“เตรียมรถให้ฉันที” อี้ จิ่นหลีพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม“ครับ!” เกา ฉงหมิงตอบกลับ เขาเหลือบมองสีหน้าของเจ้านายและรู้สึกราวกับว่ามีข้อต้องห้ามบางอย่างอยู่ในนั้นและเมื่อไหร่ที่เมื่อข้อต้องห้ามนั้นถูกทำลาย บางทีทุกอย่างอาจจะเปลี่ยนไป!อาจจะเป็นเพราะหลิง อี้หรานเกา ฉงหมิงคิดกับตัวเองว่านายน้อยอี้ห่วงใยหลิง อี้หรานมากกว่าที่ใครจะจินตนาการได้ บางทีอาจจะเกินจินตนาการของนายน้อยอี้เองด้วยซ้ำแต่เกา ฉงหมิงก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมนายน้อยอี้ถึงกังวลเกี่ยวกับกู้ ลี่เฉินเป็นอย่างมาก‘เหมือนเขากลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างหลิง อี้หรานกับกู้ ลี่เฉิน’‘นายน้อยอี้กลัวอะไรกันแน่?’จากนั้น เกา ฉงหมิงก็หัวเราะเยาะตัวเอง ‘นายน้อยอี้กลัวอะไรที่ไหนล่ะ? ฉันอาจจะคิดมากเกินไป!’...หลิง อี้หรานนั่งอยู่บนเนินเล็ก ๆ หน้าหลุมศพของคุณยาย เธอกำลังเล่าเรื่องราวในชีวิตของเธอในตอนนี้ให้คุณยายฟัง รวมถึงทุกสิ่งทุกอย่างระหว่างเธอกับอี้ จิ่นหลีในอนาคตบนเนินเขานี้มีคนไม่มานัก ไม่เหมือนกับที่บ้านของครอบครัวลู่ เพราะวันนี้ไม่ใช่วันแห่งการกวาดสุสานหรือเหมายัน ดังนั้นจึงไม่มีคนอื่นที่มาเยี่ยมหลุมศพ เธอจึงสามารถบอกทุกอ
ในความฝัน เด็กชายก้าวพลาดและลื่นล้มไปที่ขอบหน้าผา เด็กหญิงตัวเล็กพยายามจะดึงเด็กชายขึ้นมาตามสัญชาตญาณและทั้งคู่ก็ไถลลื่นลงไปด้วยกันแต่เด็กหญิงกลับจับมือเด็กชายเอาไว้และไม่ยอมปล่อยมือ จากนั้นเธอก็ดึงเด็กชายขึ้นมากับเธอหลิง อี้หรานเดินไปที่ขอบหน้าผาและมองลงไปอย่างระวังหน้าผานี้ค่อนข้างชัน แม้แต่ผู้ใหญ่ยังคิดว่ามันค่อนข้างอันตราย ถ้าคุณบังเอิญตกลงไป กระดูกของคุณอาจจะหักเป็นสองสามชิ้นได้เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หลิง อี้หรานก็ถอยกลับไปอีกสองสามก้าว เพื่อหนีจากขอบหน้าผากู้ ลี่เฉินไม่ได้เข้าใจผิดว่าเธอเป็นคนอื่น เขาจำเธอได้ แต่เธอกลับจำเขาไม่ได้แต่เมื่อเธอเริ่มจำเขาได้ เขากลับเข้าใจผิดว่าเป็นคนอื่นแทนมันจะเป็นความลับ ความลับที่ฝังอยู่ในใจเธอตลอดไปทันใดนั้นเสียงเท้าเหยียบกิ่งไม้บนพื้นก็ดังขึ้น หลิง อี้หรานหันศีรษะของเธอกลับมอง เธอประหลาดใจเมื่อเธอเห็นกู้ ลี่เฉินที่นี่เขาสวมสูทสีดำและเสื้อเชิ้ตสีขาวชุดเดียวกันกับที่เธอเห็นก่อนหน้า แต่สิ่งเดียวที่แตกต่างจากตอนแรกที่เธอเห็นคือเขาถือถังหูลู่อยู่ในมือแต่ถังหูลู่ยังคงห่อด้วยพลาสติก เขายังไม่ได้แกะมันออกมาใบหน้าที่ไม่แยแสของเขาเปลี่
แม้ว่าจะไม่ได้ดูน่ากลัวเท่าตอนที่เขายังเป็นเด็ก แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่นี่ก็ยังอยู่ในจิตใต้สำนึกของเขา เขามักจะนึกถึงเหตุการณ์นั้นซ้ำแล้วซ้ำอีกกู้ ลี่เฉินจ้องมองลงไปอย่างเงียบ ๆ ดูเหมือนเขากำลังนึกถึงอะไรบางอย่าง แต่ใบหน้าของเขากลับเต็มไปด้วยความโดดเดี่ยวหลิง อี้หรานรู้สึกรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเมื่อมองดูกู้ ลี่เฉินที่นี่คือที่ที่พวกเขาผ่านประสบการณ์ชีวิตและความตายมาด้วยกัน ร่างเล็กทั้งสองเป็นเหมือนสหายที่สนิทกันแต่ตอนนี้กลับมีช่องว่างระหว่างพวกเขา“คุณรู้ไหมว่าการคิดถึงใครสักคนมันเป็นยังไง?” เสียงเย็นชาของกู้ ลี่เฉินดังขึ้นในป่าที่เงียบสงบและเคว้งคว้างหลิง อี้หรานตกตะลึงเล็กน้อยแต่กู้ ลี่เฉินกลับไม่ได้รับคำตอบจากเธอ เขาพูดกับตัวเองว่า “เมื่อคุณคิดถึงใครสักคน คุณจดจำเขาคนนั้นไว้ในใจเสมอ และคุณจะนึกถึงเขาตลอดเวลา”รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเขา เขายิ้มบาง ๆ ให้เธอ แต่รอยยิ้มนั้นดูเหมือนฝันไปมันเหมือนกับเกล็ดหิมะ ตราบใดที่ตะวันฉายแสง เกล็ดหิมะนั้นก็จะดับลงในทันใด...“ผมคิดถึงใครบางคนตั้งแต่อายุ 11 ขวบ แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมาผมกลับหาเธอไม่เจอ คุณเคยรู้สึกสิ้นหวังแบบนั้นไหม? ใน
และตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าเธอไม่ใช่เด็กหญิงคนนั้นแต่... เธอกลับรู้สึกไม่สบายใจ อาจเป็นเพราะเขาคือเพื่อนคนแรกที่เธอเคยผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกันเมื่อตอนเป็นเด็กแม้ว่าเธอจะอาศัยอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้มาหลายปีก็ตาม แต่เธอกลับรู้สึกเหินห่างกับเด็ก ๆ ในเมืองนี้แต่ในความฝัน เธอกลับไม่ได้รู้สึกว่าเด็กหญิงคนนั้นดูเหินห่างกับเด็กชายเลยสักนิด“แน่นอน ฉันจะไม่มาที่นี่อีก” หลิง อี้หรานพูดขณะที่เธอก้าวถอยหลัง แต่เธอกลับเหยียบกิ่งไม้ และเสียหลักล้มลง“อ๊ะ!” หลิง อี้หรานอุทาน ร่างของเธอไถลลงมาจากขอบหน้าผา‘ฉันตกลงมา!’เธอใช้มือพยายามคว้าอะไรบางอย่างโดยสัญชาตญาณ! ‘อะไรก็ได้!’หมับ!วินาทีถัดมา มือหนึ่งจับมือของเธอเอาไว้ ร่างของเธออยู่ใกล้กับหน้าผามาก ถ้าเขาจับเธอไม่ทัน เธอก็อาจจะตกลงไปกู้ ลี่เฉินกำลังเอนตัวลงมาจากบนขอบหน้าผา ขณะที่มือข้างหนึ่งกำข้อมือของเธอเอาไว้แน่น “ส่ง... มืออีกข้างหนึ่งมา ผมจะได้ดึงคุณขึ้น!”ใบหน้าของเขาซีดเผือกและดวงตาก็เบิกกว้างดวงตารูปอัลมอนด์ของหลิง อี้หรานสบกับดวงตาฟีนิกซ์ของกู้ ลี่เฉิน จากนั้นพวกเขาก็ระลึกได้ว่าครั้งนี้พวกเขาสลับตำแหน่งกัน‘ฉันคือคนที่ล้มลง
“ตัวฉันหนักใช่ไหม?” เด็กชายตัวน้อยถามด้วยความเขินอาย“ใช่ นายตัวหนักมาก” เด็กหญิงพูดออกมาโดยไม่รักษาน้ำใจ นั่นเป็นเพราะการดึงเขาขึ้นมาจากหน้าผ่านั้นยากมาก“ฉันขอโทษ... ที่เธอต้องมาแบกฉัน แต่… แต่ถ้าเธอได้รับบาดเจ็บในอนาคต ฉันจะไปช่วยเธอแน่นอน!” เสียงของเด็กชายเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น ราวกับว่าเขากลัวว่าเด็กหญิงคนนี้จะไม่ชอบเขาเพราะความไร้ประโยชน์ของเขา“นายจะแบกฉันได้นานแค่ไหนกัน? ถ้านายแบกฉันไม่ไหวล่ะ?” ดูเหมือนเด็กหญิงจะไม่เชื่อในความแข็งแกร่งของเด็กชาย ถึงแม้ว่าเขาจะอายุมากกว่าเธอ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะต้องเป็นคนที่ปกป้องเขาไปตลอด“ฉันแบกเธอได้ตลอดไปนั่นแหละ!" เด็กชายตัวน้อยโพล่งออกมาแต่เด็กชายและเด็กหญิงกลับไม่รู้ว่าตลอดไปหมายถึงอะไรภาพที่ไม่ชัดเจนค่อย ๆ ผุดขึ้นมาในความทรงจำของเธอหลิง อี้หรานรู้สึกมึนงงและพยายามลืมตา แต่เธอกลับไม่สามารถลืมตาได้ ร่างกายของเธอขยับจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง แกว่งไปมาเล็กน้อย‘ราวกับว่า... มีใครบางคนกำลังอุ้มฉันอยู่’‘เขาคือใคร? ใครกำลังอุ้มฉัน?’“เฉินเฉิน…” เมื่อเสียงแผ่นเบาออกมาจากปากของเธอโดยไม่รู้ตัว กู้ ลี่เฉินที่อุ้มเธอไว้บนหลังของเขา
เขาตามหาเธอมาแสนนาน แต่เธอกลับลืมเรื่องราวของเขาหลิง อี้หรานจ้องแผ่นหลังของคนร่างหนาขณะที่น้ำตาไหลรินลงมาเขาเคยบอกว่าถ้าเธอได้รับบาดเจ็บ เขาจะแบกเธอไว้บนหลังของเขา แต่... พวกเขากลับไม่สามารถทำแบบนั้นได้อีกเขาไม่ใช่คนที่เธอชอบและรัก!“กู้ ลี่เฉิน ฉันจะไม่มาที่เนินเขานี้อีก อันที่จริง เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคุณยังเด็ก มันก็เป็นแค่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคุณยังเด็ก คุณไม่จำเป็นต้องหมกมุ่นอยู่กับมัน” หลิง อี้หรานพูดเธอไม่ต้องการให้เขาหมกมุ่นอยู่กับเหตุการณ์ในวัยเด็ก เธอไม่ต้องการให้เขาถูกน้องลี่ฟางหลอก แต่ตอนนี้เธอก็ไม่สามารถอธิบายทุกอย่างให้เขาฟังได้กู้ ลี่เฉินหัวเราะ “หลิง อี้หราน คุณเป็นใครกันถึงมาบอกผมอย่างนั้น?”เธอตกตะลึง“ผมได้ยินมาว่าคุณมีปัญหากับลี่ฟาง เรื่องที่ลี่ฟางเป็นคนช่วยชีวิตของผม มันเป็นปัญหากับคุณมากนักเหรอ?” เขาถามเธอรู้ว่าเขาเข้าใจเธอผิด “ฉันแค่ไม่อยากให้คุณถูกหลอก” เธอพูด“ถูกหลอก? คุณคิดว่าลูกพี่ลูกน้องของคุณหลอกผมได้อย่างนั้นเหรอ?” น้ำเสียงของกู้ ลี่เฉินเต็มไปด้วยความมั่นใจท้ายที่สุดแล้ว ลี่ฟางเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาจากเมืองเล็ก ๆ ที่เรียนจบแค่ระดับมัธย
เขาไม่คาดคิดว่าเธอจะมาที่นี่และเขาจะได้พบกับเหตุการณ์แบบนี้ตอนที่เขาเห็นเธอตกจากหน้าผา ความรู้สึกของเขาแทบจะว่างเปล่า เารีบวิ่งไปคว้าข้อมือของเธอตามสัญชาตญาณ โดยลืมไปว่าเขาอาจจะหล่นลงไปกับเธอได้เขารู้สึกตื่นตระหนกเมื่อเห็นว่าเธอไม่สามารถส่งมืออีกข้างหนึ่งมาหาเขาและมีอาการปวดหัว เขากลัวว่าเขาจะช่วยเธอไว้ไม่ได้และเธอจะตกลงไป นอกจากนี้ เธอยังมีอาการปวดหัวอีกด้วยเขากลัวแทบตาย!นานมากแล้วที่เขาไม่ได้ประสบกับความกลัวเช่นนี้!แม้ว่าเขาจะดึงเธอขึ้นได้แต่อาการของเธอก็อยู่ในอาการกึ่งโคม่า หลังของเขาเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ แม้แต่มือของเขาก็พลันสั่นเช่นกัน ความกลัวแพร่กระจายไปทั่วร่างกายของเขาอย่างรวดเร็วเมื่อเขาดึงสติของตัวเองกลับมาได้ เขาก็เห็นว่าตัวเขากอดเธอไว้แน่นอยู่ในอ้อมแขนของเขา ราวกับว่าเขากำลังกอดสมบัติล้ำค่าอยู่ เขาจะไม่ยอมปล่อยเธอง่าย ๆ !‘ทำไม... ทำไมเรื่องแบบนี้ถึงเกิดขึ้นได้? ทำไมฉันถึงสนใจเธอมากในเมื่อฉันรู้อยู่ใจว่าเธอไม่ใช่เด็กผู้หญิงคนนั้น’เขามองดูหลิง อี้หรานที่หมดสติและเอามือลูบหน้าเธออย่างอ่อนโยน‘ฉันต้องตกหลุมรักเธอแน่ ๆ !’‘ฉันตกหลุมรักเธอแล้วจริง ๆ’‘บางทีฉั
‘ต้องไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ! เธอจะต้องไม่เป็นอะไร!’‘ไม่ว่ายังไงฉันก็จะหาเธอให้เจอ!’“แล้วการเฝ้าระวังในบริเวณใกล้เคียงล่ะ? พบอะไรบ้างไหม?” อี้ จิ่นหลีถาม“เรากำลังตรวจสอบอยู่ คิดว่าเราอาจจะพบอะไรเร็ว ๆ นี้ครับ” เกา ฉงหมิงรีบรายงานเจ้านายโชคดีที่มีการเฝ้าระวังบนถนนหลายสายแถวนี้ ถ้าเกิดคุณหลิงออกนอกพื้นที่นี้ไป กล้องวงจรปิดอาจจะถ่ายภาพเธอไว้ได้แต่การเฝ้าระวังรายงานว่ามีรถเข้าและออกเพียง 13 คัน และมีเพียงไม่กี่คนที่เดินผ่านบนถนนไปในช่วงเวลานี้บริเวณนี้เป็นหนึ่งในพื้นที่ห่างไกลของเมือง จึงไม่มีการเดินทางเข้าหรือออกจากที่นี่มากนักพวกเขาได้ตรวจสอบเจ้าของรถเหล่านี้แล้ว พวกเขาทั้งหมดเป็นชาวเมืองผู้บริสุทธิ์ พวกเขาไม่มีประวัติอาชญากรรมและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณหลิงสำหรับผู้ที่ผ่านไปมาก็ให้การว่าไม่เคยเห็นคุณหลิงมาก่อนกล่าวคือ คุณหลิงน่าจะยังอยู่บนเนินเขานี้ มันเป็นเพียงเนินเขาที่เชื่อมต่อกันทั้งหมดและมันค่อนข้างยุ่งยากที่จะตามหาเธอให้เจอเกา ฉงหมิงมองไปที่เจ้านายของเขาและรอคำสั่งครู่ต่อมา เกา ฉงหมิงเห็นริมฝีปากบางของเขาเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “ปิดเนินเขาพวกนี้แล