หลังจาก หลิง อี้หราน ออกไป อี้ จิ่นหลี มองไปรอบ ๆ ห้องเช่าเล็ก ๆ และรู้สึกว่างเปล่าในใจ เขาหยิบผ้าพันคอที่เธอวางไว้บนโต๊ะมาพันรอบคอของเขา มุมริมฝีปากของเขาโค้งเป็นรอยยิ้มเล็กน้อยเมื่อ อี้ จิ่นหลี เดินออกจากห้องเช่า เกา ฉงหมิง ก็รออยู่ข้างนอกมาได้สักพักแล้ว เมื่อเขาเห็นเจ้านายของเขา เขาก็ตกตะลึง นานน้อยไม่เคยชอบใส่ผ้าพันคอธรรมดา แต่... เขาก็สวมใส่อันนี้และเมื่ออี้ จิ่นหลี เดินเข้าไปใกล้เขาเกา ฉงหมิง ก็พิจารณาด้ายบนผ้าพันคอและวิธีการถัก เขาเกือบจะแน่ใจว่านั่นคือผ้าพันคอที่ทำด้วยมือดูเหมือนจะมีเพียงคำตอบเดียวสำหรับผ้าพันคอทอมือของนายน้อยอี้ผ้าพันคอผืนนี้ถักโดย หลิง อี้หราน!“นายน้อยอี้ เรากำลังจะไปที่... "“ไปโรงพยาบาลกันเถอะ วันนี้ผมน่าจะกินข้าวเย็นส่งท้ายปีเก่ากับนายท่าน" อี้ จิ่นหลี สั่ง“ครับท่าน" เกา ฉงหมิง ตอบ เขาสตาร์ทรถและมุ่งหน้าไปโรงพยาบาลรถบัสจอดที่บริเวณที่ไม่ไกลจากทางเข้าทางด้านทิศใต้ของเมืองที่หลิง อี้หราน ลงรถ เป็นเวลาสามปีแล้วและดูเหมือนว่าเมืองนี้จะเปลี่ยนไปมาก ถนนที่เป็นรุกรังบางส่วนถูกสร้างขึ้นใหม่ด้วยปูนซีเมนต์ระหว่างทางเธอได้พบกับเพื่อนบ้านบางคนที่เค
ป้าคนที่สามพยายามอย่างเต็มที่ที่จะเกลี้ยกล่อมคุณยายลู่ ท้ายที่สุดพ่อของเธอและพี่ชายสองคนของเธอได้สัญญากับเธอว่าพวกเขาจะให้เงิน 300,000 หยวน แก่เธอเมื่อถึงเวลา300,000 หยวน เทียบเท่ากับเงินเดือนทั้งปีของเธอ!อย่างไรก็ตามไม่ว่าคุณป้าคนที่สามหรือคุณปู่ลู่จะพูดอะไร คุณยายลู่ก็ปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือ ในท้ายที่สุดป้าคนที่สามก็พูดว่า "แม่ พี่ใหญ่และพี่ชายคนที่สองบอกว่าถ้าแม่ทำเรื่องนี้ยุ่งและหลานชายของเราไม่สามารถมีบ้านและภรรยาได้ พวกเขาจะโทษแม่ไปตลอดชีวิต!”คุณยายลู่รู้สึกโกรธและกังวลเมื่อได้ยินเช่นนั้น “แก... แกยังมีสำนึกอยู่หรือเปล่า? แกลืมไปแล้วหรือว่าอี้หรานเคยดูแลพวกเราอย่างไร?”ป้าคนที่สามยิ้มและพูดว่า "แม่ อดีตคืออดีตและปัจจุบันคือปัจจุบัน แม่ไม่สามารถทำลายครอบครัวของเราและอนาคตของหลานของเราเพียงเพราะเธอ นอกจากนี้หลานชายและหลานชายคนที่สองของหนูไม่สามารถที่จะแต่งงานได้หรือมีบางอย่างกับเธอได้เช่นกัน ด้วยเหตุใดลูกสาวของครอบครัวที่ดีถึงยังต้องการแต่งงานกับพวกเขาหากพวกเขาได้ยินว่าสมาชิกในครอบครัวของเราคนหนึ่งติดคุก ไม่ต้องพูดถึงเลย เราไม่มีบ้านสำหรับความเตรียมพร้อมของเจ้าสาวด้วยซ้ำ”
หลิง อี้หราน รักษารอยยิ้มและพูดว่า "ป้าคนที่สาม หนูเลิกดื่มแล้วค่ะ ป้ารู้ไหมว่าหนูประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เพราะหนูเมา หนูจะกล้าดื่มอีกได้อย่างไร?"เมื่อได้ยินคำพูดของหลิง อี้หราน ป้าคนที่สามก็หยุดและทำได้เพียงแค่หัวเราะอย่างแห้ง ๆลุงของเธอบอกว่า "อย่างไรก็ตามวันนี้เป็นวันส่งท้ายปีเก่าดื่มไม่กี่แก้วไม่เป็นไรหรอก เธอไม่ได้ขับรถแล้วนี่”“ถูกต้อง ถ้าเธอไม่ดื่ม ถือว่าเธอไม่ให้ความเคารพต่อพวกเรา!" ลุงคนที่สองของเธอทำตามอย่างเหมาะสม "พอที!" จู่ ๆ คุณยายก็ตะโกนขึ้นมาว่า "จิตสำนึกของพวกเธอถูกสุนัขกินไปแล้วหรือไง พวกแกจะผลักอี้หรานลงไปในกองไฟจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?"ทันใดนั้นไม่มีใครที่โต๊ะพูดอะไรเลย แต่หลิง อี้หราน มองไปที่ยายของเธอด้วยความประหลาดใจคุณยายลู่พูดกับหลิง อี้หราน ว่า "อี้หราน ลุงของเธอและคนอื่น ๆ ไม่ดี พวกเขาต้องการให้เธอแต่งงานกับคนโง่ของตระกูลเฟิงเพื่อแลกกับเงิน 300,000 หยวน พวกเขา... "คุณตาลู่ขัดจังหวะเธอก่อนที่เธอจะพูดจบประโยค“แล้วไงถ้าอี้หรานแต่งงานกับตระกูลเฟิง? พวกเราทำร้ายเธอหรือเปล่า? ตระกูลเฟิงยอมรับเธอแม้ว่าเธอจะเคยติดคุกมาก่อน คุณคิดว่าเธอสามารถแต่งงานกับครอบ
ในวอร์ดแทบจะเงียบมีเสียงเคี้ยว ทั้งปู่และหลานชายไม่ได้พูดอะไรกันเลยแม้ว่าพยาบาลที่มารับอาหารให้กับนายท่านจะอยากรู้อยากเห็น แต่เธอก็ไม่กล้าถาม เพราะทั้งสองเป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุดในเมืองเฉินหลังจากที่นายท่านอี้เกือบอิ่มแล้ว เขาก็พูดว่า "ฉันได้ยินมาว่า เธอไม่ได้อยู่บ้านในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา?""ครับ" อี้ จิ่นหลี ตอบอย่างไม่แยแส เขาไม่แปลกใจเลยที่นายท่านรู้เรื่องนี้ อย่างไรก็ตามนายท่านมีผู้ให้ข้อมูลอยู่ทุกที่แม้แต่ในบ้านของเขา“พักที่ไหนล่ะ?”“ข้างนอกครับ" อี้ จิ่นหลี ตอบ“ทำไมเธอถึงอยากอยู่ข้างนอกล่ะ?” นายท่านอี้ถาม“มันเงียบเกินไปในบ้าน” เขาแสร้งทำเป็นสบาย ๆ ขณะหยิบกุ้งขึ้นมาแล้วค่อย ๆ แกะเปลือกออก"พูดอย่างนั้นแล้ว เธอควรมีแฟนได้แล้วตอนนี้ ฉันจะขอให้เลขาของฉันช่วยหาข้อมูลเกี่ยวกับหญิงสาวที่มีชื่อเสียงในเมืองนี้ให้นายเลือกสักคน" น้ำเสียงของนายท่านอี้ฟังดูเรียบง่ายนิ้วของอี้ จิ่นหลี ที่กำลังจับกุ้งหยุดลงเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ตอบว่า "ไม่จำเป็น"นายท่านอี้หรี่ตาของเขา “มีอะไรเหรอ?”“ถ้าเพียงเพื่อหาผู้หญิงให้กำเนิดลูก ผมก็สามารถเลือกผู้หญิงของตัวเองได้” เขากล่าว ในอดีตเขารู้
เธอถูกตระกูลเฟิงขังไว้ในห้องและมีคนแปลกหน้าอยู่ในห้อง เขาเป็น... คนโง่ของตระกูลเฟิงหลิง อี้หราน พยายามอย่างเต็มที่ที่จะตั้งสติ เธอต้องหนีไม่ว่ายังไงก็ตาม!แต่ตอนนี้เธออยู่ในสภาพเช่นนั้นมันก็ยากสำหรับเธอที่จะลุกขึ้นยืน เธอจะหนีไปได้อย่างไร? เมื่อลุงของเธออุ้ม เธอแอบพยายามโทรหาใครสักคนเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่โทรศัพท์ของเธอก็ถูกแย่งไปโอกาสที่เธอจะหนีก็หายไปหมดแล้ว!ทำไม? ทำไมเธอถึงโทรหาจินก่อน? เห็นได้ชัดว่าจินอยู่ในเมืองเฉินและไม่สามารถช่วยเหลือเธอได้เลยนอกจากนี้จินจะทำอะไรได้บ้าง? บางทีเธอควรโทรหาเหลียนอี เพราะเธอน่าจะมีประโยชน์มากกว่านี้หรือโทรแจ้งตำรวจโดยตรง...ราวกับว่าเธอเริ่มพึ่งพาจินโดยที่ไม่รู้ตัวการมองเห็นของเธอพร่ามัว ชายแปลกหน้ายิ้มเยาะและรีบไปหาเธอ เธอทำได้เพียงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะหลบหนี แต่เธอก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงร่างนั้นได้นอกห้อง ครอบครัวเฟิงและลู่กำลังคำนวณบัญชีอย่างมีความสุขอยู่พักหนึ่งลุงของหลิง อี้หรานกล่าวว่า "ผู้อาวุโสเฟิน เราพาเธอมาให้คุณแล้ว 300,000 คุณไม่สามารถกลับคำพูดของคุณได้นะ" “โอ้ ดีสิ ดี ตราบใดที่พวกเขาทำสำเร็จฉันจะให้ 300,000 หยวนแก่คุณ
เฟิง ไค ภรรยาของเขา ลุงและลุงคนที่สองก็ลุกลี้ลุกลน เมื่อเห็นว่าตำรวจกำลังจะเข้าไปในห้องที่ "ธุระ" เฟิง ไค จึงตะโกนขึ้นทันที "ทำไมพวกคุณถึงมาบุกที่บ้านของผมล่ะ?... ตำรวจอนุญาตให้บุกเข้าไปในบ้านของผมแล้วอย่างนั้นเหรอ?"เขาและภรรยาต้องการที่จะพุ่งไปข้างหน้า แต่มีใครบางคนหยุดไว้ขณะนี้มีบางคนพบว่าประตูห้องนั้นล็อกอยู่ในเวลาเดียวกันรถอีกคันก็มาถึงประตูบ้านของเฟิง ไค ร่างสูงลงจากรถและเดินเข้าไปในสนาม ตำรวจคนหนึ่งเดินเข้าไปหาชายคนนั้นอย่างรวดเร็วและบรรยายสรุปสถานการณ์ให้เขาฟัง"ประตูบานหนึ่งถูกล็อคอาจเป็นไปได้ว่ามีคนอยู่ข้างในครับ"ในขณะที่เขาพูดตำรวจก็เดินนำชายคนนั้นไปที่ประตูที่ล็อกไว้เฟิน ไค และภรรยาของเขา เช่นเดียวกับลุงและลุงคนที่สองของหลิง อี้หราน กำลังมองหาข้ออ้างใด ๆ ที่จะไม่เปิดประตูอี้ จิ่นหลี จ้องไปที่ประตูและพูดอย่างเย็นชา "เปิดมันออก"ทันใดนั้นมีคนเอาขวานสับประตูลง"คุณเข้าไปไม่ได้! คุณบุกรุกบ้านหลังนี้! ผมจะฟ้องคุณ!" อย่างไรก็ตามไม่ว่าเฟิง ไค จะตะโกนดังแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ ทันทีที่ประตูเปิดออก อี้ จิ่นหลี ก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องในขณะที่คนอื่น ๆ กำลังจะรีบเข้ามาเสี
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเจ็บปวดในใจ เห็นได้ชัดว่าเธอสบายดีเมื่อเธอจากไปเมื่อเช้านี้ แต่ตอนนี้... เธอกลายเป็นสภาพที่น่าสมเพช ถ้าเขามากับเธอเร็วกว่านั้นในวันนี้เธอคงไม่ต้องเจอเรื่องแบบนี้เมื่อเขาต้องการเข้าใกล้เธอ ร่างของเธอก็ยิ่งสั่นมากขึ้นและมือที่เธอใช้จับชิ้นส่วนกระจกก็ทำให้มันแน่นขึ้น ทันใดนั้นเลือดในมือของเธอก็พุ่งมากขึ้น“พี่สาว ผมเอง รีบปล่อยมือของพี่เถอะ ตอนนี้พี่ปลอดภัยแล้ว ไม่มีใครจะทำอะไรพี่อีกต่อไปแล้ว" อี้ จิ่นหลี พูดอย่างกังวลที่ผ่านมาเขาไม่เคยกลัวเลือด แม้ว่าจะมีคนมาหยดเลือดต่อหน้าเขาเขาก็จะไม่หวั่นไหวเลยอย่างไรก็ตามในขณะนี้เขากลัวเลือดของเธอ เขากลัวว่าอาการบาดเจ็บของเธอจะแย่ลงและเธอจะตกเลือดความกลัวแบบนี้ทำให้ร่างกายของเขาสั่นสะท้านหลิง อี้หราน รู้สึกราวกับว่าร่างกายของเธอสูญเสียความรู้สึกและการควบคุมทั้งหมด เธอรู้สึกได้เพียงความร้อนและความเจ็บปวดเล็กน้อยเฉพาะในเวลาที่เธอเจ็บปวดเธอสามารถปกป้องตัวเองและป้องกันตัวเองไม่ให้หลับไปได้“ฉันจะหลับที่นี่ไม่ได้เด็ดขาด!”เมื่อโดดเดี่ยวและทำอะไรไม่ถูก เธอเคยคิดว่าเมื่อเธอได้รับการปล่อยตัวจากคุกเธอจะต้องรับผิดชอบชีวิตของต
เมื่อเห็นใบหน้าที่เป็นห่วงของอี้ จิ่นหลี ขณะที่เขาอุ้มผู้หญิงคนนั้นไว้ในอ้อมแขนทุกคนก็บอกได้ว่าผู้หญิงคนนี้สำคัญสำหรับเขามากบรรดาผู้ที่ได้รับรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของอี้ จิ่นหลี หยุดความคิดของพวกเขาเมื่อพวกเขาเห็นฉากนี้ท้ายที่สุดเขาเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ในเมืองเฉิน เขามาปรากฏตัวในสถานที่เช่นนี้ในตอนเช้าเพื่อผู้หญิงได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้นเขาได้สร้างฉากใหญ่อลังการเช่นนี้อีกด้วยไม่ว่าเธอจะเป็นใครพวกเขากลัวว่าเธอจะทำลายครึ่งหนึ่งของเมืองเฉิน“ค้นหาว่าใครเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ อย่าให้ใครรอดไปได้แม้เเต่คนเดียว" อี้ จิ่นหลี กล่าว“ครับท่าน" ลูกน้องคนหนึ่งของเขาที่เดินอยู่ข้าง ๆ เขาตอบในขณะนี้เฟิง ไค และภรรยาของเขามองลงไปที่ลูกชายของพวกเขาที่กำลังตะโกนด้วยความเจ็บปวดจากนั้นพวกเขาก็มองไปที่ตำรวจที่อยู่ในสนาม พวกเขาอยากจะร้องไห้ แต่ก็ไม่มีน้ำตาให้หลั่งทั้งคู่จ้องมองลุงของหลิง อี้หราน และลุงคนที่สองด้วยความโกรธ "นางนั่นมันเป็นใครกันเเน่วะ?"ลุงและลุงคนที่สองของเธอก็หน้าซีดเหมือนกัน พวกเขามองหน้ากันด้วยความตกใจ หลานสาวของพวกเขาคนนี้ไม่ใช่ผู้หญิงกำพร้าที่เพิ่งถูกปลดออกจากคุกไม่ถึงครึ่งปี
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค