“โอ้ ได้ครับ!” แม้ว่ากู้ ลี่เฉินจะไม่ได้แนะนำตัวเอง แต่ทนายกู้ก็จำเขาได้และเห็นด้วยกับเขา ทนายกู้พาเขาไปที่ห้องประชุมและบอกหลิง อี้หรานว่า “คุณใช้ห้องนี้คุยกับคุณกู้ได้ตามสบายเลยนะ”หลิง อี้หรานถึงกับพูดไม่ออกทันทีที่ประตูปิดลง เหลือเพียงหลิง อี้หรานกับกู้ ลี่เฉินอยู่ในห้องสองคนเท่านั้นดูเหมือนว่าบรรยากาศในห้องประชุมจะดูน่าอึดอัดมากยิ่งขึ้นกวาน ลี่หลี่กับเพื่อนร่วมงานที่อยู่ด้านนอกต่างตกตะลึงเหตุการณ์นี้แปรเปลี่ยนไปอย่างผิดคาด เรื่องนี้เริ่มต้นจากแฟนสาวที่จับมือที่สามกับแฟนหนุ่มของเธอได้คาหนังคาเขา เธอพยายามจัดการกับมือที่สามแต่แล้วเรื่องราวกับเปลี่ยนไปว่าหลิง อี้หรานไม่ใช่มือที่สามและเธอก็ดูใกล้ชิดกับเจ้าชายแห่งวงการบันเทิงความรู้สึกของกวาน ลี่หลี่แปรเปลี่ยนไปเมื่อเธอเห็นกู้ ลี่เฉินกู้ ลี่เฉินเคยเจอเธอมาก่อนในตอนที่เธอกลั่นแกล้งหลิง อี้หราน ตอนนั้นเขายังเป็นคนที่ช่วยปกป้องหลิง อี้หรานในตอนที่เธอเห็นข่าวซุบซิบของกู้ ลี่เฉินกับหวา ลี่ฟางบนอินเทอร์เน็ต เธอก็คิดว่าเขาไม่ได้สนใจหลิง อี้หรานแล้วเพราะไม่มีผู้หญิงคนไหนรักษาความสัมพันธ์ที่ยืดยาวกับเจ้าชายแห่งวงการบันเทิงได้แ
“ถ้าคุณไม่มีคำถามเพิ่มเติมแล้ว ฉันขอตัวก่อนนะ” หลิง อี้หรานพูดขณะที่เดินไปที่ประตูห้องแต่ก่อนที่มือของเธอจะสัมผัสโดนลูกบิดประตู เขากลับคว้าตัวของเธอเอาไว้เสียก่อน“หลิง อี้หราน คุณจำเป็นต้องปฏิเสธผมแบบนี้ด้วยเหรอ?” น้ำเสียงที่มักจะเรียบนิ่งกลับฟังดูไร้ความอดทนมากขึ้นเรื่อย ๆกู้ ลี่เฉินรู้สึกกังวลอะไรบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้หลิง อี้หรานจ้องมองใบหน้าหล่อเหล่าที่อยู่ตรงหน้าเธอ ใบหน้าที่สมบูรณ์แบบของเขาทำให้เธอนึกถึงใบหน้าจิ๋ว ๆ ของอีกคนหนึ่งย้อนกลับไปในตอนนั้น เด็กชายที่มีใบหน้าแบบนี้กำลังกอดเธอไว้เมื่อเห็นว่าเธอเหน็ดเหนื่อยจากการแบกเขาไว้บนหลัง “ฉันจะดีกับเธอให้มาก ๆ ฉันจะซื้อชุดสวยให้เธอเยอะ ๆ ฉันจะพาเธอไปกินของอร่อย ๆ ฉันจะปกป้องเธอให้ดีที่สุด!”เธอไม่ได้จริงจังกับคำพูดของเขามากนักในขณะนั้น ทุกคนล้วนลืมสิ่งที่ตัวเองพูดในวันถัดไปกันทั้งนั้นหลังจากนั้นเธอก็ป่วยและลืมเขาไปเสียสนิท เธอลืมแม้กระทั่งความทรงจำที่มีร่วมกันเธอไม่รู้ว่าเขาตามหาเธอมาหลายปี! ความหมกมุ่นของเขานั้นมีมากเกินกว่าที่เธอจินตนาการไว้แต่ตอนนี้ความหมกมุ่นเหล่านั้นได้ตกไปอยู่กับหวา ลี่ฟาง‘สำหรับฉ
ใบหน้าของเธอจะปรากฏขึ้นในใจของเขาเป็นครั้งคราว แม้แต่ในตอนกลางคืน เขาก็มักจะฝันถึงตอนที่เขาพบกับเธอบนเนินเขาและแบกเธอไว้บนหลังราวกับว่าเขากำลังแบกเด็กผู้หญิงคนนั้นไว้บนหลัง“คุณแน่ใจนะว่าคุณไม่ได้รักอี้ จิ่นหลีแล้ว?” เขาพึมพำเธออมยิ้มแต่ยังคงดูเหม่อลอย “แล้วมันสำคัญตรงไหน?”อี้ จิ่นหลีไม่ต้องการให้เธอตกหลุมรักกู้ ลี่เฉินแต่ตอนนี้กู้ ลี่เฉินกำลังถามเธอว่าเธอไม่ได้รักอี้ จิ่นหลีอีกต่อไปแล้วใช่หรือไม่‘พวกเขาต้องการแค่ผลลัพธ์ แต่พวกเขากลับไม่เคยสนใจว่าฉันต้องการอะไร! ฉันต้องการความสงบสุข!’กู้ ลี่เฉินจ้องมองหลิง อี้หราน รอยยิ้มและน้ำเสียงของเธอเปรียบเสมือนใบมีดที่กรีดลึกเข้ามาในหัวใจของเขา…หลิง อี้หรานรู้สึกหมดแรงหลังจากเลิกงาน มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นมากมายในวันนี้ และทันทีที่เธอก้าวเข้าไปในย่านที่พักของเธอ เธอก็เห็นรถยนต์คันหรูสีดำจอดอยู่ใกล้ ๆ บ้านของเธอ ซึ่งกลายเป็นที่ดึงดูดความสนใจของคนที่เดินผ่านไปมาคนขับรถประจำตระกูลอี้วิ่งเหยาะ ๆ มาหาหลิง อี้หรานและพูดว่า “คุณหลิง นายน้อยอี้รอคุณอยู่ในรถครับ”หลิง อี้หรานหยุดชะงักและมองดูรถยนต์คันสีดำ ‘ตอนนี้อี้ จิ่นหลี... อยู่
“แน่นอนสิ ก็ฉันเป็นห่วงเธอไง” เขาพูด“เขามาหาฉัน แต่เขาไม่ได้พูดอะไร” เธอพูดขึ้นขณะที่กัดริมฝีปากตัวเอง เธอรู้สึกราวกับว่าเขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเธอ ‘เขากำลังสะกดรอยตามฉันอยู่หรือเปล่า?’“จริงเหรอ?” อี้ จิ่นหลีพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาขณะเดินเข้าไปใกล้หลิง อี้หราน “ฉันสงสัย ทำไมเธอถึงไม่บอกเขาว่าเธอเป็นคนช่วยชีวิตเขา?”ร่างกายของเธอเกร็งมากยิ่งขึ้นเขายกมือขึ้นและใช้ปลายนิ้วแตะเข้าที่ริมฝีปากของเธอ น้ำเสียงอันแสนไพเราะของเขาดังขึ้นอีกครั้งราวกับเสียงไวโอลิน “บอกฉันทีว่าทำไม”หลิง อี้หรานรู้สึกถึงน้ำตาที่เอ่อล้นออกมา‘ทำไม... เขาถึงถามคำถามนี้กับฉัน? เขาเคยรู้บ้างไหมว่าฉันรักเขามาขนาดที่ว่าฉันจำทุกอย่างในอดีตได้แล้ว แต่ฉันกลับเรื่องที่จะฝังเรื่องราวเหล่านั้นให้จมดิ่งลงไป?’แม้ว่าน้องลี่ฟางจะเข้ามาแทนที่เธอ แต่เธอก็ไม่เคยปริปากพูดอะไรสักคำเธอแค่กลัวว่าเธอจะทำให้เขาไม่พอใจ ดังนั้นเธอจึงตัดความสัมพันธ์ของเธอกับกู้ ลี่เฉินทิ้งไปเธอรู้สึกขบขันตัวเองที่ตลอดเวลาเธอคิดว่าเธอสร้างความมั่นใจให้กับเขาเพียงพอแล้ว แต่เธอไม่เคยรู้เลยว่าเธอไม่ได้สำคัญกับเขาขนาดนั้น และมันกลับกลายเป็นว่าเขาสามา
อี้ จิ่นหลีรู้สึกแย่ที่เขาขอให้หลิง อี้หรานทำให้อาหารให้เขากินในวันนี้“เอามือแช่น้ำเย็นไว้ เดี๋ยวฉันจัดการซุบเอง” เขาพูดขึ้น“คุณจะทำเหรอ?” เธอรู้สึกประหลาดใจ“ไม่ได้หรือไง?” เขาเดินไปที่หม้อ ยกฝาขึ้นแล้วมองดูซุบ จากนั้นเขาจึงเริ่มเติมเครื่องปรุงเล็กน้อยก่อนตักซุบด้วยช้อนเล็ก ๆ แล้วชิมดูก่อนจะปิดเตาการเคลื่อนไหวของเขาดูงดงามและเป็นธรรมชาติ หลิง อี้หรานรู้สึกราวกับว่าเธอกำลังดูรายการทำอาหารทว่า อี้ จิ่นหลีคอยมองดูเธอเป็นครั้งคราวในขณะที่เขาเตรียมซุบ ราวกับว่าเขากังวลว่าเธอแอบดึงมือออกจากก๊อกน้ำหลังจากหลิง อี้หรานแช่มือในน้ำเย็นเป็นเวลาสิบนาที อาการปวดแสบปวดร้อนของเธอก็บรรเทาลงแม้ว่านิ้วของเธอจะยังแดงอยู่นิดหน่อย แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร“ยังแดงอยู่เลย” อี้ จิ่นหลีขมวดคิ้วขณะมองดูนิ้วของเธอ“เดี๋ยวอีกสองสามวันก็ดีขึ้น” หลิง อี้หรานตอบทันทีที่เธอพูดจบ เขาก็เอาปลายนิ้วของเธอเข้าไปใกล้ปากของเขาและแลบลิ้นออกมาเลียปลายนิ้วของเธอเบา ๆ ราวกับว่าเขากำลังปลอบโยนอาการบาดเจ็บที่ปลายนิ้วของเธอหลิง อี้หรานตัวแข็งทื่อ เธอรู้สึกราวกับว่าเลือดในร่างกายของเธอกำลังพุ่งไปที่ปลายนิ้ว เ
เขาเกือบจะเสียการควบคุมไปกับการสัมผัสปลายนิ้วของเธอเมื่อสักครู่นี้ ความปรารถนาของเขาแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ‘เกือบ... เกือบไปแล้ว... ฉันเกือบจะทำแบบนั้นกับเธอในห้องครัว!’แม้ว่าเขาตัดสินใจจะไม่มอบความรักให้แก่เธอ ตัดสินใจยุติความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขา และให้เธอเป็นเพียงพี่สาวของเขาเท่านั้น แต่ว่าเธอก็ยังคงมีอิทธิพลต่อเขาเป็นอย่างมากเพียงแค่ดวงตารูปอัลมอนด์ของเธอจับจ้องมาที่เขา จิตใจของเขาก็พร้อมจะลอยละล่องออกไป เหตุผลทั้งหมดที่เขาเคยยึดติดกลับพร้อมจางหายไปในอากาศ“บอกฉันที ต้องทำยังไงฉันถึงจะเลิกรักเธอ...” เสียงพึมพำของเขาดังขึ้นในห้องนอนอันแสบเงียบงัน‘ฉันคิดว่ามันยากที่จะรักใครสักคน แต่ฉันตกหลุมรักเธออย่างง่ายดาย’‘ฉันเคยคิดว่าการเลิกรักใครสักคนมันง่าย แต่ทำไม... มันยากจัง...’“อี้หราน… อี้หราน…” เสียงแหบห้าวของเขาร้องเรียกชื่อเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับมันเป็นชื่อเดียวที่เขารู้จัก…...วันรุ่งขี้นหลิง อี้หรานกลับเข้าไปทำงาน ทุกคนในบริษัทต่างมองเธอด้วยสายตาแปลกประหลาดหลายคนเข้ามาถามอี้หรานเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเธอและกู้ ลี่เฉิน ซึ่งหลิง อี้หรานตอบว่า “ฉันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไ
หลิง อี้หรานรู้สึกโล่งใจเล็กน้อยเมื่อคิดว่าคุณนายโจวอาจจะแค่ออกไปซื้อของในละแวกใกล้เคียงและคงจะกลับบ้านในไม่ช้าหลิง อี้หรานจึงสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์และพูดว่า “อาหยันน้อย ฟังน้านะ คลายเสื้อผ้าของแม่ให้หลวมแล้วเอาหมอนวางไว้ใต้ฝ่าเท้า ให้ขายกขึ้นเล็กน้อย น้าจะเรียกรถพยาบาลให้ ถ้าคุณยายกลับมาถึงบ้านแล้วก็บอกคุณยายด้วยว่าเกิดอะไรขึ้น เข้าใจไหม?”“ฮะ เข้าใจแล้ว” อาหยันน้อยตอบหลิง อี้หรานโทรเรียกรถพยาบาลและให้ที่อยู่ปัจจุบันของโจว เชียนหยุนแก่พวกเขาหลังจากอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น15 นาทีต่อมา คุณนายโจวโทรมาบอกเธอว่ารถพยาบาลมาถึงแล้ว แพทย์ได้ตรวจร่างกายของโจว เชียนหยุนและบอกว่าไม่ใช่อาการรุนแรงอะไร แต่พวกเขาจะต้องส่งพี่โจวไปตรวจร่างกายที่โรพยายามต่อไปหลิง อี้หรานรู้สึกโล่งอก หลังจากเธอเลิกงาน เธอก็รีบตรงดิ่งไปที่โรงพยาบาลดั่งกล่าวและเห็นว่าโจว เชียนหยุนนอนอยู่บนเตียงหลังจากที่เธอไม่ได้พบโจว เชียนหยุนมาเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ เธอพบว่าตอนนี้พี่โจวดูผอมซูบลงกว่าครั้งก่อนที่เธอเคยเจอมากเสื้อผ้าของโรงพยาบาลดูใหญ่เกินไปสำหรับเธอเล็กน้อย ใบหน้าซีดของเธอดูซีดเซียว แม้แต่ริมฝีปากข
“แน่นอน ฉันจะช่วยพี่ค่ะ” หลิง อี้หรานพูดขึ้น อย่างน้อยที่สุด เธอก็สามารถช่วยพี่โจวประหยัดเงินได้บ้าง แต่ว่า... “ฉันไม่มั่นใจใจว่าฉันจะเอาชนะคดีนี้ได้ไหม เพราะมันยังมีอีกหลายปัจจัยที่ไม่เอื้ออำนวย” หลิง อี้หรานพูดตามความเป็นจริง“เข้าใจ ฉันเข้าใจ” โจว เชียนหยุนพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ปัจจัยที่ไม่เอื้ออำนวยเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของอดีตที่เธอไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เธอรู้สึกขอบคุณอี้หรานที่เข้ามาช่วยเธอในคดีนี้! “ขอบคุณนะอี้หราน”“ว่าแต่พี่จะอยู่เมืองเฉินต่อใช่ไหมคะ? พี่ได้พูดคุยกับโรงเรียนอนุบาลของอาหยันน้อยแล้วหรือยัง?” หลิง อี้หรานนึกขึ้นได้ว่าอาหยันน้อยตั้งตารอที่จะไปโรงเรียนอนุบาล“ยังเลย” โจว เชียนหยุนเริ่มรู้สึกกังวล เธอพยายามอย่างมากในการส่งใบสมัครของลูกชายไปที่โรงเรียนอนุบาลเอกชนหลายแห่ง ทว่า เมื่อพวกเขารู้ว่าลูกชายของเธอเป็นคนหูหนวก พวกเขากลับบอกปฏิเสธ แม้ว่าเธอจะยืนกรานซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าเขาสวมเครื่องช่วยฟังและสามารถสื่อสารได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้วก็ตามหลิง อี้หรานพึมพำถึงเรื่องนี้ “ฉันจะลองดูว่าฉันสามารถทำอะไรได้บ้าง”“เธอจะทำอะไรเหรอ?” โจว เชียนหยุนตกตะลึง“ฉันจะถามเพื่อนของฉันให้