“นังมดไปไหน”
“เอ่อ คุณหนูไม่สบายค่ะ เป็นไข้หวัดมาสองวันแล้วค่ะ”
แม่จิตตอบตามความเป็นจริง ซึ่งมันทำให้คุณพริ้งไม่ใคร่จะพอใจนัก แต่ก็ได้แต่พยักหน้า เมื่อเห็นแม่บ้านเก่าแก่ที่อยู่กันมานานมองด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก และวันนี้ดูท่าทางของแม่บ้านสูงวัยจะเปลี่ยนไป
“มีอะไรรึเปล่าถึงได้มองฉันแบบนี้” คุณพริ้งถามเสียงแข็งในใจก็กลัวว่าลูกจ้างจะขอขึ้นเงินเดือนมากกว่าอย่างอื่น
“อิฉันจะขอลาออกค่ะ และคุณหนูมดก็จะออกไปอยู่ข้างนอกเหมือนกัน ตอนนี้คุณหนูก็เรียนจบแล้ว”
“เฮอะ เรียนจบแล้ว กะอีแค่ใบปริญญาจากรามฯ ใบเดียวคิดว่ามันจะช่วยเลี้ยงแกทั้งสองคนให้กินดีอยู่ดีเหมือนอยู่กับฉันรึ อยากจะไปไหนก็ไป แต่บอกไว้ก่อนว่านี่ยังไม่สิ้นเดือน หากแกไปเงินเดือนๆ นี้ก็ไม่ได้ และนังมดก็จะไม่ได้อะไรออกไปแม้แต่บาทเดียว”
“ค่ะ อิฉันเข้าใจแค่จะเรียนให้ทราบเท่านั้น”
“อยากจะไปไหนก็เชิญ แต่ก่อนออกไปก็เอาข้าวของมาให้ฉันดูก่อนล่ะ ฉันไม่ไว้ใจพวกแก”
คุณพริ้งพูดอย่างเย็นชาไม่ได้รู้สึกห่วงหาผู้เป็นหลานสาวเลยสักนิด แม่จิตเดินออกไปจากห้องรับแขกเงียบๆ พลางคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาอย่างนึกอดสูและสงสารผู้ซึ่งเป็นทายาทที่แท้จริงของ บ้านอรุณวลัย
คุณพริ้งมองตามหลังแม่จิตไปอย่างสมใจ ความจริงแล้ว รติมานั้นเป็นลูกน้องสาวแท้ๆ ของคุณพริ้งนั่นก็คือ คุณพราว และเมื่อผู้เป็นน้องสาวกับ คุณตฤณ น้องเขยประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตพร้อมกันทั้งสองคนในขณะที่รติมาอายุได้สามขวบ คุณพริ้งซึ่งเป็นญาติเพียงคนเดียวของคุณพราวนั้นได้มาขออาศัยอยู่ในบ้านอรุณวลัยตั้งแต่สามีเสียชีวิต จึงกลายเป็นผู้ดูแลมรดกของรติมาซึ่งยังเป็นเพียงเด็กตัวน้อยๆ และนั่นมันก็เป็นจุดเริ่มต้นที่นางจะได้ในสิ่งที่ใฝ่ฝันมานาน ที่สำคัญได้แก้แค้น ใช่แล้วคุณพริ้งได้ แก้แค้น
นางได้แก้แค้นคนที่ทำให้ตนเจ็บใจและเสียใจในอดีต เมื่อผู้มีศักดิ์เป็นน้องเขยนั้น เป็นชายหนุ่มซึ่งนางหมายปอง เพราะคุณพริ้งนั้นหลงรักและคาดหวังจะได้แต่งงานกับคุณตฤณ ซึ่งเป็นนักธุรกิจหนุ่มหล่อไฟแรงและเนื้อหอมที่สุดในตอนนั้น หากแต่คุณตฤณกลับมาพึงใจน้องสาวแสนกะโปโลของนาง และแต่งงานอยู่กินกันอย่างมีความสุข ในขณะที่ตัวของคุณพริ้งเองนั้นกลับได้แต่งงานกับชายหนุ่มอ่อนแอขี้โรค ที่สำคัญรวยน้อยกว่าสามีของน้องสาว แต่โชคก็เข้าข้างเมื่อคนเหล่านั้นล้วนอายุสั้น ล้มตายไปก่อนและทิ้งสมบัติมากมายไว้ให้นางได้เสวยสุขกับบุตรสาว ซึ่งเกิดจากผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่สามีของตน
