การปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันของหมอเหลิ่งเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจและสิ่งที่ลำบากที่สุดคือคุณหลิงได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น‘ฉันเกรงว่านายน้อยอี้จะไม่ปล่อยฉันไปง่าย ๆ หลังจากนี้!’ เกา ฉงหมิงตัวสั่นคลอนกับความคิดของตัวเอง จากนั้นก็เหลือบมองกลับไปที่จิตแพทย์ที่ยืนเงียบ ‘จู่ ๆ หมอเหลิ่งก็สร้างความปั่นป่วนในคฤหาสน์อี้ เป็นเพราะเธอกังวลอย่างนั้นเหรอ? กังวลจนมาพิสูจน์ว่าเธอไม่ได้สะกดจิตหลิง อี้หราน เพราะกลัวว่าจะตกงาน?’‘มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ? ฉันแค่จัดให้เธอไปต่างประเทศเพื่อประชุมและพักผ่อนเท่านั้น’ดวงตาของเกา ฉงหมิงเปลี่ยนไปขณะที่เขาครุ่นคิด เมื่อเขาได้อยู่ใกล้อี้ จิ่นหลี เขาก็ได้เห็นหลายอย่างมากจนเป็นเรื่องปกติที่จะเข้าใจสิ่งหนึ่ง ต้องมีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นอย่างแน่นอน‘บางทีฉันอาจจะต้องทำการสืบค้นให้มากกว่านี้’อีกด้านหนึ่ง อี้ จิ่นหลีพูดกับหลิง อี้หรานด้วยรอยยิ้มว่า “มาเถอะ ไปกินข้าวเช้ากันก่อน”“จิน นี่มันเรื่องอะไรกัน?” แทนที่เธอจะเออออตามเขาไปที่ห้องอาหาร เธอกลับยืนอยู่ที่เดิม“เหมือนกับที่เธอเห็นนั้นแหละ หมอที่เธอเคยเจอ มาที่นี่และสร้างความปั่นป่วน” เขายิ้มและตอบเธอคร่าว
“ใช่” คำตอบของเขาทำให้เธอรู้สึกสับสนอีกครั้ง!“ทำไมคุณถึงทำอย่างนั้น?”“ทำไม?” ทันใดนั้นเขาก็ยกแขนขึ้นและจับเธอไว้ในอ้อมแขนอย่างระมัดระวัง “แล้วเธอล่ะ? ทำไมเธอถึงไปหาหมอเพื่อสะกดจิต? เธอต้องการรื้อฟื้นความทรงจำของเธอกับกู้ ลี่เฉินใช่ไหม? เธอติดอยู่กับความทรงจำนั้นใช่ไหม? เธอใช้เวลาร่วมกันเพียงวันเดียวเมื่อตอนยังเด็กและตอนนี้เธอก็มีฉันอยู่เคียงข้างแล้วไง”น้ำเสียงของเขานิ่งเรียบ ราวกับว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องธรรมดาแต่มันกลับฟังดูน่ากลัวสำหรับเธอ‘เขารู้ด้วยซ้ำว่า... กู้ ลี่เฉินกับฉันใช้เวลาร่วมกันแค่วันเดียว! ดูเหมือนว่าเขาจะรู้ทุกอย่างและฉันเป็นคนเดียวที่ไม่รู้!’เขารู้สึกว่าร่างกายของเธอแข็งทื่อ เขาจึงกอดเธอแน่นขึ้นในอ้อมแขนของเขา ริมฝีปากของเขาแนบชิดกับใบหูของเธอในขณะที่เขายังคงกระซิบต่อไปว่า “อย่าตามหาความทรงจำนั้นอีกเลย แค่มีฉันอยู่ข้าง ๆ มันยังไม่พออีกเหรอ?”‘ไม่ ฉันไม่ได้ต้องการรื้อฟื้นความทรงจำนั้น ฉันตัดสินใจที่จะฝังมันทั้งหมดและเก็บมันไว้เป็นความลับของฉัน’ “กู้ ลี่เฉินกับฉัน…”แต่ก่อนที่เธอจะพูดอะไร เขากลับพูดขัดจังหวะเธอก่อน“พอแล้ว หยุด! ฉันไม่อยากได้ยินสิ่งที่เกิดข
ราวกับว่าการทะเลาะวิวาทและความสงสัยที่เกิดขึ้นก่อนหน้าไม่เคยมีอยู่จริง!‘นี่คือสิ่งที่เขาหมายถึงโดยการบอกว่าช่างมันเถอะอย่างนั้นเหรอ?’หลิง อี้หรานจ้องมองดูเค้กที่ทำเสร็จแล้วตรงหน้าเธออย่างว่างเปล่า ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าเธอคงจะมีความสุขเมื่อได้เห็นเค้กก้อนนี้แต่เธอกลับรู้สึกโศกเศร้าจนอยากจะร้องไห้ออกมา‘ช่างมันเถอะ... ถ้าเราแค่ปล่อยมันไป ความเข้าใจผิดระหว่างเขากับฉันก็จะเกิดขึ้นเสมอ’‘ฉันต้องทำให้มันชัดเจน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น!’“จิน กู้ ลี่เฉิน และฉัน...”ก่อนที่เธอจะพูดจบ ริมฝีปากของเขาก็กดทับลงอย่างแรงกับริมฝีปากของเธอ ทำให้เสียงของเธอเงียบลงเขาดูดเม้มริมฝีปากของเธอ หยอกเล้ากับความหวานในปาก จนเขาลงโทษด้วยการกัดริมฝีปากบนของเธอ“ฉันบอกเธอแล้วไงว่าอย่าพูดถึงเรื่องระหว่างเธอกับเขาอีก ฉันไม่สนหรอกว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเธอสองคน ฉันแค่อยากให้เธออยู่เคียงข้างฉันต่อจากนี้ไป”หลิง อี้หรานพบว่าริมฝีปากของเธอบวมเต่งขึ้นเพราะเขาดูดเม้มมัน‘คือ... เขาไม่สนใจคำอธิบายและไม่เชื่อใจฉัน แต่เขากลับต้องการให้ฉันอยู่กับเขาเท่านั้นเนี่ยนะ?’“คุณไม่สนใจแม้ว่าฉันจะบอกว่าฉันรื้อฟื้นความทรงจำได้
‘ถ้าเขาเชื่อฉันสักนิด เขาคงจะเชื่อที่ฉันพูดกับเขาในห้องโถงไว้ทุกข์ของพ่อในวันนั้น ว่าฉันจะไม่ทรยศเขา!’‘ถ้าเขาเชื่อฉัน เขาจะเชื่อว่าเขาเป็นคนที่ฉันรัก!’‘ถ้าเขาเชื่อฉัน เขาคงไม่ซ่อนสร้อยข้อมือของคุณยายไว้เพื่อปกปิดความจริง’‘แต่... เขาไม่เชื่อใจฉัน…’ หลิง อี้หรานรู้สึกราวกับว่าเธอกำลังแช่แข็งอยู่ในน้ำแข็งอี้ จิ่นหลีเม้มริมฝีปากบางของเขา เขาบอกตัวเองให้เชื่อใจเธอ แต่เมื่อเห็นกู้ ลี่เฉินแบกเธอไว้บนหลังแบบนั้นและตอนที่เธอไปโรงพยาบาลครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อรื้อฟื้นความทรงจำของเธอโดยไม่บอกเขา เขาไม่รู้ว่าเขาจะเชื่อใจเธอได้อีกมากแค่ไหน มันเป็นความรู้สึกที่แย่มาก!เสียงของเธอดังขึ้นอีกครั้ง “ถ้าคุณไม่เชื่อฉันแล้วเราจะคบกันได้ยังไง? กู้ ลี่เฉิน...”“พอแล้ว! ฉันบอกให้หยุด!” มือของเขาจับเข้าที่ลำคอของเธอ เขาทำท่าบีบคอของเธอเอาไว เพื่อให้เธอหยุดพูด “กู้ ลี่เฉินเชื่อใจเธอเหรอ? ถ้าอย่างั้นเธอก็ไปคบกับเขาแทนได้ใช่ไหม?”‘กู้ ลี่เฉิน, กู้ ลี่เฉิน... กู้ ลี่เฉินเป็นเหมือนรอยประทับในหัวใจของเธอที่ฉันไม่สามารถลบทิ้งได้’แม้ว่าเขาจะพยายามลบกู้ ลี่เฉินออกจากหัวใจของเธอครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขาก็ย
“คุณ... เหนื่อยเหรอ?” เธอพึมพำประโยคที่เขาพูดก่อนหน้า“ใช่ ฉันเหนื่อย ความสัมพันธ์ของเราจบลงแล้ว!” เขาพูด‘มันเหนื่อยเกินไป ถ้าการรักใครสักคนทำให้เหนื่อยทั้งกายและใจ ไม่มั่นคงและอึดอัดมาก ฉันก็ไม่อยากรักใครอีกเลย’‘ถ้ากู้ ลี่เฉินจะอยู่ในใจของเธอเสมอ ฉันก็ไม่ขออยู่ในส่วนที่เหลือ’ตอนที่พ่อของเขาเสียชีวิตต่อหน้าต่อตาเขา เขาสาบานว่าเขาจะไม่เป็นเหมือนพ่อของเขา เขาจะไม่ยอมสละชีวิตเพื่อผู้หญิงที่ทรยศต่อเขาทั้งก่อนหน้านี้และในอนาคต!หลิง อี้หรานยืนแข็งทื่อ แม้ว่าเขาจะอยู่ตรงหน้าเธอ แต่ทำไมเขาถึงดูอยู่ไกลออกไป?เมื่อคืนเขายังดูสนิทสนมกับเธอมากและเธอก็รู้สึกมีความสุขมาก แต่ตอนนี้... มันเหมือนเป็นการประชดประชัน‘เขาเลิกกับฉันเพียงเพราะเขารู้สึกเหนื่อยเหรอ? ความสัมพันธ์ของเรามีความหมายต่อเขาบ้างไหม? เขาเห็นมันเป็นแค่เกมตลอดเวลาหรือเปล่า? แต่ความแตกต่างก็คือฉันยังติดอยู่กับความรักของเขา’“แล้วถ้า... ฉันไม่อยากเลิกกันล่ะ?”ศักดิ์ศรีของเธอแตกสลายเมื่อตอนที่เธอติดคุก หลังจากได้รับการปล่อยตัวออกมา เขาช่วยเธอรวบรวมศักดิ์ศรีที่เธอสูญเสียกลับคืนมาทีละน้อยตอนนี้เธอพูดด้วยศักดิ์ศรีที่แตกสลายขอ
หางตาของเธอยังแห้งอยู่!‘ตอนนี้ฉันไม่สามารถแม้แต่จะร้องไห้ได้เลยเหรอ?’...บางทีบางคนในโลกนี้ก็ถึงเวลาที่จะไม่ได้รับความรักเธอตกหลุมรักอี้ จิ่นหลี แม้ว่าเธอจะเคยทุกข์ทรมานจากประสบการณ์ที่เลวร้ายที่ถูกเซียว จื่อฉีทิ้งก็ตาม!เธอและเขาอยู่กันคนละโลกกันถ้าเธอไม่พาเขากลับบ้านในคืนนั้น พวกเขาก็คงจะไม่ได้มาบรรจบกันเธอเองที่ยั่วยุเขาตั้งแต่แรกและกลายเป็นประเด็นในที่สุด ตอนนี้... มันแค่ทำให้เธอรู้ว่าเธอเป็นใครอีกครั้งหลิง อี้หรานเดินออกจากห้องครัวทีละก้าว ในตอนนี้คฤหาสน์อี้เงียบสงบอย่างน่าประหลาดใจ มันเงียบมากและเธอไม่เห็นแม้แต่คนรับใช้‘แต่ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อย… ก็จะช่วยให้ฉันรู้สึกอายน้อยลง’ดูเหมือนว่าเธอจะได้ใช้กำลังของเธอจนหมดและในที่สุดเธอก็กลับมาถึงห้องนอนของเธออารมณ์ของเธอแตกต่างไปจากตอนแรกอย่างสิ้นเชิง!เธอเดินไปที่กระจกแต่งตัวและบ่นกับผู้หญิงในกระจกว่า “มันก็แค่... กลับไปที่ห้องสี่เหลี่ยม”การแต่งหน้าบนใบหน้าของผู้หญิงในกระจกยังไม่ได้รับความเสียหายอะไร การที่เธอสวมชุดสีขาวมันทำให้เธอดูซีดอย่างผิดปกติกับใบหน้าที่งดงามของเธอและดวงตารูปอัลมอนด์เต็มไปด้วยด้วยความเย้ยหยัน
เกมรักของเขากับเธอได้จบลงแล้ว!ในวันเกิดปีที่ 28 ของเธอ เธอตระหนักได้ว่าความโหดร้ายของพระเจ้าที่มีต่อเธอนั้นมากเกินกว่าที่เธอคิด!ร่างบางลากกระเป๋าเดินทางสองใบของเธอลงบันไดด้วยความยากลำบาก ระหว่างทางออกจากคฤหาสน์ เธอได้พบกับพ่อบ้านของคฤหาสน์อี้พ่อบ้านรู้สึกประหลาดใจที่เห็นหลิง อี้หรานแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าธรรมดา ๆ ขณะที่เธอลากกระเป๋าเดินทางออกมา“คุณหลิง จะไปไหนครับ?”“ฉันกำลังจะย้ายออก ฉันกับอี้ จิ่นหลีเลิกกันแล้ว ไม่มีเหตุผลที่ฉันจะต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป” หลิง อี้หรานตอบ‘อะไรนะ?’พ่อบ้านรู้สึกประหลาดใจ ‘เลิก? กับนายน้อยอี้?’‘แต่... วันนี้เป็นวันเกิดคุณหลิงไม่ใช่เหรอ? แถมนายน้อยอี้ยังสั่งเมนูวันเกิดสำหรับตอนเย็น’แต่เมื่อมองดูท่าทางของคุณหลิงในตอนนี้ ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้โกหก ในทางกลับกัน หลิง อี้หรานไม่ได้พูดอะไร แต่ยังคงลากกระเป๋าเดินทางของเธอออกจากคฤหาสน์อี้พ่อบ้านรีบโทรหาเกา ฉงหมิง เลขาส่วนตัวของอี้ จิ่นหลีเพื่อรายงานสถานการณ์และถามว่าเขาควรรั้งเธอกลับมาหรือไม่เกา ฉงหมิงตกใจหลังจากที่ได้รับโทรศัพท์ เขามองไปที่เจ้านายของเขาที่อยู่ข้าง ๆ และไม่สามารถหยุดความตกใจได้
หลิง อี้หรานลากกระเป๋าเดินทางของเธอไปที่ป้ายรถเมล์ที่ใกล้ที่สุดใกล้กับคฤหาสน์อี้ ทันทีที่เธอนั่งบนเก้าอี้ โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นเธอชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา และพบว่าหมายเลขผู้โทรเข้าคือเหลียนอี‘เหลียนอี...’ เมื่อเธอเห็นรายชื่อโทรเข้า น้ำตาของเธอก็เอ่อล้นออกมาเมื่อเธอกดปุ่มคำตอบ เสียงที่คุ้นเคยของเพื่อนสนิทของเธอก็ดังขึ้น “อี้หราน ตอนนี้เธออยู่ที่คฤหาสน์ใช่ไหม? ไป๋ ทิงซินและฉันกำลังจะไปถึงแล้ว”หลิง อี้หรานจำได้ในทันที ‘โอ้ ใช่ วันนี้เป็นวันเกิดของฉัน และฉันก็เชิญเหลียนอีกับไป๋ ทิงซินมาร่วมงาน’‘แต่ว่า... มันไม่จำเป็นแล้ว!’“ไม่ต้องมานะ ฉัน... เลิกกับอี้ จิ่นหลีแล้ว วันนี้จะไม่มีงานฉลองวันเกิด” หลิง อี้หรานพูด เป็นเพียงคำพูดง่าย ๆ ที่ทิ้งความขมขื่นไว้ในปากของเธอชิน เหลียนอีตกตะลึง “เลิกกันแล้ว? เธอกับอี้ จิ่นหลีเลิกกันเหรอ? เกิดอะไรขึ้น? ไม่ ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?”ชิน เหลียนอีรู้สึกกังวล มันเกิดขึ้นกะทันหันเกินไปเสียงของอี้หราน… ฟังดูนิ่งเรียบ!แต่กลับทำให้ชิน เหลียนอีรู้สึกประหม่ามากขึ้น! เธอรู้จักนิสัยของเพื่อนสนิทดีและจะดีกว่าถ้าอี้หรานร้องไห้ออกมาการท