หลิง อี้หรานสูดหายใจเข้าลึก ๆ หยุดดิ้นรนและสงบลง “น้องลี่ฟางที่ช่วยคุณไว้ไม่ใช่เหรอ? คุณกู้ คุณตามหาเธอเจอด้วยตัวคุณเอง ฉันคิดว่าตอนนี้คุณไม่น่าจะต้องมาตั้งคำถามที่น่าขบขันแบบนี้กับฉันหรอกใช่ไหมคะ?”คำพูดของเธอเหมือนกับสายน้ำเย็นที่ไหลลงมาจากบนเขาและทำให้เขาหน้าซีดในทันที“กู้ ลี่เฉิน คุณไม่คิดเหรอว่าการคาดเดาของคุณมันเป็นอะไรที่ไร้สาระ? คุณคิดว่าน้องลี่ฟางจะรู้สึกยังไงถ้าเธออยู่ที่นี่และได้ยินสิ่งที่คุณเพิ่งถามฉัน?” เธอถามดวงตาที่แดงก่ำของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่เธอและแน่นอนว่าเบาะแสทั้งหมดในการสืบสวนของเขาชี้ตรงไปที่หวา ลี่ฟางเบาะแสเหล่านั้นกำลังบอกเขาว่าหวา ลี่ฟางเป็นคนที่เขาตามหามาโดยตลอด‘แต่ทำไมฉันถึงคิดว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าฉันคือเด็กคนนั้นล่ะ? เป็นเพราะหน้าตาของเธอหรือเปล่า? หรือเป็นเพราะแววตาที่เธอแสดงออกมา?’‘ภาพลักษณ์ของเธอยังคงไว้ซึ่งความเย่อหยิ่งแม้ว่าเธอจะถูกเหยียบย่ำและความโหยหาและการไล่ตามสิ่งที่เรียกว่าความยุติธรรม... มันคล้ายกันมาก!’“คุณ… ไม่ใช่เธอจริง ๆ เหรอ?” เขาสบถคำง่าย ๆ เหล่านี้ออกจากปากด้วยความยากลำบาก“ฉันไม่ใช่” เธอตอบเขาหัวเราะเยาะตัวเอง “ใช่ คุ
“กลับมาแล้วเหรอ? นัดหมอเป็นยังไงบ้าง?” อี้ จิ่นหลีถาม“ก็ไม่เป็นอะไร” หลิง อี้หรานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “อาการปวดหัวน่ะ ถ้าฉันปวดหัวอีก ทำไมคุณไม่พาฉันไปหาหมอคนอื่นล่ะ?”ดวงตาของเขาเป็นประกายเล็กน้อยก่อนจะตอบว่า “ได้สิ”“อ้อ ฉันเพิ่งรู้ว่าคุณสนใจทำเค้ก อะไรดลใจให้คุณอยากเรียนทำเค้กล่ะ? คุณเรียนมานานแค่ไหนแล้ว?” หลิง อี้หรานถามขณะที่เธอมองลงไปที่เค้กที่อี้ จิ่นหลีเพิ่งตกแต่งถือว่าเขาตกแต่งได้ดี อย่างน้อยสำหรับคนธรรมดาอย่างเธอ เค้กก้อนนี้มันดูเหมือนกับเค้กในร้านขายเค้ก“คุณอี้เป็นคนที่เรียนรู้ได้เร็ว เพียงหนึ่งบทเรียน เขาก็เข้าใจมันได้หมดแล้วครับ” เชฟสอนทำขนมที่อยู่ใกล้เคียงพูดยกย่องอี้ จิ่นหลี“วันนี้พอแค่นี้ก่อน ออกไปได้แล้ว” อี้ จิ่นหลีพูดกับเชฟสอนทำขนมเขาพยักหน้าและเดินออกจากครัวไปเหลือเพียงหลิง อี้หรานกับอี้ จิ่นหลีในห้องครัวที่กว้างขวาง“แล้วเธอล่ะ? วันนี้มีอะไรเกิดขึ้นบ้างนอกจากไปพบหมอแล้ว?” เขาถามอย่างใจเย็นเขารู้ทุกอย่าง เขารู้ว่าวันนี้เธอไปโรงพยาบาลอะไรและเขาก็รู้ว่าเธอพบกู้ ลี่เฉินที่นั่นแต่เขาก็อยากได้ยินมันจากปากของเธอมันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีหรือความม
เขาจ้องมองเธออย่างเงียบ ๆ แล้วส่งยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยนรอยยิ้มของเขาเปรียบเสมือนกับภูเขาหิมะที่กำลังละลายในฤดูใบไม้ผลิ งดงามจนคนมองข้ามไม่ได้“อี้หราน ฉันเชื่อเธอ” อี้ จิ่นหลีพูดขณะที่เขาเปิดริมฝีปากบาง ๆ ของเขาเล็กน้อยเขาเป็นคนอ่อนไหวง่ายและไม่เคยเชื่อในสิ่งใดเลยแต่เขากลับต้องการเชื่อในสิ่งที่เธอพูด ว่าเธอจะไม่ทำให้เขาผิดหวังและจะไม่ทำให้เขาเสียใจ!เธอพยายามซ่อนเหตุการณ์ระหว่างเธอกับกู้ ลี่เฉินจากเขา แต่... เขาจะเชื่อเธออีกสักครั้ง เขาจะเชื่อสิ่งที่เธอพูดและเชื่อว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเธอกับกู้ ลี่เฉิน! เขายังเชื่อว่าเขาจะไม่ซ้ำรอยพ่อของเขา!เขาโน้มตัวไปข้างหน้าและประกบริมฝีปากกับเธอจูบนี้ไม่ได้นุ่มนวลเหมือนกับตอนที่เธอจูบเขา แต่มันเป็นจูบที่ต้องการครอบงำ ราวกับว่าเขาอยากจะสูบความหวานในตัวของเธอออกมาให้หมดถึงจูบนี้จะเป็นจูบที่ดูเอาแต่ใจ แต่มันกลับมีความอ่อนโยนซ่อนอยู่ความอ่อนโยนมีไว้เพื่อเธอเท่านั้น!เมื่อหลิง อี้หรานผละออกมา ใบหน้าของเธอแดงก่ำและแทบจะยืนทรงตัวไม่ไหว“เป็นไรไหม? อยากจูบอีกเหรอ?” เขามองเธอด้วยรอยยิ้มกว้างตอนนี้ใบหน้าของเธอแดงแจ๋เหมือนกำลังจะระเ
เขากำมือเธอไว้ ราวกับมือใหญ่พยายามปลอบประโลมมือของเธอมือของเขาสวย ตั้งแต่รูปร่างของนิ้ว ความยาว ข้อต่อและเล็บ เรียวนิ้วพวกนั้นดูสวยงามมากในทางตรงกันข้าม ข้อต่อบางข้อต่อบนมือของเธอกลับดูไม่เป็นธรรมชาติและข้อต่อสองสามข้อดูผิดรูปเป็นพิเศษ ดูเหมือนมือที่ทำงานหนักมาหลายปี หากมองใกล้ ๆ ผู้คนคงจะเห็นรอยแผลเป็นบนมือของเธอ…มือของเธอดูน่าเกลียดมากเมื่ออยู่ใกล้กับมือเรียวของเขา“มีอะไรเหรอ? ทำไมถึงจับมือฉันไว้แบบนั้น...” หลิง อี้หรานกัดริมฝีปากของเธอเล็กน้อยและพยายามดึงมือของเธอกลับแต่เขากลับยื้อเธอไว้ “ต่อจากนี้ไป อะไรก็ตามที่เธอใช้มือทำเองไม่ได้ ฉันจะทำแทนเธอเอง”เธอตกใจมากเมื่อเห็นความรู้สึกผิดบนใบหน้าของเขา ทำให้เธอเข้าใจอะไรบางอย่าง เธอยิ้มอย่างอ่อนโยนและพูดว่า “ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณเลยที่มือของฉันเป็นแบบนี้ คุณไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด”เขามองรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอด้วยแววตาผสมปนเปกัน อี้หรานอาจจะยิ้มแบบนั้นเพื่อทำให้เขารู้สึกผิดน้อยลงแต่คำพูดของเธอที่ว่า ‘ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ’ มันเหมือนมีดที่แทงเข้าที่หัวใจของเขาอย่างแรง‘สิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอจะไม่เกี่ยวข้องกับฉันได้อย่างไร?’‘ถ้าไม
