ชิน เหลียนอีเล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับกวอ ซินหลี่ เมื่อเธอเล่าจบแล้ว เธอก็พูดในเชิงซุบซิบว่า “ฉันคิดว่ากวอ ซิ่นหลี่ต้องชอบอี้หรานแน่ ๆ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มาส่งอี้หรานที่บ้านหลังจากที่พวกเขาคุยเรื่องคดีความกันเสร็จหรอก ฉันตรวจสอบแล้ว เขาอาศัยอยู่ฝั่งตรงข้ามกับบ้านเช่าของอี้หรานด้วย”ไป๋ ทิงซินถอนหายใจด้วยความโล่งอก ‘สรุปว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ชอบผู้ชายคนอื่นสินะ’แม้ว่าเธอจะบอกเขาว่าเธอชอบเขาและเธอต้องการคบกับเขาอย่างจริงจัง แต่เขาก็ยังสงสัยอยู่เล็กน้อย เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมายาวนานเธอมักจะหลงใหลผู้ชายหลายคน!“ถึงเขาจะชอบอี้หรานจริง ๆ แต่มันก็ขึ้นอยู่กับเธอ ผมคิดว่าเธอคงไม่มีอารมณ์ที่จะออกเดทอีกครั้งในเร็ว ๆ นี้หรอก” ไป๋ ทิงซินพูดชิน เหลียนอีรู้สึกท้อแท้ราวกับบอลลูนที่โดนเจาะ “ใช่ ฉันโทษอี้ จิ่นหลีที่ทำร้ายอี้หรานจนเจ็บปวด ฉันไม่ควรจะแนะนำให้อี้หรานไปออกเดทกับอี้ จิ่นหลีในตอนนั้นเลย”ชิน เหลียนอีอยากจะตบหน้าตัวเองเมื่อเธอจำได้ว่าเธอเห็นด้วยกับความสัมพันธ์ของพวกเขา!“ใจเย็น ๆ ถ้าพวกเขาถูกกำหนดให้คู่กันแล้ว และถ้ากวอ ซิ่นหลี่ชอบหลิง อี้หรานจริง ๆ บางทีเธออาจจะเปิดใจให้กวอ ซิ่นหลี่ในอีกไม
ชิน เหลียนอีเบิกตากว้างขณะที่เธอมองไปที่แก้มสีแดงระเรื่อของเขา ‘พระเจ้า... เขา... เขาหน้าแดง มันไม่จริงใช่ไหม? เขาหน้าแดงจริง ๆ เหรอ?’เธออดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นแตะแก้มของเขาเขาตัวแข็งทื่อแต่กลับปล่อยให้เธอแตะแก้ม ขณะที่เธอใช้เรียวนิ้วลูบไล้ใบหน้าของเขา “คุณ... กำลังทำอะไรอยู่?”“ว้าว! ไป๋ ทิงซิน คุณหน้าแดง...” เธอตกใจเขาตัวแข็งทื่อและหันใบหน้าหนีทันที “อย่าพูดอะไรไร้สาระ”“ฉันไม่ได้พูดไร้สาระ…” จากนั้นเธอก็เห็นว่าหูของเขาแดงขึ้นมือของเธอเอื้อมไปแตะที่หูของเขาอีกครั้ง หูทั้งสองข้างเปลี่ยนเป็นสีแดง ราวกับไฟกำลังเผาไหม้พวกมัน“อย่าทำอย่างนั้น” เขาพยายามดึงมือเธอออก“นี่ ขอสัมผัสอีกหน่อยสิ ฉันยังสัมผัสไม่พอเลย!” เธอร้องออกมาโดยไม่รู้ถึงความคลุมเครือของคำพูดของเธอตอนนี้ไป๋ ทิงซินรู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขากำลังถูกแผดเผาอยู่ท่ามกลางทะเลแห่งเปลวเพลิง เขาอยากจะดึงมือเธอออก แต่ดูเหมือนว่าร่างกายของเขากลับชอบให้เธอสัมผัสมัน‘นี่คืออาการของการตกหลุมรักใครสักคนหรือเปล่า? บางครั้งที่จิตใจและร่างกายของฉันดูแตกต่างออกไปเมื่อได้อยู่ใกล้เธอ’ชิน เหลียนอีรู้สึกทึ่งกับแก้มร้อนและหูที่เปลี
อี้ จิ่นหลีหยุดชะงักชั่วคราวและใบหน้าของเขาก็อึมครึมขึ้นเล็กน้อย ในขณะเดียวกันเกา ฉงหมิงรู้สึกตื่นตระหนกและอยากจะเดินเข้าไปปิดปากของชิน เหลียนอีชื่อของหลิง อี้หรานกลายเป็นคำต้องห้ามในอี้ กรุ๊ป!‘แต่ตอนนี้ชิน เหลียนอีกลับกล้าที่จะพูดมันออกมาเสียงดัง!’ เกา ฉงหมิงกลัวว่าเจ้านายของเขาจะอารมณ์เสียบรรยากาศรอบตัวอี้ จิ่นหลีดูน่ากลัวมากยิ่งขึ้น และเกา ฉงหมิงที่อยู่ข้าง ๆ อี้ จิ่นหลีก็เกือบจะตัวสั่น!หลังจากที่ชิน เหลียนอีพูดเสร็จ เธอก็ควงแขนของไป๋ ทิงซินและจากไปอย่างพึงพอใจไป๋ ทิงซินมองท่าทางของแฟนสาวและหัวเราะออกมาโดยไม่รู้ตัว ‘ดูท่าจะจริงนะที่ผู้หญิงและคนขี้จุกจิกนั้นเข้าใจยาก!’‘และเหลียนอีก็เป็นทั้งสองแบบ!’ไป๋ ทิงซินเหลือบมองอี้ จิ่นหลีจากหางตาอีกครั้งก่อนจะจากไป‘อี้ จิ่นหลีไม่รักหลิง อี้หรานแล้วจริง ๆ เหรอ? พวกเขาเลิกกันเพราะเขาเบื่อเธอและต้องการเลิกกับหลิง อี้หรานอย่างนั้นเหรอ?’ไป๋ ทิงซินสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะเขาเคยได้เห็นท่าทางของอี้ จิ่นหลีที่มีต่อหลิง อี้หราน ในตอนนั้นอี้ จิ่นหลีชื่นชอบหลิง อี้หรานเป็นอย่างมาก‘เขาจะยอมแพ้ให้กับผู้หญิงที่เขารักง่าย ๆ อย่างนี้เล
…หลิง อี้หรานและกวอ ซิ่นหลี่กำลังรับประทานอาหารกลางวันในร้านอาหารใกล้โรงพยาบาลวันนี้เธอมาที่โรงพยาบาลเพื่อมาเยี่ยมอาหลีที่ยังอยู่ในอาการโคม่า เธอเจอเข้ากับกวอ ซิ่นหลี่อีกครั้ง กวอ ซิ่นหลี่อยู่กับเธอในขณะที่เธอรวบรวมหลักฐาน เขาถึงขนาดทำทำธุระบางอย่างให้เธอด้วยหลิง อี้หรานสามารถมองทะลุเข้าไปในเจตนารมร์ของเขาได้ ดูเหมือนว่ากวอ ซิ่นหลี่ยังชอบเธออยู่ แต่เขาไม่ได้พูดออกมาเสียงดัง ดังนั้นเธอจึงนิ่งเงียบและพยายามรักษาระยะห่างเพื่อไม่ให้เขาคิดไปไกลเธออยู่ที่โรงพยาบาลจนเกือบบ่ายโมง หลิง อี้หรานยุ่งมากจนลืมเรื่องอาหารกลางวัน เธอยังไม่ได้กินข้าวและกวอ ซิ่นหลี่ก็ยังไม่ได้กินข้าวเช่นกัน“วันนี้คุณช่วยฉันไว้มาก ให้ฉันเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อได้ไหมคะ?” หลิง อี้หรานพูดกวอ ซิ่นหลี่ยิ้มอย่างเขินอาย “ผมเป็นผู้ชาย ผมควรเป็นฝ่ายที่ต้องเลี้ยงคุณสิ”“มันไม่เกี่ยวว่าคุณเป็นผู้ชายหรือเปล่า ถ้าฉันเคยช่วยคุณไว้ ฉันก็จะไม่ปฏิเสธให้คุณเลี้ยงฉัน” เธอพูดดวงตาของกวอ วิ่นหลี่เป็นประกายในขณะที่เขาพยักหน้าร้านอาหารใกล้โรงพยาบาลเป็นร้านที่ขายอาหารทั่วไป หลิง อี้หรานจึงสั่งอาหารสองชุดสำหรับตัวเองและกวอ ซิ่นหลี่
“ใช่ค่ะ”“แล้ว… น้องชายของคุณไปไหนแล้วครับ”เธอตัวแข็งทื่อเมื่อได้ยินเขาพูดคำว่า ‘น้องชาย’ ครั้งหนึ่งเธอเคยรู้สึกใกล้ชิดกับคำนั้นมาก แต่ตอนนี้มันกลับรู้สึกห่างไกลเหลือเกิน“เขา… กลับไปบ้านของเขาแล้ว ฉันแค่พาเขามาอยู่ด้วยชั่วคราว” หลิง อี้หรานพึมพำ จากนั้นเธอก็กลับไปที่นั่งของตัวเอง ก้มศีรษะลงและเริ่มทานอาหารต่อกวอ ซิ่นหลี่เพียงจ้องมองที่หลิง อี้หราน‘ทำไม ‘น้องชาย’ คนนั้นที่ดูตัวติดเธอกลับทิ้งเธอไป?’‘ตอนนี้เธออยู่คนเดียวเหรอ? หมายความว่าฉัน... มีโอกาสใช่ไหม?’ ความคิดนั้นผุดขึ้นชัดเจนเรื่อย ๆ ในใจของเขาทั้งสองคนในร้านอาหารไม่ได้สังเกตเห็นรถเก๋งสีดำที่จอดอยู่ไม่ไกลจากร้านอาหารชายในรถกำลังจ้องมองพวกเขาผ่านหน้าต่างเกา ฉงหมิงไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ เขามองไปที่เจ้านายของเขาด้วยความกลัว ก่อนที่จะมองไปที่ หลิง อี้หรานและชายที่ชื่อกวอ ซิ่นหลี่ในร้านอาหารหลังจากทราบตำแหน่งปัจจุบันของหลิง อี้หรานแล้ว นายน้อยอี้ก็ให้เขาขับรถมาที่นี่ และ... เขาก็จับตาดูเธอ‘เมื่อไหร่เขาจะหยุดจับตาดูเธอ?’เกา ฉงหมิงแค่ต้องการให้หลิง อี้หรานและชายคนนั้นทานอาหารเสร็จเร็ว ๆ นี้หลังทานอาหารกลางวันเสร็จ
ก็เพราะว่า... การพูดแบบนี้จะทำให้เขาไม่คิดไปไกลเหมือนกับตอนที่ใครบางคนต้องการทำให้เธอเป็นแพะรับบาปเพราะเธอไม่มีอำนาจอะไรที่จะต่อสู้ได้ จากนั้นเธอก็ถูกทอดทิ้งอย่างง่ายดาย!กวอ ซิ่นหลี่รู้สึกอับอาย แต่เขากลับพูดด้วยความมั่นใจ “ผม... ผมรู้ว่าผมทำอะไรไม่ได้มาก แต่... แต่ถ้าผมรู้จักคุณก่อนหน้า ผมจะทำทุกอย่างที่สามารถช่วยคุณได้!”เขาขับรถมาจอดที่อาคารสำนักงานกฎหมายของหลิง อี้หรานหลิง อี้หรานโน้มตัวเล็กน้อยและมองชายที่อยู่ข้าง ๆ เธออย่างระมัดระวังผู้ชายคนนี้ดูธรรมดา แต่เขากลับสามารถทำให้ผู้คนรู้สึกอบอุ่น หลังจากผ่านอะไรมามากมาย เธอรู้ดีว่าความธรรมดาอาจเป็นสิ่งล้ำค่าที่สุด“กวอ ซิ่นหลี่คุณเป็นคนดี แต่ฉันไม่เหมาะกับคุณ ฉันผ่านอะไรมามากมายและผิดหวังในความรักและการแต่งงาน ตอนนี้ฉันแค่อยากจะโฟกัสหน้าที่การงาน ที่เหลือมันไม่สำคัญอะไรกับฉันอีกต่อไปแล้วค่ะ!” หลิง อี้หรานพูด“ถ้าอย่างนั้นผมรอได้ ผมจะรอจนกว่าคุณจะสนใจเรื่องความรักและการแต่งงานอีกครั้ง!” กวอ ซิ่นหลี่เอื้อมมือออกไปและจับมือของหลิง อี้หรานเอาไว้ด้วยความกล้าหาญเขาจับมือเธอไว้แน่นและแววตาของเขาก็ชัดเจนมากมือคู่นี้แตกต่างจากมือ
“ผม... ผมชอบคุณจริง ๆ ผม... ผมรู้ว่าผมไร้ประโยชน์ ผมให้ความหรูหราแก่คุณไม่ได้ แต่ผมอยู่กับคุณได้ทุกวัน ผมจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อปกป้องคุณ ถ้าคุณไม่ลอง คุณจะรู้ได้ยังไงว่าเราจะสามารถพัฒนาความรู้สึกได้ไหม?”เขาพูดติดอ่าง เขาดูกังวลมากแต่กลับดูจริงจังมากเช่นกันหลิง อี้หรานรู้สึกแสบจมูก และน้ำตาก็เอ่อล้นออกมา เธอเพิ่งรู้ว่ามีคนชอบเธอมากถึงขนาดนี้และเขาก็ให้เกียรติเธอไม่ว่าเธอจะยากจนแค่ไหนเธอไม่ได้ผลักเขาออกไปและรู้สึกถึงความอบอุ่นของอ้อมกอดของเขาเพราะอ้อมกอดที่อบอุ่น ทำให้เธอหวังว่าวันหนึ่งเขาจะได้พบกับผู้หญิงที่รักเขาจริง ๆ!“กวอ ซิ่นหลี่ ขอบคุณที่ชอบฉัน แต่ถึงตอนนี้ที่คุณกอดฉัน ฉันกลับไม่รู้สึกอะไรกับคุณเลย คุณคิดว่าเรายังจำเป็นต้องลองดูอยู่อีกไหม?” เธอถามเธอได้ยินเพียงลมหายใจของเขาที่รดโรยรินอยู่ข้างใบหูของเธอ...รถสีดำที่จอดอยู่ไม่ไกล ใครบางคนในรถกำลังมองดูทั้งคู่โอบกอดกันในรถคันข้างหน้า ขณะที่มือของเขากำแน่นอยู่บนตัก......ในค่ำคืนที่มืดมิดหลิง อี้หรานผล็อยหลับไปบนเตียงในห้องที่เงียบสงบ แต่ไฟข้างเตียงของเธอยังคงเปิดอยู่ตั้งแต่ที่เธอย้ายออกจากคฤหาสน์อี้ เธอก็เริ
จากนั้นราวกับถูกสิง เขาจุมพิตบนริมฝีปากเย้ายวนของหญิงสาว…‘อืม... มีบางอย่างกำลังกดทับริมฝีปากฉัน ร้อนจัง…’ หลิง อี้หรานง่วงมากทำให้เธอรู้สึกได้เพียงการกดทับของบางอย่างบนริมฝีปากของเธอเท่านั้นเธอพยายามหลบหนีตามสัญชาตญาณ แต่ดูเหมือนเธอจะขยับตัวไม่ได้จากนั้นเธอก็ค่อย ๆ ตื่นขึ้นมา‘ไม่ มีคนจูบฉัน!’ เธอลืมตาขึ้นโดยสัญชาตญาณ แต่กลับเห็นเพียงความมืดมิด‘เป็นมือคน! เธอรู้สึกเหมือนถูกมือกดทับ’ มีมือปิดตาเธอไว้ เธอจึงมองไม่เห็นอะไรเลยจูบนั้นร้อนแรงมากยิ่งขึ้น‘เขาคือใคร? ใครเป็นคนจูบฉัน?’ หลิง อี้หรานรู้สึกหวาดกลัว เธอพยายามดิ้นรนเกือบสุดกำลังของเธอทว่า การดิ้นรนของเธอกลับถูกปราบด้วยกำลังที่แข็งแรงเธอไม่สามารถหลุดพ้นหรือหลบหนีได้ ทันใดนั้น เธอก็ได้กลิ่นที่คุ้นเคยพร้อมกับจูบที่ทำให้เธอตัวสั่น‘เขา... อี้ จิ่นหลี?’พวกเขารู้จักกันดีมากที่สุดแล้วทำไมเธอถึงจำกลิ่นของเขาไม่ได้ล่ะ? นอกจากนี้ จูบนี้... ความรู้สึกที่คุ้นเคยนี้...‘ต้องเป้นเขาอย่างแน่นอน’‘เขาจูบฉันทำไม? ทำไมเขาถึงทำเป็นแบบนี้?’‘ไม่ ฉันไม่ต้องการแบบนี้!’หลิง อี้หรานกัดลิ้นร้อนที่อยู่ในปากของเธออย่างแรงและปากของเธอก