อย่างน้อยตอนนี้เธอก็มีใบอนุญาติทนายความ ดังนั้นเธอจึงสามารถกลับไปทำงานที่เธอรักได้!“งั้นฉันจะไปกับเธอ วันนี้ฉันเลยเอารถมาด้วย เราจะได้เดินทางสะดวก” ชิน เหลียนอีกล่าวทั้งสองคนไปหาตัวแทนที่ปล่อยบ้านเช่า เนื่องจากหลิง อี้หรานไม่ได้กำหนดรายละเอียดอะไรมากมาน เธอจึงใช้เวลาไม่นานในการหาบ้านที่เหมาะสมพวกเขาไปดูบ้านในตอนเช้าและเซ็นสัญญาเช่ากับเจ้าของบ้านในตอนบ่ายค่าใช้จ่าย 1,700 ดอลลาร์ต่อเดือน การเดินทางก็ค่อนข้างสะดวก แถมยังมีร้านสะดวกซื้อและร้านอาหารในบริเวณใกล้เคียงอีกด้วยแต่ชิน เหลียนอีกลับพบว่าผู้คนในละแวกนี้มีค่อนข้างหลากหลายชนชั้น เธอจึงกังวลว่าเพื่อนของเธอจะต้องพบกับความอันตรายหลิง อี้หรานพูดเกี่ยวกับเรื่องนั้นว่า “ฉันไม่ได้จะอยู่ที่นี่ตลอดชีวิตสักหน่อย แค่พักที่นี่ชั่วคราวจนกว่าฉันจะมีรายได้ที่มั่นคงมากขึ้น จากนั้นฉันจะย้ายไปที่อื่นและฉันจะพยายามไม่ออกไปไหนในตอนกลางคืน ไม่เป็นอะไรหรอก”ชิน เหลียนอีคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ‘ในช่วงนี้ก็คงต้องเป็นแบบนี้ไปก่อน’ในตอนบ่าย ชิน เหลียนอีขับรถพทหลิง อี้หรานย้ายเข้ามาในบ้านเช่า พวกเขาซื้อเครื่องครัวที่จำเป็นและทำความสะอาดบ้านเช่า หลั
‘แต่ว่า...’ หลิง อี้หรานก้มศีรษะลงและมองไปที่ท้องแบนของเธอ‘ฉันอาจจะไม่มีลูกเป็นของตัวเองด้วยซ้ำ เป็นเพราะร่างกายของฉันในอดีตที่ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้’‘ตอนนี้ร่างกายของฉันหายดีแล้ว แต่ฉันก็เหนื่อยทั้งกายและใจจนไม่กล้าที่จะเชื่อในสิ่งที่เรียกว่าความรักอีกต่อไป!’หลิง อี้หรานไปที่ร้านอาหารเล็กหลังจากเลยหนึ่งทุ่มไปแล้ว เธอพยายามหลีกเลี่ยงชั่วโมงเร่งด่วนในช่วงตอนเย็น“มาแล้วเหรอ?!” เมื่อโจว เชียนหยุนเห็นหลิง อี้หราน เธอก็รีบเดินมาหาอี้หรานทันที เมื่อมองดูใบหน้าที่ผอมซูบของอี้หราน เธอก็ถามว่า “เธอกินข้าวหรือยัง? มากินอะไรที่ร้านของฉันไหม?”หลิง อี้หรานคิดเกี่ยวกับมันและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้น ขอบะหมี่หนึ่งถ้วยค่ะ ฉันไม่ได้กินมันมานานแล้ว”“ได้เลย รอสักครู่นะ” โจว เชียนหยุนพูดก่อนสั่งให้พนักงานในครัวทำบะหมี่ให้อี้หรานเพียงเวลาไม่นาน ชามก๋วยเตี๋ยวที่มีส่วนผสมมากมายก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าอี้หราน “กินสิ คิดเสียว่าเราฉลองวันเกิดเธอย้อนหลัง!”“ขอบคุณค่ะ” หลิง อี้หรานพูดขึ้นขณะที่เธอก้มศีรษะลงและเริ่มกินบะหมี่อย่างเงียบ ๆโจว เชียนหยุนไม่ได้รบกวนเธออีกต่อไปและหันกลับทักทายลูกค้าคนอื่น ๆ เธอทำควา
วินาทีถัดมา เค้กในมือของเธอก็ร่วงหล่นลงพื้นไม่ไกลจากประตูร้านอาหาร ร่างสูงก้าวออกจากรถยนต์หรูและเดินเข้ามาหาเธอท่ามกลางแสงจันทร์ทีละก้าวผมของเขายังคงถูกจับแต่งทรงอย่างพิถีพิถัน เขาสวมชุดสูทที่ได้รูป ใบหน้าเย็นชาและเคร่งขรึมของเขาทำให้ผู้คนรู้สึกอึดอัด ในขณะที่ดวงตาคมและเฉียบแหลมของเขาสามารถมองทะลุความคิดของผู้คนได้ถ้าผู้คนถูกจ้องมองด้วยดวงตาคู่นั้น ผู้คนก็จะคิดว่าพวกเขากำลังถูกสัตว์ร้ายจ้องมองสายตาคู่นั้นจับจ้องมาที่เธอ!โจว เชียนหยุนตัวแข็งทื่อและสิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือความหนาวเย็นที่ทำให้เธอรู้สึกหายใจไม่ออก!เย่ เหวินหมิง!ในที่สุดผู้ชายคนนี้ก็ปรากฏตัวต่อหน้าเธอสินะตั้งแต่วันที่เธอหนีเขาในห้างวันนั้น เธอก็มีลางสังหรณ์คลุมเครือว่าคราวนี้เธอจะไม่รอดจากเขา และในที่สุดเขาก็หาเธอเจอจนได้‘แต่ฉันไม่ได้คาดหวังว่ามันจะเร็วขนาดนี้!’ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไปจนเธอรู้สึกหายใจไม่ออก“มันนานมากแล้วสินะ” น้ำเสียงเยือกเย็นดังขึ้นในตอนกลางคืนร่างกายของเธอสั่นเทา ‘นานเหรอ? อันที่จริง ฉันก็ไม่ได้เจอเขามานานมากแล้ว ยกเว้นเพียงเหลือบมองดูเสี้ยวหน้าของเขาที่ห้างสรรพสินค้าเมื่อวันก่อน
ตอนที่เธอต้องดิ้นรนกับความหิวโหย เขาอาจจะกำลังเสวยสุขอยู่กับผู้หญิงที่เขารัก“เมื่อไหร่คุณจะปล่อยเรื่องนี้ไปสักที? ฉันคิดว่าเราคุยเรื่องนี้ในศาลไปหมดแล้ว ฉันก็ติดคุกตามที่คุณต้องการแล้วไง คุณเย่ มีอะไรอยากจะสั่งสอนฉันอีกเหรอคะ??” โจว เชียนหยุนพูดเย่ เหวินหมิงหรี่ตาลง ผู้หญิงตรงหน้าเขาไม่อ่อนโยนเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป ดูเหมือนว่าว่ารอบตัวของเธอจะมีแต่ลวดหนามคอยกันไม่ให้ใครเข้าไปใกล้โดยเฉพาะคำว่า ‘ปล่อย’ ของเธอ มันกระแทกใส่เขาอย่างรุนแรง“โจว เชียนหยุน เธอคิดว่าแค่เธอติดคุกเพียงไม่กี่ปี เธอจะชดใช้หนี้ทั้งหมดของเธออย่างนั้นเหรอ?” เย่ เหวินหมิงพูดออกมาอย่างเย็นชา นิ้วยาวของเขาบีบแขนเธอแน่นขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอเข้ามาใกล้เขามากขึ้น “เธอมันช่างไร้เดียงสาจริง ๆ ถ้าเธอคิดอย่างนั้น!”โจว เชียนหยุนหัวเราะขึ้นทันที ‘ไร้เดียงสา... เขาบอกว่าฉันไร้เดียงสา!’เขาได้ทำลายความไร้เดียงสาของเธอไปหมดแล้ว!“เย่ เหวินหมิง ฉันไม่เคยเป็นหนี้อะไรคุณเลย” เธอเชิดหน้าขึ้นและไม่หลบสายตาของเขาไม่ว่าเธอจะเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ต้องอยู่ในช่วงเวลาเลวร้ายและอับอายแค่ไหน เธอก็ไม่เคยเป็นหนี้เขาทั้งนั้น!“เ
เย่ เหวินหมิงประหลาดใจเล็กน้อยที่เธอดูสงบนิ่ง “จะไม่หนีเหรอ?” เขาถามขณะถอดเนคไท“แล้วฉันหนีได้หรือเปล่าล่ะ?” เธอโต้กลับราวกับพูดคุยเรื่องขบขันเธอเคยหลบหนีได้ครั้งหนึ่งเมื่อเธอออกจากคุก และหนีออกมาอีกครั้งเมื่อเห็นเขาในห้าง แต่ในที่สุด... เขาก็หาเธอเจออยู่ดีบางครั้ง โชคชะตาก็ดูเหมือนจะหมุนไปรอบ ๆ และปล่อยให้ทุกอย่างกลับเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสอีกครั้ง การทำให้ผู้คนรู้สึกหมดหนทางมันเป็นเรื่องตลกและน่าเศร้า“ไม่มีทางหนีพ้นหรอก” นี่คือคำตอบของเย่ เหวินหมิงที่มีให้เธอ “ถึงเธอจะหนีไปอีก ฉันก็จะเจอเธออีกครั้งอยู่ดี”“เพราะฉะนั้น ฉันก็ไม่จำเป็นต้องหนี” โจว เชียนหยุนยักไหล่ราวกับว่าเธอเลิกต่อต้านและพูดว่า “คุณเย่ คุณอยากให้ฉันชดใช้ชีวิตที่เป็นหนี้คุณยังไงบ้างล่ะ?”เย่ เหวินหมิงเม้มริมฝีปากบางของเขาเข้าด้วยกันและจ้องไปที่โจว เชียนหยุน “ฉันสงสัยว่าใครช่วยเธอซ่อนทุกอย่างเมื่อที่เธอออกจากคุก”หากไม่เป็นเช่นนั้น เขาก็คงจะใช้เวลาในการตามหาเธอไม่นาน“เพื่อน” โจว เชียนหยุนตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา“เพื่อนแบบไหน?” เขาถาม“เพื่อนที่ฉันจะมอบชีวิตให้ได้!” โจว เชียนหยุนตอบแต่ดูเหมือนเย่ เหวินหมิงจะเ
โจว เชียนหยุนตกตะลึงในทันที‘เขากำลังทำอะไรอยู่? เขาจูบฉันเหรอ?’ทำไมเขาถึงจูบเธอ? เขาควรจะเกลียดเธอเข้าไส้ไม่ใช่เหรอ? ทำไมจูบนี้ถึงดูร้อนแรงราวกับอยากจะกลืนกินเธอทั้งตัว!เธอไม่รู้ว่าใช้เวลานานแค่ไหนกว่าการจูบจะจบลง เมื่อเขาผละจูบออก เขาก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แม้แต่เย่ เหวินหมิงเองก็ไม่คิดว่าเขาจะรู้สึก... พอใจจากการจูบนี้!‘ฉันไม่ได้รู้สึกพึงพอใจแบบนี้มานานแล้ว!’‘ทำไม... ทำไมผู้หญิงคนนี้?’เขาจ้องมองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเปกัน ขณะที่เรียวนิ้วของเขาลูบไล้ริมฝีปากของเธอที่เผยให้เห็นสีแดงเล็กน้อยและอาการบวมจากการจูบของเขาเป็นเวลาเกือบสี่ปีที่พรากความไร้เดียงสาของเธอไปและทำให้เธออ่อนโยนมากขึ้น มันง่ายที่จะเกลี้ยกล่อมผู้ชายคนหนึ่งเมื่อเธอจ้องมองเขาด้วยดวงตาที่งดงามของเธอ‘เธอใช้สายตาแบบนี้เกลี้ยกล่อมชายอื่นด้วยหรือเปล่า?’เมื่อเขาย้อนนึกถึงตอนที่เธอบอกว่าเธอมอบชีวิตให้กับชายอื่น เขาก็อารมณ์เสียในทันที ‘ผู้ชายคนนั้นจูบเธอแบบเดียวกันกับเขาหรือเปล่า?’“เย่ เหวินหมิง คุณกำลังทำอะไร?” เสียงของโจว เชียนหยุนดึงสติของเขาให้กลับมาอีกครั้งใบหน้าของเธอไม่เหนียมอายเหมือนตอนท
ในตึกผู้ป่วยวีไอพีของโรงพยาบาล นายท่านอี้นั่งลงบนเตียงและมองดูหลานชายของเขาซึ่งนั่งห่างออกไปเพียงไม่กี่คืบ “ฉันได้ยินมาว่าแกเลิกกับผู้หญิงคนนั้นแล้วหรือ?”อี้ จิ่นหลีดูสงบนิ่ง ราวกับว่าเขาไม่แปลกใจที่นายท่านอี้รู้เรื่องนี้ไม่นานหลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นเพราะคนในคฤหาสน์อี้ก็คงจะให้ข้อมูลแก่นายท่านอี้ แม้ว่าชายชราผู้นี้จะเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลมาเป็นเวลานาน แต่เขาก็รู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นในคฤหาสน์อี้“ใช่ เราเลิกกันแล้ว” อี้ จิ่นหลีพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา“แกน่าจะฟังฉันตั้งแต่แรกนะ ผู้หญิงคนนั้นไม่เหมาะกับแก!” ดวงตาที่ขุ่นมัวของนายท่านอี้มองดูหลานชายของเขาอย่างเฉียบขาด “ดีที่แกไม่เหมือนกับพ่อของแก แกรู้ว่ามันควรหยุดก่อนที่จะสายเกินไป ไม่อย่างนั้นแกก็จะจบลงเหมือนกับพ่อของแก!”ทันใดนั้น อี้ จิ่นหลีก็ยิ้มเยาะเย้ยจากมุมริมฝีปากของเขาและเงยหน้าขึ้นเพื่อสบตากับนายน้อยอี้ “คงเป็นคุณเองสินะที่จัดการให้จิตแพทย์ชื่อเหลิ่งมาที่คฤหาสน์อี้”ด้วยเหตุนี้ใบหน้าของนายท่านอี้จึงเต็มไปด้วยความประหลาดใจ แต่เขาก็ยอมรับอย่างง่ายดาย “ใช่ ฉันขอให้ใครสักคนติดสินบนหมอคนนี้ แล้วให้ส่งหมอไปที่คฤหาสน์อี้”เขาไ
‘มันเป็นเพราะฉันไม่ชอบคุณปู่ที่พยายามจะควบคุมชีวิตของฉันเหรอ? หรือเป็นเพราะการที่ฉันเลิกกับอี้หรานมีผลมาจากการกระทำของคุณปู่กันแน่?’‘ไม่ การเลิกกันเกิดขึ้นเพราะการตัดสินใจของฉันเอง’‘ถึงคุณปู่จะไม่เข้ามาแทรกแซงในเรื่องนี้ ฉันก็อาจจะยังเลิกกับอี้หรานอยู่ดี’‘ฉันเหมือนยืนอยู่บนปากเหว ตราบใดที่เธอยังมีกู้ ลี่เฉินอยู่ในใจ ฉันก็จะกลัวที่จะเสียเธอไปอยู่ดีและวันหนึ่งฉันจะต้องทนทุกข์กับการทรยศขออี้หราน’‘แทนที่จะเอาแต่หวาดกลัว มันคงดีแล้วที่ฉันจบเรื่องด้วยตัวเอง’‘ก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งและความสัมพันธ์ที่กินเวลาไม่ถึงปี! มันไม่มีความหมายอะไรสำหรับฉันทั้งนั้น!’เขาพูดกับตัวเองเงียบ ๆ แต่หน้าอกของเขากลัวเสียวซ่านไปด้วยความเจ็บปวดราวกับว่าเพียงแค่ความคิดเกี่ยวกับเธอก็สามารถทำร้ายเขาได้“หือ? คุณหลิง” เกา ฉงหมิงที่นั่งอยู่เบาะหน้าอุทานขึ้นอี้ จิ่นหลีตกตะลึงในขณะที่เขามองออกไปนอกหน้าต่างกะทันหันอย่างไม่รู้ตัวสายตาของเขาปะทะเข้ากับร่างผอมบางที่อยู่ตรงริมถนนไม่ไกลนักเธอสวมเสื้อยืดสีเทาและกางเกงยีนส์ ผมยาวของเธอถูกมัดเป็นหางม้า ใบหน้าที่งามสง่านั้นดูหมองคล้ำภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน แม้แต่เส
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค