"ปากของสวยอย่างนั้นเหรอ?" หลิง ลั่วอิน รู้สึกสับสนเล็กน้อย ท้ายที่สุดแล้ว ตามปกติแล้วริมฝีปากไม่ใช่สิ่งที่จะถูกสังเกต ตราบเท่าที่มันไม่ได้น่าเกลียดเกินไปก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนักดังนั้นหลิง ลั่วอิน จึงไม่คาดคิดมาก่อนว่า กู้ ลี่เฉิน จะหลงใหลในริมฝีปากของเธอแต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร นี่ถือเป็นโชคดีของเธอเธอต้องเกาะกู้ ลี่เฉิน เข้าไว้และกลายเป็นนักแสดงหญิงยอดนิยม เธอสามารถ... แต่งงานกับครอบครัวที่ร่ำรวยและมีชีวิตที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง!ในตอนนี้ หลิง ลั่วอิน ดูเหมือนจะมองเห็นชีวิตที่สดใสในอนาคต อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้สังเกตว่า แม้ว่าคนตรงหน้าเธอจะยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นไม่ใช่ของแท้“ว่าแต่ว่า คุณรู้จัก อี้ จิ่นหลี ไหม?" ทันใดนั้น กู้ ลี่เฉิน ก็ถามขึ้นหลิง ลั่วอิน ส่ายหัว เธอจะมีโอกาสรู้จักกับคนอย่าง อี้ จิ่นหลี ได้อย่างไร?กู้ ลี่เฉิน เม้มริมฝีปากบางของเขาและกล่าวว่า "อย่าทำให้ตัวเองมีปัญหาในอนาคต ถ้าคุณทำให้เขาขุ่นเคืองจริง ๆ แม้แต่ผมอาจไม่สามารถปกป้องคุณได้"แน่นอน สิ่งที่สำคัญกว่าคือเขายังต้องการที่จะปกป้องเธอหรือไม่หากเป็นเพียงแค่ตัวแทน ก็ไม่จำเป็นที่เขาจะต้องต่อต้านจิ
เซียว จื่อฉี จากไปอย่างกระฉับกระเฉงราวกับว่าเขากำลังมีความสุขมาก ๆ เมื่อพิธีหมั้นเริ่มขึ้น อี้ จิ่นหลี เฝ้าดูการสวมแหวนหมั้นซึ่งกันและกันบนเวทีและฟังสุนทรพจน์การหมั้นระหว่าง เซียว จื่อฉี และ ห่าว อี้เหมิง รอยยิ้มเปล่งประกายไปทั่วใบหน้าของเขาคาดว่าพรุ่งนี้รูปถ่ายงานหมั้นของเซียว จื่อฉี และห่าว อี้เหมิง จะออกมา จากนั้นก็เป็นไปไม่ได้ที่ อี้หราน และเซียว จื่อฉี จะมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันหลังจากพิธีหมั้นสิ้นสุดลง ห้องโถงก็เต็มไปด้วยผู้คนที่มาแสดงความยินดีกับพวกเขา อย่างไรก็ตาม อี้ จิ่นหลี ออกจากงานและเดินออกไปด้วยตัวเองเบนท์ลีย์สีเงินจอดอยู่ด้านนอก เกา ฉงหมิง เปิดประตูด้วยความเคารพและอี้ จิ่นหลี ก็ขึ้นรถไป“นายน้อยอี้ คุณจะกลับไปที่อพาร์ทเมนต์เช่าตอนนี้ไหมครับ?” เกา ฉงหมิง ถาม“ใช่" อี้ จิ่นหลี เอนหลังพิงเบาะและตอบ จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ หลับตาลงวันนี้การปรากฏตัวของกู้ ลี่เฉิน ทำให้เขาประหลาดใจ เขาไม่คิดเลยว่าผู้หญิงที่กู้ ลี่เฉิน ชอบจะเป็น หลิง ลั่วอิน น้องสาวต่างแม่ของอี้หรานในความคิดของเขา มันไม่มีอะไรคุ้มค่ากับผู้หญิงคนนั้นเลย เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าทำไมลี่เฉินถึงชอบเธออย่างไรก็ตา
"ผมชอบนะ" อี้ จิ่นหลี ยิ้มเล็กน้อยและวางป้ายในมือของเขาลง “พี่สาว ผมจะซื้อเสื้อกันหนาวให้พี่สักพันตัวหรือหมื่นตัวในอนาคต พี่จะได้ใส่เท่าที่พี่ต้องการเลย”“หนึ่งพันหรือหมื่น ฉันจะใส่มันทั้งหมดได้อย่างไร?” หลิง อี้หราน อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “อย่างไรก็ตาม ให้ฉันวัดขนาดมือของนายหน่อยนะ"ขณะที่เธอพูดเธอหยิบไม้บรรทัดหนังและจับมือเขาเพื่อทำการวัดเขาขมวดคิ้วเล็กน้อย เขารู้สึกได้ว่ามือของเธอเย็นมากเมื่อสัมผัสถูกผิวหนัง “อย่าถักเลย มือของพี่เย็นมากนะ” เขากล่าว"ไม่เป็นไรหรอกน่า นี่ อย่าขยับมือสิ ไม่อย่างนั้นจะวัดได้ไม่ดีนะ” เธอพึมพำก่อนจะจับมือเขาอีกครั้งและปรับตำแหน่งนิ้วของเขาอีกครั้ง "ตอนนี้เราอยู่ในบ้านมันก็เลยไม่หนาวขนาดนั้น ไม่ว่าจะเป็นในตอนเช้าข้างนอกหรือตอนที่ฉันกวาดถนนในตอนกลางคืน ตอนนี้อากาศจะหนาวมาก แม้ว่าฉันจะสวมถุงมือในช่วงเวลานั้นก็ตาม มือของฉันจะเย็นมากจนแทบไม่รู้สึกเลย”ดวงตาของอี้ จิ่นหลี ดูเหมือนจะถูกปกคลุมไปด้วยหมอกบาง ๆ ซึ่งปกคลุมความรู้สึกผิดไว้ในดวงตาของเขา อันที่จริง... เขาสามารถทำให้เธออยู่ห่างจากชีวิตแบบนี้ได้อย่างง่ายดายและไม่ต้องให้เธอทำงานหนักแบบนี้บางทีในตอนแ
เมื่อเธอพูด เธอไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่าร่างกายของเขาเกร็งขึ้นชั่วขณะ“พี่อยากเจอ อี้ จิ่นหลี ไหม?” เขาถาม“มันไม่มีอะไรให้ฉันต้องคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้จริง ๆ ฉันกับเขาอยู่คนละโลกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง” เธอกล่าวว่า "อย่างไรก็ตามรูปหลังของเขาในชุดสูทนั้นคล้ายกับรูปหลังของนายเล็กน้อย ฉันคิดว่าถ้านายใส่สูท นายจะดูดีมากแน่ ๆ"เขากดริมฝีปากบางของเขาเข้าหากันไม่พูดอะไรสักคำเธอกล่าวเสริมว่า "มาประหยัดเงินกันเถอะ ฤดูใบไม้ผลิใกล้เข้ามาแล้ว ฉันจะซื้อสูทให้นายเอง นายสามารถใส่สูทเดิมได้ถ้านายต้องการชุดสูททางการสำหรับการสัมภาษณ์งาน"“พี่จะว่ายังไงถ้าวันหนึ่งพี่ได้พบกับอี้ จิ่นหลี” เขาถามอย่างกะทันหันหลิง อี้หราน ก็ตกอยู่ในความเงียบ หลังจากนั้นไม่นานเธอก็พูดด้วยรอยยิ้มที่ไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง "ฉันจะขอร้องให้เขาปล่อยฉันไป"เขาแปลกใจเล็กน้อย "แค่นั้น?"“ใช่สิ" เธอตอบ“พี่ไม่อยากบอกเขาเหรอว่าปีนั้นพี่ทำผิด?” พี่ไม่ต้องการให้เขากลับคำตัดสินสำหรับพี่เหรอ?”"นั่นไร้ประโยชน์น่ะสิ ย้อนกลับไปตอนนั้นสำหรับฉัน เหลียนอีวิ่งไปที่อาคารสำนักงานของเขาและขอร้องบนพื้นดินให้เขาเห็นเธอแต่เขาไม่เคยปรากฏตัวเ
หลิง อี้หราน ไม่รู้ว่าเธอต้องแก้ตัวกับหญิงชรากี่ครั้ง จินไม่ใช่แฟนของเธอ แต่เป็น "น้องชาย" ของเธอต่างหาก อย่างไรก็ตามเมื่อหญิงชราพบว่าไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดระหว่างทั้งสองคนเธอก็ยังคงคัดค้านในการปฏิบัติต่อพวกเขาในฐานะคู่รักหญิงชรากล่าวด้วยรอยยิ้มในตอนนั้นว่า "อาจจะยังไม่ใช่ตอนนี้ แต่ในอนาคต น้องชายและพี่สาวอะไรกัน? มันเป็นเพียงแค่คำพูดเท่านั้นแหล่ะจ้า"หลังจากนั้นหลิง อี้หราน ก็ขี้เกียจที่จะอธิบายเพิ่มเติมสำหรับจินเมื่อหญิงชราเรียกเขาว่า "แฟน" เขาจะตอบกลับด้วยรอยยิ้มอี้ จิ่นหลี วางหลิง อี้หราน ลงบนม้านั่งหินในสวนสาธารณะเล็ก ๆ แล้วพูดว่า "วันนี้อากาศหนาวกว่าปกติ ผมจะไปเอาเสื้อผ้าให้พี่เพิ่ม จะได้หนา ๆ" "อืม" เธอเห็นด้วยเมื่อเขากลับมาพร้อมกับเสื้อผ้า เขาเห็นว่าคุณยายในชุมชนดูเหมือนจะอยู่รอบ ๆ เธอและพูดคุยกับเธอ จากนั้นเธอก็หน้าแดงและโบกมือซ้ำ ๆ ราวกับปฏิเสธอะไรบางอย่างฝีเท้าของอี้ จิ่นหลี อดไม่ได้ที่จะชะลอลง เขารู้สึกเพียงว่าแก้มของเธอน่ารักมากและมันทำให้เธอดูเหมือนลูกแมวที่ไม่เป็นอันตราย ผู้คนอดไม่ได้ที่จะแกล้งเธอเมื่อคุณยายเห็นเขา ยาย ๆ ป้า ๆ ก็จากไปพร้อมกับรอยยิ้มบ
”พี่จะไปหรือเปล่า?" อี้ จิ่นหลี ถามหลิง อี้หราน พยักหน้า “ไปสิ แต่นาย... ” เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “นายอยากไปกับฉันไหม?"เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงพูดว่า "ผมต้องทำงานล่วงเวลาในวันส่งท้ายปีเก่า เจ้านายของผมบอกว่า ผมจะได้รับค่าจ้างเป็นสามเท่าถ้าผมทำ พี่ให้ที่อยู่ผมดีไหม ผมจะไปหาในวันถัดไป"“อย่างนั้นก็ได้” หลิง อี้หราน กล่าว อย่างไรก็ตามจากนั้นเธอก็กัดริมฝีปากและพูดอย่างลังเลว่า "แต่เมื่อนายไปพบฉันที่นั่น ญาติของฉันบางคนอาจจะทำให้นายลำบากใจ ถ้าเป็นอย่างนั้นอย่ารังเกียจพวกเขาเลยนะ"อี้ จิ่นหลี ยิ้มให้เธอ "ไม่ต้องห่วง ผมจะไม่สนใจมันหรอก"ในตอนนี้เธอเป็นคนเดียวที่เขาห่วงใยยิ่งใกล้ถึงวันเทศกาลฤดูใบไม้ผลิผู้คนบนท้องถนนก็จะพบเห็นได้น้อยลง หลายคนเดินทางกลับภูมิลำเนาแล้วบ้านเกิดของแม่ของเธอเป็นเมืองเล็ก ๆ ในเขตชานเมืองของเมืองเฉิน อยู่ไม่ไกลและใช้เวลาเดินทางโดยรถประจำทางประมาณชั่วโมงครึ่งเท่านั้น ด้วยเหตุนี้เธอจึงไม่รีบร้อนที่จะรีบซื้อตั๋วรถบัสกลับบ้านกับคนอื่น ๆในขณะที่หลิง อี้หราน จองตั๋วอยู่เธอถามอี้ จิ่นหลี "จิน นายมี บัตรประชาชนอยู่กับตัวไหม ฉันจะจองตั๋วให้นายเอง" แท้ที่จริ
หลังจาก หลิง อี้หราน ออกไป อี้ จิ่นหลี มองไปรอบ ๆ ห้องเช่าเล็ก ๆ และรู้สึกว่างเปล่าในใจ เขาหยิบผ้าพันคอที่เธอวางไว้บนโต๊ะมาพันรอบคอของเขา มุมริมฝีปากของเขาโค้งเป็นรอยยิ้มเล็กน้อยเมื่อ อี้ จิ่นหลี เดินออกจากห้องเช่า เกา ฉงหมิง ก็รออยู่ข้างนอกมาได้สักพักแล้ว เมื่อเขาเห็นเจ้านายของเขา เขาก็ตกตะลึง นานน้อยไม่เคยชอบใส่ผ้าพันคอธรรมดา แต่... เขาก็สวมใส่อันนี้และเมื่ออี้ จิ่นหลี เดินเข้าไปใกล้เขาเกา ฉงหมิง ก็พิจารณาด้ายบนผ้าพันคอและวิธีการถัก เขาเกือบจะแน่ใจว่านั่นคือผ้าพันคอที่ทำด้วยมือดูเหมือนจะมีเพียงคำตอบเดียวสำหรับผ้าพันคอทอมือของนายน้อยอี้ผ้าพันคอผืนนี้ถักโดย หลิง อี้หราน!“นายน้อยอี้ เรากำลังจะไปที่... "“ไปโรงพยาบาลกันเถอะ วันนี้ผมน่าจะกินข้าวเย็นส่งท้ายปีเก่ากับนายท่าน" อี้ จิ่นหลี สั่ง“ครับท่าน" เกา ฉงหมิง ตอบ เขาสตาร์ทรถและมุ่งหน้าไปโรงพยาบาลรถบัสจอดที่บริเวณที่ไม่ไกลจากทางเข้าทางด้านทิศใต้ของเมืองที่หลิง อี้หราน ลงรถ เป็นเวลาสามปีแล้วและดูเหมือนว่าเมืองนี้จะเปลี่ยนไปมาก ถนนที่เป็นรุกรังบางส่วนถูกสร้างขึ้นใหม่ด้วยปูนซีเมนต์ระหว่างทางเธอได้พบกับเพื่อนบ้านบางคนที่เค
ป้าคนที่สามพยายามอย่างเต็มที่ที่จะเกลี้ยกล่อมคุณยายลู่ ท้ายที่สุดพ่อของเธอและพี่ชายสองคนของเธอได้สัญญากับเธอว่าพวกเขาจะให้เงิน 300,000 หยวน แก่เธอเมื่อถึงเวลา300,000 หยวน เทียบเท่ากับเงินเดือนทั้งปีของเธอ!อย่างไรก็ตามไม่ว่าคุณป้าคนที่สามหรือคุณปู่ลู่จะพูดอะไร คุณยายลู่ก็ปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือ ในท้ายที่สุดป้าคนที่สามก็พูดว่า "แม่ พี่ใหญ่และพี่ชายคนที่สองบอกว่าถ้าแม่ทำเรื่องนี้ยุ่งและหลานชายของเราไม่สามารถมีบ้านและภรรยาได้ พวกเขาจะโทษแม่ไปตลอดชีวิต!”คุณยายลู่รู้สึกโกรธและกังวลเมื่อได้ยินเช่นนั้น “แก... แกยังมีสำนึกอยู่หรือเปล่า? แกลืมไปแล้วหรือว่าอี้หรานเคยดูแลพวกเราอย่างไร?”ป้าคนที่สามยิ้มและพูดว่า "แม่ อดีตคืออดีตและปัจจุบันคือปัจจุบัน แม่ไม่สามารถทำลายครอบครัวของเราและอนาคตของหลานของเราเพียงเพราะเธอ นอกจากนี้หลานชายและหลานชายคนที่สองของหนูไม่สามารถที่จะแต่งงานได้หรือมีบางอย่างกับเธอได้เช่นกัน ด้วยเหตุใดลูกสาวของครอบครัวที่ดีถึงยังต้องการแต่งงานกับพวกเขาหากพวกเขาได้ยินว่าสมาชิกในครอบครัวของเราคนหนึ่งติดคุก ไม่ต้องพูดถึงเลย เราไม่มีบ้านสำหรับความเตรียมพร้อมของเจ้าสาวด้วยซ้ำ”
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค