หวา ลี่ฟางที่ยืนอยู่ข้างกู้ ลี่เฉินรู้สึกตกตะลึง‘ลี่เฉิน... ไม่ได้ยินที่ฉันพูดเลยด้วยซ้ำ เขาคิดแต่เรื่องของหลิง อี้หราน’‘แม้แต่เจตนาฆ่าอย่างโจ่งแจ้งและความไม่แยแสของเขาในตอนนี้ก็เกิดขึ้นเพราะหลิง อี้หราน!’หวา ลี่ฟางมีลางสังหรณ์ว่าถ้าซูซียังไม่เต็มใจจะพูดอะไรออกมา ลี่เฉินอาจจะได้ฆ่าใครสักคนจริง ๆ และเขาจะฆ่าคนคนนั้นเพื่อหลิง อี้หราน!หลิง อี้หราน! ทำไมต้องเป็นเธอ?‘ลี่เฉินคิดว่าฉันเป็นคนช่วยชีวิตของเขาไว้! เขาต้องใส่ใจฉันสิ ไม่ใช่หลิง อี้หราน!’ซูซีตัวสั่นมากยิ่งขึ้นเพราะรู้สึกหวาดกลัวต่อความตาย ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยถ่ายทำฉากละครแบบนี้มาก่อนและไม่ว่าผู้ชายที่ร่วมแสดงกับเธอจะดูดุแค่ไหนหรือพวกเขาจะมือหนักแค่ไหน แต่เธอกลับไม่เคยรู้สึกกลัวเมื่อโดนบีบคอเช่นนี้ดวงตาฟีนิกซ์ที่แสนมืดมนและเย็นชาคู่นั้นจ้องมองมาที่เธอโดยไม่ลังเล มือที่คอของเธอบีบรัดแน่นมาก เธอรู้สึกราวกับเหล็กแกร่งกำลังห่อหุ้มลำคอของเธอ เธอไม่สามารถหลุดพ้นจากน้ำมือของเขาได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นนี่มันมากเกินไปสำหรับเธอความหวาดกลัวผุดขึ้นในหัวใจของซูซี ‘ถ้าฉันรู้ว่าหลิง อี้หรานรู้จักนายน้อยกู้ ฉันจะ...’เธอรู้สึกว่านิ
วงการบันเทิงเป็นที่ที่มีการนินทาอย่างล้นหลามมาโดยตลอด ดังนั้นทุกคนจึงเริ่มคาดเดากวอ ซิ่นหลี ผู้ซึ่งทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายทั้งหมดนี้ตกอยู่ในภวังค์และยังไม่ได้สติ‘หลิง อี้หราน... เป็นอะไรกับกู้ ลี่เฉินกันแน่?’‘ท่าทางของกู้ เฉินมันเหมือนกับ... คนคนหนึ่งที่กำลังตื่นตระหนกเพราะคนที่เขารักมากที่สุดกำลังตกอยู่ในอันตราย!’‘รักมากที่สุดเหรอ?’ กวอ ซิ่นหลี่ตกใจกับคำพูดที่แวบเข้ามาในหัวของเขา‘ฉันไปเอาความคิดแบบนี้มาจากไหน? เขาบอกกันว่าเจ้าชายแห่งวงการบันเทิงมักจะเปลี่ยนแฟนบ่อย ๆ ไม่ใช่เหรอ? พวกเขายังบอกอีกด้วยว่าเขาอาจจะดูมีเสน่ห์ขี้เล่น แต่จริง ๆ แล้วเขาไร้หัวใจ’‘ผู้ชายแบบนั้นจะรักผู้หญิงคนหนึ่งสุดขั้วหัวใจได้ยังไง?’…ทันทีที่กู้ ลี่เฉินมาถึงห้องรักษาความปลอดภัยของสตูดิโอกองละคร พนักงานก็เปิดกล้องวงจรปิดที่เกี่ยวข้องไว้ทั้งหมดเรียบร้อยแล้วพวกเขาสามารถเห็นนักแสดงสาวซูซีพูดคุยกับผู้ชายสวมเสื้อยืดสีดำหน้าห้องน้ำจากกล้องวงจรปิด พวกเขาพูดคุยกันประมาณครึ่งนาทีก่อนที่ชายคนนั้นจะปลีกตัวออกไปในเวลาเดียวกัน ร่างของหลิง อี้หรานก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ จากหน้าจอจะเห็นได้ว่าผู้ชายในเสื้อยืดสีด
หวา ลี่ฟางจะยอมแพ้ได้อย่างไร? เธอต้องการแสดงน้ำใจของเธอ ดังนั้นเธอจึงยัดแก้วน้ำเข้าไปในมือของกู้ ลี่เฉินทว่า มือของกู้ ลี่เฉินสั่นอย่างรุนแรงจนน้ำในแก้วหกออกมากู้ ลี่เฉินตกตะลึง เขาพยายามจับแก้วแต่มือของเขากลับสั่นสะท้านยิ่งกว่าเดิมไม่ใช่แก้วที่สั่น แต่เป็นมือของเขาต่างหาก!ดวงตาของกู้ ลี่เฉินจับจ้องอยู่ที่มือของเขาขณะถือแก้วน้ำไว้ในมือเขาไม่เคยรู้สึกหงุดหงิดขนาดนี้มาก่อน ราวกับว่าร่างกายของเขา... กำลังแสดงตามสัญชาตญาณว่าเขาไม่สามารถสูญเสียเธอไปได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น!…กวอ ซิ่นหลี่เดินทางไปพบหลิง อี้หรานที่สถานีตำรวจ ตอนแรกเขาคิดว่าหลิง อี้หรานจะได้รับบาดเจ็บ แต่สภาพของเธอดูปกติดีกว่าที่เขาคิด เธอยังมีชีวิตอยู่และแข็งแรงดี“ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงค่ะ พอดีโทรศัพท์ของฉันถูกเหยียบจนแตก ฉันเลยโทรหาคุณไม่ได้ ฉันจำหมายเลขโทรศัพท์ของคุณไม่ได้ ฉันจึงเอาซิมการ์ดออกมาแล้วเสียบเข้ากับโทรศัพท์เครื่องอื่นแทน” หลิง อี้หรานพูดขอโทษกวอ ซิ่นหลี่ถามด้วยความสับสน “เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”“ระหว่างที่ฉันรอคุณอยู่ ฉันก็นึกประเด็นสำคัญอะไรบางอย่างออก จู่ ๆ ผู้ชายคนนี้ก็เดินเข้ามาหาฉันพร้อมกับกระป
หัวใจของเขาเต้นแรงเพราะแววตาของเธอ ราวกับว่าร่างกาย หัวใจ และเลือดเนื้อของเขากำลังบอกเขาว่าเธอมีความหมายต่อเขามากแค่ไหน!จังหวะการเต้นของหัวใจของเขาชัดเจนมากเขาเดินเข้าไปหาร่างบางทีละก้าว เขาแค่อยากอยู่ใกล้เธอมากขึ้นอีกสักนิด เขาแค่อยากจ้องมองดวงตาคู่นั้นใกล้ ๆ และปล่อยให้ร่างของเขาสะท้อนอยู่ในดวงตาอันสงบนิ่งคู่นั้นกู้ ลี่เฉินเดินเข้ามาหาหลิง อี้หราน จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกไปหาคนตรงหน้าหลิง อี้หรานตกตะลึง เธอไม่คิดว่ากู้ ลี่เฉินจะโอบกอดเธอในที่สาธารณะอย่างกะทันหัน เขากอดเธอแน่นจนเธอไม่สามารถหลบหนีออกจากอ้อมกอดของเขาได้“กู้ ลี่เฉิน ปล่อยฉันนะ” หลิง อี้หรานตะโกน“ฉันไม่ปล่อย ครั้งนี้ฉันจะไม่ปล่อยเธอไปอีก!” เขาพึมพำและกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นอีกเล็กน้อย ราวกับว่าเขากำลังจะฝังเธอเข้าไปในร่างกายของเขาเพียงแค่กอดเธอไว้แบบนี้ ความรู้สึกหวาดกลัวที่เขารู้สึกก่อนหน้านี้ค่อย ๆ จางหายไป และหัวใจที่ว่างเปล่าของเขาก็รู้สึกเหมือนถูกเติมเต็มอีกครั้งเขาคิดว่าหน้าตาของเธอเหมือนกับเด็กหญิงตัวน้อยในวัยที่เติบโตขึ้นมาในจินตนาการของเขา เขาคิดว่าเธอไม่ใช่คนที่เขาตามหา เขาจึงจะสามารถปฏิบัติกับเธอเหม
‘ไม่มีทาง!’“กู้ ลี่เฉิน คุณล้อฉันเล่นใช่ไหม?” เธอถาม“ฉัน… ฉันไม่มีวันล้อเล่นแบบนี้เด็ดขาด!” เขาเงยหน้าขึ้นขณะจับใบหน้าของเธอไว้ในมือ ก่อนจะจ้องมองเธอด้วยสายตาจริงจัง “หลิง อี้หราน ฉันตกหลุมรักเธอจริง ๆ!”ดวงตาของเธอเปิดกว้างด้วยความประหลาดใจและความไม่เชื่อหวา ลี่ฟางที่ติดตามกู้ ลี่เฉินมาก็รู้สึกไม่เชื่อเช่นกันกู้ ลี่เฉินได้ยินจากทีมเฝ้าระวังว่ารถคันดังกล่าวมาจอดอยู่หน้าสถานีตำรวจ และคนที่อยู่บนรถก็ถูกจับหมดแล้วเขารีบมาที่สถานีตำรวจโดยไม่รีรอให้ปลายสายรายงานจนจบลี่ฟางวิ่งตามออกมาไม่ทันรถของเขา เธอจึงนั่งแท็กซี่มาที่สถานีตำรวจทว่า เธอไม่คาดคิดว่าเธอจะได้เห็นเหตุการณ์แบบนี้!‘ลี่เฉิน… บอกว่าเขารักหลิง อี้หราน! เขาจะรักหลิง อี้หรานได้ยังไง? เขาควรรักฉันสิ รักหวา ลี่ฟางคนนี้!’‘มีคนมายมายบนโลกอินเทอร์เน็ตที่คิดว่าฉันเป็นแฟนของเขา เพียงใช้ความพยายามอีกเล็กน้อย ฉันก็จะสามารถทำให้เขายอมรับฉันเป็นแฟนโดยเปิดเผยต่อสาธารณชนได้’‘แต่ว่าตอนนี้…’หวา ลี่ฟางจ้องมองหลิง อี้หรานด้วยความอิจฉาริษยา เธอรู้สึกราวกับว่าอี้หรานกำลังขโมยอนาคตที่สดใสของเธอไป‘ไม่ ฉันจะนั่งอยู่เฉย ๆ และไม่ทำอ
หลิง อี้หรานรู้สึกตกใจ แต่ทันใดนั้น อี้ จิ่นหลีก็ดึงเธอเข้าไปในอ้อมแขนของเขา“คุณ... คุณมาทำอะไรที่นี่?” ทันทีที่หลิง อี้หรานพูดจบ เธอก็นึกขึ้นได้ว่าคำถามของเธอช่างโง่เขลาเสียจริง เธอมาที่สถานีตำรวจพร้อมกับบอดี้การ์ดสองคนที่เขาส่งมาดูแลเธอ บอดี้การ์ดพวกนั้นคงรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา“เธอไม่อยากเจอฉันหรือไง?” อี้ จิ่นหลียกมือขึ้นปัดบริเวณที่มือของกู้ ลี่เฉินสัมผัสเธอ ราวกับว่ากำลังลบเลือนร่องรอยของกู้ ลี่เฉินหลิง อี้หรานตัวแข็งทื่อ ขณะที่อี้ จิ่นหลีเงยหน้าจ้องมองกู้ ลี่เฉิน “ฉันบอกแล้วไงว่าห้ามแตะต้องเธอ!”กู้ ลี่เฉินขมวดคิ้วเล็กน้อยและเผยให้เห็นดวงตาฟีนิกซ์ “ฉันต้องการเธอ!”ประโยคง่าย ๆ ที่บ่งบอกถึงความมุ่งมั่นของเขา“ไม่มีวัน!” อี้ จิ่นหลีพูดอย่างเย็นชาริมฝีปากบางของกู้ ลี่เฉินเผยอขึ้นเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “แต่ก่อนมันอาจจะเป็นไปไม่ได้ แต่ตอนนี้นายเลิกกับเธอแล้ว แล้วทำไมมันถึงจะเป็นไปไม่ได้ล่ะ?”กู้ ลี่เฉินจ้องมองหลิง อี้หรานและพูดเสริมว่า “เธอไม่จำเป็นต้องให้คำตอบฉันในทันทีก็ได้ นอกจากนี้ วันนี้ฉันไม่ได้พูดล้อเล่นอะไรทั้งนั้น ฉันสามารถให้ทุกอย่างที่จิ่นหลีทำให้เธอและทุกอย่
‘แต่ว่า จะเป็นไปได้ยังไง?’ผู้ชายคนนี้คือ… อี้ จิ่นหลีอย่างนั้นหรือ?‘นายน้อยอี้ที่เป็นคนปกครองเมืองเฉินและข่มขู่ใครหลายคน เป็น ‘น้องชาย’ ที่อี้หรานเอ่ยถึงเหรอ?’‘แต่ว่า... ... ฉันจำได้ว่านิตยสารฉบับหนึ่งเคยระบุไว้ว่าอี้ จิ่นหลีเป็นลูกคนเดียวของตระกูลอี้ และเขาไม่มีพี่น้อง’‘ยิ่งไปกว่านั้น สายตาที่อี้ จิ่นหลีมองอี้หรานและคำพูดของเขาที่พูดกับกู้ ลี่เฉินในตอนนี้ดูไม่เหมือนน้องชายพูดคุยกับพี่สาวเลยสักนิด แต่... ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นผู้ชายที่รักอี้หรานอย่างมาก!’‘อี้ จิ่นหลีกับกู้ ลี่เฉิน ผู้ชายสองคนที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในเมืองเฉินกำลังทะเลาะกันเพราะ... อี้หรานอย่างนั้นเหรอ?’กวอ ซิ่นหลี่รู้สึกราวกับว่าสมองของเขากำลังจะระเบิดเมื่อคิดถึงเรื่องนี้หวา ลี่ฟางเดินเข้ามาหากู้ ลี่เฉิน เธอกัดริมฝีปากและถามคำถามอย่างน่าสมเพชว่า “ลี่เฉิน … คุณตกหลุมรักอี้หรานจริง ๆ เหรอ?”“ใช่” กู้ ลี่เฉินตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เขารู้ว่าหวา ลี่ฟางมีความรู้สึกต่อเขา แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นกับเธอเขาสามารถปฏิบัติต่อเธอในฐานะผู้ช่วยชีวิตของเขา แต่ไม่ใช่ในฐานะคนรัก เธอดูไม่คุ้นเคยกับเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่เข
“ลี่ฟาง ผมคิดว่าเราไม่ควรแสดงท่าทีสนิทสนมกันมากเกินไปเพื่อหลีกเลี่ยงข่าวลือที่ไม่จำเป็นจากบุคคลภายนอก” กู้ ลี่เฉินพูดก่อนหน้านี้ เขายังไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไร ดังนั้นเขาจึงยอมให้ลี่ฟางหลอกคนอื่นว่าเธอเป็นแฟนของเขาเขาไม่ได้พูดอะไรทั้งที่รู้ว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ อย่างไรเสีย เธอก็เป็นผู้ช่วยชีวิตของเขา และเขาคงไม่รู้สึกรังเกียจหากเธอต้องการใช้เขาเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองแต่ตอนนี้... มันแตกต่างออกไป!ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเขารักหลิง อี้หราน และเขาไม่ต้องการให้อี้หรานเข้าใจเขาผิดใบหน้าของหวา ลี่ฟางซีดเผือดขึ้น เธอก้มศีรษะลงอย่างงุ่มง่ามและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้น... ฉัน... ฉันจะใส่ใจกับเรื่องนี้ให้มาก ๆ”น้ำเสียงของเธอฟังดูน่าสงสารเล็กน้อย แต่ทันทีที่เธอก้มหน้าลง ดวงตาของเธอก็เผยให้เห็นถึงความขุ่นเคือง ขณะที่มือของเธอกำกระโปรงแน่น‘ทั้งหมดเป็นเพราะหลิง อี้หราน!’‘ตอนนี้ลี่เฉินเว้ยระยะห่างจากฉันก็เพราะหลิง อี้หราน! ไม่ต้องพูดถึงในอนาคต เขาอาจจะทำมากกว่านี้แน่ ๆ!’‘ถ้าหลิง อี้หรานคบกับลี่เฉิน บางทีหลิง อี้หรานอาจจะบอกความจริงกับลี่เฉิน’‘ลี่เฉินคงจะเชื่อหลิง อี้หรานมากฉันอย่างแน่
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค