ในห้องเช่า อี้ จิ่นหลี วางหลิง อี้หราน บนเก้าอี้อย่างระมัดระวัง จากนั้นเขาก็ไปอุ่นอาหารที่เย็นแล้วชิน เหลียนอี สังเกตเห็นว่าอี้ จิ่นหลีi กำลังกระฉับกระเฉง ซึ่งทำให้ความคิดเห็นของเธอเปลี่ยนไป “ฉันเคยคิดว่าการอยู่ร่วมกับคนแปลกหน้าแบบนี้ไม่ดีเลย แต่เห็นได้ชัดว่าเขาปฏิบัติต่อเธออย่างดี”“ถ้ามีคนดูแลเพื่อนที่ดีของฉันแบบนี้ ก็ค่อยโล่งใจหน่อย”เมื่ออี้ จิ่นหลี จัดระเบียบเรียบร้อยแล้วเขาก็ถามหลิง อี้หราน ว่า "พี่สาว พี่ต้องไปห้องน้ำไหม?""ฮะ?" เธอมึนงงชั่วขณะแล้วใบหน้าของเธอก็แดง"ไปหรือไม่ไป?" เขาถามราวกับว่ามันเป็นคำถามที่ปกติมากสีหน้าของเธอดูอึดอัด แต่ในที่สุดเธอก็ตอบว่า "ใช่" อย่างเงียบ ๆดังนั้นเขาจึงจับเธอไว้ในอ้อมแขนและพาเธอไปที่ห้องน้ำแล้วถอยออกมา "เรียกผมนะ ถ้าเสร็จเเล้ว" เขากล่าว"... โอเค" ใบหน้าของเธอแดงขึ้นเรื่อย ๆ“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาสังเกตได้ว่าฉันไม่ได้เข้าห้องน้ำมานานแค่ไหนแล้ว” เมื่อ หลิง อี้หราน ออกจากห้องน้ำอี้ จิ่นหลี ก็อุ้มเธอไปที่เก้าอี้อีกครั้งเธอไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้จากการพูดว่า "ที่จริงฉันเดินเองได้นะ กระดูกหักเล็กน้อยที่เท้าข้างเดียว แต่อีกข
"แต่ถ้าฉันถูกไล่ออกโดยไม่มีรายได้ ค่าเช่ารวมทั้งเงินค่าอาหารและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ... "“พี่ยังมีผม!” เขาอุทาน “ผมจะหาเงินมาดูแลพี่่เอง พี่จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้มาก”หลิง อี้หรานจ้องมองไปที่ชายตรงหน้าเธออย่างงุนงง "แม้ว่าฉันจะรู้ว่าเขาทำแค่งานแปลก ๆ ทุกวันและไม่สามารถทำเงินได้มากเลย แต่สิ่งที่เขาพูดตอนนี้ทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน”"ชีวิตของฉันไม่เหงาและไร้หนทางอีกต่อไปหากไม่มีกำลังใจ ฉันก็ํพึ่งพาจินได้""โทรออกสิ" เขานำโทรศัพท์มาให้เธอเธอเม้มริมฝีปากและโทรหาหัวหน้าแผนกที่ดูแลคนงานสุขาภิบาลที่ศูนย์บริการสุขาภิบาลเธอคิดว่าหัวหน้าแผนกจงใจทำให้การขอลาพักเป็นระยะเวลานานมันยากสำหรับเธอ แต่ที่น่าแปลกใจคือเมื่อเธอขอลาพักหนึ่งสัปดาห์หัวหน้ากลุ่มก็รีบตอบตกลง เขาบอกว่าถ้าสัปดาห์เดียวไม่พอ เธอขอสองสัปดาห์ก็ได้ นอกจากนี้เธอยังคงได้รับค่าจ้างขั้นต่ำและเงินเดือนของเธอจะไม่ได้รับผลกระทบสีหน้าประหลาดใจฉาบอยู่บนใบหน้าของหลิง อี้หราน แม้หลังจากวางสายแล้วเธอก็ยังไม่สามารถหลุดจากภวังค์ของเธอได้"ทำไมรู้สึกเหมือนว่าหัวหน้าแผนกถึงอยากให้ฉันลางานยาว ๆ? ฉันไม่รู้ว่ามันกำลังเกิดอ
คืนนั้น อี้ จิ่นหลี ตื่นขึ้นมาด้วยเสียงร้องอู้อี้ของหลิง อี้หรานเมื่อเขาเปิดไฟเขาก็รู้ว่าเธอกำลังนอนหลับอย่างไม่สบายใจและเธอกำลังพึมพำอะไรบางอย่างอยู่ใต้ลมหายใจของเธอแต่น้ำเสียงของเธอนุ่มนวลเกินกว่าที่เขาจะได้ยินสิ่งที่เธอพูดอย่างชัดเจน"พี่สาว!" เขาเรียกเธอ จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นกดที่ขมับของเธอ เขาพบว่าหน้าผากของเธอมีเหงื่อแตกออกมาและอุณหภูมิของเธอก็สูงขึ้นด้วยอี้ จิ่นหลี รีบบิดผ้าขนหนูที่แช่ในน้ำอุ่นและเช็ดหน้าผากของหลิง อี้หรานตาของเธอยังคงหลับอยู่และเธอยังคงพึมพำอะไรบางอย่างไม่ว่าเขาจะเรียกเธออย่างไร เธอก็ไม่ลืมตาขึ้นเลยเขาเม้มริมฝีปากที่บางและความรู้สึกไม่สบายใจที่แผ่กระจายอยู่ภายในร่างกายของเขา เขาทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ ขณะที่เขาคิดว่าจะทำอย่างไรให้เธอรู้สึกสบายตัวมากขึ้น"นี่คงเป็นครั้งแรกที่ฉันกังวลเรื่องผู้หญิงแบบนี้"เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาและกดหมายเลขของเลขาของเขา เกา ฉงหมิง ในทันที ดังนั้นตอนตีสองเลขาเกาได้รับโทรศัพท์จากเจ้านายของเขา"รีบไปหาหมอแล้วพาเขามาที่ห้องเช่า อี้หรานกำลังมีไข้" มีความวิตกกังวลเล็กน้อยในน้ำเสียงของอี้ จิ่นหลี“ตอนนี้เหรอครับ?” เกา ฉงหมิง ถึ
แต่เกือบจะในทันที เกา ฉงหมิง เตือนตัวเองว่าอย่าเดาอะไรไปเรื่อย "นี่ไม่ใช่สิ่งที่ฉันควรจะคาดเดา"เกา ฉงหมิง ปิดประตูห้องเช่าอย่างเบามือ ภายในบ้านอี้ จิ่นหลี ศึกษาผู้หญิงที่ยังคงอยู่ในห้วงนิทราและวางยาไว้ในมือของเขา ด้วยริมฝีปากที่ค่อนข้างแห้งของเธอ “เป็นเด้กดี แล้วกินยานะ”อย่างไรก็ตามเธอเม้มริมฝีปากแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว เขาไม่สามารถแม้แต่จะเอาเม็ดยาเข้าไปในปากได้ริมฝีปากบางของอี้ จิ่นหลี บีบจนเป็นเส้นตรง จากนั้นเขาก็ใส่น้ำลงในปากของเขาและก้มศีรษะลงเพื่อให้เข้าใกล้ริมฝีปากของหลิง อี้หรานเขากดริมฝีปากของเขาลงบนริมฝีปากของเธอและใช้ปลายลิ้นเพื่อเปิดปากของเธอแล้วดันเม็ดยาเข้าไปข้างใน "มันไม่เหมือนกับว่าไม่มีวิธีการอื่น ๆ แล้ว ฉันก็ยังคงใช้เทคนิคนี้เพื่อป้อนยาให้เธออย่างอธิบายไม่ได้"แม้ว่าเม็ดยาจะอยู่ในปากของเธอแล้ว แต่เขาก็ยังคงคิดถึงริมฝีปากของเธออยู่"มันเหมือนความโลภหรือการเสพติดประเภทหนึ่งยิ่งฉันสัมผัสเธอมากเท่าไหร่ฉันก็ยิ่งต้องการเธอมากขึ้น จน... ฉันปล่อยเธอไปไม่ได้และเกลียดที่จะทิ้งเธอไป... "“อี้หราน... ” เขาพึมพำเบา ๆ เรียกชื่อเธอจู่ ๆ เธอดูเหมือนจะได้รับรู้สึกตัวจากเขาแล
เซียว จื่ออี้ บ่นต่อไปนายท่านเซียวและคุณนายเซียวอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วกับคำบ่นของเธอ"4.8ล้านหยวน ไม่ใช่เงินจำนวนมากสำหรับตระกูลเซียว แต่เป็นเงินก้อนใหญ่สำหรับคนธรรมดา""จื่อฉี ลูก... " คุณนายเซียวจ้องไปที่ลูกชายของเธออย่างใจจดใจจ่อ"แม่ควรถามจื่ออี้ว่าเธอทำอะไรลงไป” เซียว จื่อฉี ตอบอย่างหยาบคาย "เธอบอกให้หลิง อี้หราน เลือกชุดจากร้านที่จะซื้อให้เธอและหลิง อี้หราน เลือกชุด 4.8 ล้านหยวน ผมแค่ตามเช็ดก้นเธอเท่านั้น"“เพียงเพราะเธอเลือกมัน พี่ก็เลยต้องให้มันกับเธออย่างนั้นเหรอ?!” เซียว จื่ออี้ ตอบโต้อย่างอวดดี “พี่ชาย ทำไมพี่ไม่บอกว่าพี่ยังมีความรู้สึกกับหลิง อี้หราน อยู่ล่ะ?”“ฉันกำลังช่วยชีวิตเธอนะ!” เซียว จื่อฉี รู้สึกคันไม้คันมืออยากจะตบน้องสาวอีกครั้งเซียว จื่ออี้ ตอบอย่างไม่พอใจ "เธอมันก็แค่หลิง อี้หราน เธอจะทำอะไรกับฉันได้? พี่ชาย สิ่งที่พี่พูดฟังดูน่าหัวเราะมาก""ถูกต้องแล้ว จื่อฉี ลูกไปไกลเกินแล้วนะ ตบน้องสาวของลูกเพราะ หลิง อี้หราน ผู้หญิงคนนั้นเป็นคำสาป ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ ครอบครัวของเราคงไม่ต้องระวังตระกูลอี้ และกลัวว่า ทำให้พวกเขาขุ่นเคือง?” คุณนายเซียวลุกขึ้นปกป้องลูกสา
เซียว จื่อฉี ต้องการสารภาพบาปต่อหน้าอี้ จิ่นหลี แต่ไม่มีโอกาสได้พบเขาเลย ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงยืนอยู่ข้างทางเข้าบ้านจัดสรรของหลิง อี้หราน เมื่อเซียว จื่อฉี สังเกตเห็นรถเบนท์ลีย์คันหนึ่งจอดอยู่ไม่ไกลจากที่พักและมีร่างหนึ่งกำลังออกจากรถที่ทางเข้าเขารีบลงจากรถเพื่อเข้าหาชายคนนั้น"ท่านประธานอี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เป็นเพราะน้องสาวของผมช่างโง่เขลา ได้โปรดเมตตาและปล่อยตระกูลเซียวไปเถอะนะครับ" เซียว จื่อฉีขอร้องด้วยท่าทีที่เจียมเนื้อเจียมตัว“ปล่อยให้ตระกูลเซียวไปอย่างนั้นเหรอ?” อี้ จิ่นหลี ตะคอกเบา ๆ"หากคุณมีเงื่อนไขใด ๆ โปรดระบุมาได้เลยครับ ผมจะยอมรับเเละทำทุกอย่างที่ผมสามารถทำได้"ดวงตาที่สวยงามและเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของอี้ จิ่นหลี จ้องมองชายตรงหน้าอย่างเย็นชา ในทันที เซียว จื่อฉี รู้สึกราวกับว่าเลือดทั้งหมดของเขาหยุดเดิน การจ้องมองของอี้ จิ่นหลี ทำให้เขารู้สึกราวกับว่าเขากำลังตกเป็นเป้าของสัตว์ร้ายที่ดุร้ายและเขาไม่กล้าแม้แต่จะหายใจออกเสียงดัง"ลองคิดดูสิ ผมเป็นหนี้บุญคุณคุณ" อี้ จิ่นหลี พูดอย่างกะทันหัน“บุญคุณ?” เซียว จื่อฉี ตะลึง “ฉันจะปล่อยให้นายน้อยคนนี้เป็นหนี้บุญ
เซียว จื่ออี้ พูดยังไม่จบ เธอถูกคุกคามโดยคนแปลกหน้าก็เข้ามาขัดจังหวะเธอ “มันเป็นคุณจริง ๆ มันยอดเยี่ยมมาก”เมื่อเขาพูดเสร็จเขาก็หันไปสั่งคนข้างหลัง "หักขาขวาของเธอเหมือนในวิดีโอที่เธอยื่นขาขวาออก"“อะไรนะ... หมายความว่าอย่างไร?!”เซียว จื่ออี้ รู้สึกหวาดกลัว "คนเหล่านี้ไม่ได้มาที่นี่เพื่อแบล็กเมล์ฉัน?"ครู่ต่อมาเสียงคร่ำครวญอย่างปวดร้าวก็ดังขึ้นในห้องส่วนตัว...เมื่อหลิง อี้หราน ตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้นไข้ของเธอก็ลดลงและอี้ จิ่นหลี ก็พูดว่า "โชคดีที่ไข้ลดลงแล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นผมต้องพาพี่สาวไปโรงพยาบาลวันนี้”“เมื่อคืนฉัน... มีไข้เหรอ?” หลิง อี้หราน พึมพำ"ใช่ พี่มีไข้และพี่ก็พูดอะไรหลายอย่างในสภาพที่เป็นไข้แบบนี้" เขาตอบเธอประหลาดใจทันทีและถามว่า "อะไร... ฉันพูดอะไรเหรอ?" จากนั้นเธอก็คิดกับตัวเองว่า "ฉันไม่ได้พูดอะไรที่ฉันไม่ควรพูดใช่ไหม?"“พี่บอกว่าพี่จะเชื่อฟังมากขึ้น เป็นเด็กดีและพี่ต้องการให้ผมอยู่เคียงข้างพี่ด้วย” เขาพูดด้วยความขี้เล่นที่หาได้ยากในสายตาของเขาใบหน้าของเธอแดงขึ้นในทันที"อย่างไรก็ตาม พี่สาวไม่ต้องกังวลแม้ว่าพี่จะไม่ใช่ลูกที่ดี ผมก็ยังอยู่กับพี่นะ" อี้ จ
"โอ้พระเจ้า ฉันคิดอะไรอยู่ทำไมฉันถึงคิดแบบนั้นเนี่ย?"“มันรู้สึกแปลก ๆ ที่ยืนอยู่ใกล้กันเกินไปน่ะ” หลิง อี้หราน อธิบาย"โอเค ได้" เขาพูดและเอามือออก เขาก้าวถอยหลังและจัดระเบียบสิ่งของบนโต๊ะเธอถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกและลูบแก้มของตัวเองที่รู้สึกอุ่น ๆ “แต่เมื่อกี้ตอนที่เรายืนอยู่ใกล้ขนาดนั้นพี่อยากจูบผมเหรอ?” เขาถามโดยไม่คาดคิดทำให้เธอตกตะลึงดวงตาสีดำเหมือนอัลมอนด์ของเธอกะพริบและเธอรู้สึกว่าแก้มใต้ฝ่ามือของเธออุ่นขึ้นอีก"มันเป็นคำถามที่ยากมากที่จะตอบ?" เขาถามด้วยคิ้วโค้งเล็กน้อย“ฉัน... ฉัน แน่นอน... ”“ถ้าเป็นพี่สาว ผมจะยอมนะ” เขาตอบตัดประโยคของเธอทิ้งไป "ผมไม่ชอบให้ผู้หญิงคนอื่นจูบผม แต่ถ้าเป็นพี่สาวก็คงไม่เป็นไร"แสงแดดส่องเข้ามาในบ้านผ่านหน้าต่างกระจกแคบ ๆ และตกลงมาที่ตัวเขา"สีหน้าของเขาจริงจังมากราวกับว่าเขากำลังบอกฉันว่าสิ่งที่เขาเพิ่งพูดนั้นจริงจัง"ในช่วงเวลาสั้น ๆ ครึ่งหลังของประโยคของเธอ "ฉันปฏิบัติต่อนายในฐานะน้องชายของฉันนะ" ติดอยู่ในลำคอและเธอไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาดัง ๆ ได้—ในช่วงบ่าย หลิง อี้หราน ไม่มีอะไรทำจึงกดโทรศัพท์ของเธอและพบข่าวเกี่ยวกับเซียว จื่