้อยฉันไปเป็นพนักงานทำความสะอาดก็ได้”“นั่นสิ ฉันก็จะไปเป็นยาม”“ทุกคนอย่าลำบากเพราะน้องมดเลยนะคะ แค่นี้น้องมดก็ซาบซึ้งแล้วล่ะค่ะ”ในที่สุดรติมาก็เอ่ยออกมาอย่างตื้นตัน น้ำตาใสๆ เอ่อล้นขอบตาด้วยความซาบซึ้งใจต่อความรักภักดีที่พวกเขามีให้เธอ“แต่พวกเราเต็มใจจะไปกับคุณหนูนะคะ” พวกพี่ๆ ยังคงยืนกรานเช่นเดิมรติมาจึงหันไปมองแม่จิตเหมือนขอความคิดเห็น...“อะไรนะคะคุณแม่ ฝ่ายนั้นเขาจะให้เรารับผิดชอบด้วยการให้รตาไปเป็นขี้ข้าดูแลคนป่วยตาบอดเนี่ยนะ ไม่เอาหรอก จะหล่อแค่ไหนแต่พิการ รตาก็ไม่สนหรอกนะ”“แต่มันเป็นทางเดียวที่เราจะไม่ต้องขึ้นโรงขึ้นศาลนะลูก แค่ที่เขาปิดข่าว และให้ทนายมาเดิ
ตอนที่ 4.มือบางสั่นน้อยๆ ขณะผลักประตูไม้สักสลักลายสวยหรู หากแต่หลังประตูบานนี้กลับไม่มีสิ่งงดงามใดๆ ให้เธอได้ยลแม้แต่นิดเดียว มีเพียงภาพเงาของชายรูปร่างสูงใหญ่ซึ่งนั่งหันหลังให้เธอ รติมามองเงาของชายคนนั้น พลางกลืนน้ำลายลงลำคอที่แห้งผากขึ้นมาทัน รัศมีรังสีความร้ายกาจปกคลุมไปทั่วทั้งห้องกว้าง ที่มีเพียงเฟอร์นิเจอร์ไม่กี่ชิ้นทว่าเรียบหรูศีรษะทุยได้รูปนั้นตั้งตรง ไหล่กว้างตั้งขนานกับพื้นเป็นราวไม้บรรทัด และเขาไม่มีทีท่าว่าจะหันมาสนใจผู้เข้ามาใหม่เลยสักนิด และไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่รติมารู้สึกว่ายืนนานจนรู้สึกเมื่อยล้าไปทั้งเรียวขา หญิงสาวแอบถอนใจเบาๆ พยายามรวบรวมกำลังเพื่อจะเอื้อนเอ่ยให้เขารู้ว่าเธอได้เข้ามาในห้องนี้นานแล้วเขาอาจจะไม่รู้ว่าเธอเข้ามาเพราะเขาตาบอด แต่ เอ๊ะ เขาก็ไม่ได้หูหนวกนี่นา สองเสียงเล็กๆ แย้งกันในหัว“เอ่อ คุณ ชาคริตคะ คือ ดิฉัน...” รติมาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่พยายามจะไม่ให้สั่นและบังคับให้มันเรียบที่สุด ทำไมเธอถึงรู้สึกอึดอัด หายใจไม่ออกราวกับว่าในห้องนี้มันไม่มีออกซิเจนให้หายใจ หญิงสาวคิด..“ฉัน คือฉัน...”“หุบปาก หากฉันไม่ได้ถามหรือพูดอะไรกับเธอ ห้ามพ
บทนำโครมมม เพล้งงง! เสียงข้าวของหล่นแตกกระจายพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนราวกับสัตว์บาดที่พยายามจะดิ้นรนออกจากบ่วงแร้วของนายพรานดังก้องไปทั้งบริเวณคฤหาสน์หลังงาม... “ออกไป๊! ออกไป.. ฉันไม่อยากรับรู้ว่าใครอยู่ตรงนี้ทั้งนั้น หยุด แล้วไม่ต้องมามองฉันแบบสมเพชเวทนาอย่างนั้น ออกไปให้หมด ออกไปๆ”เสียงห้าวด้วยโทสะดังออกมาจากริมฝีปากหยักสวยราวสตรีของชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ใบหน้าคมเข้มนั้นประกอบด้วยใบหน้าเรียวได้รูป จมูกโด่งคมสันรับกับริมฝีปากหยักสวยได้รูปนั้นบิดเบ้สั่นระริก แต่ไม่มีใครได้เห็นแววตาของเขาเพราะถูกพันปิดไว้ด้วยผ้าพันแผลสีขาวสะอาดที่พันรอบศีรษะทุยสวย ร่างสูงทรุดลงนั่งกับพื้นอย่างอ่อนแรง เมื่อเสียงฝีเท้าที่ทั้งเดินและวิ่งวุ่นวายพร้อมกับเสียงร้องวี้ดว้ายของผู้หญิงดังขึ้นด้วยจริตจนน่ารังเกียจในความคิดของเขานั้นเงียบลง “ฉันจะต้องไม่ทนทุกข์ทรมานเพียงคนเดียว คนที่ทำให้ฉันต้องเป็นแบบนี้ต้องชดใช้...” “เอ่อ คุณชาคริตครับ ผมมาแล้วครับ”เสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้นทำให้ร่างที่นั่งคุดคู้อยู่กับพื้นหันมาตามเสียงแต่สีหน้านั้นก็ยังดูหงุดหงิดและเกรี้ยวกราดอยู่ แม้ไม่เห็นใบหน้าทั้งห