"โอ้พระเจ้า ฉันคิดอะไรอยู่ทำไมฉันถึงคิดแบบนั้นเนี่ย?"“มันรู้สึกแปลก ๆ ที่ยืนอยู่ใกล้กันเกินไปน่ะ” หลิง อี้หราน อธิบาย"โอเค ได้" เขาพูดและเอามือออก เขาก้าวถอยหลังและจัดระเบียบสิ่งของบนโต๊ะเธอถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกและลูบแก้มของตัวเองที่รู้สึกอุ่น ๆ “แต่เมื่อกี้ตอนที่เรายืนอยู่ใกล้ขนาดนั้นพี่อยากจูบผมเหรอ?” เขาถามโดยไม่คาดคิดทำให้เธอตกตะลึงดวงตาสีดำเหมือนอัลมอนด์ของเธอกะพริบและเธอรู้สึกว่าแก้มใต้ฝ่ามือของเธออุ่นขึ้นอีก"มันเป็นคำถามที่ยากมากที่จะตอบ?" เขาถามด้วยคิ้วโค้งเล็กน้อย“ฉัน... ฉัน แน่นอน... ”“ถ้าเป็นพี่สาว ผมจะยอมนะ” เขาตอบตัดประโยคของเธอทิ้งไป "ผมไม่ชอบให้ผู้หญิงคนอื่นจูบผม แต่ถ้าเป็นพี่สาวก็คงไม่เป็นไร"แสงแดดส่องเข้ามาในบ้านผ่านหน้าต่างกระจกแคบ ๆ และตกลงมาที่ตัวเขา"สีหน้าของเขาจริงจังมากราวกับว่าเขากำลังบอกฉันว่าสิ่งที่เขาเพิ่งพูดนั้นจริงจัง"ในช่วงเวลาสั้น ๆ ครึ่งหลังของประโยคของเธอ "ฉันปฏิบัติต่อนายในฐานะน้องชายของฉันนะ" ติดอยู่ในลำคอและเธอไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาดัง ๆ ได้—ในช่วงบ่าย หลิง อี้หราน ไม่มีอะไรทำจึงกดโทรศัพท์ของเธอและพบข่าวเกี่ยวกับเซียว จื่
เธอกัดริมฝีปากของเธอเบา ๆ "การพึ่งพาคนอื่นไม่ดีเท่ากับการพึ่งพาตัวเอง เมื่อนายพึ่งพาแค่ตัวเอง นายจะไม่ผิดหวัง""คาดหวังยิ่งสูงความผิดหวังก็ยิ่งใหญ่ขึ้น"“แต่ผมอยากเป็นคนดูแลของพี่สาวจริง ๆ ผมจะทำอย่างไรดี?” เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยและศึกษาเธออย่างใจเย็น"ถ้าเป็นจิน... " เธอยิ้มและพูดต่อ "อย่างนั้นก็ได้ ฉันจะรอจินมาเป็นคนดูแลของฉัน"“ทำไมพี่สาวถึงยอม?” เขาถาม"เพราะจินไม่มีวันทำให้ฉันผิดหวัง เพราะ... " เธอหยุดและพูดต่อ "ไม่ว่าอย่างไรนายก็ไม่มีวันทอดทิ้งฉันใช่ไหม?"เขาตอบพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ กับคำถามของเธอ "ถูกต้องแล้ว ผมจะไม่มีวันทอดทิ้งพี่สาว"—ในตอนกลางคืนเมื่ออี้ จิ่นหลี เห็นว่า หลิง อี้หราน หลับสนิทเขาจึงก้าวออกจากห้องเช่า เขาเดินไปที่บ้านหลังหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากอพาร์ตเมนต์เช่าของหลิง อี้หรานอย่างไรก็ตาม ไม่เหมือนห้องเช่าที่คับแคบของหลิง อี้หราน ห้องที่กว้างสว่างกว่าและใหญ่กว่ามาก การตกแต่งก็ทำได้ค่อนข้างประณีตเช่นกันเกา ฉงหมิง กำลังรออี้ จิ่นหลี อยู่ในห้อง เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูเขารีบเปิดประตูเพื่อต้อนรับนายน้อยของเขาเกา ฉงหมิง ไม่ได้คาดหวังว่านายน้อยของเขาที่มักจะไม่จ
ในขณะนี้ อี้ จิ่นหลี วางสายและพูดกับเกา ฉงหมิง ว่า "สำหรับการประชุมที่เหลือของวันนี้ขอให้เสร็จสิ้นไว้เพียงเท่านี้ และส่งบันทึกการประชุมให้ผมในวันพรุ่งนี้ด้วยครับ""แล้วคุณล่ะครับ นายน้อยอี้?"“อี้หรานตื่นขึ้นมากะทันหันและถามผมว่า ผมไปไหน ผมจะกลับไปเดี๋ยวนี้" อี้ จิ่นหลี ตอบ "คำแนะนำทั่วไปของการประชุมได้ถูกกำหนดไว้แล้ว สิ่งที่เหลือเป็นเพียงรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น"หลังจากพูดอย่างนั้นเขาก็เดินออกจากห้องไป ผู้บริหารระดับสูงในต่างประเทศหลายคนที่นั่งอยู่ที่นั่นเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นทันทีที่พวกเขาเห็นเจ้านายของพวกเขาจากไปในเวลานี้เกา ฉงหมิง ต้องเผชิญกับการโจมตีของคำถาม“เลขาเกาเกิดอะไรขึ้น?”“ท่านประธานอี้ออกไปทำไม”“เมื่อกี้ใครโทรหาเขา?”“โอ้ ฉันสามารถบอกได้เลย จากการแสดงออกของประธานอี้ในเมื่อกี้นั้น ว่าเขาต้องมีความรัก"นักเขียนนวนิยายรักต่างชาติมักจะเขียนเรื่องแบบนี้เสมอเกา ฉงหมิง ทำได้เพียงยิ้มอย่างเก้ ๆ กัง ๆ "เอาล่ะ มาประชุมกันต่อเถอะครับ" "ความรักหรอ? นั้นนับว่าเป็นความรักสำหรับนายน้อยอี้หรือไม่กันนะ?"ในขณะที่เกา ฉงหมิง รู้สึกไม่แน่ใจเล็กน้อยอย่าง
เหมือนกับว่านัยตาของเขาช่างไร่ความรู้สึกอย่างไรก็ตาม เกา ฉงหมิง เคยเห็นดวงตาคู่นี้มาก่อน เมื่ออี้ จิ่นหลี คุยกับหลิง อี้หราน ทางโทรศัพท์ดวงตาของเขาก็ถูกย้อมไปด้วยความอ่อนโยนในเวลานั้นเขาตระหนักว่าสายตาของนายน้อยของเขาไม่ได้เย็นชาสำหรับทุกคนและมันมีข้อยกเว้น“นายน้อยอี้ รถรออยู่ข้างนอกแล้วครับ" เกา ฉงหมิง กล่าว“ไปกันเถอะ” อี้ จิ่นหลี กล่าวอย่างเรียบเฉย เดิมทีเขาไม่ได้มีอารมณ์ที่จะไปงานเลี้ยงหมั้นของตระกูลเซียวและห่าวแต่ตอนนี้หลาย ๆ สิ่ง กลับต่างออกไปเล็กน้อยเซียว จื่อฉี ชายที่เคยอยู่กับหลิง อี้หราน ไม่ได้อยู่ในหัวใจของเธออีกต่อไปแล้ว แม้ว่าถ้าสองคนนี้อยากจะกลับมาอยู่ด้วยกันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้แต่... สิ่งที่เขาต้องการคือแผนการอันไร้ที่ติเขาไม่ต้องการให้เธอมีโอกาสมีความสัมพันธ์กับเซียว จื่อฉี และนี่จะเป็นวันที่จะบรรลุเป้าหมายนั้นมันจะไม่น่าสนใจได้อย่างไร?หลิง อี้หราน ทานอาหารเย็นในห้องเช่าเสร็จแล้ว เธอไม่มีอะไรทำจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและเปิดดูเว็บวันนี้บนอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นข่าวหรือการค้นหาที่กำลังมาแรงทุกคนต่างพูดถึงการแต่งงานระหว่างตระกูลเซียวและห่าว แม้ว่าจะเป็นเพ
ตั้งแต่เธอยังเป็นเด็ก เพื่อที่จะได้รับคำชมจากพ่อของเธอและทำให้แม่เลี้ยงของเธอไม่เกลียดเธอ เธอจึงพยายามอย่างหนักเพื่อตอบสนองทุกคน แม้ว่าเธอจะได้รับรางวัลเกียรตินิยมมากมาย แต่เธอก็ใช้ชีวิตอย่างเหน็ดเหนื่อยเซียว จื่อฉี สอนเธอว่า ไม่มีใครที่เธอสามารถพึ่งพาได้อย่างไรก็ตาม... จินเคยบอกว่า เขาต้องการเป็นกำลังใจให้เธอ รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลิง อี้หราน เมื่อเธอนึกถึงจิน หลังจากที่เธอได้รับการปล่อยตัวจากคุกบางทีสิ่งที่โชคดีที่สุดที่เกิดขึ้นกับเธอก็คือ การได้พบกับจินขณะที่เธอคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เธอก็เลื่อนดูหน้าเว็บ จู่ ๆ ก็มีผู้ใช้รายหนึ่งโพสต์รายงานสถานการณ์ที่หน้าโรงแรม อี้ จิ่นหลี มาร่วมพิธีหมั้นด้วย อย่างไรก็ตาม อี้ จิ่นหลี ถูกล้อมรอบไปด้วยบอดี้การ์ดและไม่อนุญาตให้ใครถ่ายรูปเขา แม้แต่ผู้สื่อข่าวก็ไม่สามารถถ่ายภาพได้ใครก็ตามที่ถ่ายรูปจะถูกลบเนื้อหาทั้งหมดทันทีแม้ว่า อี้ จิ่นหลี ใช้อำนาจเกินไป แต่เขาก็มีเงินทุนทรัพย์พอที่จะประพฤติได้ในลักษณะนี้อย่างไรก็ตามผู้ที่โพสต์สิ่งนี้กล่าวว่า เขาได้เสี่ยงชีวิตเพื่อจับภาพด้านหลังของอี้ จิ่นหลี อี้ จิ่นหลี ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์จากผู้สื่
"ถ้าอย่างนั้นฉันเดาว่าเขาจะต้องสูญเสียเงินทั้งหมดของเขาแน่นอน" กู้ ลี่เฉิน กล่าว จากหางตาของเขา เขาเหลือบไปเห็นร่างที่กำลังมองไปรอบ ๆ ในห้องจัดเลี้ยง "เธออยู่ที่นี่ฉันควรแนะนำให้นายรู้จักเธอดีไหม?"สายตาของอี้ จิ่นหลี มองไปตามทิศทางการจ้องมองของกู้ ลี่เฉินและทันใดนั้นมุมปากของเขาก็ยกขึ้น “หลิง ลั่วอิน?”“นายรู้จักเธอเหรอ?” กู้ ลี่เฉิน รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ท้ายที่สุด หลิง ลั่วอิน และอี้ จิ่นหลี ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน“ประมาณนั้น" อี้ จิ่นหลี กล่าวด้วยน้ำเสียงที่มีความหมาย "ถ้านายสนใจแฟนใหม่ของนายคนนี้ก็อย่าปล่อยให้เธอมาสร้างความปัญหาอะไร ถ้าเธอทำล่ะก็ แม้แต่นายก็ไม่สามารถปกป้องเธอได้"“เธอทำให้นายขุ่นเคืองเหรอ?” ดวงตารูปอัลมอนด์ของกู้ ลี่เฉิน ลุกขึ้นเล็กน้อยขณะที่เขามองไปที่อี้ จิ่นหลี“นายคิดว่าเธอจะยังคงยืนอยู่ที่นั่นได้ไหม ถ้าเธอยั่วยุฉัน? " อี้ จิ่นหลี ตอบ "อย่างไรก็ตาม ในอนาคตเราจะต้องมาดูว่าเธอฉลาดพอหรือไม่"หลังจากนั้น อี้ จิ่นหลี ก็หันไปทางซ้าย ซึ่งในตอนนี้ หลิง ลั่วอิน ได้เห็นกู้ ลี่เฉิน จึงรีบเดินเข้ามา“ลี่เฉิน!” เธอเรียกชื่อเขาเมื่อเธอเข้าไปในห้องจัดเ
"ปากของสวยอย่างนั้นเหรอ?" หลิง ลั่วอิน รู้สึกสับสนเล็กน้อย ท้ายที่สุดแล้ว ตามปกติแล้วริมฝีปากไม่ใช่สิ่งที่จะถูกสังเกต ตราบเท่าที่มันไม่ได้น่าเกลียดเกินไปก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนักดังนั้นหลิง ลั่วอิน จึงไม่คาดคิดมาก่อนว่า กู้ ลี่เฉิน จะหลงใหลในริมฝีปากของเธอแต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร นี่ถือเป็นโชคดีของเธอเธอต้องเกาะกู้ ลี่เฉิน เข้าไว้และกลายเป็นนักแสดงหญิงยอดนิยม เธอสามารถ... แต่งงานกับครอบครัวที่ร่ำรวยและมีชีวิตที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง!ในตอนนี้ หลิง ลั่วอิน ดูเหมือนจะมองเห็นชีวิตที่สดใสในอนาคต อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้สังเกตว่า แม้ว่าคนตรงหน้าเธอจะยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นไม่ใช่ของแท้“ว่าแต่ว่า คุณรู้จัก อี้ จิ่นหลี ไหม?" ทันใดนั้น กู้ ลี่เฉิน ก็ถามขึ้นหลิง ลั่วอิน ส่ายหัว เธอจะมีโอกาสรู้จักกับคนอย่าง อี้ จิ่นหลี ได้อย่างไร?กู้ ลี่เฉิน เม้มริมฝีปากบางของเขาและกล่าวว่า "อย่าทำให้ตัวเองมีปัญหาในอนาคต ถ้าคุณทำให้เขาขุ่นเคืองจริง ๆ แม้แต่ผมอาจไม่สามารถปกป้องคุณได้"แน่นอน สิ่งที่สำคัญกว่าคือเขายังต้องการที่จะปกป้องเธอหรือไม่หากเป็นเพียงแค่ตัวแทน ก็ไม่จำเป็นที่เขาจะต้องต่อต้านจิ
เซียว จื่อฉี จากไปอย่างกระฉับกระเฉงราวกับว่าเขากำลังมีความสุขมาก ๆ เมื่อพิธีหมั้นเริ่มขึ้น อี้ จิ่นหลี เฝ้าดูการสวมแหวนหมั้นซึ่งกันและกันบนเวทีและฟังสุนทรพจน์การหมั้นระหว่าง เซียว จื่อฉี และ ห่าว อี้เหมิง รอยยิ้มเปล่งประกายไปทั่วใบหน้าของเขาคาดว่าพรุ่งนี้รูปถ่ายงานหมั้นของเซียว จื่อฉี และห่าว อี้เหมิง จะออกมา จากนั้นก็เป็นไปไม่ได้ที่ อี้หราน และเซียว จื่อฉี จะมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันหลังจากพิธีหมั้นสิ้นสุดลง ห้องโถงก็เต็มไปด้วยผู้คนที่มาแสดงความยินดีกับพวกเขา อย่างไรก็ตาม อี้ จิ่นหลี ออกจากงานและเดินออกไปด้วยตัวเองเบนท์ลีย์สีเงินจอดอยู่ด้านนอก เกา ฉงหมิง เปิดประตูด้วยความเคารพและอี้ จิ่นหลี ก็ขึ้นรถไป“นายน้อยอี้ คุณจะกลับไปที่อพาร์ทเมนต์เช่าตอนนี้ไหมครับ?” เกา ฉงหมิง ถาม“ใช่" อี้ จิ่นหลี เอนหลังพิงเบาะและตอบ จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ หลับตาลงวันนี้การปรากฏตัวของกู้ ลี่เฉิน ทำให้เขาประหลาดใจ เขาไม่คิดเลยว่าผู้หญิงที่กู้ ลี่เฉิน ชอบจะเป็น หลิง ลั่วอิน น้องสาวต่างแม่ของอี้หรานในความคิดของเขา มันไม่มีอะไรคุ้มค่ากับผู้หญิงคนนั้นเลย เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าทำไมลี่เฉินถึงชอบเธออย่างไรก็ตา
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค