‘ฉันอยากจะลืมเขาและลบความสัมพันธ์นี้ไปจากหัวใจ จากนี้ไปฉันอยากจะลืมผู้ชายที่ชื่อจิน ให้มันมีเพียงอี้ จิ่นหลีแห่งเมืองเฉินก็พอ!’เมื่อทำเธออธิษฐานเสร็จแล้ว หลิง อี้หรานก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นและมองดูเทียนที่ลุกโชนก่อนจะดับมันลง“ฉันจะตัดเค้กให้” เธอพูดขณะตัดเค้กสามชิ้นแล้วมอบให้ ชิน เหลียนอี, ไป๋ ทิงซินและตัวเธอเองหลิง อี้หรานหยิบเค้กขึ้นมากินทีละคำเค้ก… มีรสหวาน แต่เธอกลับรู้สึกรสขมขื่นในปากหลังจากกินเค้ก ชิน เหลียนอีก็ทำความสะอาด เธอวางแผนที่จะอยู่ต่อ แต่หลิง อี้หรานกลับพูดดักว่า “เธอไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่กับฉันก็ได้ ฉันอยากอยู่คนเดียวและพักผ่อน”ชิน เหลียนอีลังเลเล็กน้อยก่อนพูดว่า “ก็ได้ พักผ่อนนะ! พรุ่งนี้เจอกัน”“อืม” หลิง อี้หรานพยักหน้า เมื่อมองดูท่าทางกังวลใจของเพื่อนสนิทของเธอ เธอยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “เหลียนอี ฉันไม่เป็นอะไร”แต่รอยยิ้มนี้กลับทำให้ชิน เหลียนอีรู้สึกขมขื่นมากยิ่งขึ้นหลังจากออกจากโรงแรม ชิน เหลียนอีก็เดินไปขึ้นรถของไป๋ ทิงซินด้วยคิ้วที่ขมวด“เป็นอะไรไป? ยังเป็นห่วงเพื่อนอยู่เหรอ?” ไป๋ ทิงซินถาม“ฉันจะไม่กังวลได้เหรอ? ก็เธอบอกว่าไม่เป็นไร แต่เธอจะไม่เป
“ทำไมล่ะ?” เธอสงสัย เขาไม่จำเป็นต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยนอกจากนี้ ในแง่ของวงการธุรกิจ ธุรกิจของตระกูลไป๋เพิ่งเริ่มขยายกิจการมาถึงเมืองเฉิน และพวกเขาก็ใช้เวลาสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับอี้ จิ่นหลีเป็นเวลานาน ถ้าเขาทำให้อี้ จิ่นหลีขุ่นเคือง การพัฒนาธุรกิจของตระกูลไป๋ในเมืองเฉินก็จะกลายเป็นเรื่องยาก“คุณจะเชื่อผมไหมถ้าผมบอกว่าผมไม่สนใจว่าผมจะทำให้ใครขุ่นเคือง?” เขาถามขณะจ้องมองเธอเมื่อได้ยินเช่นนั้น ชิน เหลียนอีก็ตกอยู่ในภวังค์และรู้สึกราวกับว่าหัวใจของเธอถูกเติมเต็ม‘เรื่องไหนที่เขาพูดจริง เรื่องไหนที่เขาพูดโกหกกันแน่?’‘แต่... ตอนนี้ฉันอยากจะเชื่อใจเขาสักครั้ง’…เมื่อฟังรายงานจากพ่อบ้าน เกา ฉงหมิงก็รู้ว่าชิน เหลียนอีกับไป๋ ทิงซิงที่อยู่ข้างนอกได้ออกไปแล้ว ท่าทางของเขาดูโล่งใจเล็กน้อยวันนี้มันช่างวุ่นวายอะไรแบบนี้! ทุกคนเข้าร่วมในระเบียบ!หนึ่งในความกังวลที่ใหญ่ที่สุดของเกา ฉงหมิงในขณะนี้คือเจ้านายของเขา ที่ใช้เวลาสามชั่วโมงเต็มอยู่ในครัวหลังจากกลับมาเขาเอาแต่ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าเค้กที่ทำเสร็จแล้ว ทำให้ผู้คนต่างสงสัยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เกา ฉงหมิงไม่เข้าใจว่าทำไม
‘จากนี้ไปฉันจะไม่ต้องมานั่งกังวลว่าเธอจะไปเจอกู้ ลี่เฉินอีกไหม และฉันจะได้ไม่ต้องเดาว่าหัวใจของเธอมีกู้ ลี่เฉินอยู่มากแค่ไหน’‘ฉันจะไม่ลงเอยแบบพ่อ ฉันจะไม่ปล่อยให้ตัวเองทำตัวโง่เขลาและอับอายเหมือนสุนัขหลงทางเพียงเพื่อรักใครสักคน’‘ฉันจะไม่เป็นอย่างนั้นแน่นอน!’อี้ จิ่นหลีเดินออกจากห้องครัวและขึ้นบันไดไปที่ชั้นสองเพียงลำพังเกา ฉงหมิงมองดูด้านหลังเจ้านายของเขาด้วยความรู้สึกผสมปมเป‘ถ้ามีใครสักคนในโลกนี้ที่สามารถควบคุมชีวิตและความตายของนายน้อยอี้ได้จริง ๆ ...’ ชื่อของหลิง อี้หรานแวบเข้ามาในหัวของเขาทันที…หลิง อี้หรานตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้นและเห็นกล่องของขวัญที่ห่ออย่างสวยงามข้างเตียงของเธอ มันเป็นของขวัญวันเกิดจากเหลียนอีและไป๋ ทิงซินเมื่อคืนเธอไม่ได้เปิดมันหลิง อี้หรานนั่งลงอย่างเชื่องช้า ค่อย ๆ เปิดกล่องของขวัญ และพบว่าข้างในเป็นตุ๊กตาตัวเล็กกำลังแต่งชุดทนายที่ดูน่ารักและดูคล้ายกับเธอ ภายในกล่องมีการ์ดที่เขียนด้วยลายมือจากเหลียนอี ‘อี้หราน ฉันหวังว่าเธอจะมีความสุขไปทุกวันและขอให้ความฝันของเธอกลายเป็นจริงนะ!’‘ปล. กดฝ่ามือด้านซ้ายของตุ๊กตาเพื่อดูเซอร์ไพรส์!’‘ความสุข? ค
อย่างน้อยตอนนี้เธอก็มีใบอนุญาติทนายความ ดังนั้นเธอจึงสามารถกลับไปทำงานที่เธอรักได้!“งั้นฉันจะไปกับเธอ วันนี้ฉันเลยเอารถมาด้วย เราจะได้เดินทางสะดวก” ชิน เหลียนอีกล่าวทั้งสองคนไปหาตัวแทนที่ปล่อยบ้านเช่า เนื่องจากหลิง อี้หรานไม่ได้กำหนดรายละเอียดอะไรมากมาน เธอจึงใช้เวลาไม่นานในการหาบ้านที่เหมาะสมพวกเขาไปดูบ้านในตอนเช้าและเซ็นสัญญาเช่ากับเจ้าของบ้านในตอนบ่ายค่าใช้จ่าย 1,700 ดอลลาร์ต่อเดือน การเดินทางก็ค่อนข้างสะดวก แถมยังมีร้านสะดวกซื้อและร้านอาหารในบริเวณใกล้เคียงอีกด้วยแต่ชิน เหลียนอีกลับพบว่าผู้คนในละแวกนี้มีค่อนข้างหลากหลายชนชั้น เธอจึงกังวลว่าเพื่อนของเธอจะต้องพบกับความอันตรายหลิง อี้หรานพูดเกี่ยวกับเรื่องนั้นว่า “ฉันไม่ได้จะอยู่ที่นี่ตลอดชีวิตสักหน่อย แค่พักที่นี่ชั่วคราวจนกว่าฉันจะมีรายได้ที่มั่นคงมากขึ้น จากนั้นฉันจะย้ายไปที่อื่นและฉันจะพยายามไม่ออกไปไหนในตอนกลางคืน ไม่เป็นอะไรหรอก”ชิน เหลียนอีคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ‘ในช่วงนี้ก็คงต้องเป็นแบบนี้ไปก่อน’ในตอนบ่าย ชิน เหลียนอีขับรถพทหลิง อี้หรานย้ายเข้ามาในบ้านเช่า พวกเขาซื้อเครื่องครัวที่จำเป็นและทำความสะอาดบ้านเช่า หลั
‘แต่ว่า...’ หลิง อี้หรานก้มศีรษะลงและมองไปที่ท้องแบนของเธอ‘ฉันอาจจะไม่มีลูกเป็นของตัวเองด้วยซ้ำ เป็นเพราะร่างกายของฉันในอดีตที่ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้’‘ตอนนี้ร่างกายของฉันหายดีแล้ว แต่ฉันก็เหนื่อยทั้งกายและใจจนไม่กล้าที่จะเชื่อในสิ่งที่เรียกว่าความรักอีกต่อไป!’หลิง อี้หรานไปที่ร้านอาหารเล็กหลังจากเลยหนึ่งทุ่มไปแล้ว เธอพยายามหลีกเลี่ยงชั่วโมงเร่งด่วนในช่วงตอนเย็น“มาแล้วเหรอ?!” เมื่อโจว เชียนหยุนเห็นหลิง อี้หราน เธอก็รีบเดินมาหาอี้หรานทันที เมื่อมองดูใบหน้าที่ผอมซูบของอี้หราน เธอก็ถามว่า “เธอกินข้าวหรือยัง? มากินอะไรที่ร้านของฉันไหม?”หลิง อี้หรานคิดเกี่ยวกับมันและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้น ขอบะหมี่หนึ่งถ้วยค่ะ ฉันไม่ได้กินมันมานานแล้ว”“ได้เลย รอสักครู่นะ” โจว เชียนหยุนพูดก่อนสั่งให้พนักงานในครัวทำบะหมี่ให้อี้หรานเพียงเวลาไม่นาน ชามก๋วยเตี๋ยวที่มีส่วนผสมมากมายก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าอี้หราน “กินสิ คิดเสียว่าเราฉลองวันเกิดเธอย้อนหลัง!”“ขอบคุณค่ะ” หลิง อี้หรานพูดขึ้นขณะที่เธอก้มศีรษะลงและเริ่มกินบะหมี่อย่างเงียบ ๆโจว เชียนหยุนไม่ได้รบกวนเธออีกต่อไปและหันกลับทักทายลูกค้าคนอื่น ๆ เธอทำควา
วินาทีถัดมา เค้กในมือของเธอก็ร่วงหล่นลงพื้นไม่ไกลจากประตูร้านอาหาร ร่างสูงก้าวออกจากรถยนต์หรูและเดินเข้ามาหาเธอท่ามกลางแสงจันทร์ทีละก้าวผมของเขายังคงถูกจับแต่งทรงอย่างพิถีพิถัน เขาสวมชุดสูทที่ได้รูป ใบหน้าเย็นชาและเคร่งขรึมของเขาทำให้ผู้คนรู้สึกอึดอัด ในขณะที่ดวงตาคมและเฉียบแหลมของเขาสามารถมองทะลุความคิดของผู้คนได้ถ้าผู้คนถูกจ้องมองด้วยดวงตาคู่นั้น ผู้คนก็จะคิดว่าพวกเขากำลังถูกสัตว์ร้ายจ้องมองสายตาคู่นั้นจับจ้องมาที่เธอ!โจว เชียนหยุนตัวแข็งทื่อและสิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือความหนาวเย็นที่ทำให้เธอรู้สึกหายใจไม่ออก!เย่ เหวินหมิง!ในที่สุดผู้ชายคนนี้ก็ปรากฏตัวต่อหน้าเธอสินะตั้งแต่วันที่เธอหนีเขาในห้างวันนั้น เธอก็มีลางสังหรณ์คลุมเครือว่าคราวนี้เธอจะไม่รอดจากเขา และในที่สุดเขาก็หาเธอเจอจนได้‘แต่ฉันไม่ได้คาดหวังว่ามันจะเร็วขนาดนี้!’ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไปจนเธอรู้สึกหายใจไม่ออก“มันนานมากแล้วสินะ” น้ำเสียงเยือกเย็นดังขึ้นในตอนกลางคืนร่างกายของเธอสั่นเทา ‘นานเหรอ? อันที่จริง ฉันก็ไม่ได้เจอเขามานานมากแล้ว ยกเว้นเพียงเหลือบมองดูเสี้ยวหน้าของเขาที่ห้างสรรพสินค้าเมื่อวันก่อน
ตอนที่เธอต้องดิ้นรนกับความหิวโหย เขาอาจจะกำลังเสวยสุขอยู่กับผู้หญิงที่เขารัก“เมื่อไหร่คุณจะปล่อยเรื่องนี้ไปสักที? ฉันคิดว่าเราคุยเรื่องนี้ในศาลไปหมดแล้ว ฉันก็ติดคุกตามที่คุณต้องการแล้วไง คุณเย่ มีอะไรอยากจะสั่งสอนฉันอีกเหรอคะ??” โจว เชียนหยุนพูดเย่ เหวินหมิงหรี่ตาลง ผู้หญิงตรงหน้าเขาไม่อ่อนโยนเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป ดูเหมือนว่าว่ารอบตัวของเธอจะมีแต่ลวดหนามคอยกันไม่ให้ใครเข้าไปใกล้โดยเฉพาะคำว่า ‘ปล่อย’ ของเธอ มันกระแทกใส่เขาอย่างรุนแรง“โจว เชียนหยุน เธอคิดว่าแค่เธอติดคุกเพียงไม่กี่ปี เธอจะชดใช้หนี้ทั้งหมดของเธออย่างนั้นเหรอ?” เย่ เหวินหมิงพูดออกมาอย่างเย็นชา นิ้วยาวของเขาบีบแขนเธอแน่นขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอเข้ามาใกล้เขามากขึ้น “เธอมันช่างไร้เดียงสาจริง ๆ ถ้าเธอคิดอย่างนั้น!”โจว เชียนหยุนหัวเราะขึ้นทันที ‘ไร้เดียงสา... เขาบอกว่าฉันไร้เดียงสา!’เขาได้ทำลายความไร้เดียงสาของเธอไปหมดแล้ว!“เย่ เหวินหมิง ฉันไม่เคยเป็นหนี้อะไรคุณเลย” เธอเชิดหน้าขึ้นและไม่หลบสายตาของเขาไม่ว่าเธอจะเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ต้องอยู่ในช่วงเวลาเลวร้ายและอับอายแค่ไหน เธอก็ไม่เคยเป็นหนี้เขาทั้งนั้น!“เ
เย่ เหวินหมิงประหลาดใจเล็กน้อยที่เธอดูสงบนิ่ง “จะไม่หนีเหรอ?” เขาถามขณะถอดเนคไท“แล้วฉันหนีได้หรือเปล่าล่ะ?” เธอโต้กลับราวกับพูดคุยเรื่องขบขันเธอเคยหลบหนีได้ครั้งหนึ่งเมื่อเธอออกจากคุก และหนีออกมาอีกครั้งเมื่อเห็นเขาในห้าง แต่ในที่สุด... เขาก็หาเธอเจออยู่ดีบางครั้ง โชคชะตาก็ดูเหมือนจะหมุนไปรอบ ๆ และปล่อยให้ทุกอย่างกลับเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสอีกครั้ง การทำให้ผู้คนรู้สึกหมดหนทางมันเป็นเรื่องตลกและน่าเศร้า“ไม่มีทางหนีพ้นหรอก” นี่คือคำตอบของเย่ เหวินหมิงที่มีให้เธอ “ถึงเธอจะหนีไปอีก ฉันก็จะเจอเธออีกครั้งอยู่ดี”“เพราะฉะนั้น ฉันก็ไม่จำเป็นต้องหนี” โจว เชียนหยุนยักไหล่ราวกับว่าเธอเลิกต่อต้านและพูดว่า “คุณเย่ คุณอยากให้ฉันชดใช้ชีวิตที่เป็นหนี้คุณยังไงบ้างล่ะ?”เย่ เหวินหมิงเม้มริมฝีปากบางของเขาเข้าด้วยกันและจ้องไปที่โจว เชียนหยุน “ฉันสงสัยว่าใครช่วยเธอซ่อนทุกอย่างเมื่อที่เธอออกจากคุก”หากไม่เป็นเช่นนั้น เขาก็คงจะใช้เวลาในการตามหาเธอไม่นาน“เพื่อน” โจว เชียนหยุนตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา“เพื่อนแบบไหน?” เขาถาม“เพื่อนที่ฉันจะมอบชีวิตให้ได้!” โจว เชียนหยุนตอบแต่ดูเหมือนเย่ เหวินหมิงจะเ