คุณพริ้งเลี้ยงดูรติมาผู้เป็นหลานสาวอย่างเสียไม่ได้เพราะสมบัติและกรรมสิทธิ์ของทายาทผู้สืบสกุลยังคงอยู่ แต่นางก็ไม่ได้เลี้ยงดูรติมาอย่างดีนัก หลังจากสามเดือนผ่านไปนางก็ให้คนรับใช้เก็บข้าวของทั้งหมดของน้องสาวและน้องเขยไปทิ้ง และไล่ให้เด็กหญิงวัยสามขวบไปอยู่เรือนเล็กรวมกับคนรับใช้ และให้แม่จิตเป็นคนดูแลเลี้ยงดูรติมาแทน แม้เด็กหญิงวัยสามขวบผู้น่าสงสารจะเป็นเจ้าของทรัพย์สมบัติมหาศาล แต่เด็กหญิงรติมาก็อยู่อย่างผู้อาศัยแม้ไม่ได้อดแต่ก็ไม่อิ่ม แม้ไม่ได้อยู่ในที่ๆ ดีนัก แต่ก็ไม่เลวร้ายเกินไป เมื่อคนรับใช้เก่าแก่ทั้งแม่จิตและคนอื่นๆ ต่างดูแลและเลี้ยงดูเธออย่างดี ด้วยสำนึกในบุญคุณของนายเก่าผู้ล่วงลับ แม้จะมีบางคนที่หันไปพะเน้าพะนอเอาใจผู้เป็นนายใหม่ที่ไม่มีความชอบธรรมในจิตใจก็ตาม...
ทางด้าน รติมา อรุณวลัย ในวันนี้เธออายุยี่สิบสองปีแล้วและเพิ่งเรียนจบจากมหาวิทยาลัยรามคำแหงคณะมนุษยศาสตร์ หลังจากเพียรพยายามทำงานและเรียนอย่างหนักในระยะเวลาสามปีที่ผ่าน ซึ่งเธอแอบไปลงทะเบียนเรียนไว้ เนื่องจากถูกคุณพริ้งกีดกันทางการศึกษามาตลอด คุณพริ้งให้รติมาเรียนแค่ในระดับชั้นมัธยมปลายในโรงเรียนวัดย่านชานเมือง เมื่อเรียนจบนางก็ให้รติมาทำงานบ้าน และดูแลความเรียบร้อยทุกอย่างในบ้านหลังใหญ่โต หญิงสาวทายาทที่แท้จริงทำงานราวกับทาสก็ไม่ปาน
รติมาเพียรพยายามหาโอกาสเรียนเพื่อหวังว่าวันใดเมื่อเธอก้าวพ้นจากบ้านหลังนี้ เธอจะมีใบปริญญาเบิกทางในการหางานทำ แม้ครั้งแรกเธอเองก็ไม่คิดอยากจะออกจากบ้านที่อยู่มาแต่อ้อนแต่ออกไปไหนไกล แต่เมื่อมีซาตานร้ายถึงสองตนอยู่ร่วมชายคาบ้าน ความปลอดภัยและความสุขก็พลอยหายไปจากชีวิตของเธอด้วย และเมื่อมีโอกาสเธอจึงไม่รั้งรอที่จะโบยบินออกจากบ้านหลังนี้ทันทีเช่นกัน และเธอก็ใช้เวลาเพียงสามปีก็สามารถเรียนจบและคว้าใบปริญญามาได้ ท่ามกลางความชื่นชมยินดีของแม่จิตและคนรับใช้เก่าแก่อีกสามคนที่ไปร่วมยินดีกับเธอในวันรับปริญญา
และในค่ำคืนนั้นหลังจากที่ทุกคนกลับจากการเลี้ยงรับปริญญาเล็กๆ ของเธอที่ร้านข้าวเหนียวส้มตำข้างทาง กับคนที่ยังจงรักภักดีต่อเธอและบิดามารดาผู้ล่วงลับ ก็เป็นคืนวันเดียวกันกับที่เธอเจอเรื่องบัดสี จนเกือบจะสูญเสียสิ่งที่หวงแหนไปและนั่นคือสาเหตุที่เธอจะต้องไปให้พ้นจากบ้านหลังนี้โดยเร็ววัน...
แม่จิตลูบเรือนผมสลวยของคุณหนูซึ่งนางเลี้ยงมาแต่เล็กแต่น้อยอย่างอาทร น้ำตาแทบไหลเมื่อนึกถึงเรื่องราวต่างๆ ที่หญิงสาวผู้นี้ได้พบเจอ ดวงตาฝ้าฟางตามวัยมองเห็นเพียงเด็กหญิงตัวเล็กๆ นอนหลับพริ้มอยู่ตรงหน้าและนับจากนี้นางและคุณหนูของนางคงต้องออกไปใช้ชีวิตตามลำพัง นอกกำแพงบ้านที่อยู่มาแทบทั้งชีวิต เพราะคนเลวกำลังครอบครองที่แห่งนี้อยู่ และเหตุการณ์เมื่อคืนก่อนก็ยืนยันได้ดีว่า หากจะรั้นอยู่ต่อไป คุณหนูของนางคงต้องพลาดท่าคนเลวพวกนั้นเข้าสักวัน
“คุณหนูคะตื่นมาทานข้าวต้มแล้วทานยาก่อนนะคะ”
แม่จิตปลุกคนที่หลับใหลมาตลอดวันอย่างอ่อนโยน หญิงสาวก็พยายามลืมตาตื่น ความปวดระบมที่ไม่รู้มาจากมุมไหนของโลกโถมเข้าใส่จนหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ
“แม่จิตจ๋าน้องมดปวดหัวจัง”
“ค่ะ แม่จิตรู้ แต่คุณหนูต้องตื่นมาทานอะไรบ้างนะคะ ร่างกายแข็งแรงเมื่อไหร่เราจะได้ออกไปจากที่นี่กัน”
“ค่ะ น้องมดจะพยายาม” หญิงสาวตอบแผ่วเบาและพยุงกายลุกขึ้นด้วยความช่วยเหลือของหญิงชรา
“ป้าจิต นี่ป้าคิดจะไปจริงๆ เหรอ ป้าจะทิ้งพวกฉันให้อยู่กับพวกคนใจร้ายลำพังเหรอ”
“นั่นสิ หากป้าจิตไปเราก็ขอไปด้วยนะ นะๆๆ”
เสียงของจอยและจุ๊บแจง สองสาววัยดึกคนรับใช้เก่าแก่อีกสองคนที่อยู่เคียงข้างคุณหนูน้องมดมาตลอดเอ่ยขึ้น เมื่อเดินผ่านห้องแคบๆ ของป้าจิต
“ฉันด้วยป้า ฉันก็อยากไปด้วย”
เสียงห้าวๆ ของ แสง คนขับรถวัยกลางคนเอ่ยขึ้นแล้วก็เข้ามานั่งเสนอหน้าอยู่หน้าเตียงเล็กๆ ที่คุณหนูของพวกเขากำลังมองพวกตนตาแป๋ว
ตอนที่3“อะไรของพวกเอ็งวะ อยู่ที่นี่อย่างน้อยๆ พวกเอ็งก็มีที่ซุกหัวนอนนะเว้ย ข้ากับคุณหนูไปยังไม่รู้เลยว่าจะไปอยู่อย่างไร อดทนเอาหน่อยเถอะวะ อย่าออกไปลำบากกันเลย งานก็ใช่จะหาได้ง่ายๆ ที่ข้าออกไปก็เพราะข้าเองก็พอมีเงินเก่าเงินเก็บ และที่ผืนเล็กๆ พอได้ทำกิน นี่ข้าก็กะว่าจะสร้างบ้านหลังเล็กๆ อยู่กับคุณหนูก่อน”“โธ่ป้า อดทงอดทนอะไรกันพวกฉันก็ใช่ว่าอยากจะได้เงินเดือนที่จ่ายบ้างไม่จ่ายบ้าง แถมไม่ตรงเวลาอีกต่างหากแบบนี้นะ อย่างน้อยฉันไปเป็นพนักงานทำความสะอาดก็ได้”“นั่นสิ ฉันก็จะไปเป็นยาม”“ทุกคนอย่าลำบากเพราะน้องมดเลยนะคะ แค่นี้น้องมดก็ซาบซึ้งแล้วล่ะค่ะ”ในที่สุดรติมาก็เอ่ยออกมาอย่างตื้นตัน น้ำตาใสๆ เอ่อล้นขอบตาด้วยความซาบซึ้งใจต่อความรักภักดีที่พวกเขามีให้เธอ“แต่พวกเราเต็มใจจะไปกับคุณหนูนะคะ” พวกพี่ๆ ยังคงยืนกรานเช่นเดิมรติมาจึงหันไปมองแม่จิตเหมือนขอความคิดเห็น...“อะไรนะคะคุณแม่ ฝ่ายนั้นเขาจะให้เรารับผิดชอบด้วยการให้รตาไปเป็นขี้ข้าดูแลคนป่วยตาบอดเนี่ยนะ ไม่เอาหรอก จะหล่อแค่ไหนแต่พิการ รตาก็ไม่สนหรอกนะ”“แต่มันเป็นทางเดียวที่เราจะไม่ต้องขึ้นโรงขึ้นศาลนะลูก แค่ที่เขาปิดข่าว และให้ทนายมาเดิ
ตอนที่ 4.มือบางสั่นน้อยๆ ขณะผลักประตูไม้สักสลักลายสวยหรู หากแต่หลังประตูบานนี้กลับไม่มีสิ่งงดงามใดๆ ให้เธอได้ยลแม้แต่นิดเดียว มีเพียงภาพเงาของชายรูปร่างสูงใหญ่ซึ่งนั่งหันหลังให้เธอ รติมามองเงาของชายคนนั้น พลางกลืนน้ำลายลงลำคอที่แห้งผากขึ้นมาทัน รัศมีรังสีความร้ายกาจปกคลุมไปทั่วทั้งห้องกว้าง ที่มีเพียงเฟอร์นิเจอร์ไม่กี่ชิ้นทว่าเรียบหรูศีรษะทุยได้รูปนั้นตั้งตรง ไหล่กว้างตั้งขนานกับพื้นเป็นราวไม้บรรทัด และเขาไม่มีทีท่าว่าจะหันมาสนใจผู้เข้ามาใหม่เลยสักนิด และไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่รติมารู้สึกว่ายืนนานจนรู้สึกเมื่อยล้าไปทั้งเรียวขา หญิงสาวแอบถอนใจเบาๆ พยายามรวบรวมกำลังเพื่อจะเอื้อนเอ่ยให้เขารู้ว่าเธอได้เข้ามาในห้องนี้นานแล้วเขาอาจจะไม่รู้ว่าเธอเข้ามาเพราะเขาตาบอด แต่ เอ๊ะ เขาก็ไม่ได้หูหนวกนี่นา สองเสียงเล็กๆ แย้งกันในหัว“เอ่อ คุณ ชาคริตคะ คือ ดิฉัน...” รติมาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่พยายามจะไม่ให้สั่นและบังคับให้มันเรียบที่สุด ทำไมเธอถึงรู้สึกอึดอัด หายใจไม่ออกราวกับว่าในห้องนี้มันไม่มีออกซิเจนให้หายใจ หญิงสาวคิด..“ฉัน คือฉัน...”“หุบปาก หากฉันไม่ได้ถามหรือพูดอะไรกับเธอ ห้ามพ
บทนำโครมมม เพล้งงง! เสียงข้าวของหล่นแตกกระจายพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนราวกับสัตว์บาดที่พยายามจะดิ้นรนออกจากบ่วงแร้วของนายพรานดังก้องไปทั้งบริเวณคฤหาสน์หลังงาม... “ออกไป๊! ออกไป.. ฉันไม่อยากรับรู้ว่าใครอยู่ตรงนี้ทั้งนั้น หยุด แล้วไม่ต้องมามองฉันแบบสมเพชเวทนาอย่างนั้น ออกไปให้หมด ออกไปๆ”เสียงห้าวด้วยโทสะดังออกมาจากริมฝีปากหยักสวยราวสตรีของชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ใบหน้าคมเข้มนั้นประกอบด้วยใบหน้าเรียวได้รูป จมูกโด่งคมสันรับกับริมฝีปากหยักสวยได้รูปนั้นบิดเบ้สั่นระริก แต่ไม่มีใครได้เห็นแววตาของเขาเพราะถูกพันปิดไว้ด้วยผ้าพันแผลสีขาวสะอาดที่พันรอบศีรษะทุยสวย ร่างสูงทรุดลงนั่งกับพื้นอย่างอ่อนแรง เมื่อเสียงฝีเท้าที่ทั้งเดินและวิ่งวุ่นวายพร้อมกับเสียงร้องวี้ดว้ายของผู้หญิงดังขึ้นด้วยจริตจนน่ารังเกียจในความคิดของเขานั้นเงียบลง “ฉันจะต้องไม่ทนทุกข์ทรมานเพียงคนเดียว คนที่ทำให้ฉันต้องเป็นแบบนี้ต้องชดใช้...” “เอ่อ คุณชาคริตครับ ผมมาแล้วครับ”เสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้นทำให้ร่างที่นั่งคุดคู้อยู่กับพื้นหันมาตามเสียงแต่สีหน้านั้นก็ยังดูหงุดหงิดและเกรี้ยวกราดอยู่ แม้ไม่เห็นใบหน้าทั้งห
ตอนที่1.บทที่ 1. ชะตาที่ดูเหมือนจะเลวร้ายร่างบอบบางของหญิงสาววัยยี่สิบสองปีดิ้นรนออกจาการกอดรัดที่หยาบโลนของชายหนุ่มรูปร่างผอมทว่าแกร่งกร้านด้วยแรงราคะซึ่งพยายามจะกระชากเสื้อตัวสวยออกจากกายสาวขาวผ่อง มือบางทั้งผลักทั้งทุบตีปัดป้องเนื้อนวลของตนให้พ้นจากการรุกราน แต่ทว่าเรี่ยวแรงที่มีนั้นหาได้ทัดเทียมผู้รุกรานไม่... “ปล่อยฉันนะคนเลว กรี๊ดดดด...”เสียงหวีดร้องอย่างตื่นตระหนกดังก้องไปทั้งห้องพักแคบๆ ที่เธอใช้ซุกหัวนอนมานานปี หากแต่ในคืนฝนตกหนักและพายุลมแรงเช่นนี้จะมีใครได้ยินเสียงหวีดร้องขอความช่วยเหลือจากเธอหรือไม่รติมา หน้าซีดตัวสั่นเมื่อเสื้อนักศึกษาตัวสวยขาดวิ่นติดมือของคนชั่วไปและผิวเนื้อนวลขาวกระจ่างท่ามกลางแสงแปลบปลาบของสายฟ้าที่สว่างเป็นครั้งคราวด้านนอกนั้นยิ่งกระตุ้นราคะของคนชั่วร้ายอย่าง อานนท์ ลูกเลี้ยงของคุณพริ้ง ซึ่งเป็นป้าแท้ๆ ของเธอ “แม่เจ้า เธอสวยจริงๆ นังน้องมด คืนนี้แหละไอ้นนท์ขอสัญญาว่า เธอต้องเป็นเมียของฉัน ฮ่าๆๆ” “ได้โปรด อย่าทำอะไรน้องมดเลยนะคะคุณนนท์ ปล่อยน้องมดเถอะนะคะ ฮือๆๆ”“ฉันได้โปรดเธอแน่คนสวย และเธอจะต้องของร้องฉันว่าได้โปรดๆ ทั้