“อะไรของพวกเอ็งวะ อยู่ที่นี่อย่างน้อยๆ พวกเอ็งก็มีที่ซุกหัวนอนนะเว้ย ข้ากับคุณหนูไปยังไม่รู้เลยว่าจะไปอยู่อย่างไร อดทนเอาหน่อยเถอะวะ อย่าออกไปลำบากกันเลย งานก็ใช่จะหาได้ง่ายๆ ที่ข้าออกไปก็เพราะข้าเองก็พอมีเงินเก่าเงินเก็บ และที่ผืนเล็กๆ พอได้ทำกิน นี่ข้าก็กะว่าจะสร้างบ้านหลังเล็กๆ อยู่กับคุณหนูก่อน”
“โธ่ป้า อดทงอดทนอะไรกันพวกฉันก็ใช่ว่าอยากจะได้เงินเดือนที่จ่ายบ้างไม่จ่ายบ้าง แถมไม่ตรงเวลาอีกต่างหากแบบนี้นะ อย่างน้อยฉันไปเป็นพนักงานทำความสะอาดก็ได้”
“นั่นสิ ฉันก็จะไปเป็นยาม”
“ทุกคนอย่าลำบากเพราะน้องมดเลยนะคะ แค่นี้น้องมดก็ซาบซึ้งแล้วล่ะค่ะ”
ในที่สุดรติมาก็เอ่ยออกมาอย่างตื้นตัน น้ำตาใสๆ เอ่อล้นขอบตาด้วยความซาบซึ้งใจต่อความรักภักดีที่พวกเขามีให้เธอ
“แต่พวกเราเต็มใจจะไปกับคุณหนูนะคะ” พวกพี่ๆ ยังคงยืนกรานเช่นเดิมรติมาจึงหันไปมองแม่จิตเหมือนขอความคิดเห็น...
“อะไรนะคะคุณแม่ ฝ่ายนั้นเขาจะให้เรารับผิดชอบด้วยการให้รตาไปเป็นขี้ข้าดูแลคนป่วยตาบอดเนี่ยนะ ไม่เอาหรอก จะหล่อแค่ไหนแต่พิการ รตาก็ไม่สนหรอกนะ”
“แต่มันเป็นทางเดียวที่เราจะไม่ต้องขึ้นโรงขึ้นศาลนะลูก แค่ที่เขาปิดข่าว และให้ทนายมาเดินเรื่องคดีความเงียบๆ แบบนี้ก็ดีแล้ว เราเองก็ไม่ได้เสียเงินเสียทองให้เขาสักบาท แค่แลกกับการไปดูแลเขา”
มารดาพยายามเกลี้ยกล่อมบุตรสาวคนสวยในชุดรัดรึงเน้นสัดส่วนสีเพลิงนั้นอย่างคาดหวังว่า พริมรตาผู้เป็นบุตรสาวจะยินยอม ด้วยใจหนึ่งนั้นนางกลัวการเสียเงินเสียทองให้คู่กรณี ที่พริมรตาเมาแล้วขับรถไปชนกับรถชาคริต ประติมาไพบูลย์ ทายาทตระกูลดังผู้ร่ำรวยมีกิจการมากมาย
แม้ชาคริตจะเป็นชายรูปงามเนื้อหอมเป็นที่หมายปองของสาวๆ ในแวดวงไฮโซ หากเขาไม่ตาบอดนางเองก็คาดหวังจะเกี่ยวดองด้วยอยู่หรอก แต่มีลูกเขยตาบอดซ้ำยังอารมณ์ร้ายกาจอย่างนั้น นางก็ไม่อยากจะให้บุตรสาวที่รักไปรองรับอารมณ์แน่ๆ ที่นางรู้ว่าเขาร้ายกาจนั่นก็เพราะ ข่าววงในที่บรรดาคุณหญิงคุณนายต่างพากันพูดถึงชายหนุ่มกันอย่างสนุกปาก ซ้ำยังมีข่าวว่าคู่หมั้นที่รักกันมานานกว่าสี่ปีนั้นทิ้งชายหนุ่มไปอย่างไม่แยแสอีกด้วย แต่ข้อเสนออีกข้อของชาคริตต่างหากที่นางสนใจ เงินจำนวนสิบล้านและการไถ่ถอนบ้านอรุณวลัยจากธนาคารที่นางเอาไปจำนอง เพียงแค่ให้รติมาไปดูแลเขาเท่านั้น
“คุณแม่ก็พยายามหาทางสิคะ หากทำไม่ได้ก็ปล่อยให้รตาติดคุกซะดีกว่าให้ไปเป็นขี้ข้าใคร”
“โถๆ ลูกแม่อย่างเพิ่งอารมณ์เสียสิคะลูกขา เดี๋ยวแม่จะพยายามคิดหาทางให้นะคะ”
คุณพริ้งหลบตาบุตรสาวเมื่อคิดหาทางให้ลูกสาวตกลง นางพยายามเอาใจบุตรสาวคนสวยอย่างเต็มที่ บุตรสาวที่นางแสนภาคภูมิใจว่าสวยสดงดงาม บุตรสาวที่นางเลี้ยงดูมาอย่างทะนุถนอม
“วันนี้รตาขอเงินสักห้าหมื่นนะคะคุณแม่ ตอนเย็นรตาจะไปพัทยากับเพื่อนๆ คนมีปาร์ตี้ที่บ้านพักของ วินนี่ แม่คงรู้จักนะคะเพื่อนของรตาคนที่รตาเคยเล่าให้ฟังว่า เป็นลูกสาวคุณหญิงวิไลวัลย์ ภริยาอดีตท่านรองนายกฯ น่ะค่ะ”
“เอ่อ ห้าหมื่นเลยเหรอลูก”
“แค่ห้าหมื่นนะคะคุณแม่ไม่ใช่ห้าแสน คนอื่นๆ เขาพกเงินไปทีละเป็นแสนๆ มีรตานี่ล่ะพกเงินหมื่น รตาอายนะคะจะไปงานวันเกิดลูกสาวอดีตนายกฯ ทั้งทีของขวัญวันเกิดแสนจะถูกราคาแค่ไม่กี่หมื่น”
พริมรตาเอ่ยประชดมารดา แต่ในใจก็คาดหวังว่ามารดาจะต้องให้เงินเธอมากกว่าที่ขออยู่แล้ว
“เอ่อลูกรักจ๊ะ เมื่ออาทิตย์ก่อนหนูก็เอาไปแล้วห้าหมื่นนะจ๊ะ”
“แต่นั่นมันคนละงานนะคะคุณแม่ งานนี้ลูกหลานไฮโซเขามากันทั่วประเทศ หากรตาไปร่วมงานก็ต้องได้พบแต่คนรวยๆ ยิ่งเพื่อนสมัยที่เรียนอยู่เมืองนอกอีกล่ะคะ พวกนั้นน่ะผู้ดีเก่ากันทั้งนั้น ยิ่งเพื่อนๆ ที่อยู่ฝรั่งเศสน่ะมีแต่คนรวยๆ หากรตาเข้ากลุ่มกับพวกเขาไม่ได้ นั่นก็เพราะคุณแม่นะคะ”
“จ้ะๆ ลูก เอ่อแล้วนี่แต่งตัวจะไปไหนคะลูก”
“รตาว่าจะไปสปาก่อนน่ะค่ะ ขอเงินหน่อยสิคะ งั้นเอาแค่สองหมื่นก่อนก็ได้ค่ะ รตากะว่าจะใช้แค่นี้เพราะช่วงนี้ รตาเซ็งๆ ยังไม่อยากได้อะไรเป็นพิเศษ”
เธอกล่าวเหมือนว่าการใช้เงินวันละหมื่นสองหมื่นนั้นเป็นเรื่องปรกติ และมันก็เล็กน้อยหากเทียบกับที่ผ่านๆ มาซึ่งเธอใช้เงินราวกับน้ำ ในความคิดที่ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กๆ นั่นคือ มารดาของเธอนั้นร่ำรวยมหาศาลและเธอก็ได้ในสิ่งที่ปรารถนาเสมอ ทุกๆ อย่างไม่เคยที่พริมรตาจะไม่ได้...
“โธ่เอ้ย.. จะทำอย่างไรดีนะ เงินตั้งสิบล้านแถมยังได้บ้านคืนจากธนาคารด้วย..”
หลังจากที่ให้เงินลูกสาวไปแล้วคุณพริ้งนั่งคิดอย่างหนักอกหนักใจ เงินก็อยากได้ บ้านก็อยากได้ แต่ต้องให้ลูกสาวไปเป็นที่รองรับอารมณ์ของคนตาบอด...นางจะทำอย่างไรดีที่จะได้ทั้งบ้านและเงินโดยที่ไม่ต้องให้พริมรตาไปลำบาก...
ร่างบอบบางกอดกระเป๋าเดินทางกลางเก่ากลางใหม่ซึ่งเป็นสมบัติชิ้นสำคัญชิ้นเดียวที่มีติดตัวไว้แน่น ดวงตากลมโตกวาดมองรอบๆ กายอย่างหวั่นวิตก มือบางเย็นเฉียบในใจก็หวิวๆ ราวจะเป็นลม
“ไม่ต้องกลัวนะคะคุณหนู แม่จิตจะอยู่เคียงข้างคุณหนูเสมอ”
“คุณหนูน้องมดเข้าไปพบคุณท่านได้แล้วครับ ส่วนแม่จิต รออยู่ตรงนี้”
คุณประเสริฐกล่าวอย่างเอ็นดู เขามองใบหน้านวลใสนั้นอย่างเวทนา เมื่อเขาได้รับรู้เรื่องของเธอจากแม่จิตและพอรู้กิตติศัพท์ของคุณพริ้งมาบ้าง และยังวิตกแทนรติมาที่จะต้องมาพบเจอกับชาคริต ผู้ซึ่งบัดนี้อารมณ์ไม่ค่อยปรกตินัก
“ขอบคุณค่ะคุณลุงทนาย”
หญิงสาวเอ่ยขอบคุณเบาๆ พลางวางกระเป๋าใบโตที่เธอใช้ยึดเป็นเกราะสร้างความมั่นใจมาตลอดเวลาที่เดินทางจากบ้านของตนมายังบ้านหลังใหญ่โตงดงามหลังนี้ บ้านประติมาไพบูลย์
ตอนที่ 4.มือบางสั่นน้อยๆ ขณะผลักประตูไม้สักสลักลายสวยหรู หากแต่หลังประตูบานนี้กลับไม่มีสิ่งงดงามใดๆ ให้เธอได้ยลแม้แต่นิดเดียว มีเพียงภาพเงาของชายรูปร่างสูงใหญ่ซึ่งนั่งหันหลังให้เธอ รติมามองเงาของชายคนนั้น พลางกลืนน้ำลายลงลำคอที่แห้งผากขึ้นมาทัน รัศมีรังสีความร้ายกาจปกคลุมไปทั่วทั้งห้องกว้าง ที่มีเพียงเฟอร์นิเจอร์ไม่กี่ชิ้นทว่าเรียบหรูศีรษะทุยได้รูปนั้นตั้งตรง ไหล่กว้างตั้งขนานกับพื้นเป็นราวไม้บรรทัด และเขาไม่มีทีท่าว่าจะหันมาสนใจผู้เข้ามาใหม่เลยสักนิด และไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่รติมารู้สึกว่ายืนนานจนรู้สึกเมื่อยล้าไปทั้งเรียวขา หญิงสาวแอบถอนใจเบาๆ พยายามรวบรวมกำลังเพื่อจะเอื้อนเอ่ยให้เขารู้ว่าเธอได้เข้ามาในห้องนี้นานแล้วเขาอาจจะไม่รู้ว่าเธอเข้ามาเพราะเขาตาบอด แต่ เอ๊ะ เขาก็ไม่ได้หูหนวกนี่นา สองเสียงเล็กๆ แย้งกันในหัว“เอ่อ คุณ ชาคริตคะ คือ ดิฉัน...” รติมาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่พยายามจะไม่ให้สั่นและบังคับให้มันเรียบที่สุด ทำไมเธอถึงรู้สึกอึดอัด หายใจไม่ออกราวกับว่าในห้องนี้มันไม่มีออกซิเจนให้หายใจ หญิงสาวคิด..“ฉัน คือฉัน...”“หุบปาก หากฉันไม่ได้ถามหรือพูดอะไรกับเธอ ห้ามพ
บทนำโครมมม เพล้งงง! เสียงข้าวของหล่นแตกกระจายพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนราวกับสัตว์บาดที่พยายามจะดิ้นรนออกจากบ่วงแร้วของนายพรานดังก้องไปทั้งบริเวณคฤหาสน์หลังงาม... “ออกไป๊! ออกไป.. ฉันไม่อยากรับรู้ว่าใครอยู่ตรงนี้ทั้งนั้น หยุด แล้วไม่ต้องมามองฉันแบบสมเพชเวทนาอย่างนั้น ออกไปให้หมด ออกไปๆ”เสียงห้าวด้วยโทสะดังออกมาจากริมฝีปากหยักสวยราวสตรีของชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ใบหน้าคมเข้มนั้นประกอบด้วยใบหน้าเรียวได้รูป จมูกโด่งคมสันรับกับริมฝีปากหยักสวยได้รูปนั้นบิดเบ้สั่นระริก แต่ไม่มีใครได้เห็นแววตาของเขาเพราะถูกพันปิดไว้ด้วยผ้าพันแผลสีขาวสะอาดที่พันรอบศีรษะทุยสวย ร่างสูงทรุดลงนั่งกับพื้นอย่างอ่อนแรง เมื่อเสียงฝีเท้าที่ทั้งเดินและวิ่งวุ่นวายพร้อมกับเสียงร้องวี้ดว้ายของผู้หญิงดังขึ้นด้วยจริตจนน่ารังเกียจในความคิดของเขานั้นเงียบลง “ฉันจะต้องไม่ทนทุกข์ทรมานเพียงคนเดียว คนที่ทำให้ฉันต้องเป็นแบบนี้ต้องชดใช้...” “เอ่อ คุณชาคริตครับ ผมมาแล้วครับ”เสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้นทำให้ร่างที่นั่งคุดคู้อยู่กับพื้นหันมาตามเสียงแต่สีหน้านั้นก็ยังดูหงุดหงิดและเกรี้ยวกราดอยู่ แม้ไม่เห็นใบหน้าทั้งห
ตอนที่1.บทที่ 1. ชะตาที่ดูเหมือนจะเลวร้ายร่างบอบบางของหญิงสาววัยยี่สิบสองปีดิ้นรนออกจาการกอดรัดที่หยาบโลนของชายหนุ่มรูปร่างผอมทว่าแกร่งกร้านด้วยแรงราคะซึ่งพยายามจะกระชากเสื้อตัวสวยออกจากกายสาวขาวผ่อง มือบางทั้งผลักทั้งทุบตีปัดป้องเนื้อนวลของตนให้พ้นจากการรุกราน แต่ทว่าเรี่ยวแรงที่มีนั้นหาได้ทัดเทียมผู้รุกรานไม่... “ปล่อยฉันนะคนเลว กรี๊ดดดด...”เสียงหวีดร้องอย่างตื่นตระหนกดังก้องไปทั้งห้องพักแคบๆ ที่เธอใช้ซุกหัวนอนมานานปี หากแต่ในคืนฝนตกหนักและพายุลมแรงเช่นนี้จะมีใครได้ยินเสียงหวีดร้องขอความช่วยเหลือจากเธอหรือไม่รติมา หน้าซีดตัวสั่นเมื่อเสื้อนักศึกษาตัวสวยขาดวิ่นติดมือของคนชั่วไปและผิวเนื้อนวลขาวกระจ่างท่ามกลางแสงแปลบปลาบของสายฟ้าที่สว่างเป็นครั้งคราวด้านนอกนั้นยิ่งกระตุ้นราคะของคนชั่วร้ายอย่าง อานนท์ ลูกเลี้ยงของคุณพริ้ง ซึ่งเป็นป้าแท้ๆ ของเธอ “แม่เจ้า เธอสวยจริงๆ นังน้องมด คืนนี้แหละไอ้นนท์ขอสัญญาว่า เธอต้องเป็นเมียของฉัน ฮ่าๆๆ” “ได้โปรด อย่าทำอะไรน้องมดเลยนะคะคุณนนท์ ปล่อยน้องมดเถอะนะคะ ฮือๆๆ”“ฉันได้โปรดเธอแน่คนสวย และเธอจะต้องของร้องฉันว่าได้โปรดๆ ทั้
ตอนที่ 2“นังมดไปไหน” “เอ่อ คุณหนูไม่สบายค่ะ เป็นไข้หวัดมาสองวันแล้วค่ะ” แม่จิตตอบตามความเป็นจริง ซึ่งมันทำให้คุณพริ้งไม่ใคร่จะพอใจนัก แต่ก็ได้แต่พยักหน้า เมื่อเห็นแม่บ้านเก่าแก่ที่อยู่กันมานานมองด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก และวันนี้ดูท่าทางของแม่บ้านสูงวัยจะเปลี่ยนไป “มีอะไรรึเปล่าถึงได้มองฉันแบบนี้” คุณพริ้งถามเสียงแข็งในใจก็กลัวว่าลูกจ้างจะขอขึ้นเงินเดือนมากกว่าอย่างอื่น “อิฉันจะขอลาออกค่ะ และคุณหนูมดก็จะออกไปอยู่ข้างนอกเหมือนกัน ตอนนี้คุณหนูก็เรียนจบแล้ว” “เฮอะ เรียนจบแล้ว กะอีแค่ใบปริญญาจากรามฯ ใบเดียวคิดว่ามันจะช่วยเลี้ยงแกทั้งสองคนให้กินดีอยู่ดีเหมือนอยู่กับฉันรึ อยากจะไปไหนก็ไป แต่บอกไว้ก่อนว่านี่ยังไม่สิ้นเดือน หากแกไปเงินเดือนๆ นี้ก็ไม่ได้ และนังมดก็จะไม่ได้อะไรออกไปแม้แต่บาทเดียว” “ค่ะ อิฉันเข้าใจแค่จะเรียนให้ทราบเท่านั้น” “อยากจะไปไหนก็เชิญ แต่ก่อนออกไปก็เอาข้าวของมาให้ฉันดูก่อนล่ะ ฉันไม่ไว้ใจพวกแก” คุณพริ้งพูดอย่างเย็นชาไม่ได้รู้สึกห่วงหาผู้เป็นหลานสาวเลยสักนิด แม่จิตเดินออกไปจากห้องรับแขกเงียบๆ พลางคิดถึง