ก็เพราะว่า... การพูดแบบนี้จะทำให้เขาไม่คิดไปไกลเหมือนกับตอนที่ใครบางคนต้องการทำให้เธอเป็นแพะรับบาปเพราะเธอไม่มีอำนาจอะไรที่จะต่อสู้ได้ จากนั้นเธอก็ถูกทอดทิ้งอย่างง่ายดาย!กวอ ซิ่นหลี่รู้สึกอับอาย แต่เขากลับพูดด้วยความมั่นใจ “ผม... ผมรู้ว่าผมทำอะไรไม่ได้มาก แต่... แต่ถ้าผมรู้จักคุณก่อนหน้า ผมจะทำทุกอย่างที่สามารถช่วยคุณได้!”เขาขับรถมาจอดที่อาคารสำนักงานกฎหมายของหลิง อี้หรานหลิง อี้หรานโน้มตัวเล็กน้อยและมองชายที่อยู่ข้าง ๆ เธออย่างระมัดระวังผู้ชายคนนี้ดูธรรมดา แต่เขากลับสามารถทำให้ผู้คนรู้สึกอบอุ่น หลังจากผ่านอะไรมามากมาย เธอรู้ดีว่าความธรรมดาอาจเป็นสิ่งล้ำค่าที่สุด“กวอ ซิ่นหลี่คุณเป็นคนดี แต่ฉันไม่เหมาะกับคุณ ฉันผ่านอะไรมามากมายและผิดหวังในความรักและการแต่งงาน ตอนนี้ฉันแค่อยากจะโฟกัสหน้าที่การงาน ที่เหลือมันไม่สำคัญอะไรกับฉันอีกต่อไปแล้วค่ะ!” หลิง อี้หรานพูด“ถ้าอย่างนั้นผมรอได้ ผมจะรอจนกว่าคุณจะสนใจเรื่องความรักและการแต่งงานอีกครั้ง!” กวอ ซิ่นหลี่เอื้อมมือออกไปและจับมือของหลิง อี้หรานเอาไว้ด้วยความกล้าหาญเขาจับมือเธอไว้แน่นและแววตาของเขาก็ชัดเจนมากมือคู่นี้แตกต่างจากมือ
“ผม... ผมชอบคุณจริง ๆ ผม... ผมรู้ว่าผมไร้ประโยชน์ ผมให้ความหรูหราแก่คุณไม่ได้ แต่ผมอยู่กับคุณได้ทุกวัน ผมจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อปกป้องคุณ ถ้าคุณไม่ลอง คุณจะรู้ได้ยังไงว่าเราจะสามารถพัฒนาความรู้สึกได้ไหม?”เขาพูดติดอ่าง เขาดูกังวลมากแต่กลับดูจริงจังมากเช่นกันหลิง อี้หรานรู้สึกแสบจมูก และน้ำตาก็เอ่อล้นออกมา เธอเพิ่งรู้ว่ามีคนชอบเธอมากถึงขนาดนี้และเขาก็ให้เกียรติเธอไม่ว่าเธอจะยากจนแค่ไหนเธอไม่ได้ผลักเขาออกไปและรู้สึกถึงความอบอุ่นของอ้อมกอดของเขาเพราะอ้อมกอดที่อบอุ่น ทำให้เธอหวังว่าวันหนึ่งเขาจะได้พบกับผู้หญิงที่รักเขาจริง ๆ!“กวอ ซิ่นหลี่ ขอบคุณที่ชอบฉัน แต่ถึงตอนนี้ที่คุณกอดฉัน ฉันกลับไม่รู้สึกอะไรกับคุณเลย คุณคิดว่าเรายังจำเป็นต้องลองดูอยู่อีกไหม?” เธอถามเธอได้ยินเพียงลมหายใจของเขาที่รดโรยรินอยู่ข้างใบหูของเธอ...รถสีดำที่จอดอยู่ไม่ไกล ใครบางคนในรถกำลังมองดูทั้งคู่โอบกอดกันในรถคันข้างหน้า ขณะที่มือของเขากำแน่นอยู่บนตัก......ในค่ำคืนที่มืดมิดหลิง อี้หรานผล็อยหลับไปบนเตียงในห้องที่เงียบสงบ แต่ไฟข้างเตียงของเธอยังคงเปิดอยู่ตั้งแต่ที่เธอย้ายออกจากคฤหาสน์อี้ เธอก็เริ
จากนั้นราวกับถูกสิง เขาจุมพิตบนริมฝีปากเย้ายวนของหญิงสาว…‘อืม... มีบางอย่างกำลังกดทับริมฝีปากฉัน ร้อนจัง…’ หลิง อี้หรานง่วงมากทำให้เธอรู้สึกได้เพียงการกดทับของบางอย่างบนริมฝีปากของเธอเท่านั้นเธอพยายามหลบหนีตามสัญชาตญาณ แต่ดูเหมือนเธอจะขยับตัวไม่ได้จากนั้นเธอก็ค่อย ๆ ตื่นขึ้นมา‘ไม่ มีคนจูบฉัน!’ เธอลืมตาขึ้นโดยสัญชาตญาณ แต่กลับเห็นเพียงความมืดมิด‘เป็นมือคน! เธอรู้สึกเหมือนถูกมือกดทับ’ มีมือปิดตาเธอไว้ เธอจึงมองไม่เห็นอะไรเลยจูบนั้นร้อนแรงมากยิ่งขึ้น‘เขาคือใคร? ใครเป็นคนจูบฉัน?’ หลิง อี้หรานรู้สึกหวาดกลัว เธอพยายามดิ้นรนเกือบสุดกำลังของเธอทว่า การดิ้นรนของเธอกลับถูกปราบด้วยกำลังที่แข็งแรงเธอไม่สามารถหลุดพ้นหรือหลบหนีได้ ทันใดนั้น เธอก็ได้กลิ่นที่คุ้นเคยพร้อมกับจูบที่ทำให้เธอตัวสั่น‘เขา... อี้ จิ่นหลี?’พวกเขารู้จักกันดีมากที่สุดแล้วทำไมเธอถึงจำกลิ่นของเขาไม่ได้ล่ะ? นอกจากนี้ จูบนี้... ความรู้สึกที่คุ้นเคยนี้...‘ต้องเป้นเขาอย่างแน่นอน’‘เขาจูบฉันทำไม? ทำไมเขาถึงทำเป็นแบบนี้?’‘ไม่ ฉันไม่ต้องการแบบนี้!’หลิง อี้หรานกัดลิ้นร้อนที่อยู่ในปากของเธออย่างแรงและปากของเธอก
หลิง อี้หรานตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้นเพราะเสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์ของเธอเธอรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อยและมีอาการเจ็บคอ เธอจึงยกมือขึ้นลูบคอของเธอโดยไม่รู้ตัว ทันใดนั้น เธอก็จำบางอย่างได้ เธอชะงักและมองไปรอบ ๆ ห้องของเธออย่างรวดเร็วทุกอย่างในห้องก็เหมือนเดิม แม้แต่ชุดนอนของเธอก็ยังไม่บุบสลาย ไม่มีอะไรผิดปกติเธอจำได้ว่าเธอถูกจูบตอนหลับ แล้ว... เธอก็สลบไป!‘ฉันไม่เห็นว่าเขาเป็นใคร แต่จูบนั้นเหมือน... ของจิน!’‘แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรผิดปกติ ฉันฝันว่าเขาจูบฉันเหรอ? ที่ฉันฝันแบบนี้เพราะฉันยังไม่ลืมเขาใช่ไหม?’ดวงตาของหลิง อี้หรานดูมัวหมองลง จากนั้นเธอก็ยกผ้าห่มบาง ๆ ขึ้นก่อนจะลุกจากเตียง‘เมื่อไหร่ฉันจะลืมผู้ชายคนนั้นได้? ฉันเคยคิดว่าฉันจะมีครอบครัวจริง ๆ แล้ว แต่นั่นกลับกลายเป็นแค่ความฝัน’เธอจะเริ่มต้นใหม่ได้ก็ต่อเมื่อเธอลืมเขาได้แล้วเท่านั้น!หลิง อี้หรานเข้าไปในห้องน้ำ หยิบแปรงสีฟันและแก้วน้ำของเธอ เธอบีบยาสีฟันลงบนแปรงสีฟัน และกำลังจะแปรงฟัน แต่เธอกลับเหลือบเห็นรอยจ้ำสีแดงที่ลำคอของเธอ ทันใดนั้น เธอก็ตัวแข็งทื่อทันที!‘นี่คืออะไร? นี่คือ…’เธอวางแปรงสีฟันลงแล้วยกมือขึ้นเ
“ขอบใจนะ” โจว เชียนหยุนพูด“อย่าทำเหมือนฉันเป็นคนแปลกหน้าเลยค่ะ พี่โจว ถ้าวันหนึ่งฉันมีปัญหา ฉันก็คิดว่าพี่คงจะช่วยฉันเหมือนกัน” หลิง อี้หรานพูดด้วยรอยยิ้ม“ก็จริง” โจว เชียนหยุนยิ้มตอบ “ยังไงซะ ฉันกำลังวางแผนที่จะย้ายไปทีเมืองจี”“เมืองจี?” หลิง อี้หรานรู้สึกประหลาดใจ เมืองนี้อยู่ไม่ไกลจากเมืองเฉินมากนัก แต่ก็ไม่ได้อยู่ใกล้เช่นกัน ต้องใช้เวลาขับรถถึงสามชั่วโมงเมืองนั้นมีทิวทัศน์ที่สวยงาม แม้จะเป็นเมืองท่องเที่ยวแต่ค่าครองชีพก็ไม่สูงนัก มันใกล้เคียงกับค่าครองชีพในเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับที่สามในประเทศ“พี่จะย้ายไปเมื่อไหร่คะ?” หลิง อี้หรานถาม“น่าจะในเดือนกันยายน ฉันต้องหาโรงเรียนอนุบาลให้อาหยันน้อย พออาหยันสวมเครื่องช่วยฟัง เขาเป็นก็เหมือนเด็กธรรมดาทั่วไปที่ไม่มีปัญหาในการสื่อสารกับคนอื่น ฉันเลยอยากหาโรงเรียนอนุบาลธรรมดาให้เขา ฉันสงสัยว่าจะมีโรงเรียนอนุบาลไหนจะรับเขาบ้าง”เนื่องจากลูกชายของเธอพิการทางการได้ยิน จึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะต้องไปโรงเรียนเพื่อคนพิการก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้เขาเป็นเหมือนเด็กธรรมดาทั่วไป โจว เชียนหยุนจึงอยากพาเขาไปเข้าเรียนที่โรงเรียนอนุบาลธรรมดาเธอต้องก
เด็กน้อยรีบวิ่งเข้าไปในอ้อมกอดของหลิง อี้หรานในทันที“ว่าแต่อาทิตย์นี้ไปสวนสนุกกันไหม?” หลิง อี้หรานถามดวงตาของเด็กน้อยเป็นประกายในทันที ขณะที่หัวเล็ก ๆ ของเขาพยักหน้าหลายครั้ง“ถ้าอย่างนั้น”“มันจะไม่เป็นการรบกวนเธอมากไปเหรอ?” โจว เชียนหยุนถาม“ไม่เลย ฉันอยากจะได้ใช้เวลาทั้งวันที่สวนสนุกกับอาหยันน้อย!” หลิง อี้หรานพูด นอกจากนี้ ถ้าพี่โจวกับครอบครัวของเธอย้ายไปที่เมืองจี เธอคงจะไม่ได้พบอาหยันบ่อย ๆ เหมือนตอนนี้“นอกจากนี้ พี่ต้องไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกายในสุดสัปดาห์นี้พอดี คุณน้าจะได้พาพี่ไป ส่วนฉันจะพาอาหยันไปสวนสนุกด้วยกัน” หลิง อี้หรานพูด“ถ้าอย่างนั้น... ขอบใจนะ” โจว เชียนหยุนตอบรับอย่างเกรงใจ“ไม่เป็นไรค่ะ ใช่ไหมอาหยัน?” หลิง อี้หรานถามขณะที่เธอหันหน้าไปหาเด็กน้อยในอ้อมแขนของเธอคนตัวเล็กเพียงจูบแทนให้คำตอบโจว เชียนหยุนมองไปที่ลูกชายของเธอที่อยู่ในอ้อมแขนของหลิง อี้หรานด้วยรอยยิ้ม อาหยันน้อยคือชีวิตของเธอ เธอจะปกป้องลูกชายคนนี้จากทุก ๆ คนและจะไม่ยอมให้ใครพรากเขาไปจากเธอไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น!…“เหวินหมิง เหวินหมิง?” เสียงผู้หญิงดังขึ้นเบา ๆ ดึงสติของเย่ เหวินหมิงกลั
แม้ว่าเขาจะดีกับเธอ แต่... เธอกลับยังรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปที่สำคัญไปกว่านั้น หลังจากที่โจว เชียนหยุนติดคุก เธอก็คิดว่าอีกไม่นานเขาคงจะแต่งงานกับเธอทว่า งานแต่งงานของพวกเขากลับยังไม่มีกำหนดและสิ่งนี้ทำให้เธอกังวลเป็นอย่างมากคง จื่ออินกัดริมฝีปากของเธอเล็กน้อยและมองไปที่ชายที่อยู่ข้างหน้าเธอขณะที่เธอถามว่า “ถ้าฉันอยากจะแต่งงานกับคุณ คุณจะ... เต็มใจแต่งงานกับฉันไหมคะ?”เธอไม่อยากรอช้าอีกต่อไป หลังจากที่รู้ว่าเขาได้พบกับโจว เชียนหยุนในเมืองเฉินแล้ว เธอก็ยิ่งกังวลใจมากขึ้นไปอีก‘ที่เขาอยู่ต่อในเมืองเฉินอีกสองสามวันคงเป็นเพราะโจว เชียนหยุน!’‘แต่เขาก็กลับมาเร็วกว่าที่คิด! ยิ่งกว่าไปนั้นเขามักจะพูดถึงการแก้แค้นโจว เชียนหยุน’‘เกิดอะไรขึ้น? เขาจะไม่ไปเจอโจว เชียนหยุนแล้วใช่ไหม? ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น’แม้หลังจากที่เขากลับมา เขาก็ไม่เคยพูดถึงโจว เชียนหยุนอีกเลยเกิดอะไรขึ้นกับเขาและโจว เชียนหยุนในเมืองเฉิน?แม้ว่าคง จื่ออินจะรู้สึกสงสัย แต่เธอก็ไม่กล้าขอให้ใครไปตรวจสอบเรื่องนี้ เธอกลัวว่าการเคลื่อนไหวของเธอจะกลายเป็นจุดสนใจและเขาจะสังเกตเห็นมัน หากเป็นเช่นนั้น เธออาจจะทำให้
เธอไม่ได้เจอกวอ ซิ่นหลี่มาสองสามวันแล้ว ดังนั้นเธอจึงคิดว่าเขายอมแพ้แล้ว แต่ทว่า เธอรู้สึกได้ในขณะที่เขาจ้องมองเธอ ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่ได้... ยอมแพ้“วันนี้ฉันยุ่งมาก ฉันต้องไปรับเด็ก ฉันสัญญากับเขาว่าจะพาเขาไปที่สวนสนุกวันนี้ เบาะแสที่คุณพูดถึง…” หลิง อี้หรานอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเธอไม่ต้องการยกเลิกสัญญากับเด็กน้อย เพราะเธอไม่อยากเห็นเขาผิดหวัง แต่นี่ก็คืองานของเธอนอกจากนี้ ยิ่งพวกเขามีเบาะแสมากเท่าไหร่ โอกาสที่พวกเขาจะได้รับค่าตอบแทนให้อาหลีก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น!หลังจากที่เธอเห็นอาหลีนอนหมดสติอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล หลิง อี้หรานก็ต้องการช่วยเหลือผู้ชานคนนี้และครอบครัวของเขา“ผมจะพาคุณไปรับเด็กและเราจะได้พูดคุยเกี่ยวกับเบาะแสระหว่างทางไปที่นั่น” กวอ ซิ่นหลี่บอกหลิง อี้หรานคิดเกี่ยวกับมัน ‘ถ้าอย่างนั้นก็ได้’ ดังนั้นเธอจึงเข้าไปในรถของกวอ ซิ่นหลี่ระหว่างทาง กวอ ซิ่นหลี่ขับรถไปพร้อมกับบอกเธอเกี่ยวกับรายละเอียดที่เขานึกขึ้นได้ในภายหลังเขากำลังขับตามรถขออาหลี ดังนั้นเขาจึงเป็นคนแรกที่เห็นอุบัติเหตุทางรถยนต์ในครั้งนั้น เขาเห็นคนสองคนกำลังลงจากรถ แต่ประเด็นคือ ทั้งส