Share

ตอนที่ 2

ตอนที่ 2

“นังมดไปไหน”

         “เอ่อ คุณหนูไม่สบายค่ะ เป็นไข้หวัดมาสองวันแล้วค่ะ”

         แม่จิตตอบตามความเป็นจริง ซึ่งมันทำให้คุณพริ้งไม่ใคร่จะพอใจนัก แต่ก็ได้แต่พยักหน้า เมื่อเห็นแม่บ้านเก่าแก่ที่อยู่กันมานานมองด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก และวันนี้ดูท่าทางของแม่บ้านสูงวัยจะเปลี่ยนไป

         “มีอะไรรึเปล่าถึงได้มองฉันแบบนี้” คุณพริ้งถามเสียงแข็งในใจก็กลัวว่าลูกจ้างจะขอขึ้นเงินเดือนมากกว่าอย่างอื่น

         “อิฉันจะขอลาออกค่ะ และคุณหนูมดก็จะออกไปอยู่ข้างนอกเหมือนกัน ตอนนี้คุณหนูก็เรียนจบแล้ว”

         “เฮอะ เรียนจบแล้ว กะอีแค่ใบปริญญาจากรามฯ ใบเดียวคิดว่ามันจะช่วยเลี้ยงแกทั้งสองคนให้กินดีอยู่ดีเหมือนอยู่กับฉันรึ อยากจะไปไหนก็ไป แต่บอกไว้ก่อนว่านี่ยังไม่สิ้นเดือน หากแกไปเงินเดือนๆ นี้ก็ไม่ได้ และนังมดก็จะไม่ได้อะไรออกไปแม้แต่บาทเดียว”

         “ค่ะ อิฉันเข้าใจแค่จะเรียนให้ทราบเท่านั้น”

         “อยากจะไปไหนก็เชิญ แต่ก่อนออกไปก็เอาข้าวของมาให้ฉันดูก่อนล่ะ ฉันไม่ไว้ใจพวกแก”

         คุณพริ้งพูดอย่างเย็นชาไม่ได้รู้สึกห่วงหาผู้เป็นหลานสาวเลยสักนิด แม่จิตเดินออกไปจากห้องรับแขกเงียบๆ พลางคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาอย่างนึกอดสูและสงสารผู้ซึ่งเป็นทายาทที่แท้จริงของ บ้านอรุณวลัย

คุณพริ้งมองตามหลังแม่จิตไปอย่างสมใจ ความจริงแล้ว รติมานั้นเป็นลูกน้องสาวแท้ๆ ของคุณพริ้งนั่นก็คือ คุณพราว และเมื่อผู้เป็นน้องสาวกับ คุณตฤณ น้องเขยประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตพร้อมกันทั้งสองคนในขณะที่รติมาอายุได้สามขวบ คุณพริ้งซึ่งเป็นญาติเพียงคนเดียวของคุณพราวนั้นได้มาขออาศัยอยู่ในบ้านอรุณวลัยตั้งแต่สามีเสียชีวิต จึงกลายเป็นผู้ดูแลมรดกของรติมาซึ่งยังเป็นเพียงเด็กตัวน้อยๆ และนั่นมันก็เป็นจุดเริ่มต้นที่นางจะได้ในสิ่งที่ใฝ่ฝันมานาน ที่สำคัญได้แก้แค้น ใช่แล้วคุณพริ้งได้ แก้แค้น

นางได้แก้แค้นคนที่ทำให้ตนเจ็บใจและเสียใจในอดีต เมื่อผู้มีศักดิ์เป็นน้องเขยนั้น เป็นชายหนุ่มซึ่งนางหมายปอง เพราะคุณพริ้งนั้นหลงรักและคาดหวังจะได้แต่งงานกับคุณตฤณ ซึ่งเป็นนักธุรกิจหนุ่มหล่อไฟแรงและเนื้อหอมที่สุดในตอนนั้น หากแต่คุณตฤณกลับมาพึงใจน้องสาวแสนกะโปโลของนาง และแต่งงานอยู่กินกันอย่างมีความสุข ในขณะที่ตัวของคุณพริ้งเองนั้นกลับได้แต่งงานกับชายหนุ่มอ่อนแอขี้โรค ที่สำคัญรวยน้อยกว่าสามีของน้องสาว แต่โชคก็เข้าข้างเมื่อคนเหล่านั้นล้วนอายุสั้น ล้มตายไปก่อนและทิ้งสมบัติมากมายไว้ให้นางได้เสวยสุขกับบุตรสาว ซึ่งเกิดจากผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่สามีของตน

         คุณพริ้งเลี้ยงดูรติมาผู้เป็นหลานสาวอย่างเสียไม่ได้เพราะสมบัติและกรรมสิทธิ์ของทายาทผู้สืบสกุลยังคงอยู่ แต่นางก็ไม่ได้เลี้ยงดูรติมาอย่างดีนัก หลังจากสามเดือนผ่านไปนางก็ให้คนรับใช้เก็บข้าวของทั้งหมดของน้องสาวและน้องเขยไปทิ้ง และไล่ให้เด็กหญิงวัยสามขวบไปอยู่เรือนเล็กรวมกับคนรับใช้ และให้แม่จิตเป็นคนดูแลเลี้ยงดูรติมาแทน แม้เด็กหญิงวัยสามขวบผู้น่าสงสารจะเป็นเจ้าของทรัพย์สมบัติมหาศาล แต่เด็กหญิงรติมาก็อยู่อย่างผู้อาศัยแม้ไม่ได้อดแต่ก็ไม่อิ่ม แม้ไม่ได้อยู่ในที่ๆ ดีนัก แต่ก็ไม่เลวร้ายเกินไป เมื่อคนรับใช้เก่าแก่ทั้งแม่จิตและคนอื่นๆ ต่างดูแลและเลี้ยงดูเธออย่างดี ด้วยสำนึกในบุญคุณของนายเก่าผู้ล่วงลับ แม้จะมีบางคนที่หันไปพะเน้าพะนอเอาใจผู้เป็นนายใหม่ที่ไม่มีความชอบธรรมในจิตใจก็ตาม...

         ทางด้าน รติมา อรุณวลัย ในวันนี้เธออายุยี่สิบสองปีแล้วและเพิ่งเรียนจบจากมหาวิทยาลัยรามคำแหงคณะมนุษยศาสตร์ หลังจากเพียรพยายามทำงานและเรียนอย่างหนักในระยะเวลาสามปีที่ผ่าน ซึ่งเธอแอบไปลงทะเบียนเรียนไว้ เนื่องจากถูกคุณพริ้งกีดกันทางการศึกษามาตลอด คุณพริ้งให้รติมาเรียนแค่ในระดับชั้นมัธยมปลายในโรงเรียนวัดย่านชานเมือง เมื่อเรียนจบนางก็ให้รติมาทำงานบ้าน และดูแลความเรียบร้อยทุกอย่างในบ้านหลังใหญ่โต หญิงสาวทายาทที่แท้จริงทำงานราวกับทาสก็ไม่ปาน

รติมาเพียรพยายามหาโอกาสเรียนเพื่อหวังว่าวันใดเมื่อเธอก้าวพ้นจากบ้านหลังนี้ เธอจะมีใบปริญญาเบิกทางในการหางานทำ แม้ครั้งแรกเธอเองก็ไม่คิดอยากจะออกจากบ้านที่อยู่มาแต่อ้อนแต่ออกไปไหนไกล แต่เมื่อมีซาตานร้ายถึงสองตนอยู่ร่วมชายคาบ้าน ความปลอดภัยและความสุขก็พลอยหายไปจากชีวิตของเธอด้วย และเมื่อมีโอกาสเธอจึงไม่รั้งรอที่จะโบยบินออกจากบ้านหลังนี้ทันทีเช่นกัน และเธอก็ใช้เวลาเพียงสามปีก็สามารถเรียนจบและคว้าใบปริญญามาได้ ท่ามกลางความชื่นชมยินดีของแม่จิตและคนรับใช้เก่าแก่อีกสามคนที่ไปร่วมยินดีกับเธอในวันรับปริญญา

และในค่ำคืนนั้นหลังจากที่ทุกคนกลับจากการเลี้ยงรับปริญญาเล็กๆ ของเธอที่ร้านข้าวเหนียวส้มตำข้างทาง กับคนที่ยังจงรักภักดีต่อเธอและบิดามารดาผู้ล่วงลับ ก็เป็นคืนวันเดียวกันกับที่เธอเจอเรื่องบัดสี จนเกือบจะสูญเสียสิ่งที่หวงแหนไปและนั่นคือสาเหตุที่เธอจะต้องไปให้พ้นจากบ้านหลังนี้โดยเร็ววัน...

แม่จิตลูบเรือนผมสลวยของคุณหนูซึ่งนางเลี้ยงมาแต่เล็กแต่น้อยอย่างอาทร น้ำตาแทบไหลเมื่อนึกถึงเรื่องราวต่างๆ ที่หญิงสาวผู้นี้ได้พบเจอ ดวงตาฝ้าฟางตามวัยมองเห็นเพียงเด็กหญิงตัวเล็กๆ นอนหลับพริ้มอยู่ตรงหน้าและนับจากนี้นางและคุณหนูของนางคงต้องออกไปใช้ชีวิตตามลำพัง นอกกำแพงบ้านที่อยู่มาแทบทั้งชีวิต เพราะคนเลวกำลังครอบครองที่แห่งนี้อยู่ และเหตุการณ์เมื่อคืนก่อนก็ยืนยันได้ดีว่า หากจะรั้นอยู่ต่อไป คุณหนูของนางคงต้องพลาดท่าคนเลวพวกนั้นเข้าสักวัน

“คุณหนูคะตื่นมาทานข้าวต้มแล้วทานยาก่อนนะคะ”

แม่จิตปลุกคนที่หลับใหลมาตลอดวันอย่างอ่อนโยน หญิงสาวก็พยายามลืมตาตื่น ความปวดระบมที่ไม่รู้มาจากมุมไหนของโลกโถมเข้าใส่จนหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ

“แม่จิตจ๋าน้องมดปวดหัวจัง”

“ค่ะ แม่จิตรู้ แต่คุณหนูต้องตื่นมาทานอะไรบ้างนะคะ ร่างกายแข็งแรงเมื่อไหร่เราจะได้ออกไปจากที่นี่กัน”

“ค่ะ น้องมดจะพยายาม” หญิงสาวตอบแผ่วเบาและพยุงกายลุกขึ้นด้วยความช่วยเหลือของหญิงชรา

“ป้าจิต นี่ป้าคิดจะไปจริงๆ เหรอ ป้าจะทิ้งพวกฉันให้อยู่กับพวกคนใจร้ายลำพังเหรอ”

“นั่นสิ หากป้าจิตไปเราก็ขอไปด้วยนะ นะๆๆ”

เสียงของจอยและจุ๊บแจง สองสาววัยดึกคนรับใช้เก่าแก่อีกสองคนที่อยู่เคียงข้างคุณหนูน้องมดมาตลอดเอ่ยขึ้น เมื่อเดินผ่านห้องแคบๆ ของป้าจิต

“ฉันด้วยป้า ฉันก็อยากไปด้วย”

เสียงห้าวๆ ของ แสง คนขับรถวัยกลางคนเอ่ยขึ้นแล้วก็เข้ามานั่งเสนอหน้าอยู่หน้าเตียงเล็กๆ ที่คุณหนูของพวกเขากำลังมองพวกตนตาแป๋ว

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status