“ใครกัน? ใครที่เป็นคนขึ้นแบล็คลิสต์ฉัน?” เธอถามอย่างขมขื่นแต่เมื่อเธอได้ยินชื่อจากปากผู้จัดการ ใบหน้าของเธอก็ซีดเผือดอี้ จิ่นหลี!คนที่ต้องการขึ้นแบล็คลิสต์เธอก็คืออี้ จิ่นหลี!อี้ จิ่นหลีไม่เคยสนใจวงการบันเทิง เขาไม่เคยใส่ใจคนดังในวงการบันเทิงมาก่อน และตอนนี้... นี่เป็นครั้งแรกที่เขาทำแบบนี้!ด้วยเหตุผลนี้เอง... ห่าว อี้เหมิงนึกย้อนถึงเหตุการณ์ในงานจัดแสดงโชว์สินค้าเมื่อตอนที่เธอขอโทษหลิง อี้หรานอย่างนอบน้อมและพูดขออภัย แต่หลิง อี้หรานกลับพูดปฏิเสธอี้ จิ่นหลีถึงกับพูดว่า ‘ถ้าเธอไม่ยกโทษให้คุณ ก็คือไม่ยกโทษให้’เธอได้สงสัยแต่ว่าอี้ จิ่นหลีจะทำอะไร แต่เธอไม่คาดคิดว่าเขาจะขึ้นแบล็คลิสต์เธอในวงการบันเทิงเธอเกือบจะได้เป็นน้องสะใภ้ของอี้ จิ่นหลี!แม้ว่าอี้ จิ่นหลีจะไม่เคยรักพี่สาวของเธอ แต่คนภายนอกก็คิดว่าตระกูลอี้กับตระกูลห่าวก็มีความเกี่ยวข้องกันถ้าหากข่าวลือว่าเธอถูกขึ้นแบล็คลิสต์โดยอี้ จิ่นหลีหลุดออกไป เธอก็คงจะรู้สึกอับอายและกลายเป็นตัวตลกในสังคมชนชั้นสูง!‘อี้ จิ่นหลี... ทำขนาดนี้เพื่อหลิง อี้หรานเหรอ?’ดวงตาของห่าว อี้เหมิงเปล่งประกายไปด้วยความเกลียดชัง แต่ก่อนที่เธอ
สองแม่ลูก หลิว จื่อเฉวียกับห่าว อี้เหมิงรู้สึกประหลาดใจกับเรื่องนี้ทันทีที่ดินทางตอนใต้ของเมืองนั้นเป็นที่ดินที่ทุกคนให้ความสนใจ ตระกูลห่าวใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อให้ได้มันมา ความเฟื่องฟูของอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาทำให้ที่ดินผืนนี้มีมูลค่าถึงหมื่นล้านดอลลาร์!พวกเขาจะให้หลิง อี้หรานไปหมื่นล้านเหรียญอย่างนั้นเหรอ?แล้วพวกเขาจะได้ที่ดินพื้นนี้กลับคืนมาได้อย่างไร!หลิว จื่อเฉวี่ยรู้สึกโกรธ แต่เธอและลูกสาวก็ชะงักทันทีที่เห็นใบหน้าซีดเผือกของห่าว ฉี่หลง “คุณแน่ใจแล้วหรือว่าจะไม่พิจารณาข้อเสนอแนะนี้ใหม่ นายน้อยอี้?”เป็นไปได้ไหมว่า... อี้ จิ่นหลีปฏิเสธ?หลิว จื่อเฉวียกับห่าว อี้เหมิงแสดงท่าทางประหลาดใจในขณะเดียวกันหลังจากนั้นไม่นาน ห่าว ฉี่หลงก็วางโทรศัพท์ลงและจ้องมองใบหน้าของลูกสาวคนที่สองของเขาด้วยความสิ้นหวังและความเห็นอกเห็นใจการกระทำในอดีตได้ส่งผลถึงปัจจุบันแล้วใครจะคิดว่าหลิง อี้หรานที่ทุกคนสามารถเหยียบย่ำได้ในตอนนั้นจะมีคนสนับสนุนที่ทรงพลังที่สุดเมืองเฉิน?“ลูกควรออกมาจากวงการบันเทิงและกลับมาดูแลตระกูลห่าว ยังไงพี่สาวของลูกก็จากไปแล้ว ตระกูลห่าวจะเป็นตกเป
ถ้าถึงเวลาที่เธอและเย่ เหวินหมิงจะต้องกลับมาพัวพันกันอีกครั้งและถ้าเย่ เหวินหมิงหาเธอพบ เมื่อถึงวันนั้น เธอก็จะปล่อยให้เขาแก้แค้นจนพอใจ“แต่ว่า…” หลิง อี้หรานต้องการพูดมากกว่านี้ แต่โจว เชียนหยุนจับมือเธอไว้เบา ๆ แล้วพูดว่า “ฉันรู้ว่าเธอต้องการช่วยฉัน ฉันดีใจมากที่ได้รู้จักคนแบบเธอ แค่... นี่เป็นเรื่องระหว่างเย่ เหวินหมิงกับฉัน ฉันก็ต้องแก้ไขปัญหานี้เอง”หลังจากพูดหยุดชั่วคราว โจว เชียนหยุนก็เสริมว่า “อี้หราน ฉันมีบางอย่างอยากจะขอร้องเธอ”สีหน้าของโจว เชียนหยุนดูเคร่งขรึมและจริงจัง ทำให้หัวใจของหลิง อี้หรานสั่นไหวในทันที“ฉันแค่คิดว่าถ้า... เย่ เหวินหมิงตามหาฉันเจอ ฉันอาจจะไปเยี่ยมแม่และอาหยันน้อยไม่ได้สักพัก ฉันขอให้เธอช่วยดูแลพวกเขาสักพักได้ไหม คนหนึ่งก็อายุเยอะแล้ว ส่วนอีกคนหนึ่งยังเด็กอยู่ ทั้งคู่คงทำอะไรไม่ได้มาก” โจว เชียนหยุนพูดเธอเอาเงินทั้งหมดให้แม่ของเธอ แต่... เธอยังคงกังวลอยู่เป็นเพราะเย่ เหวินหมิง ทำให้เพื่อน ๆ ของเธอตีตัวห่างจากเธอ ในตอนนี้คนเดียวที่เธอสามารถไว้วางใจได้คือหลิง อี้หรานหลิง อี้หรานรับปากในทันที “ฉันจะดูแลพวกเขาเอง” ตอนที่เธอมาหางานทำครั้งแรก พี่โจ
แต่เมื่อเธอต้องการความช่วยเหลือ ผู้ชายคนนี้กลับพูดว่า “สิ่งที่ฉันเสียใจที่สุดในชีวิตคือการที่ฉันเคยกับเธอ”‘ช่างน่าตลกสิ้นดี!’คำสาบานที่จะรักเธอไปชั่วนิรันดร์กลับจางหายไปพร้อมกับอุบัติเหตุครั้งนั้น สิ่งที่เรียกว่า ‘ที่หนึ่งในใจ’ และ ‘การตัดสินใจของฉัน’ กลับถูกแทนที่โดยผู้หญิงคนอื่นอย่างง่ายดายเสียงที่เคยคุ้นเคยกลับฟังดูแปลกประหลาดไปหลิง อี้หรานหันไปมองเซียว จื่อฉีที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอไม่ไกล เขาสวมเสื้อผ้าแบรนด์หรูและดูทันสมัย เขายังคงเป็นชายหนุ่มที่มีเสน่ห์ไม่น่าแปลกใจที่ห่าว อี้เหมิงเลือกที่จะอยู่กับเซียว จื่อฉี เพราะเขาดูดีมาก“ฉันไม่คิดว่าระหว่างคุณกับฉันจะมีอะไรต้องคุยกัน” หลิง อี้หรานพูด“ขอเวลาสักแป๊บเถอะนะ ฉันแค่อยากจะคุยกับเธอสักสองสามคำ” เซียว จื่อฉีกระแทกเสียงขึ้นมา จากนั้นดูเหมือนว่าเขาจะกลัวที่จะพลาดโอกาสไป เขาจึงพูดเสริมว่า “อี้หราน ฉันรู้ว่าฉันทำให้เธอผิดหวังกับเหตุการณ์นั้นที่ฉันไม่ได้ปกป้องเธอ มันเป็นเพราะแรงกดดันของคนรอบข้าง”หลิง อี้หรานมองเขาด้วยสายตาเย็นชา “เซียว จื่อฉี คุณไม่จำเป็นต้องมาบอกฉันถึงเรื่องนี้ ฉันไม่อยากฟัง”ใบหน้าของเซียว จื่อฉีเต็มไปด้วยค