“แม่ของเด็กคนนั้นคือโจว เชียนหยุน” น้ำเสียงโทนต่ำเอื้อนเอ่ยคำตอบที่คง อื่นอินอยากรู้ออกมา‘ลูก! โจว เชียนหยุนมีลูกกับเหวินหมิง และเด็กคนนั้นเป็นผู้ชาย! แสดงว่า... โจว เชียนหยุนไม่ได้โกหกว่าเธอท้องเหรอ? ไม่ใช่คำพูดโกหกเพื่อเอาตัวรอดจากการติดคุกหรอกเหรอ?’โจว เชียนหยุนรู้สึกขุ่นเคืองเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ถ้าเธอรู้เรื่องนี้ก่อนหน้านี้ เธอคงจะทำทุกอย่างเพื่อกำจัดเด็กคนนั้นไปตั้งแต่ตอนที่โจว เชียนหยุนยังอยู่ในคุกทว่า เธอพยายามซ่อนใบหน้าแห่งความเกลียดชังและความอิจฉาริษยาเอาไว้ “เธอให้กำเนิดลูกของคุณเหรอคะ?”“ผมขอโทษ” เย่ เหวินหมิงพูดขอโทษออกมาอัตโนมัติ“ไม่มีอะไรต้องขอโทษค่ะ แค่... ฉันไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ อย่างน้อยคุณก็มีลูกเพื่อสืบทอดสายเลือด” คง จื่ออินหลับตาลงและพูดด้วยน้ำเสียงติด ๆ ขัด ๆ “เหวินหมิง ตอนนี้คุณมีลูกกับเธอแล้ว คุณจะไปอยู่กับเธอไหมคะ… ฉัน… ฉันจะเข้าใจ ถ้านี่คือการตัดสินใจของคุณ…”คง จื่ออินดูเสียใจถึงขั้นสุดจนไม่สามารถพูดต่อไปได้เย่ เหวินหมิงยกมือขึ้นและดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขน “ผมจะไม่ไปอยู่กับโจว เชียนหยุน ผมแค่อยากจะถามว่าคุณเต็มใจที่จะเลี้ยงเด็กคนนี้กับผมไหม?”“ฉัน
“แน่นอน ครั้งหน้าฉันจะพาอาหยันน้อยไปเจอเธอ” หลิง อี้หรานตอบพร้อมยกยิ้มชิน เหลียนอีได้โทรศัพท์ถามเพื่อนและเพื่อนร่วมงานของเธอเกี่ยวกับโรงเรียนอนุบาล เพื่อนร่วมงานทั้งสองคนของเธอบังเอิญมีญาติทำงานในโรงเรียนอนุบาล ทว่า พวกเขากลับบอกปฏิเสธทันทีเมื่อรู้ว่าอาหยันน้อยเป็นเด็กพิการทางการได้ยินเขาปฏิเสธเพราะว่าเด็กคนนี้แตกต่างจากเด็กปกติ ดังนั้น คุณครูอาจจะรู้สึกลำบากในการเตรียมการเรียนการสอนสำหรับเขา นอกจากนี้ เขาอาจจะไม่สามารถเข้ากับเด็กคนอื่น ๆ ได้ดีนักชิน เหลียนอีนพบว่ามันเป็นเรื่องยากที่เด็กพิการทางการได้ยินจะเข้าร่วมโรงเรียนอนุบาลปกติ แม้ว่าเด็กพวกนี้จะมีเครื่องช่วยฟังและสามารถพูดได้ก็ตามชิน เหลียนอีไปทานอาหารเย็นกับไป๋ ทิงซินทันทีที่เธอเลิกงาน ขณะที่เธอรินเครื่องดื่มให้เขาอย่างตั้งใจ ตักอาหารใส่จานของเขา และตักซุปให้เขา การกระทำของเธอดึงดูดสายตาของเขาเป็นอย่างมาก“มี... มีอะไรเหรอ?” การจ้องมองของเขาทำให้เธอรู้สึกผิดเล็กน้อย“คุณไปทำผิดอะไรมาหรือเปล่า?” ไป๋ ทิงซินโพล่งถามออกมาตรง ๆเพราะถ้าเขาไม่ถามเธอออกไปตรง ๆ บางทีเธออาจจะไม่เข้าใจชิน เหลียนอีเกือบจะสำลัก“ฉันไม่ได้ทำอะไร
“หน้าตาดียังไง?” ไป๋ ทิงซินถามขึ้นขณะเลิกคิ้ว“ถ้าฉันอายุน้อยกว่า 20 ปี ฉันจะตามจีบเขาแน่ ๆ! ฉันล่ะสงสัยว่าถ้าเขาได้ไปโรงเรียนแล้ว สาว ๆ จะมารุมล้อมเขาสักกี่คน!” ชิน เหลียนอีพูดราวกับว่าเธอเป็นแฟนคลับของเด็กน้อยไป๋ ทิงซินขมวดคิ้ว ‘หน้าตาดีและน่ารัก... เธอจะตามจีบเด็กเหรอ? ทำไมฟังดูพิลึกชอบกล?’“ถ้าคุณอายุน้อยกว่า 20 ปี คุณจะตามจีบเขาไปจริง ๆ เหรอ?”“ใช่ คุณยังไม่เคยเจอเขาเลย ถ้าครั้งหน้าอี้หรานพาเขามา ทำไมคุณไม่ลองไปเจอเขาด้วยกันล่ะ? อี้หรานยังบอกอีกว่าตัวจริงเขาดูดีกว่าในรูปอีก...” ชิน เหลียนอีหยุดพูดก่อนจะตระหนักได้ว่าไป๋ ทิงซินมีท่าทีเปลี่ยนไป เธอเริ่มรู้ตัวและพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริงว่า “แต่ไม่ว่าเขาจะหล่อและน่ารักแค่ไหนเขาก็เทียบคุณไม่ได้อยู่ดี!”เธอรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนจะถอนหายใจกับตัวเอง ‘ฉันลืมไปเลยว่าเขาคิดมากและขี้หึงง่ายแค่ไหน!’“เธอคิดว่าฉันหน้าตาดีเหรอ?” เขามองมาที่เธอ“ใช่ ๆ เขาเทียบคุณไม่ได้เลย มีคนพูดไว้ว่าต่อให้คนเราฉลาดในตอนเด็ก แต่ก็ไม่ได้แปลว่าโตมาแล้วจะประสบความสำเร็จ และคนที่หน้าตาดีตั้งแต่เด็ก โตไปก็อาจจะไม่หล่อก็ได้” เธอยังคงพูดให้เขารู้สึกดีขึ้น“ถ้าอย่าง
หลายครั้งที่พวกเขาทำคดีความแต่กลับไม่ได้รับเงินชดเชยตอนเที่ยง กวอ ซิ่นนหลีโทรหาหลิง อี้หรานและถามเธอว่า “เอ่อ... คุณพอจะรู้ไหมว่านักแสดงสาวซูซี อยู่ที่ไหน ผม... ผมอยากเจอเธอ”“มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าคะ?” หลิง อี้หรานถาม“ผมแค่อยากจะคุยกับเธอเกี่ยวกับเรื่องของอาหลี บางทีเธออาจจะสงสารอาหลีบ้าง ผมไม่คาดหวังว่าเธอจะยอมรับว่าตัวเองเป็นคนขับรถหรอก แต่บางทีเธออาจจะให้เงินกับครอบครัวของอาหลีบ้าง เขาจะได้เข้ารับการรักษาที่ดีขึ้น” กวอ ซิ่นหลี่พูด เขาแค่อยากจะขอร้องความเห็นใจอีกครั้งอย่างไรเสีย อาหลีก็เป็นพนักงานในบริษัทของเขา เขาเพิ่งก่อตั้งบริษัทเท่านั้นและไม่สามารถช่วยครอบครัวของอาหลีได้มากแม้ว่าบริษัทจะบริจาคเงินให้ครอบครัวของอาหลีหลายครั้ง แต่มันก็ยังไม่เพียงพอกับค่ารักษาพยาบาลจำนวนมหาศาลในทางกลับกัน ซูซีเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียง เมื่อไม่นานมานี้มีรายงานว่านักแสดงสาวคนนี้ซื้อบ้านใหม่ในมูลค่า 60 ล้านดอลลาร์ ดังนั้นเธอน่าจะสามารถจ่ายค่ารักษาพยาบาลของอาหลีได้หลิง อี้หรานรู้สึกลังเล ในตอนนี้พวกเขายังไม่มีหลักฐานเพียงพอ แม้ว่าการพิจารณาคดีจะจัดขึ้น แต่ผู้พิพากษาก็จะไม่ตัดสินว่าซู
“แต่...”“ไม่! ฉันไม่ใช่คนใจบุญ นอกจากนี้ ฉันก็ไม่ใช่คนขับที่ต้องมารับผิดชอบต่ออุบัติเหตุทางรถยนต์ ถ้าฉันบริจาคและจ่ายค่ารักษาให้ทุกคน ผู้คนที่ได้รับบาดเจ็บก็มาขอบริจาคจากฉันหมดน่ะสิ!” ซูซีพูดอย่างโกรธเคืองซูซีกำลังจะเดินจากไป ทว่า กวอ ซิ่นหลี่กลับคว้าตัวซูซีไว้ “คุณซู...”“ปล่อยฉัน!” ซูซีตะคอก จากนั้นผู้ช่วยของซูซีก็ผลักกวอ ซิ่นหลี่ออกไปอย่างรวดเร็วกวอ ซิ่นหลี่สะดุดถอยหลังเล็กน้อยก่อนที่จะตั้งหลักได้ซูซีจ้องเขม็งมาที่กวอ ซิ่นหลี่และสั่งให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของกองถ่ายว่า “อย่าให้สองคนนี้เข้ามาในกองถ่ายอีก ชิ พวกเขาทำให้ฉันอารมณ์เสีย!”“ครับ คุณผู้หญิง” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตอบกลับหลิง อี้หรานรู้ว่าเธอเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ในวันนี้ขณะที่เธอกำลังจะจากไปพร้อมกับกวอ ซิ่นหลี่ เธอก็พบว่ากวอ ซิ่นหลี่ตกอยู่ในภวังค์ขณะจ้องมองแผ่นหลังของซูซี“หยุดมองได้แล้ว ไปกันเถอะ” หลิง อี้หรานบอกเขา“เดี๋ยว... ฉันจำได้ว่าผู้หญิงคนนั้นสวมแหวนวงเดียวกันในคืนนั้น!” กวอ ซิ่นหลี่โพล่งขึ้นทันทีหลิง อี้หรานตกตะลึง ทันใดนั้น บางอย่างก็แวบเข้ามาในหัวของเธอ แต่เธอยังไม่สามารถประติประต
‘เกิดอะไรขึ้น? หลิง อี้หรานอยู่ที่ไหน?’คนเดียวที่กวอ ซิ่นหลี่คิดได้คือซูซี ‘ฉันจำได้ว่าฉันพูดถึงแหวนของซูซี และดูเหมือนว่าอี้หรานกำลังครุ่นคิดถึงมันอยู่ อี้หรานกลับไปหานักแสดงคนนั้นหรือเปล่า?’ยิ่งกวอ ซิ่นหลี่คิดเกี่ยวกับมันมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสเป็นไปได้มากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงรีบวิ่งกลับไปที่กองถ่ายละครซูซีกำลังถ่ายทำอยู่ท่ามกลางกล้องหลายตัวในกองถ่าย จู่ ๆ กวอ ซิ่นหลี่ก็บุกเข้ามาในกองถ่ายและถามอย่างร้อนใจว่า “คุณซู คุณเห็นหลิง อี้หรานไหมครับ? คนที่มากับผมเมื่อกี้นี้?”ทันทีที่เขาไม่เห็นหลิง อี้หราอยู่ที่นี่ เขากลับยิ่งตื่นตระหนกมากขึ้นกองถ่ายตกอยู่ในความโกลาหลทันทีที่เขาบุกรุกเข้ามา เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรีบปลี่เข้าไปจับกวอ ซิ่นหลี่ ขณะที่คนในกองถ่ายต่างเริ่มตะโกนด่าทอกวอ ซิ่นหลี่ทีละคนซูซีรู้สึกโกรธมากยิ่งขึ้น “ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าเธออยู่ที่ไหน?”ผู้กำกับได้สั่งให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไล่กวอ ซิ่นหลี่ออกไป“คุณซู คุณบอกผมทีได้ไหมว่าหลิง อี้หรานอยู่ที่ไหน? เธอเข้ามาหาคุณอีกหรือเปล่า? เธอหายตัวไปโดยไม่บอกอะไรได้ยังไง? ผมโทรหาเธอไม่ติดเลย...” กวอ ซิ่นหลี่ร
กู้ ลี่เฉินเดินเข้าไปหาซูซีและตะคอกว่า “หลิงอี้หรานอยู่ที่ไหน?”“ฉัน... ฉันไม่รู้ ฉันไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้” ซูซีพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ สงสัยว่าทำไมเจ้าชายถึงถามถึงหลิง อี้หราน‘หลิง อี้หรานเป็นแค่ผู้ช่วยทนายความ ทำไมเจ้าชายถึงตื่นตระหนกกับเรื่องของเธอนัก?’ไม่เพียงแค่ซูซีเท่านั้น แต่คนอื่น ๆ รอบตัวพวกเขา รวมถึงบางคนที่ไม่เคยเห็นหลิง อี้หรานมาก่อน ต่างก็สงสัยว่าผู้หญิงที่หายตัวไปเกี่ยวข้องกับกู้ ลี่เฉินอย่างไร“ลี่เฉิน บางทีอี้หรานอาจจะรีบออกไปเพราะมีธุระก็ได้ อี้หรานโตแล้วนะ จะเกิดอะไรขึ้นกับเธอได้?” หวา ลี่ฟางพูดขึ้นขณะเดินไปหาเขาเธอเชิญลี่เฉินมาที่กองถ่ายหลังจากถ่ายหนังไปเพียงไม่กี่ฉากเท่านั้นเธอได้ยินมาว่าผู้กำกับกำลังเตรียมตัวสำหรับภาพยนตร์เรื่องต่อไป เธอจึงเชิญลี่เฉินมาเพื่อดูว่าเธอเหมาะกับบทบาทพวกนี้หรือไม่‘ใครจะไปรู้ว่าจะมีผู้ชายคนหนึ่งมาตะโกนเอะอะโวยวายเกี่ยวกับหลิง อี้หราน จนสีหน้าของลี่เฉินเปลี่ยนไป!’หวา ลี่ฟางรู้สึกถึงความผิดพลาดในวันนี้ ‘ฉันไม่น่าพากู้ ลี่เฉินมาที่กองถ่ายเลย’‘ทำไมหลิง อี้หรานถึงได้ในทุกทุกที่?’‘ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ฉันจะต้องขับไล่หลิงออก
หวา ลี่ฟางที่ยืนอยู่ข้างกู้ ลี่เฉินรู้สึกตกตะลึง‘ลี่เฉิน... ไม่ได้ยินที่ฉันพูดเลยด้วยซ้ำ เขาคิดแต่เรื่องของหลิง อี้หราน’‘แม้แต่เจตนาฆ่าอย่างโจ่งแจ้งและความไม่แยแสของเขาในตอนนี้ก็เกิดขึ้นเพราะหลิง อี้หราน!’หวา ลี่ฟางมีลางสังหรณ์ว่าถ้าซูซียังไม่เต็มใจจะพูดอะไรออกมา ลี่เฉินอาจจะได้ฆ่าใครสักคนจริง ๆ และเขาจะฆ่าคนคนนั้นเพื่อหลิง อี้หราน!หลิง อี้หราน! ทำไมต้องเป็นเธอ?‘ลี่เฉินคิดว่าฉันเป็นคนช่วยชีวิตของเขาไว้! เขาต้องใส่ใจฉันสิ ไม่ใช่หลิง อี้หราน!’ซูซีตัวสั่นมากยิ่งขึ้นเพราะรู้สึกหวาดกลัวต่อความตาย ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยถ่ายทำฉากละครแบบนี้มาก่อนและไม่ว่าผู้ชายที่ร่วมแสดงกับเธอจะดูดุแค่ไหนหรือพวกเขาจะมือหนักแค่ไหน แต่เธอกลับไม่เคยรู้สึกกลัวเมื่อโดนบีบคอเช่นนี้ดวงตาฟีนิกซ์ที่แสนมืดมนและเย็นชาคู่นั้นจ้องมองมาที่เธอโดยไม่ลังเล มือที่คอของเธอบีบรัดแน่นมาก เธอรู้สึกราวกับเหล็กแกร่งกำลังห่อหุ้มลำคอของเธอ เธอไม่สามารถหลุดพ้นจากน้ำมือของเขาได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นนี่มันมากเกินไปสำหรับเธอความหวาดกลัวผุดขึ้นในหัวใจของซูซี ‘ถ้าฉันรู้ว่าหลิง อี้หรานรู้จักนายน้อยกู้ ฉันจะ...’เธอรู้สึกว่านิ
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค