“ใครกัน? ใครที่เป็นคนขึ้นแบล็คลิสต์ฉัน?” เธอถามอย่างขมขื่นแต่เมื่อเธอได้ยินชื่อจากปากผู้จัดการ ใบหน้าของเธอก็ซีดเผือดอี้ จิ่นหลี!คนที่ต้องการขึ้นแบล็คลิสต์เธอก็คืออี้ จิ่นหลี!อี้ จิ่นหลีไม่เคยสนใจวงการบันเทิง เขาไม่เคยใส่ใจคนดังในวงการบันเทิงมาก่อน และตอนนี้... นี่เป็นครั้งแรกที่เขาทำแบบนี้!ด้วยเหตุผลนี้เอง... ห่าว อี้เหมิงนึกย้อนถึงเหตุการณ์ในงานจัดแสดงโชว์สินค้าเมื่อตอนที่เธอขอโทษหลิง อี้หรานอย่างนอบน้อมและพูดขออภัย แต่หลิง อี้หรานกลับพูดปฏิเสธอี้ จิ่นหลีถึงกับพูดว่า ‘ถ้าเธอไม่ยกโทษให้คุณ ก็คือไม่ยกโทษให้’เธอได้สงสัยแต่ว่าอี้ จิ่นหลีจะทำอะไร แต่เธอไม่คาดคิดว่าเขาจะขึ้นแบล็คลิสต์เธอในวงการบันเทิงเธอเกือบจะได้เป็นน้องสะใภ้ของอี้ จิ่นหลี!แม้ว่าอี้ จิ่นหลีจะไม่เคยรักพี่สาวของเธอ แต่คนภายนอกก็คิดว่าตระกูลอี้กับตระกูลห่าวก็มีความเกี่ยวข้องกันถ้าหากข่าวลือว่าเธอถูกขึ้นแบล็คลิสต์โดยอี้ จิ่นหลีหลุดออกไป เธอก็คงจะรู้สึกอับอายและกลายเป็นตัวตลกในสังคมชนชั้นสูง!‘อี้ จิ่นหลี... ทำขนาดนี้เพื่อหลิง อี้หรานเหรอ?’ดวงตาของห่าว อี้เหมิงเปล่งประกายไปด้วยความเกลียดชัง แต่ก่อนที่เธอ
สองแม่ลูก หลิว จื่อเฉวียกับห่าว อี้เหมิงรู้สึกประหลาดใจกับเรื่องนี้ทันทีที่ดินทางตอนใต้ของเมืองนั้นเป็นที่ดินที่ทุกคนให้ความสนใจ ตระกูลห่าวใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อให้ได้มันมา ความเฟื่องฟูของอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาทำให้ที่ดินผืนนี้มีมูลค่าถึงหมื่นล้านดอลลาร์!พวกเขาจะให้หลิง อี้หรานไปหมื่นล้านเหรียญอย่างนั้นเหรอ?แล้วพวกเขาจะได้ที่ดินพื้นนี้กลับคืนมาได้อย่างไร!หลิว จื่อเฉวี่ยรู้สึกโกรธ แต่เธอและลูกสาวก็ชะงักทันทีที่เห็นใบหน้าซีดเผือกของห่าว ฉี่หลง “คุณแน่ใจแล้วหรือว่าจะไม่พิจารณาข้อเสนอแนะนี้ใหม่ นายน้อยอี้?”เป็นไปได้ไหมว่า... อี้ จิ่นหลีปฏิเสธ?หลิว จื่อเฉวียกับห่าว อี้เหมิงแสดงท่าทางประหลาดใจในขณะเดียวกันหลังจากนั้นไม่นาน ห่าว ฉี่หลงก็วางโทรศัพท์ลงและจ้องมองใบหน้าของลูกสาวคนที่สองของเขาด้วยความสิ้นหวังและความเห็นอกเห็นใจการกระทำในอดีตได้ส่งผลถึงปัจจุบันแล้วใครจะคิดว่าหลิง อี้หรานที่ทุกคนสามารถเหยียบย่ำได้ในตอนนั้นจะมีคนสนับสนุนที่ทรงพลังที่สุดเมืองเฉิน?“ลูกควรออกมาจากวงการบันเทิงและกลับมาดูแลตระกูลห่าว ยังไงพี่สาวของลูกก็จากไปแล้ว ตระกูลห่าวจะเป็นตกเป
ถ้าถึงเวลาที่เธอและเย่ เหวินหมิงจะต้องกลับมาพัวพันกันอีกครั้งและถ้าเย่ เหวินหมิงหาเธอพบ เมื่อถึงวันนั้น เธอก็จะปล่อยให้เขาแก้แค้นจนพอใจ“แต่ว่า…” หลิง อี้หรานต้องการพูดมากกว่านี้ แต่โจว เชียนหยุนจับมือเธอไว้เบา ๆ แล้วพูดว่า “ฉันรู้ว่าเธอต้องการช่วยฉัน ฉันดีใจมากที่ได้รู้จักคนแบบเธอ แค่... นี่เป็นเรื่องระหว่างเย่ เหวินหมิงกับฉัน ฉันก็ต้องแก้ไขปัญหานี้เอง”หลังจากพูดหยุดชั่วคราว โจว เชียนหยุนก็เสริมว่า “อี้หราน ฉันมีบางอย่างอยากจะขอร้องเธอ”สีหน้าของโจว เชียนหยุนดูเคร่งขรึมและจริงจัง ทำให้หัวใจของหลิง อี้หรานสั่นไหวในทันที“ฉันแค่คิดว่าถ้า... เย่ เหวินหมิงตามหาฉันเจอ ฉันอาจจะไปเยี่ยมแม่และอาหยันน้อยไม่ได้สักพัก ฉันขอให้เธอช่วยดูแลพวกเขาสักพักได้ไหม คนหนึ่งก็อายุเยอะแล้ว ส่วนอีกคนหนึ่งยังเด็กอยู่ ทั้งคู่คงทำอะไรไม่ได้มาก” โจว เชียนหยุนพูดเธอเอาเงินทั้งหมดให้แม่ของเธอ แต่... เธอยังคงกังวลอยู่เป็นเพราะเย่ เหวินหมิง ทำให้เพื่อน ๆ ของเธอตีตัวห่างจากเธอ ในตอนนี้คนเดียวที่เธอสามารถไว้วางใจได้คือหลิง อี้หรานหลิง อี้หรานรับปากในทันที “ฉันจะดูแลพวกเขาเอง” ตอนที่เธอมาหางานทำครั้งแรก พี่โจ
แต่เมื่อเธอต้องการความช่วยเหลือ ผู้ชายคนนี้กลับพูดว่า “สิ่งที่ฉันเสียใจที่สุดในชีวิตคือการที่ฉันเคยกับเธอ”‘ช่างน่าตลกสิ้นดี!’คำสาบานที่จะรักเธอไปชั่วนิรันดร์กลับจางหายไปพร้อมกับอุบัติเหตุครั้งนั้น สิ่งที่เรียกว่า ‘ที่หนึ่งในใจ’ และ ‘การตัดสินใจของฉัน’ กลับถูกแทนที่โดยผู้หญิงคนอื่นอย่างง่ายดายเสียงที่เคยคุ้นเคยกลับฟังดูแปลกประหลาดไปหลิง อี้หรานหันไปมองเซียว จื่อฉีที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอไม่ไกล เขาสวมเสื้อผ้าแบรนด์หรูและดูทันสมัย เขายังคงเป็นชายหนุ่มที่มีเสน่ห์ไม่น่าแปลกใจที่ห่าว อี้เหมิงเลือกที่จะอยู่กับเซียว จื่อฉี เพราะเขาดูดีมาก“ฉันไม่คิดว่าระหว่างคุณกับฉันจะมีอะไรต้องคุยกัน” หลิง อี้หรานพูด“ขอเวลาสักแป๊บเถอะนะ ฉันแค่อยากจะคุยกับเธอสักสองสามคำ” เซียว จื่อฉีกระแทกเสียงขึ้นมา จากนั้นดูเหมือนว่าเขาจะกลัวที่จะพลาดโอกาสไป เขาจึงพูดเสริมว่า “อี้หราน ฉันรู้ว่าฉันทำให้เธอผิดหวังกับเหตุการณ์นั้นที่ฉันไม่ได้ปกป้องเธอ มันเป็นเพราะแรงกดดันของคนรอบข้าง”หลิง อี้หรานมองเขาด้วยสายตาเย็นชา “เซียว จื่อฉี คุณไม่จำเป็นต้องมาบอกฉันถึงเรื่องนี้ ฉันไม่อยากฟัง”ใบหน้าของเซียว จื่อฉีเต็มไปด้วยค
“ใจร้าย?” หลิง อี้หรานพูดขัดจังหวะเซียว จื่อฉี “ถ้านั่นเรียกว่าใจร้าย คุณคงไม่รู้ว่าอะไรคือความใจร้ายจริง ๆ หรอก คุณเซียว!”การทรมานที่ไร้มนุษยธรรมที่เธอได้รับในคุกทำให้เธอคิดหลายครั้งว่าเธออาจจะไม่รอด เซียว จื่อฉีไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดนั้นด้วยซ้ำ“เธอจะพอใจก็ต่อเมื่อทำลายชีวิตอี้เหมิงได้อย่างนั้นเหรอ?” เซียว จื่อฉีถามด้วยความโกรธ“แล้วเธอไม่ได้พยายามทำลายฉันเหรอ? ถ้าฉันไม่โชคดี มือของฉันก็คงไม่สามารถยกอะไรอีกได้เลยในตอนนี้” หลิง อี้หรานพูดอย่างประชดประชันเซียว จื่อฉีตกใจและจ้องมองไปที่มือของหลิง อี้หรานที่อยู่ข้าง ๆ ลำตัวของเธอในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา เขายังคงจะจำเหตุการณ์นั้นได้อย่างชัดเจน ตอนที่เกิดเรื่องนั้น เขายังจำได้ถึงความรู้สึกที่ผสมปนเปกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากรู้ว่าหลิง อี้หรานถูกเข้าใจผิด เขาได้แต่สงสัยว่าเขาและเธอจะยังอยู่ด้วยกันไหมถ้าเธอไม่ถูกใส่ร้ายแต่เขามักจะหยุดความคิดนี้ไว้เสมออี้เหมิงดีที่สุดสำหรับเขา อี้เหมิงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเขาและตระกูลเซียว“อี้หราน ในเมื่อตอนนี้เธอก็มีอี้ จิ่นหลีอยู่แล้ว แล้วทำไมเธอถึงต้องใจร้ายกับอี้เหมิงด้วยล่ะ?”
มันเป็นคำตอบง่าย ๆ แต่หมายความว่าห่าว อี้เหมิงถูกขึ้นแบล็คลิสต์จริง ๆ!แม้ว่าเธอจะเตรียมใจไว้แล้ว แต่หลิง อี้หรานก็ยังตกใจอยู่ ห่าว อี้เหมิงไม่ใช่คนดังธรรมดาในวงการบันเทิง แต่เธอเป็นถึงลูกสาวคนที่สองของตระกูลห่าว!แต่อี้ จิ่นหลี... กลับขึ้นแบล็คลิสต์เธอเมื่อจ้องมองคำว่า ‘ใช่’ บนโทรศัพท์ของเธอ เธอก็ครุ่นคิดเล็กน้อยหลังจากนั้นไม่นาน หลิง อี้หรานก็ส่งข้อความอีกครั้งว่า ‘ตระกูลห่าวจะต่อต้านคุณหรือ?’เธอไม่ต้องการให้อาชีพของเขาได้รับผลกระทบเพราะเธอเพราะตระกูลห่าวก็ร่ำรวยและมีอำนาจในเมืองเฉินเช่นกันคำตอบของอี้ จิ่นหลีนั้นสั้น แต่ได้ใจความ ‘ตระกูลห่าวไม่กล้าทำอะไรหรอก’คำพูดไม่กี่คำนั้นทำให้เธอรู้สึกโล่งใจในตอนเย็น ห่าว อี้เหมิงประกาศต่อสาธารณชนว่าเธอจะลาออกจากวงการบันเทิงและกลับไปดูแลธุรกิจของตระกูลห่าวแทนข่าวนี้เป็นประเด็นร้อนและเรื่องกะทันหันนี้ทำให้วงการบันเทิงวุ่นวายทันที!ห่าว อี้เหมิงเป็นคนดังที่ฮอตที่สุดในขณะนี้และมีแนวโน้มที่จะได้เป็นนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์ที่กำลังจะเข้าฉายในปีนี้เธอยังไม่ได้เข้าชิงรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมเลย แต่เธอกลับกำลังจะลาออกอย่
อี้ จิ่นหลีโอบแขนรอบเอวของหลิง อี้หรานและเขยิบริมฝีปากบางของเขาเข้าใกล้ ๆ หูของเธอเล็กน้อย “ดูเหมือนว่าชิน เหลียนอีจะพูดอะไรดี ๆ เป็นเหมือนกันนะ”“อะไรนะ?” หลิง อี้หรานอุทาน“เธอเลือกสามีได้ดี” อี้ จิ่นหลีพูดขณะที่เขาหยอกล้อกับใบหูส่วนล่างของหลิง อี้หรานด้วยปลายลิ้นอย่างนุ่มนวลเธออ้าปากค้างและหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม “จิน...” เธอเริ่มพูดตะกุกตะกักเล็กน้อย“อีกหนึ่งปี เราจะแต่งงานกันทันที” อี้ จิ่นหลีพึมพำ ‘หนึ่งปี ฉันจะรอเธออีกแค่หนึ่งปี หนึ่งปีให้หลัง เธอจะเป็นของฉันอย่างแท้จริง’เขาผละริมฝีปากบางและขบติ่งหูของเธอเบา ๆ ก่อนดูดเม้มมัน จนเธอตัวสั่น“จิน อย่า...” ตอนนี้เธอเป็นเหมือนกุ้งต้ม ใบหูของเธอร้อนมาก ราวกับเลือดของเธอกำลังพุ่งไปที่นั่นแต่เหมือนกับว่าเขาไม่ได้ยินเสียงเธอ เขายังคงขบเม้มเบา ๆ ที่ติ่งหูของเธอก่อนจะที่คาง คอ และขยับไปจนถึงหน้าอกของเธอเธอหน้าแดงจนไม่กล้ามองหน้าเขา “อย่า… อย่า ถ้าคนรับใช้เข้ามาล่ะ?”ตอนนี้พวกเขาอยู่ในห้องครัว หากมีใครมาเห็นพวกเขา...“ไม่มีใครกล้าเข้ามาหรอก ถ้าฉันไม่สั่งพวกเขา” เขาพึมพำ และบรรจงจูบที่หัวใจด้านซ้ายของเธอเธอรู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้
ไป๋ ทิงซินพบว่าประสบการณ์ครั้งแรกของเขาส่วนใหญ่ มักจะเกิดขึ้นเพราะชิน เหลียนอีตัวอย่างเช่น เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่เมาและขึ้นคร่อมเขา เธอทำทุกสิ่งที่เธอควรทำและไม่ควรทำในวันรุ่งขึ้นเขาถูกผู้หญิงคนนี้ทิ้งดื้อ ๆ โดยไม่มีคำพูดลาอะไรเลยเป็นครั้งแรกและนี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกขอให้แชร์ลิงก์ข่าวซุบซิบใน WeChatเธอเคยสงสัยบ้างไหมว่าผู้ติดต่อส่วนใหญ่ใน WeChat ของเขาเป็นใคร?อย่างไรก็ตาม เขาเคยได้ยินเธอพูดถึงเรื่องระหว่างห่าว อี้เหมิงกับหลิง อี้หรานมาก่อน ด้วยเหตุนี้เขาจึงรู้ว่าเธอเกลียดชังห่าว อี้เหมิงแค่ไหนเขาไม่กลัวที่จะรุกรานตระกูลห่าว เพราะทุกวันนี้เขาก็ทำให้หลายคนขุ่นเคืองอยู่แล้วแต่… ไป๋ ทิงซินหรี่ตาลงเล็กน้อยและตอบชิน เหลียนอีใน WeChat ว่า ‘ทำไมผมต้องแชร์ลิงก์เพื่อคุณด้วย?’ครู่ต่อมา ชิน เหลียนอีตอบว่า ‘เพราะคุณเป็นแฟนของฉัน!’ข้อความของเธอส่งมาพร้อมกับมีมคุกเข่าไป๋ ทิงซินรู้สึกขบขันเล็กน้อยบางครั้งผู้หญิงคนนี้ก็ทำให้เขาลุกขึ้นพรวดพราดด้วยความโกรธ แต่บางครั้งเธอก็ทำให้เขารู้สึกว่าเธอน่ารักดูเหมือนว่ามีเพียงเธอเท่านั้นที่ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย เพิกเฉยต่อการฉ้อโกงและการแท
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค