"จิน" เธอพูด "ฉันอยู่ที่โรงพยาบาล ไม่รู้ว่าฉันจะออกเมื่อไหร่ ฉันจะโทรหาเขาและบอกเขาว่าไม่ต้องรอฉันและกินข้าวก่อนได้เลย"หลิง อี้หราน หาชื่อ 'จิน' ในรายชื่อผู้ติดต่อของเธอและโทรออกหลังจากนั้นไม่นานสายก็เชื่อมต่อและเสียงที่เย็นชาเล็กน้อยของอี้ จิ่นหลี ก็ดังมาจากอีกด้านหนึ่งของสาย "พี่สาว""ฉันมีบางอย่างต้องทำ ฉันกลัวว่าวันนี้ฉันจะกลับดึกนะ นาย... นายทานอาหารเย็นก่อนได้เลยนะ" หลิง อี้หราน กล่าว“พี่หมายความว่าอย่างไรที่มีอะไรต้องทำ? 'บอกเขาว่าตอนนี้คุณอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว” ชิน เหลียนอี พูดแทรก“พี่อยู่โรงพยาบาลเหรอ?” ดูเหมือนจะมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในน้ำเสียงของอี้ จิ่นหลี"อืม ฉันล้มน่ะ และตอนนี้ฉันกำลังรอการสแกนเอ็กซ์เรย์ในโรงพยาบาล" หลิง อี้หราน ตอบ"โรงพยาบาลไหน ผมจะไปเดี๋ยวนี้" อี้ จิ่นหลี กล่าว“นายไม่ต้องมาหรอก เหลียนอีอยู่ที่นี่กับฉัน นายแค่รอฉันที่บ้านนะ” เธอพูดอย่างรีบร้อนอีกด้านหนึ่งของสายเงียบไป หลังจากนั้นไม่นานเสียงอันเย็นชาของเขาก็ดังขึ้นและทวนคำถามก่อนหน้านี้ว่า “โรงพยาบาลไหน?”หลิง อี้หราน กัดริมฝีปากและตอบว่า "โรงพยาบาล เฟิร์ส ซิตี้" เธอสูญเสียแม่ไปตั้งแต่ย
เป็นเพียงเพราะคำสั่งของผู้อำนวยการโรงพยาบาลทำให้เขาให้ความสำคัญกับหลิง อี้หรานมากขึ้นในขณะนี้มีอีกร่างหนึ่งเดินเข้าไปในห้องให้คำปรึกษา เดินเข้ามาที่ด้านข้างของหลิง อี้หราน และพูดว่า "พี่สาว""นายมาแล้ว" หลิง อี้หราน กล่าว เขามาถึงเร็วกว่าที่เธอคาดไว้"ใช่แต่ว่ารถติดนิดหน่อยน่ะ ผมก็เลยมาช้า" อี้ จิ่นหลี ตอบ"คุณหมอคะ เป็นอย่างไรบ้าง? เพื่อนของดิฉันไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ? เธอตกบันใดเลื่อนไปหลายขั้นเพราะบางคนที่อยู่ตรงบันใดเลื่อนค่ะ" ชิน เหลียนอี ซึ่งอยู่ข้าง ๆ เธอถามอย่างกังวล"อาการบาดเจ็บไม่ร้ายแรงเกินไป แต่มีรอยหักเล็กน้อยบริเวณข้อเท้าของเธอ มันจะหายเป็นปกติหลังจากพักหนึ่งหรือสองสัปดาห์ แต่... " ดร. จางลังเล"แต่อะไรคะ?" ชิน เหลียนอี ยังคงถามต่อไป“แต่คุณหลิง คุณได้รับบาดเจ็บบ่อยใช่ไหมในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา?” หมอจางถามหลิง อี้หราน ตะลึงไปครู่หนึ่ง เธอไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร"ผมไม่ได้หมายความถึงอย่างอื่นครับ ผมแค่อยากจะบอกว่าจากผลการเอ็กซเรย์ของคุณ ผมเห็นว่าคุณได้รับบาดเจ็บมากมายในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีอาการบาดเจ็บเก่าบางส่วนที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง ดังนั้นอาจมีปัญหาแทร
เมื่อเธอเอ่ยชื่อ 'อี้ จิ่นหลี' ร่างกายของเขาแข็งทื่ออย่างไม่น่าเชื่อ"พี่เกลียด อี้ จิ่นหลี ไหม?" เขาพึมพำเธอถอนหายใจและพูดว่า "ทุกคนใน เมือง เฉิน รู้จักเขา ตอนที่ฉันประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ห่าว เหมยยวี่ เป็นคู่หมั้นของอี้ จิ่นหลี ดังนั้นแน่นอนฉันจะไม่ยอมออกไปง่าย ๆ มีกี่คนล่ะ ที่อยากจะเป็นที่โปรดปรานสำหรับเขา? มันเป็นหมายเลขเดียวกับคนที่ต้องการจะเหยียบฉันในตอนที่ฉันล้มลง"หลังจากหยุดไปชั่วขณะเธอพูดด้วยท่าทางเยาะเย้ยตัวเอง "บางครั้งฉันก็คิดว่าถ้าไม่ใช่ ห่าว เหมยยวี่ ที่ประสบอุบัติเหตุด้วย ฉันคงจะชนะคดีก็ได้ ฉันคงจะรอดจากการถูกจำคุกสามปีและได้สัมผัสกับสิ่งเหล่านั้นทั้งหมดใช่ไหม? "เธอไม่ได้โกรธหรือเสียใจ แต่การล้อเลียนตัวเองเล็กน้อยที่เธอมอบให้ทำให้เขารู้สึกผิดมากบางทีครึ่งหนึ่งของความเจ็บปวดของเธออาจเป็นเพราะเขาเขานั่งยอง ๆ ตรงหน้าเธอและจ้องมองเธอผ่านผมหน้าม้าหนา "ถ้าผมรู้ว่าพี่จะต้องทนทุกข์ทรมานมากขนาดนี้ ผมจะปกป้องพี่เมื่อสามปีก่อน"ประโยคนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเกม แต่เป็นสิ่งที่มาจากก้นบึ้งของหัวใจของเขาย้อนกลับไปตอนนั้น ถ้าเขาไม่เคยยอมให้ใครต้องมาทำให้ตนเองเป็นที่โปร
"พี่สาวเบามากเลย" อี้ จิ่นหลี กล่าว "สิ่งที่ฉันพูดเป็นความจริง แม้ว่า หลิง อี้หราน จะสูงมากกว่า 160 ซม. แต่ตอนนี้ฉันแบกเธออยู่ ฉันก็ประเมินว่าเธอได้เลยว่ามีน้ำหนักน้อยกว่า 45 กก. ดูเหมือนว่าฉันจะต้องทำเธอให้หนักมากขึ้นในอนาคต"ใบหน้าของเธอซบกับหลังของเขาและเธอรู้สึกได้ถึงความอบอุ่น “นานแค่ไหนแล้วที่ฉันถูกคนอื่นอุ้มแบบนี้ ในความทรงจำของฉันตอนเด็ก ๆ แม่เป็นคนเดียวที่เคยทำแบบนี้ให้ฉัน”"มันเป็นเพียงความทรงจำของฉันในช่วงเวลานั้นซึ่งมันเลือนลางไป""จิน นายดีมากเลยนะ" เธอพึมพำ“พี่สาวจะบอกว่าผมเป็นคนดีอีกแล้วเหรอ?” เขาถาม“ฉันอยากจะบอกว่านายเป็นน้องชายที่ดี ฉันโชคดีมากที่มีน้องชายแบบนายเนี่ย” เธอตอบ“น้องชาย... ” แววตาของเขาประกายขึ้นเล็กน้อย“ย้อนกลับไปตอนที่ฉันเล่นเกมนี้ ฉันไม่ได้อยู่เคียงข้างเธอในฐานะน้องชายของเธอเหรอ? เธอให้ฉันเรียกเธอว่า พี่สาว”"แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าฉันไม่อยากให้เธอมองว่าฉันเป็นน้องชายแล้ว ความปรารถนาของฉัน ... ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้น"อี้ จิ่นหลี แบกหลิง อี้หราน ไปที่ทางเข้าโรงพยาบาลและรถของชิน เหลียนอี ก็มาถึงในไม่นานหลังจากที่ทั้งสองคนเข้าไปในรถแล้ว ชิน เหลียน
ในห้องเช่า อี้ จิ่นหลี วางหลิง อี้หราน บนเก้าอี้อย่างระมัดระวัง จากนั้นเขาก็ไปอุ่นอาหารที่เย็นแล้วชิน เหลียนอี สังเกตเห็นว่าอี้ จิ่นหลีi กำลังกระฉับกระเฉง ซึ่งทำให้ความคิดเห็นของเธอเปลี่ยนไป “ฉันเคยคิดว่าการอยู่ร่วมกับคนแปลกหน้าแบบนี้ไม่ดีเลย แต่เห็นได้ชัดว่าเขาปฏิบัติต่อเธออย่างดี”“ถ้ามีคนดูแลเพื่อนที่ดีของฉันแบบนี้ ก็ค่อยโล่งใจหน่อย”เมื่ออี้ จิ่นหลี จัดระเบียบเรียบร้อยแล้วเขาก็ถามหลิง อี้หราน ว่า "พี่สาว พี่ต้องไปห้องน้ำไหม?""ฮะ?" เธอมึนงงชั่วขณะแล้วใบหน้าของเธอก็แดง"ไปหรือไม่ไป?" เขาถามราวกับว่ามันเป็นคำถามที่ปกติมากสีหน้าของเธอดูอึดอัด แต่ในที่สุดเธอก็ตอบว่า "ใช่" อย่างเงียบ ๆดังนั้นเขาจึงจับเธอไว้ในอ้อมแขนและพาเธอไปที่ห้องน้ำแล้วถอยออกมา "เรียกผมนะ ถ้าเสร็จเเล้ว" เขากล่าว"... โอเค" ใบหน้าของเธอแดงขึ้นเรื่อย ๆ“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาสังเกตได้ว่าฉันไม่ได้เข้าห้องน้ำมานานแค่ไหนแล้ว” เมื่อ หลิง อี้หราน ออกจากห้องน้ำอี้ จิ่นหลี ก็อุ้มเธอไปที่เก้าอี้อีกครั้งเธอไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้จากการพูดว่า "ที่จริงฉันเดินเองได้นะ กระดูกหักเล็กน้อยที่เท้าข้างเดียว แต่อีกข
"แต่ถ้าฉันถูกไล่ออกโดยไม่มีรายได้ ค่าเช่ารวมทั้งเงินค่าอาหารและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ... "“พี่ยังมีผม!” เขาอุทาน “ผมจะหาเงินมาดูแลพี่่เอง พี่จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้มาก”หลิง อี้หรานจ้องมองไปที่ชายตรงหน้าเธออย่างงุนงง "แม้ว่าฉันจะรู้ว่าเขาทำแค่งานแปลก ๆ ทุกวันและไม่สามารถทำเงินได้มากเลย แต่สิ่งที่เขาพูดตอนนี้ทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน”"ชีวิตของฉันไม่เหงาและไร้หนทางอีกต่อไปหากไม่มีกำลังใจ ฉันก็ํพึ่งพาจินได้""โทรออกสิ" เขานำโทรศัพท์มาให้เธอเธอเม้มริมฝีปากและโทรหาหัวหน้าแผนกที่ดูแลคนงานสุขาภิบาลที่ศูนย์บริการสุขาภิบาลเธอคิดว่าหัวหน้าแผนกจงใจทำให้การขอลาพักเป็นระยะเวลานานมันยากสำหรับเธอ แต่ที่น่าแปลกใจคือเมื่อเธอขอลาพักหนึ่งสัปดาห์หัวหน้ากลุ่มก็รีบตอบตกลง เขาบอกว่าถ้าสัปดาห์เดียวไม่พอ เธอขอสองสัปดาห์ก็ได้ นอกจากนี้เธอยังคงได้รับค่าจ้างขั้นต่ำและเงินเดือนของเธอจะไม่ได้รับผลกระทบสีหน้าประหลาดใจฉาบอยู่บนใบหน้าของหลิง อี้หราน แม้หลังจากวางสายแล้วเธอก็ยังไม่สามารถหลุดจากภวังค์ของเธอได้"ทำไมรู้สึกเหมือนว่าหัวหน้าแผนกถึงอยากให้ฉันลางานยาว ๆ? ฉันไม่รู้ว่ามันกำลังเกิดอ
คืนนั้น อี้ จิ่นหลี ตื่นขึ้นมาด้วยเสียงร้องอู้อี้ของหลิง อี้หรานเมื่อเขาเปิดไฟเขาก็รู้ว่าเธอกำลังนอนหลับอย่างไม่สบายใจและเธอกำลังพึมพำอะไรบางอย่างอยู่ใต้ลมหายใจของเธอแต่น้ำเสียงของเธอนุ่มนวลเกินกว่าที่เขาจะได้ยินสิ่งที่เธอพูดอย่างชัดเจน"พี่สาว!" เขาเรียกเธอ จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นกดที่ขมับของเธอ เขาพบว่าหน้าผากของเธอมีเหงื่อแตกออกมาและอุณหภูมิของเธอก็สูงขึ้นด้วยอี้ จิ่นหลี รีบบิดผ้าขนหนูที่แช่ในน้ำอุ่นและเช็ดหน้าผากของหลิง อี้หรานตาของเธอยังคงหลับอยู่และเธอยังคงพึมพำอะไรบางอย่างไม่ว่าเขาจะเรียกเธออย่างไร เธอก็ไม่ลืมตาขึ้นเลยเขาเม้มริมฝีปากที่บางและความรู้สึกไม่สบายใจที่แผ่กระจายอยู่ภายในร่างกายของเขา เขาทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ ขณะที่เขาคิดว่าจะทำอย่างไรให้เธอรู้สึกสบายตัวมากขึ้น"นี่คงเป็นครั้งแรกที่ฉันกังวลเรื่องผู้หญิงแบบนี้"เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาและกดหมายเลขของเลขาของเขา เกา ฉงหมิง ในทันที ดังนั้นตอนตีสองเลขาเกาได้รับโทรศัพท์จากเจ้านายของเขา"รีบไปหาหมอแล้วพาเขามาที่ห้องเช่า อี้หรานกำลังมีไข้" มีความวิตกกังวลเล็กน้อยในน้ำเสียงของอี้ จิ่นหลี“ตอนนี้เหรอครับ?” เกา ฉงหมิง ถึ
แต่เกือบจะในทันที เกา ฉงหมิง เตือนตัวเองว่าอย่าเดาอะไรไปเรื่อย "นี่ไม่ใช่สิ่งที่ฉันควรจะคาดเดา"เกา ฉงหมิง ปิดประตูห้องเช่าอย่างเบามือ ภายในบ้านอี้ จิ่นหลี ศึกษาผู้หญิงที่ยังคงอยู่ในห้วงนิทราและวางยาไว้ในมือของเขา ด้วยริมฝีปากที่ค่อนข้างแห้งของเธอ “เป็นเด้กดี แล้วกินยานะ”อย่างไรก็ตามเธอเม้มริมฝีปากแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว เขาไม่สามารถแม้แต่จะเอาเม็ดยาเข้าไปในปากได้ริมฝีปากบางของอี้ จิ่นหลี บีบจนเป็นเส้นตรง จากนั้นเขาก็ใส่น้ำลงในปากของเขาและก้มศีรษะลงเพื่อให้เข้าใกล้ริมฝีปากของหลิง อี้หรานเขากดริมฝีปากของเขาลงบนริมฝีปากของเธอและใช้ปลายลิ้นเพื่อเปิดปากของเธอแล้วดันเม็ดยาเข้าไปข้างใน "มันไม่เหมือนกับว่าไม่มีวิธีการอื่น ๆ แล้ว ฉันก็ยังคงใช้เทคนิคนี้เพื่อป้อนยาให้เธออย่างอธิบายไม่ได้"แม้ว่าเม็ดยาจะอยู่ในปากของเธอแล้ว แต่เขาก็ยังคงคิดถึงริมฝีปากของเธออยู่"มันเหมือนความโลภหรือการเสพติดประเภทหนึ่งยิ่งฉันสัมผัสเธอมากเท่าไหร่ฉันก็ยิ่งต้องการเธอมากขึ้น จน... ฉันปล่อยเธอไปไม่ได้และเกลียดที่จะทิ้งเธอไป... "“อี้หราน... ” เขาพึมพำเบา ๆ เรียกชื่อเธอจู่ ๆ เธอดูเหมือนจะได้รับรู้สึกตัวจากเขาแล
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค