คืนนั้น อี้ จิ่นหลี ตื่นขึ้นมาด้วยเสียงร้องอู้อี้ของหลิง อี้หรานเมื่อเขาเปิดไฟเขาก็รู้ว่าเธอกำลังนอนหลับอย่างไม่สบายใจและเธอกำลังพึมพำอะไรบางอย่างอยู่ใต้ลมหายใจของเธอแต่น้ำเสียงของเธอนุ่มนวลเกินกว่าที่เขาจะได้ยินสิ่งที่เธอพูดอย่างชัดเจน"พี่สาว!" เขาเรียกเธอ จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นกดที่ขมับของเธอ เขาพบว่าหน้าผากของเธอมีเหงื่อแตกออกมาและอุณหภูมิของเธอก็สูงขึ้นด้วยอี้ จิ่นหลี รีบบิดผ้าขนหนูที่แช่ในน้ำอุ่นและเช็ดหน้าผากของหลิง อี้หรานตาของเธอยังคงหลับอยู่และเธอยังคงพึมพำอะไรบางอย่างไม่ว่าเขาจะเรียกเธออย่างไร เธอก็ไม่ลืมตาขึ้นเลยเขาเม้มริมฝีปากที่บางและความรู้สึกไม่สบายใจที่แผ่กระจายอยู่ภายในร่างกายของเขา เขาทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ ขณะที่เขาคิดว่าจะทำอย่างไรให้เธอรู้สึกสบายตัวมากขึ้น"นี่คงเป็นครั้งแรกที่ฉันกังวลเรื่องผู้หญิงแบบนี้"เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาและกดหมายเลขของเลขาของเขา เกา ฉงหมิง ในทันที ดังนั้นตอนตีสองเลขาเกาได้รับโทรศัพท์จากเจ้านายของเขา"รีบไปหาหมอแล้วพาเขามาที่ห้องเช่า อี้หรานกำลังมีไข้" มีความวิตกกังวลเล็กน้อยในน้ำเสียงของอี้ จิ่นหลี“ตอนนี้เหรอครับ?” เกา ฉงหมิง ถึ
แต่เกือบจะในทันที เกา ฉงหมิง เตือนตัวเองว่าอย่าเดาอะไรไปเรื่อย "นี่ไม่ใช่สิ่งที่ฉันควรจะคาดเดา"เกา ฉงหมิง ปิดประตูห้องเช่าอย่างเบามือ ภายในบ้านอี้ จิ่นหลี ศึกษาผู้หญิงที่ยังคงอยู่ในห้วงนิทราและวางยาไว้ในมือของเขา ด้วยริมฝีปากที่ค่อนข้างแห้งของเธอ “เป็นเด้กดี แล้วกินยานะ”อย่างไรก็ตามเธอเม้มริมฝีปากแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว เขาไม่สามารถแม้แต่จะเอาเม็ดยาเข้าไปในปากได้ริมฝีปากบางของอี้ จิ่นหลี บีบจนเป็นเส้นตรง จากนั้นเขาก็ใส่น้ำลงในปากของเขาและก้มศีรษะลงเพื่อให้เข้าใกล้ริมฝีปากของหลิง อี้หรานเขากดริมฝีปากของเขาลงบนริมฝีปากของเธอและใช้ปลายลิ้นเพื่อเปิดปากของเธอแล้วดันเม็ดยาเข้าไปข้างใน "มันไม่เหมือนกับว่าไม่มีวิธีการอื่น ๆ แล้ว ฉันก็ยังคงใช้เทคนิคนี้เพื่อป้อนยาให้เธออย่างอธิบายไม่ได้"แม้ว่าเม็ดยาจะอยู่ในปากของเธอแล้ว แต่เขาก็ยังคงคิดถึงริมฝีปากของเธออยู่"มันเหมือนความโลภหรือการเสพติดประเภทหนึ่งยิ่งฉันสัมผัสเธอมากเท่าไหร่ฉันก็ยิ่งต้องการเธอมากขึ้น จน... ฉันปล่อยเธอไปไม่ได้และเกลียดที่จะทิ้งเธอไป... "“อี้หราน... ” เขาพึมพำเบา ๆ เรียกชื่อเธอจู่ ๆ เธอดูเหมือนจะได้รับรู้สึกตัวจากเขาแล
เซียว จื่ออี้ บ่นต่อไปนายท่านเซียวและคุณนายเซียวอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วกับคำบ่นของเธอ"4.8ล้านหยวน ไม่ใช่เงินจำนวนมากสำหรับตระกูลเซียว แต่เป็นเงินก้อนใหญ่สำหรับคนธรรมดา""จื่อฉี ลูก... " คุณนายเซียวจ้องไปที่ลูกชายของเธออย่างใจจดใจจ่อ"แม่ควรถามจื่ออี้ว่าเธอทำอะไรลงไป” เซียว จื่อฉี ตอบอย่างหยาบคาย "เธอบอกให้หลิง อี้หราน เลือกชุดจากร้านที่จะซื้อให้เธอและหลิง อี้หราน เลือกชุด 4.8 ล้านหยวน ผมแค่ตามเช็ดก้นเธอเท่านั้น"“เพียงเพราะเธอเลือกมัน พี่ก็เลยต้องให้มันกับเธออย่างนั้นเหรอ?!” เซียว จื่ออี้ ตอบโต้อย่างอวดดี “พี่ชาย ทำไมพี่ไม่บอกว่าพี่ยังมีความรู้สึกกับหลิง อี้หราน อยู่ล่ะ?”“ฉันกำลังช่วยชีวิตเธอนะ!” เซียว จื่อฉี รู้สึกคันไม้คันมืออยากจะตบน้องสาวอีกครั้งเซียว จื่ออี้ ตอบอย่างไม่พอใจ "เธอมันก็แค่หลิง อี้หราน เธอจะทำอะไรกับฉันได้? พี่ชาย สิ่งที่พี่พูดฟังดูน่าหัวเราะมาก""ถูกต้องแล้ว จื่อฉี ลูกไปไกลเกินแล้วนะ ตบน้องสาวของลูกเพราะ หลิง อี้หราน ผู้หญิงคนนั้นเป็นคำสาป ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ ครอบครัวของเราคงไม่ต้องระวังตระกูลอี้ และกลัวว่า ทำให้พวกเขาขุ่นเคือง?” คุณนายเซียวลุกขึ้นปกป้องลูกสา
เซียว จื่อฉี ต้องการสารภาพบาปต่อหน้าอี้ จิ่นหลี แต่ไม่มีโอกาสได้พบเขาเลย ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงยืนอยู่ข้างทางเข้าบ้านจัดสรรของหลิง อี้หราน เมื่อเซียว จื่อฉี สังเกตเห็นรถเบนท์ลีย์คันหนึ่งจอดอยู่ไม่ไกลจากที่พักและมีร่างหนึ่งกำลังออกจากรถที่ทางเข้าเขารีบลงจากรถเพื่อเข้าหาชายคนนั้น"ท่านประธานอี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เป็นเพราะน้องสาวของผมช่างโง่เขลา ได้โปรดเมตตาและปล่อยตระกูลเซียวไปเถอะนะครับ" เซียว จื่อฉีขอร้องด้วยท่าทีที่เจียมเนื้อเจียมตัว“ปล่อยให้ตระกูลเซียวไปอย่างนั้นเหรอ?” อี้ จิ่นหลี ตะคอกเบา ๆ"หากคุณมีเงื่อนไขใด ๆ โปรดระบุมาได้เลยครับ ผมจะยอมรับเเละทำทุกอย่างที่ผมสามารถทำได้"ดวงตาที่สวยงามและเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของอี้ จิ่นหลี จ้องมองชายตรงหน้าอย่างเย็นชา ในทันที เซียว จื่อฉี รู้สึกราวกับว่าเลือดทั้งหมดของเขาหยุดเดิน การจ้องมองของอี้ จิ่นหลี ทำให้เขารู้สึกราวกับว่าเขากำลังตกเป็นเป้าของสัตว์ร้ายที่ดุร้ายและเขาไม่กล้าแม้แต่จะหายใจออกเสียงดัง"ลองคิดดูสิ ผมเป็นหนี้บุญคุณคุณ" อี้ จิ่นหลี พูดอย่างกะทันหัน“บุญคุณ?” เซียว จื่อฉี ตะลึง “ฉันจะปล่อยให้นายน้อยคนนี้เป็นหนี้บุญ
เซียว จื่ออี้ พูดยังไม่จบ เธอถูกคุกคามโดยคนแปลกหน้าก็เข้ามาขัดจังหวะเธอ “มันเป็นคุณจริง ๆ มันยอดเยี่ยมมาก”เมื่อเขาพูดเสร็จเขาก็หันไปสั่งคนข้างหลัง "หักขาขวาของเธอเหมือนในวิดีโอที่เธอยื่นขาขวาออก"“อะไรนะ... หมายความว่าอย่างไร?!”เซียว จื่ออี้ รู้สึกหวาดกลัว "คนเหล่านี้ไม่ได้มาที่นี่เพื่อแบล็กเมล์ฉัน?"ครู่ต่อมาเสียงคร่ำครวญอย่างปวดร้าวก็ดังขึ้นในห้องส่วนตัว...เมื่อหลิง อี้หราน ตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้นไข้ของเธอก็ลดลงและอี้ จิ่นหลี ก็พูดว่า "โชคดีที่ไข้ลดลงแล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นผมต้องพาพี่สาวไปโรงพยาบาลวันนี้”“เมื่อคืนฉัน... มีไข้เหรอ?” หลิง อี้หราน พึมพำ"ใช่ พี่มีไข้และพี่ก็พูดอะไรหลายอย่างในสภาพที่เป็นไข้แบบนี้" เขาตอบเธอประหลาดใจทันทีและถามว่า "อะไร... ฉันพูดอะไรเหรอ?" จากนั้นเธอก็คิดกับตัวเองว่า "ฉันไม่ได้พูดอะไรที่ฉันไม่ควรพูดใช่ไหม?"“พี่บอกว่าพี่จะเชื่อฟังมากขึ้น เป็นเด็กดีและพี่ต้องการให้ผมอยู่เคียงข้างพี่ด้วย” เขาพูดด้วยความขี้เล่นที่หาได้ยากในสายตาของเขาใบหน้าของเธอแดงขึ้นในทันที"อย่างไรก็ตาม พี่สาวไม่ต้องกังวลแม้ว่าพี่จะไม่ใช่ลูกที่ดี ผมก็ยังอยู่กับพี่นะ" อี้ จ
"โอ้พระเจ้า ฉันคิดอะไรอยู่ทำไมฉันถึงคิดแบบนั้นเนี่ย?"“มันรู้สึกแปลก ๆ ที่ยืนอยู่ใกล้กันเกินไปน่ะ” หลิง อี้หราน อธิบาย"โอเค ได้" เขาพูดและเอามือออก เขาก้าวถอยหลังและจัดระเบียบสิ่งของบนโต๊ะเธอถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกและลูบแก้มของตัวเองที่รู้สึกอุ่น ๆ “แต่เมื่อกี้ตอนที่เรายืนอยู่ใกล้ขนาดนั้นพี่อยากจูบผมเหรอ?” เขาถามโดยไม่คาดคิดทำให้เธอตกตะลึงดวงตาสีดำเหมือนอัลมอนด์ของเธอกะพริบและเธอรู้สึกว่าแก้มใต้ฝ่ามือของเธออุ่นขึ้นอีก"มันเป็นคำถามที่ยากมากที่จะตอบ?" เขาถามด้วยคิ้วโค้งเล็กน้อย“ฉัน... ฉัน แน่นอน... ”“ถ้าเป็นพี่สาว ผมจะยอมนะ” เขาตอบตัดประโยคของเธอทิ้งไป "ผมไม่ชอบให้ผู้หญิงคนอื่นจูบผม แต่ถ้าเป็นพี่สาวก็คงไม่เป็นไร"แสงแดดส่องเข้ามาในบ้านผ่านหน้าต่างกระจกแคบ ๆ และตกลงมาที่ตัวเขา"สีหน้าของเขาจริงจังมากราวกับว่าเขากำลังบอกฉันว่าสิ่งที่เขาเพิ่งพูดนั้นจริงจัง"ในช่วงเวลาสั้น ๆ ครึ่งหลังของประโยคของเธอ "ฉันปฏิบัติต่อนายในฐานะน้องชายของฉันนะ" ติดอยู่ในลำคอและเธอไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาดัง ๆ ได้—ในช่วงบ่าย หลิง อี้หราน ไม่มีอะไรทำจึงกดโทรศัพท์ของเธอและพบข่าวเกี่ยวกับเซียว จื่
เธอกัดริมฝีปากของเธอเบา ๆ "การพึ่งพาคนอื่นไม่ดีเท่ากับการพึ่งพาตัวเอง เมื่อนายพึ่งพาแค่ตัวเอง นายจะไม่ผิดหวัง""คาดหวังยิ่งสูงความผิดหวังก็ยิ่งใหญ่ขึ้น"“แต่ผมอยากเป็นคนดูแลของพี่สาวจริง ๆ ผมจะทำอย่างไรดี?” เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยและศึกษาเธออย่างใจเย็น"ถ้าเป็นจิน... " เธอยิ้มและพูดต่อ "อย่างนั้นก็ได้ ฉันจะรอจินมาเป็นคนดูแลของฉัน"“ทำไมพี่สาวถึงยอม?” เขาถาม"เพราะจินไม่มีวันทำให้ฉันผิดหวัง เพราะ... " เธอหยุดและพูดต่อ "ไม่ว่าอย่างไรนายก็ไม่มีวันทอดทิ้งฉันใช่ไหม?"เขาตอบพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ กับคำถามของเธอ "ถูกต้องแล้ว ผมจะไม่มีวันทอดทิ้งพี่สาว"—ในตอนกลางคืนเมื่ออี้ จิ่นหลี เห็นว่า หลิง อี้หราน หลับสนิทเขาจึงก้าวออกจากห้องเช่า เขาเดินไปที่บ้านหลังหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากอพาร์ตเมนต์เช่าของหลิง อี้หรานอย่างไรก็ตาม ไม่เหมือนห้องเช่าที่คับแคบของหลิง อี้หราน ห้องที่กว้างสว่างกว่าและใหญ่กว่ามาก การตกแต่งก็ทำได้ค่อนข้างประณีตเช่นกันเกา ฉงหมิง กำลังรออี้ จิ่นหลี อยู่ในห้อง เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูเขารีบเปิดประตูเพื่อต้อนรับนายน้อยของเขาเกา ฉงหมิง ไม่ได้คาดหวังว่านายน้อยของเขาที่มักจะไม่จ
ในขณะนี้ อี้ จิ่นหลี วางสายและพูดกับเกา ฉงหมิง ว่า "สำหรับการประชุมที่เหลือของวันนี้ขอให้เสร็จสิ้นไว้เพียงเท่านี้ และส่งบันทึกการประชุมให้ผมในวันพรุ่งนี้ด้วยครับ""แล้วคุณล่ะครับ นายน้อยอี้?"“อี้หรานตื่นขึ้นมากะทันหันและถามผมว่า ผมไปไหน ผมจะกลับไปเดี๋ยวนี้" อี้ จิ่นหลี ตอบ "คำแนะนำทั่วไปของการประชุมได้ถูกกำหนดไว้แล้ว สิ่งที่เหลือเป็นเพียงรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น"หลังจากพูดอย่างนั้นเขาก็เดินออกจากห้องไป ผู้บริหารระดับสูงในต่างประเทศหลายคนที่นั่งอยู่ที่นั่นเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นทันทีที่พวกเขาเห็นเจ้านายของพวกเขาจากไปในเวลานี้เกา ฉงหมิง ต้องเผชิญกับการโจมตีของคำถาม“เลขาเกาเกิดอะไรขึ้น?”“ท่านประธานอี้ออกไปทำไม”“เมื่อกี้ใครโทรหาเขา?”“โอ้ ฉันสามารถบอกได้เลย จากการแสดงออกของประธานอี้ในเมื่อกี้นั้น ว่าเขาต้องมีความรัก"นักเขียนนวนิยายรักต่างชาติมักจะเขียนเรื่องแบบนี้เสมอเกา ฉงหมิง ทำได้เพียงยิ้มอย่างเก้ ๆ กัง ๆ "เอาล่ะ มาประชุมกันต่อเถอะครับ" "ความรักหรอ? นั้นนับว่าเป็นความรักสำหรับนายน้อยอี้หรือไม่กันนะ?"ในขณะที่เกา ฉงหมิง รู้สึกไม่แน่ใจเล็กน้อยอย่าง
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค