“คุณเป็นคนดี คุณจะดึงดูดผู้หญิงดี ๆ ได้มากมาย” หลิง อี้หรานผู้ซึ่งมีบาดแผลในเรื่องความรักและความสัมพันธ์พูดขึ้นกวอ ซิ่นหลี่จอดรถไว้ที่ย่านที่อาหยันน้อยอาศัยอยู่ จากนั้นเขาก็เกาศีรษะอย่างเขินอายและพูดว่า “บางทีการตกหลุมรักก็เป็นแบบนี้แหละ ผมแค่อยากลองดูสักครั้ง”หลิง อี้หรานไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ‘ลองดูสักครั้ง ฉันก็เคยคิดแบบเดียวกันกับตอนคบอี้ จิ่นหลีหรือเปล่านะ?’ แต่ตอนนั้นอี้ จิ่นหลีอยากจะให้เธออยู่เคียงข้างและสารภาพกับเธอ เธอก็เลยลองดูกับความสัมพันธ์นั้นน่าเสียดายที่เธอไม่สามารถเอาชนะความสัมพันธ์นั้นได้หลังจากส่งอาหยันน้อยกลับบ้าน กวอ ซิ่นหลี่ก็มาส่งหลิง อี้หรานไปที่ทางเข้าบ้านเช่าของเธอ“อี้หราน คุณไม่จำเป็นต้องรู้สึกกดดัน บางที... ถ้าผ่านไปสองสามปีแล้วคุณยังไม่ชอบผม ผมก็อาจจะยอมแพ้” เขาพูดหลิง อี้หรานสัมผัสได้ถึงความใจดีของกวอ ซิ่นหลี่ที่เขาพูดแบบนี้เพราะเขาไม่อยากให้ความรู้สึกที่มีต่อเธอทำให้เธอต้องลำบากใจหลังจากบอกลากวอ ซิ่นหลี่แล้ว หลิง อี้หรานก็กลับไปที่บ้านเช่าของเธอและทันทีที่เธอเปิดประตู เธอก็เป็นใครบางคนนั่งอยู่ในห้องของเธออี้ จิ่นหลี!เป็นครั้งที่สองที่เขาปรากฏ
“คุณได้มันมายังไง...” เธอพึมพำเขายิ้มเล็กน้อย รอยยิ้มของเขาสวยงามราวกับฤดูใบไม้ผลิบนภูเขา แต่ยิ่งรอยยิ้มของเขาสวยมากแค่ไหน มันก็ยิ่งน่ากลัวมากเท่านั้น“แล้วทำไมฉันจะมีสิ่งนี้ไม่ได้?” เขาถามด้วยความสนุกสนานราวกับว่าเธอกำลังถามคำถามโง่ ๆหลิง อี้หรานตกตะลึง ‘ใช่ ถ้าเขาเข้ามานั่งรอในบ้านของฉันได้ วิดีโอที่เขามีอยู่ก็คงเป็นเรื่องง่าย ๆ สำหรับเขา’ทว่า... เธอไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่ามีคนแอบถ่ายเธอกับกวอ ซิ่นหลี่ในวันนี้‘นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของวิดีโอนี้ใช่ไหม? หรือว่าเขาคอยจับตาดูการกระทำของฉัน กวอ ซิ่นหลี่และอาหยันน้อยที่สวนสนุกในวันนี้?’เธอรู้สึกขนลุกทันทีที่คิดเกี่ยวกับมัน“รู้อะไรไหม? สิ่งที่คุณทำในตอนนี้เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน!” หลิง อี้หรานตักเตือนเขาไม่มีใครในโลกนี้อยากถูกจับตามองตลอดเวลา เธอเลิกกับเขาแล้ว เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงทำแบบนี้อี้ จิ่นหลียิ้มในขณะที่เขายืนขึ้นและเดินเข้าหาหลิง อี้หราน “อย่างนั้นเหรอ? แล้วเธอล่ะ? ทำไมเธอถึงไปสวนสนุกกับกวอ ซิ่นหลี่?”“ฉันจะไปสวนสนุกกับใครก็ได้ มันเรื่องของฉัน” เธอบอก“เรื่องของเธอ?” เขาเยาะเย้ย ทันใดนั้น เขาก็ยกมือขึ้นจับคางข
จูบที่ครอบงำแต่หยอกล้อย้ำเตือนความทรงจำของหลิง อี้หรานให้นึกถึงจูบที่เธอได้สัมผัสในคืนนั้น‘มันรู้สึกคล้ายกันมาก’‘เป็นเขาจริง ๆ ใช่ไหม… ในคืนนั้น? เขาแอบจูบฉันตอนหลับหรือเปล่า?’เขาจูบรุนแรงจนเธอแทบหายใจไม่ออกเมื่อการจูบสิ้นสุดลง เธอไอสำลักเพราะหายใจไม่ทันขณะจูบ ทันใดนั้น เขาก็กดหน้าผากลงเพื่อประกบกับหน้าผากของเธอแล้วพึมพำด้วยเสียงแหบแห้ง “อย่าตกหลุมรักกวอ ซิ่นหลี่ได้ไหม?”หลิง อี้หรานตกตะลึง “อี้ จิ่นหลี คุณไม่คิดว่ามันตลกไปหน่อยเหรอ?”เขาเลิกกับเธอแล้ว แต่ตอนนี้เขากลับกำลังขอให้เธออย่าไปชอบผู้ชายคนอื่น?ใบหน้าของอี้ จิ่นหลีเคร่งขรึมขึ้นในทันที‘เธอรู้ไหมว่าฉันรู้สึกยังไงตอนที่ฉันนั่งดูวิดีโอพวกนี้และเห็นเธอกับกวอ ซิ่นหลี่อยู่ในสวนสนุกด้วยกัน?’ราวกับว่าความหึงหวงแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของเขาเขามองดูเธอจ้องมองชายคนนั้นขณะส่งยิ้มให้เขาและเธอยังอาสาช่วยผูกเน็คไทให้ชายคนนั้นอีก ตอนที่เขามองดูวิดีโอนั้น เขารู้สึกราวกับมีมีดแหลมคมกำลังกรีดเข้าที่ร่างกายของเขาความเจ็บปวดนั้นรุนแรงมากจนเขาต้องหายใจด้วยความยากลำบาก“เธอชอบเขาเหรอ?” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเยือกเย็นหลิง อี้ห
‘เขาหมายความว่ายังไง?’หลิง อี้หรานจ้องมองอี้ จิ่นหลีด้วยสายตาที่ว่างเปล่า ก่อนจะเห็นริมฝีปากบางเผยอขึ้นและพูดว่า “เธออยากมีครอบครัวมาตลอดไม่ใช่เหรอ? ทำไมเธอถึงไม่อยากเป็นพี่สาวของฉันล่ะ?”หลิง อี้หรานตัวแข็งทื่อ จากนั้นเธอก็รู้สึกอยากหัวเราะขึ้นมาทันที “คุณต้องการให้ฉันเป็นพี่สาวของคุณต่อไปในขณะที่คุณเป็นน้องชายของฉันน่ะเหรอ?”“เป็นความคิดที่ดีไม่ใช่เหรอ?” เขาถาม"อี้ จิ่นหลี่ คุณรู้ตัวบ้างไหมว่าคุณกำลังพูดจาไร้สาระ” เธอหัวเราะดังลั่น “คุณบอกว่าอยากให้เราคบกัน เราก็เลยคบกัน แล้วคุณอยากเลิกกับฉัน ฉันก็เลิกแล้วไง นี่คุณจะมาเล่นเกมพี่น้องอะไรนี่อีก ทำไม? เพราะคุณเบื่อเกมหาคู่แล้วเหรอ?”ใบหน้าของเขามืดลงทันที “ไม่ใช่เกม เธอเป็นพี่สาวของฉันได้ จะได้ไม่มีใครในเมืองเฉินกล้ามาดูถูกเธอ”“ฉันไม่ต้องการแบบนั้น และคุณไม่ใช่น้องชายของฉัน” เธอตะคอก‘ฉันจะมองดูผู้ชายคนที่ฉันรักที่สุดในฐานะน้องชายของฉันได้ยังไง?’“เธอต่อต้านการเป็นพี่สาวของฉันเหรอ?” ดวงตาคู่สวยของเขาหรี่ลง เผยให้เห็นแววอันตราย“อี้ จิ่นหลี ฉันไม่ใช่คุณ ฉันไม่สามารถยอมรับการเปลี่ยนแปลงได้เหมือนคุณ! เราเลิกกันแล้ว ได้โปรดอย่าร
สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเธอในตอนนี้คือการเปรียบเทียบรายละเอียดของกวอ ซิ่นหลี่กับเอกสารที่มีอยู่ เพื่อค้นหาเบาะแสเพิ่มเติมที่สามารถยืนยันการคาดเดาของเธอได้!ในทางกลับกัน รถยนต์คันสีดำมาถึงคฤหาสนือี้ แต่อี้ จิ่นหลีกลับไม่ได้ก้าวลงจากรถ เขาเพียงนั่งพิงเบาะหลังพลางหลับตา ข้างมือของเขามีโทรศัพท์ที่กำลังฉายวิดีโอซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหตุการณ์ในวิดิโอเป็นฉากของหลิง อี้หรานที่อยู่กับกวอ ซิ่นหลี่และอาหยันในสวนสนุกวันนี้ แต่มันไม่ใช่วิดีโอเดียวกับที่หลิง อี้หรานเห็นก่อนหน้านี้ภายในโทรศัพท์ของเขามีวิดีโอแบบนี้อยู่นับไม่ถ้วนวิดีโอมากมายเหล่านี้ล้วนเป็นบันทึกเหตุการณ์ที่หลิง อี้หรานทำที่สวนสนุกในวันนี้เกา ฉงหมิงที่นั่งอยู่แถวหน้าไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดังเสียงของเหตุการณ์ในวิดีโอดูสดใสร่าเริง แต่บรรยากาศภายในรถกลับดูหดหู่อย่างยิ่ง“นายน้อยอี้ เรามาถึงแล้วครับ” เกา ฉงหมิงพูดขึ้น หลังจากเวลาผ่านไปแสนนาน“อืม” อี้ จิ่นหลีตอบอย่างไม่ใส่ใจ เสียงในวิดีโอนั้นฟังดูทรมานสำหรับเขา แต่เขาก็ยังฟังมันต่อไปเขานั่งฟังเสียงในวิดีโอซ้ำแล้วซ้ำเล่าแม้ว่าเขาจะเลิกกับเธอและตัดสินใจที่จะไม่รักเธออีกต่อไป แต่
“ลายนิ้วมือบนพวงมาลัยและวิดีโอหน้ารถของทั้งสองคนที่เข้าไปในรถแสดงให้เห็นว่าหวาง ย่านหยิ่งกำลังขับรถอยู่ในที่นั่งคนขับ ขณะที่ซู ซีอยู่ในที่นั่งผู้โดยสาร” ทนายกู้พูด“ใช่ นั่นเป็นความจริงค่ะ แต่... เวลาไม่ตรงกัน” หลิง อี้หรานพูด“เวลา?” ทนายกู้หรี่ตาลงหลิง อี้หรานพูดต่อว่า “เมื่อเช้าฉันลองนั่งแท็กซี่และจับเวลาดู จากเวลาที่พวกเขาขึ้นรถ จะใช้เวลาประมาณ 15 นาที ในการขับรถไปยังที่เกิดเหตุด้วยความเร็วที่เราได้รับจากวิดีโอหน้ารถ พยานกวอ ซิ่นหลี่โทรหาตำรวจทันทีหลังจากรถชนกัน แต่เวลาที่พวกเขาสตาร์ทรถจนถึงตอนที่รถชนกันนั้นใช้เวลาถึง 23 นาที เมื่อเปรียบเทียบดูพบว่าเวลาที่แตกต่างกันถึง 8 นาทีนั้นค่อนข้างต่างกันมากเกินไป”ดวงตาของทนายกู้เป็นประกาย มันเป็นรายละเอียดที่เขาไม่เคยสังเกตมาก่อน ความล่าช้าแปดนาทีนั้นยาวนานจริง ๆ“เท่าที่เราทราบจากการวิดีโอหน้ารถ พวกเขาเพียงตรวจสอบภาย 10 นาที แรกหลังจากเริ่มขับรถเท่านั้น แต่กลับไม่มีภาพหลังจากนั้น ดังนั้นทั้งคู่อาจจะเปลี่ยนที่นั่งกันในช่วงเวลานั้น” หลิง อี้หราน พูดทนายกู้คิดเกี่ยวกับมันและพูดว่า “นั่นไม่ใช่ประเด็น”“ฉันอยากพบคุณซูซีและพูดคุยกับเธอ
เมื่อนึกเช่นนั้น เธอก็หยุดชะงักทันทีราวกับกำลังพยายามนึกอะไรบางอย่าง ดวงตาของซูซีดูเหมือนคนที่พยายามนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้นหากให้เธอคาดเดา เธอคิดว่าซูซีอาจจะเตรียมคำตอบมาก่อนหน้านี้แล้วขณะที่เธอกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอก็ถูกชายคนหนึ่งดึงตัวไปแล้วพูดว่า “นี่ ทำไมนักแสดงสมทบถึงมายืนอยู่ตรงนี้? ออกไปให้พ้น เธอไม่เห็นกล้องหรือไง อย่ามาเดินเตร่แถวนี้!”หลิง อี้หรานตกตะลึง เธอเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเธอบังเอิญเดินเข้ามาในฉากถ่ายทำของทีมงานภาพยนตร์ เธอรีบพูดขอโทษทันทีโดยพูดว่า “ฉันขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ!”“ใครให้เธอมาที่นี่? เธอไม่รู้เหรอว่าเธอจะมาเดินเตร็ดเตร่แถวนี้ได้? นอกจากนี้...”ก่อนที่เขาจะต่อว่าเธอเสร็จ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “เธอไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีม”หลิง อี้หรานหันศีรษะไปรอบ ๆ และเห็นกู้ ลี่เฉินปรากฏตัวอยู่ข้างหลังเธอทีมงานตกใจเมื่อกู้ ลี่เฉินปรากฏตัวขึ้น “คุณ... คุณกู้...”“เอาล่ะ กลับไปทำงานของคุณได้แล้ว” กู้ ลี่เฉินสั่งทีมงานรีบออกไปในทันทีกู้ ลี่เฉินมองดูหลิง อี้หรานและถามว่า “คุณมาทำอะไรที่นี่?”“นักแสดงที่นี่เป็นพยานในรูปคดีของฉัน ฉันเลยมาที่นี่เพื่อสอบถามร
เธอรู้สึกว่าถ้าเธอไม่ตอบคำถามเขา เขาก็คงจะกักตัวเธอไว้ที่นี่อีกนาน“เราเลิกกันแล้ว และฉันก็ไม่ได้รักเขาแล้ว คุณจะปล่อยฉันไปได้หรือยังคะ?” เธอพูด“แล้วคุณรักใคร?” เขาถามเธอไม่อยากรักใคร เธอแค่อยากอยู่คนเดียวเธอเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วพูดว่า “คุณกู้ ฉันรักใครมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ ตอนที่เราอยู่บนเนินเขา คุณบอกว่าเราจะเป็นแค่คนแปลกหน้ากันตั้งแต่นั้นมาไม่ใช่เหรอ?”เขาแข็งทื่อ ‘คนแปลกหน้า... แค่ปฏิบัติกับเธอให้เหมือนคนแปลกหน้า’ แต่ทำไมมันกลับดูยากเย็นตอนที่เขาเห็นเธอยืนอยู่ที่โต๊ะพูลในคืนนั้น เขากลับไม่สามารถหยุดมองเธอได้การปรากฏตัวของเธอรบกวนสมาธิของเขาได้อย่างง่ายดายเขากลับรู้สึกดีใจในทันทีที่เขาได้ยินว่าเธอเลิกกับอี้ จิ่นหลี‘ทำไมฉันถึงมีความสุข?’‘ฉันดีใจที่ฉันได้รับโอกาสใช่ไหม? ไร้สาระน่า! มีผู้หญิงมากมายในเมืองเฉินที่อยากจะปีนป่ายขึ้นมาบนเตียงของฉัน ผู้หญิงหลายคนพยายามที่จะเอาอกเอาใจฉันและเอาหน้าฉัน แต่ทำไมฉันต้องหลงรักผู้หญิงที่ไม่มีฉันอยู่ในใจด้วย?’‘เธอสวย แต่ในวงการบันเทิง มีผู้หญิงที่สวยกว่าเธอตั้งเยอะ’‘แต่... ฉันกลับโหยหาเธอ!’ราวกับว่าเขาจะรู้สึกพอใจ หากเขาได้
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค