“คุณ... เหนื่อยเหรอ?” เธอพึมพำประโยคที่เขาพูดก่อนหน้า“ใช่ ฉันเหนื่อย ความสัมพันธ์ของเราจบลงแล้ว!” เขาพูด‘มันเหนื่อยเกินไป ถ้าการรักใครสักคนทำให้เหนื่อยทั้งกายและใจ ไม่มั่นคงและอึดอัดมาก ฉันก็ไม่อยากรักใครอีกเลย’‘ถ้ากู้ ลี่เฉินจะอยู่ในใจของเธอเสมอ ฉันก็ไม่ขออยู่ในส่วนที่เหลือ’ตอนที่พ่อของเขาเสียชีวิตต่อหน้าต่อตาเขา เขาสาบานว่าเขาจะไม่เป็นเหมือนพ่อของเขา เขาจะไม่ยอมสละชีวิตเพื่อผู้หญิงที่ทรยศต่อเขาทั้งก่อนหน้านี้และในอนาคต!หลิง อี้หรานยืนแข็งทื่อ แม้ว่าเขาจะอยู่ตรงหน้าเธอ แต่ทำไมเขาถึงดูอยู่ไกลออกไป?เมื่อคืนเขายังดูสนิทสนมกับเธอมากและเธอก็รู้สึกมีความสุขมาก แต่ตอนนี้... มันเหมือนเป็นการประชดประชัน‘เขาเลิกกับฉันเพียงเพราะเขารู้สึกเหนื่อยเหรอ? ความสัมพันธ์ของเรามีความหมายต่อเขาบ้างไหม? เขาเห็นมันเป็นแค่เกมตลอดเวลาหรือเปล่า? แต่ความแตกต่างก็คือฉันยังติดอยู่กับความรักของเขา’“แล้วถ้า... ฉันไม่อยากเลิกกันล่ะ?”ศักดิ์ศรีของเธอแตกสลายเมื่อตอนที่เธอติดคุก หลังจากได้รับการปล่อยตัวออกมา เขาช่วยเธอรวบรวมศักดิ์ศรีที่เธอสูญเสียกลับคืนมาทีละน้อยตอนนี้เธอพูดด้วยศักดิ์ศรีที่แตกสลายขอ
หางตาของเธอยังแห้งอยู่!‘ตอนนี้ฉันไม่สามารถแม้แต่จะร้องไห้ได้เลยเหรอ?’...บางทีบางคนในโลกนี้ก็ถึงเวลาที่จะไม่ได้รับความรักเธอตกหลุมรักอี้ จิ่นหลี แม้ว่าเธอจะเคยทุกข์ทรมานจากประสบการณ์ที่เลวร้ายที่ถูกเซียว จื่อฉีทิ้งก็ตาม!เธอและเขาอยู่กันคนละโลกกันถ้าเธอไม่พาเขากลับบ้านในคืนนั้น พวกเขาก็คงจะไม่ได้มาบรรจบกันเธอเองที่ยั่วยุเขาตั้งแต่แรกและกลายเป็นประเด็นในที่สุด ตอนนี้... มันแค่ทำให้เธอรู้ว่าเธอเป็นใครอีกครั้งหลิง อี้หรานเดินออกจากห้องครัวทีละก้าว ในตอนนี้คฤหาสน์อี้เงียบสงบอย่างน่าประหลาดใจ มันเงียบมากและเธอไม่เห็นแม้แต่คนรับใช้‘แต่ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อย… ก็จะช่วยให้ฉันรู้สึกอายน้อยลง’ดูเหมือนว่าเธอจะได้ใช้กำลังของเธอจนหมดและในที่สุดเธอก็กลับมาถึงห้องนอนของเธออารมณ์ของเธอแตกต่างไปจากตอนแรกอย่างสิ้นเชิง!เธอเดินไปที่กระจกแต่งตัวและบ่นกับผู้หญิงในกระจกว่า “มันก็แค่... กลับไปที่ห้องสี่เหลี่ยม”การแต่งหน้าบนใบหน้าของผู้หญิงในกระจกยังไม่ได้รับความเสียหายอะไร การที่เธอสวมชุดสีขาวมันทำให้เธอดูซีดอย่างผิดปกติกับใบหน้าที่งดงามของเธอและดวงตารูปอัลมอนด์เต็มไปด้วยด้วยความเย้ยหยัน
เกมรักของเขากับเธอได้จบลงแล้ว!ในวันเกิดปีที่ 28 ของเธอ เธอตระหนักได้ว่าความโหดร้ายของพระเจ้าที่มีต่อเธอนั้นมากเกินกว่าที่เธอคิด!ร่างบางลากกระเป๋าเดินทางสองใบของเธอลงบันไดด้วยความยากลำบาก ระหว่างทางออกจากคฤหาสน์ เธอได้พบกับพ่อบ้านของคฤหาสน์อี้พ่อบ้านรู้สึกประหลาดใจที่เห็นหลิง อี้หรานแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าธรรมดา ๆ ขณะที่เธอลากกระเป๋าเดินทางออกมา“คุณหลิง จะไปไหนครับ?”“ฉันกำลังจะย้ายออก ฉันกับอี้ จิ่นหลีเลิกกันแล้ว ไม่มีเหตุผลที่ฉันจะต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป” หลิง อี้หรานตอบ‘อะไรนะ?’พ่อบ้านรู้สึกประหลาดใจ ‘เลิก? กับนายน้อยอี้?’‘แต่... วันนี้เป็นวันเกิดคุณหลิงไม่ใช่เหรอ? แถมนายน้อยอี้ยังสั่งเมนูวันเกิดสำหรับตอนเย็น’แต่เมื่อมองดูท่าทางของคุณหลิงในตอนนี้ ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้โกหก ในทางกลับกัน หลิง อี้หรานไม่ได้พูดอะไร แต่ยังคงลากกระเป๋าเดินทางของเธอออกจากคฤหาสน์อี้พ่อบ้านรีบโทรหาเกา ฉงหมิง เลขาส่วนตัวของอี้ จิ่นหลีเพื่อรายงานสถานการณ์และถามว่าเขาควรรั้งเธอกลับมาหรือไม่เกา ฉงหมิงตกใจหลังจากที่ได้รับโทรศัพท์ เขามองไปที่เจ้านายของเขาที่อยู่ข้าง ๆ และไม่สามารถหยุดความตกใจได้
หลิง อี้หรานลากกระเป๋าเดินทางของเธอไปที่ป้ายรถเมล์ที่ใกล้ที่สุดใกล้กับคฤหาสน์อี้ ทันทีที่เธอนั่งบนเก้าอี้ โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นเธอชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา และพบว่าหมายเลขผู้โทรเข้าคือเหลียนอี‘เหลียนอี...’ เมื่อเธอเห็นรายชื่อโทรเข้า น้ำตาของเธอก็เอ่อล้นออกมาเมื่อเธอกดปุ่มคำตอบ เสียงที่คุ้นเคยของเพื่อนสนิทของเธอก็ดังขึ้น “อี้หราน ตอนนี้เธออยู่ที่คฤหาสน์ใช่ไหม? ไป๋ ทิงซินและฉันกำลังจะไปถึงแล้ว”หลิง อี้หรานจำได้ในทันที ‘โอ้ ใช่ วันนี้เป็นวันเกิดของฉัน และฉันก็เชิญเหลียนอีกับไป๋ ทิงซินมาร่วมงาน’‘แต่ว่า... มันไม่จำเป็นแล้ว!’“ไม่ต้องมานะ ฉัน... เลิกกับอี้ จิ่นหลีแล้ว วันนี้จะไม่มีงานฉลองวันเกิด” หลิง อี้หรานพูด เป็นเพียงคำพูดง่าย ๆ ที่ทิ้งความขมขื่นไว้ในปากของเธอชิน เหลียนอีตกตะลึง “เลิกกันแล้ว? เธอกับอี้ จิ่นหลีเลิกกันเหรอ? เกิดอะไรขึ้น? ไม่ ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?”ชิน เหลียนอีรู้สึกกังวล มันเกิดขึ้นกะทันหันเกินไปเสียงของอี้หราน… ฟังดูนิ่งเรียบ!แต่กลับทำให้ชิน เหลียนอีรู้สึกประหม่ามากขึ้น! เธอรู้จักนิสัยของเพื่อนสนิทดีและจะดีกว่าถ้าอี้หรานร้องไห้ออกมาการท
โจว เชียนหยุนตกใจ เธอรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติจากน้ำเสียงของหลิง อี้หราน “เกิดอะไรขึ้น? มีบางอย่างเกิดขึ้นหรือเปล่า?”“ใช่ค่ะ ไว้ฉันจะเล่าให้ฟังวันหลัง” หลิง อี้หรานพยายามอย่างหนักเพื่อทำให้ตัวเองดูเป็นธรรมชาติ “ช่วยบอกอาหยันน้อยว่าฉันขอโทษที่ฉันไม่สามารถเลี้ยงเค้กเขาได้ในวันนี้ ฉันจะซื้อเค้กให้เขาในภายหลังแทน”“ถ้าเธอมีปัญหาอะไร ก็มาหาฉันได้เสมอนะ ฉันอาจช่วยเธอได้ไม่มาก แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าที่มีคนคอยให้คำปรึกษา” โจว เชียนหยุนพูดเธอมองว่าอี้หรานก็เป็นเพื่อนคนหนึ่งของเธอนับตั้งแต่ที่เธอออกจากคุก เธอก็หนีออกมาจากบ้านเกิดของเธอเพื่อหลบหนีเย่ เหวินหมิง และตัดความสัมพันธ์กับเพื่อนเก่าของเธอทั้งหมด ตอนนี้เธอมีเพื่อนไม่กี่คน แต่เธอกลับรู้สึกปลอดภัยคนเดียวที่เธอสามารถเรียกว่าเพื่อนได้คืออี้หราน!“ขอบคุณค่ะพี่โจว ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันไม่เป็นอะไร” หลิง อี้หรานพูดก่อนจะวางสาย‘ใช่ ฉันจะไม่เป็นไร ฉันก็แค่อกหักอีกครั้ง แค่รู้สึกตกนรกอีกครั้ง’‘ไม่สิ มันไม่ใช่การตกนรก อย่างน้อยมันก็ดีกว่าครั้งล่าสุดที่ฉันต้องติดคุกอย่างเข้าใจผิด’‘อย่างน้อยตอนนี้ฉันก็มีอิสระที่จะไปทุกที่ที่ฉันต้องการและทำในส
“โรงแรมเล็ก ๆ สภาพแวดล้อมไม่ค่อยดี ไปพักโรงแรมดี ๆ ดีกว่านะ” ชิน เหลียนอีพูด“ตอนนี้เงินที่ฉันมีอยู่สามารถเช่าได้แค่โรงแรมขนาดเล็กเท่านั้น” หลิง อี้หรานพูดชิน เหลียนอีรีบพูดขึ้น “ถ้าเธอกังวลว่าเงินจะไม่พอ ฉันจะ...”“เหลียนอี ขอบใจนะ แต่ฉันอยากพึ่งพาตัวเอง” หลิง อี้หรานพูด ‘ใช่ ฉันต้องพึ่งพาตัวเองให้อยู่รอดในโลกนี้ให้ได้’ชิน เหลียนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เธอกลับไม่ได้พูดอะไรออกมา เธอรู้ว่าเพื่อนสนิทของเธอมีศักดิ์ศรีมากแค่ไหน!หลังจากจองโรงแรมแล้ว ชิน เหลียนอีก็ขอให้ไป๋ ทิงซินซื้ออาหารมาให้ เมื่อพวกเขาอยู่ในห้อง เธอก็ถามเพื่อนสนิทของเธอว่าเกิดอะไรขึ้นและทำไมเธอถึงเลิกกับอี้ จิ่นหลีโดยไม่มีเหตุผล“เขาบอกว่าเขาเหนื่อยและไม่อยากจะรักฉันอีกต่อไป เขาไม่เคยเชื่อใจฉันเลยตลอดเวลาที่เราคบกัน” หลิง อี้หรานยิ้มอย่างขมขื่นและพูดเยาะเย้ยตัวเองว่า “ฉันเดาว่าฉันคงไม่เหมาะกับการคบใครเลย!”“อี้หราน อย่ายิ้มแบบนั้น ฉันเสียใจเวลาที่เห็นเธอยิ้มแบบนั้น” ชิน เหลียนอีกอดเธอและพูดว่า “อี้หราน ร้องไห้ออกมาเถอะถ้าเธออยากจะร้องไห้ พวกเราไม่ใช่เพื่อนสนิทกันเหรอ? ฉันจะอยู่ข้าง ๆ เธอเอง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
‘ฉันอยากจะลืมเขาและลบความสัมพันธ์นี้ไปจากหัวใจ จากนี้ไปฉันอยากจะลืมผู้ชายที่ชื่อจิน ให้มันมีเพียงอี้ จิ่นหลีแห่งเมืองเฉินก็พอ!’เมื่อทำเธออธิษฐานเสร็จแล้ว หลิง อี้หรานก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นและมองดูเทียนที่ลุกโชนก่อนจะดับมันลง“ฉันจะตัดเค้กให้” เธอพูดขณะตัดเค้กสามชิ้นแล้วมอบให้ ชิน เหลียนอี, ไป๋ ทิงซินและตัวเธอเองหลิง อี้หรานหยิบเค้กขึ้นมากินทีละคำเค้ก… มีรสหวาน แต่เธอกลับรู้สึกรสขมขื่นในปากหลังจากกินเค้ก ชิน เหลียนอีก็ทำความสะอาด เธอวางแผนที่จะอยู่ต่อ แต่หลิง อี้หรานกลับพูดดักว่า “เธอไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่กับฉันก็ได้ ฉันอยากอยู่คนเดียวและพักผ่อน”ชิน เหลียนอีลังเลเล็กน้อยก่อนพูดว่า “ก็ได้ พักผ่อนนะ! พรุ่งนี้เจอกัน”“อืม” หลิง อี้หรานพยักหน้า เมื่อมองดูท่าทางกังวลใจของเพื่อนสนิทของเธอ เธอยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “เหลียนอี ฉันไม่เป็นอะไร”แต่รอยยิ้มนี้กลับทำให้ชิน เหลียนอีรู้สึกขมขื่นมากยิ่งขึ้นหลังจากออกจากโรงแรม ชิน เหลียนอีก็เดินไปขึ้นรถของไป๋ ทิงซินด้วยคิ้วที่ขมวด“เป็นอะไรไป? ยังเป็นห่วงเพื่อนอยู่เหรอ?” ไป๋ ทิงซินถาม“ฉันจะไม่กังวลได้เหรอ? ก็เธอบอกว่าไม่เป็นไร แต่เธอจะไม่เป
“ทำไมล่ะ?” เธอสงสัย เขาไม่จำเป็นต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยนอกจากนี้ ในแง่ของวงการธุรกิจ ธุรกิจของตระกูลไป๋เพิ่งเริ่มขยายกิจการมาถึงเมืองเฉิน และพวกเขาก็ใช้เวลาสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับอี้ จิ่นหลีเป็นเวลานาน ถ้าเขาทำให้อี้ จิ่นหลีขุ่นเคือง การพัฒนาธุรกิจของตระกูลไป๋ในเมืองเฉินก็จะกลายเป็นเรื่องยาก“คุณจะเชื่อผมไหมถ้าผมบอกว่าผมไม่สนใจว่าผมจะทำให้ใครขุ่นเคือง?” เขาถามขณะจ้องมองเธอเมื่อได้ยินเช่นนั้น ชิน เหลียนอีก็ตกอยู่ในภวังค์และรู้สึกราวกับว่าหัวใจของเธอถูกเติมเต็ม‘เรื่องไหนที่เขาพูดจริง เรื่องไหนที่เขาพูดโกหกกันแน่?’‘แต่... ตอนนี้ฉันอยากจะเชื่อใจเขาสักครั้ง’…เมื่อฟังรายงานจากพ่อบ้าน เกา ฉงหมิงก็รู้ว่าชิน เหลียนอีกับไป๋ ทิงซิงที่อยู่ข้างนอกได้ออกไปแล้ว ท่าทางของเขาดูโล่งใจเล็กน้อยวันนี้มันช่างวุ่นวายอะไรแบบนี้! ทุกคนเข้าร่วมในระเบียบ!หนึ่งในความกังวลที่ใหญ่ที่สุดของเกา ฉงหมิงในขณะนี้คือเจ้านายของเขา ที่ใช้เวลาสามชั่วโมงเต็มอยู่ในครัวหลังจากกลับมาเขาเอาแต่ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าเค้กที่ทำเสร็จแล้ว ทำให้ผู้คนต่างสงสัยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เกา ฉงหมิงไม่เข้าใจว่าทำไม
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค