Share

ตอนที่ 4.

ตอนที่ 4.

มือบางสั่นน้อยๆ ขณะผลักประตูไม้สักสลักลายสวยหรู หากแต่หลังประตูบานนี้กลับไม่มีสิ่งงดงามใดๆ ให้เธอได้ยลแม้แต่นิดเดียว มีเพียงภาพเงาของชายรูปร่างสูงใหญ่ซึ่งนั่งหันหลังให้เธอ รติมามองเงาของชายคนนั้น พลางกลืนน้ำลายลงลำคอที่แห้งผากขึ้นมาทัน รัศมีรังสีความร้ายกาจปกคลุมไปทั่วทั้งห้องกว้าง ที่มีเพียงเฟอร์นิเจอร์ไม่กี่ชิ้นทว่าเรียบหรู

ศีรษะทุยได้รูปนั้นตั้งตรง ไหล่กว้างตั้งขนานกับพื้นเป็นราวไม้บรรทัด และเขาไม่มีทีท่าว่าจะหันมาสนใจผู้เข้ามาใหม่เลยสักนิด และไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่รติมารู้สึกว่ายืนนานจนรู้สึกเมื่อยล้าไปทั้งเรียวขา หญิงสาวแอบถอนใจเบาๆ พยายามรวบรวมกำลังเพื่อจะเอื้อนเอ่ยให้เขารู้ว่าเธอได้เข้ามาในห้องนี้นานแล้ว

เขาอาจจะไม่รู้ว่าเธอเข้ามาเพราะเขาตาบอด แต่ เอ๊ะ เขาก็ไม่ได้หูหนวกนี่นา สองเสียงเล็กๆ แย้งกันในหัว

“เอ่อ คุณ ชาคริตคะ คือ ดิฉัน...” รติมาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่พยายามจะไม่ให้สั่นและบังคับให้มันเรียบที่สุด ทำไมเธอถึงรู้สึกอึดอัด หายใจไม่ออกราวกับว่าในห้องนี้มันไม่มีออกซิเจนให้หายใจ หญิงสาวคิด..

“ฉัน คือฉัน...”

“หุบปาก หากฉันไม่ได้ถามหรือพูดอะไรกับเธอ ห้ามพูดแม้แต่คำเดียว!” เสียงห้วนๆ นั้นตวาดลั่น พร้อมกับที่เขาค่อยๆ หันมาช้าๆ

ใบหน้าเรียวคมคายได้รูปนั้นดูเย็นชา ริมฝีปากหยักสวยเม้มสนิท ดวงตาถูกปกปิดด้วยแว่นสีดำอันโต ทำให้รติมาไม่สามารถมองเห็นดวงตาของเขาได้ และไม่อาจจะรู้ได้ว่าคนตรงหน้าอยู่ในอารมณ์ไหน แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่อารมณ์ที่ดีแน่นอน

“เธอไม่ใช่พริมรตา” เสียงนั้นเยือกเย็นนัก จนรติมารู้สึกเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับอสูรร้าย

“เอ่อ คือ ฉัน...”

“พวกเธอมันน่ารังเกียจ ไร้สัจจะ และละโมบ คงนึกว่าฉันตาบอดแล้วจะโง่เหรอ” ชายหนุ่มตวาดลั่น ใบหน้าแดงก่ำด้วยโทสะจนรติมาตัวสั่นด้วยความกลัวเกรง

“ตะ แต่ น้องมดก็มาแทนแล้วไงคะ คือพี่รตา เอ่อ คือ...” หญิงสาวพูดไม่ออกได้แต่ยืนตัวสั่นอยู่กลางห้อง ยิ่งยามนี้ร่างสูงใหญ่นั้นค่อยๆ เคลื่อนกายมาที่เธอช้าๆ เสมือนพญาราชสีห์ที่กำลังจะขย้ำเหยื่อเธอยิ่งหวั่นวิตก นี่เขาตาบอดจริงๆ ใช่ไหม...

“ฉันไม่ต้องการตัวแทน ฉันต้องการให้พริมรตามาดูแลรับใช้ฉัน ส่วนเธอก็ไสหัวไป...”

“ไม่ได้หรอกค่ะ น้องมดรู้ว่าคุณต้องการพี่รตา แต่ตอนนี้พี่รตาหนีไปแล้ว และไม่มีใครรู้ว่าเธอหนีไปไหน คุณป้าพริ้งเลยให้น้องมดมาแทน”

“ฉันไม่ต้องการใคร ฉันต้องการผู้หญิงสารเลวคนนั้น”

ชาคริตตวาดลั่น เมื่อเขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของหญิงสาวร่างบอบบางซึ่งยืนตัวสั่น แผ่นหลังบางชิดผนังห้องสีทึมเทาด้วยความกลัว

“สงสัยใช่ไหม ว่าทำไมฉันรู้ว่าเธออยู่ตรงนี้ ฉันตาบอดก็จริง แต่อวัยวะอย่างอื่นยังใช้งานได้ดี โดยเฉพาะ...”

ร่างสูงใหญ่ของคนตาบอดจงใจรั้งร่างบางเข้ามาประชิดจนร่างของเขาและเธอสนิทชิดเชื้อจนน่าหวาดเสียว แล้วยิ่งความร้อนผ่าวจากแก่นกายชายที่เสียดสีอยู่ที่หน้าท้องเนียนด้วยแล้ว รติมายิ่งอยากจะร้องไห้ด้วยความกลัวและอดสู

“รู้แล้วใช่ไหม ว่าทำไมฉันต้องการผู้หญิงคนนั้น เธอสมควรชดใช้สิ่งที่ทำไว้กับฉัน หากเธอคิดว่าเธอทำหน้าที่รับใช้ฉันทุกอย่างแทนพริมรตาได้ ฉันก็ไม่ขัด แต่ฉันก็ไม่มีวันเปลี่ยนความตั้งใจแน่นอน...”

“นะ น้องมด...”

“เธอชื่อน้องมดใช่ไหม” เขาเอ่ยชิดแก้มนวลที่เห่อร้อน และเหมือนผิวแก้มใสจะถูกแผดเผาจากลมหายใจที่ผ่าวร้อนของชาคริตซึ่งจงใจแสดงกริยาเช่นนี้กับเธอ

“คะ ค่ะ...”

“และตัวเธอก็เล็กเหมือนมดด้วย เอวเล็ก สะโพกผาย หน้าอกใหญ่เกินตัว”

“คุณ...” รติมาหน้าแดงด้วยความอับอายที่สุดในชีวิต หากแต่เธอก็พูดได้เพียงเท่านั้นเพราะตอนนี้เธอรู้สึกตีบตันไปหมด รู้สึกลำคอแห้งผากราวอยู่กลางทะเลทรายที่ร้อนระอุ

“หึ ฉันบอกแล้วว่าฉันตาบอดก็จริง แต่อย่างอื่นยังใช้ได้ เอาล่ะ เธอออกไปได้แล้ว ฉันไม่รู้ว่าพวกเธอจะจัดการอย่างไร แต่ฉันต้องการให้พริมรตามารับใช้ฉัน ไม่อย่างนั้น พวกเธอทั้งหมดต้องกระเด็นออกจากบ้านหลังนั้นและต้องไปนอนในคุก รวมทั้งเธอด้วย เพราะเธอร่วมมือกันกับคนพวกนั้นหลอกลวงฉัน จงใจผิดสัญญา”

เขากล่าวอย่างเลือดเย็นเมื่อผละออกจากร่างบางนุ่มละมุนแม้เขาจะสัมผัสเธอผ่านเนื้อผ้าหยาบกระด้างก็ตามที แต่กลิ่นหอมอ่อนๆ จากกายเล็กจ้อยกว่าเขามากมายนั้นก็ติดจมูกอยู่มิคลายจนน่าโมโห

ชาคริตหันหลังให้ร่างที่สั่นเทาด้วยความหวาดหวั่นนั้น แล้วกลับไปนั่งที่เดิมเหมือนคนปรกติทุกประการ จนรติมารู้สึกหวาดกลัว นี่ขนาดว่าเขามองไม่เห็นรังสีอำมหิตจากดวงตาหลังแว่นสีดำนั้น ก็ส่งรังสีครอบคลุมไปทั้งห้องจนเธอหายใจแทบไม่ออก หากเขามองเห็นจริงๆ และจับจ้องเธอด้วยแววตาอำมหิตอย่างที่เธอจินตนาการไว้ เธอคงมอดไหม้เป็นเถ้าธุลี รติมาหลับตาลงอย่างอดสูแล้วคิดถึงถ้อยคำร้ายกาจแกมขู่เข็ญบังคับของคุณพริ้งผู้เป็นป้าเมื่อวันก่อน

“แกต้องทำหน้าที่ทุกอย่างแทนน้องรตานังมด หากแกไม่สามารถทำให้คุณชาคริตเขายอมรับหรือให้แกทำหน้าที่แทนรตา ฉันจะฉีกแกเป็นชิ้นๆ แล้วจะไล่พวกขี้ข้าของแกออกให้หมดเข้าใจมั้ย ฉันเลี้ยงแกให้โตมาขนาดนี้ ก็หัดทดแทนบุญคุณกันบ้างนะยะ คิดจะเอาตัวรอดคนเดียวหรือไง เมื่อผู้มีพระคุณลำบากแกก็ต้องช่วยสิ”

“แต่คุณป้าพริ้งคะ...”

“แกไม่มีสิทธิ์มาเรียกร้องหรือต่อรองอะไรทั้งสิ้น แกก็คงรู้ว่าช่วงนี้ฉันไม่ได้มีเงินมากมายเหมือนแต่ก่อน บริษัทเฮงซวยของพ่อแกก็กำกลังจะเจ๊ง อีกอย่างหากต้องขึ้นโรงขึ้นศาลกันจริงๆ ฉันก็คงไม่มีเงินหรอกนะ หากไม่ขายบ้านหลังนี้ ใช่แล้วหรือว่าฉันจะขายดีนะ ท่าทางจะได้เงินเยอะอยู่คงพอใช้ต่อสู้คดีในชั้นศาลหากฝ่ายนั้นเขาจะฟ้องน้องรตาจริงๆ และก็คงจะพอมีเงินเหลือใช้ซื้อบ้านหลังเล็กๆ อยู่ได้ ขายบริษัทนั่นด้วย แต่บอกไว้ก่อนนะว่าเงินนี่ฉันจะใช้จ่ายเฉพาะครอบครัวของฉัน ส่วนแกกับบรรดาขี้ข้าของแกก็ไสหัวไปจะไปไหนก็ไป ว่าไงล่ะจะตกลงมั้ย..”

คุณพริ้งถามเธอด้วยน้ำเสียงและแววตาวาววับ นางเองก็ได้แต่หวังว่ารติมายอมทำตามที่นางต้องการ โดยการเอาบ้านของเธอมาอ้าง ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วบ้านหลังนี้กำลังจะถูกยึด

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status