คนจำนวนมากมารวมตัวกันที่ฝั่งของหลิง อี้หราน ด้วยเสียงกรีดร้องที่ดังสนั่น ทำให้ผู้คนจำนวนมากเข้ามาล้อมรอบตัวเธอกู้ ลี่เฉินขมวดคิ้ว เขารีบพาหลิง อี้หรานเข้าไปในรถที่จอดอยู่และขับรถออกไปฝูงชนที่รายล้อมอยู่ไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากจ้องเขม็งไปที่รถที่แล่นออกไป จากนั้นพวกเขาก็เริ่มพูดคุยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของหลิง อี้หรานและกู้ ลี่เฉินหลังจากขึ้นรถแล้ว หลิง อี้หรานก็พูดกับกู้ ลี่เฉินว่า “ขอบคุณมากนะคะ แค่ส่งฉันไว้แถวนี้ก็ได้”แทนที่เขาจะหยุดรถ แต่กู้ ลี่เฉินกลับถามว่า “เกิดบ้าอะไรขึ้น?”“มีคนแปลกหน้าบางคนจำฉันได้ ตอนนี้ข่าวเรื่องย้อนคดีของฉันกลายเป็นประเด็นร้อนบนอินเทอร์เน็ตเพราะคำขอโทษของห่าว อี้เหมิง ได้โปรดหยุดรถเถอะค่ะ เพื่อนของฉันยังอยู่ที่ร้านหนังสือ และฉันต้องไปหาเพื่อน!” หลิง อี้หรานพูดกู้ ลี่เฉินเม้มริมฝีปากบางของเขาเข้าหากัน จากนั้นเขาก็ขับรถไปเลียบกับข้างถนนหลิง อี้หรานพยายามลงจากรถ แต่กู้ ลี่เฉินกลับหยุดเธอ “มันห่างจากทางเข้าร้านหนังสือแค่ 300 เมตร บางทีคนเหล่านั้นอาจจะกำลังตามคุณมาและล้อมคุณไว้อีกครั้ง คุณติดต่อเพื่อนของคุณและเมื่อเพื่อนของคุณมาถึงที่นี่ คุณจะลงไปก็
“แล้วอยากทำอาชีพอะไร?” เขาถาม ทุกอย่างนั้นง่ายดายสำหรับเขาจนเขาไม่ต้องทำงานหนักเพื่อมันเขาเกิดมามีพร้อมทุกสิ่งทุกอย่างนอกจากนี้... ‘อาชีพ’ เป็นคำที่เขาไม่เคยคิดมาก่อนแต่ผู้หญิงคนนี้ที่อายุน้อยกว่าเขาหนึ่งหรือสองปีกลับคิดเรื่องแบบนี้“ฉันยังไม่ได้ตัดสินใจ แต่ฉันแค่อยากทำงานที่ได้ปกป้องตัวเองและคนที่ฉันชอบ!” เธอตอบ‘แค่?’การเกิดในครอบครัวชนชั้นสูง เขาเรียนรู้จากอิทธิพลที่เขาได้รับตั้งแต่ในวัยเด็กว่าในโลกนี้ไม่มีความยุติธรรมและบางครั้งสิ่งที่เรียกว่าความยุติธรรมก็เป็นแค่การหลอกลวงตนเองแต่ดวงตาของเธอดูจริงจังจนคำพูดบางคำติดอยู่ในลำคอของเขาเมื่อเวลาผ่านไปและเขาได้พบกับหวา ลี่ฟาง เขาพบว่าลี่ฟางไม่มีงานทำและแววตาของเธอก็ดูไม่ใส่ใจถึงความยุติธรรมอีกต่อไปแต่มันกลับเป็นเรื่องน่าขันที่สายตาของหลิง อี้หรานมีแววตาแบบนั้นแทน“คุณอยากกลับไปสู่โลกของกฎหมายโดยหวังว่าจะปกป้องตัวเองและคนที่คุณชอบได้เหรอ?” คำพูดหลุดออกมาจากปากเขาแบบนั้นหลิง อี้หรานสะดุ้งและทันใดนั้น เธอก็มีอาการปวดหัวอย่างรุนแรง จากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงเล็ก ๆ ที่พูดแทรกในหัวของเธอว่า “ถึงเธอจะไม่มีงานทำ ฉันก็ปกป้องเธอได้
“ฉัน... ฉันขอโทษ!” เธอรีบขอโทษ ความเจ็บปวดที่ข้อมือของเธอทำให้อาการปวดหัวของเธอจางลง“ทำไมคุณถึงแตะต้องผม? ทำไมคุณถึงเรียกผมด้วยชื่อนั้นล่ะ?” ดวงตาของเขาจับจ้องมาที่เธอใบหน้าของเธอพลันซีดเผือด “คุณ… คุณเข้าใจผิดแล้ว!”“เข้าใจผิดงั้นเหรอ?” เขาหัวเราะขึ้นมาอย่างกะทันหัน “บอกผมทีว่าผมเข้าใจอะไรที่คุณเรียกผมด้วยชื่อเล่นของผมซ้ำแล้วซ้ำเล่าและคุณถึงกับเอามือแตะหน้าผมด้วยซ้ำ”เธอกัดริมฝีปากล่างของเธอ เธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเธอจึงได้แต่พูดว่า “มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด ฉันจะไม่ทำอีกแล้ว ฉันปวดหัวและเข้าใจผิดคิดว่าคุณเป็นคนอื่น”“เข้าใจผิดว่าเป็นผมเหรอ? แต่คุณเรียกผมด้วยชื่อ ‘เฉินเฉิน’ แล้วมันผิดตรงไหนล่ะ?” เขาบ่น“คุณไม่ใช่คนเดียวในโลกที่ถูกเรียกว่าเฉินเฉินสักหน่อย” เธอโต้กลับทันใดนั้น เธอก็เหลือบเห็นชิน เหลียนอีที่อยู่ไม่ไกล เธอจึงพูดกับกู้ ลี่เฉินว่า “เพื่อนของฉันอยู่ที่นี่แล้ว ปล่อยฉัน ฉันต้องไปแล้ว”กู้ ลี่เฉินเพียงฟังด้วยท่าทีสงบนิ่ง แต่ดวงตาของฟีนิกซ์สีเข้มของเขายังคงจ้องมองที่หลิง อี้หราน ทันใดนั้น กู้ ลี่เฉินก็ปล่อยมืของเขาออกจากเธอและหลิง อี้หรานก็เปิดประต
...อี้ จิ่นหลีมองดูรูปถ่ายในโทรศัพท์ของเขา ทั้งหมดเป็นรูปถ่ายของกู้ ลี่เฉินที่ดึงหลิง อี้หรานเข้าไปในรถแม้ว่าเรื่องพวกเขาจะเพิ่งถูกโพสต์บนอินเทอร์เน็ต แต่มันกลับกลายเป็นประเด็นร้อนในทันทีหลายคนถึงกับคาดเดาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างหลิง อี้หรานกับก็ ลี่เฉินเกา ฉงหมิงรู้สึกหวาดกลัวขณะมองดูเจ้านายของเขาที่กำลังจ้องมองโทรศัพท์ในมือด้วยใบหน้าเคร่งขรึม จากนั้นเขาก็รวบรวมความกล้าพูดขึ้น “ก็... คุณกู้ปรากฏตัวเร็วเกินไป บอดี้การ์ดที่ดูแลคุณหลิงอย่างลับ ๆ เลยไม่มีโอกาสแม้แต่จะ...”เจ้านายของเขายังคงจ้องมองดูรูปบนโทรศัพท์ ขณะที่มือของเขากำโทรสัพท์แน่น“จัดการมันให้หมด ฉันไม่อยากเห็นข่าวของพวกเขาบนอินเทอร์เน็ตอีก” อี้ จิ่นหลีสั่งอย่างเย็นชา“ครับ” เกา ฉงหมิงรีบตอบรับและออกจากห้องทำงานของประธานในห้องที่เงียบสงบ ปรายนิ้วของอี้ จิ่นหลีค่อย ๆ ลูบไล้รูปของหลิง อี้หรานบนหน้าจอโทรศัพท์ ในที่สุดก็มาถึงจุดที่กู้ ลี่เฉินจับข้อมือของหลิง อี้หรานเอาไว้ภาพที่กู้ ลี่เฉินกำลังนำเธอไปข้างหน้า ฉากนี้ดูเหมือนภาพวาดที่เขาเคยเห็นมาก่อนเขายังคงจำได้ว่าตอนที่เขายังเป็นเด็ก เขาบังเอิญเข้าไปในสตูดิโอขอ
“มีบางอย่างเกิดขึ้นตอนที่ฉันไปซื้อหนังสือ จากนั้นฉันก็เจอกับกู้ ลี่เฉิน” หลิง อี้หรานเล่าโดยไม่ปิดบังอะไรเธอไม่ต้องการให้ใครมาบอกเขาและทำให้เขาเข้าใจผิดดวงตาของเขาจ้องมองใบหน้าของเธอ “แล้วยังไงต่อ?”“มีกลุ่มคนพยายามรายล้อมเพื่อจะถ่ายรูปของฉัน กู้ ลี่เฉินเลยช่วยฉันโดยการพาฉันไปที่รถของเขา จากนั้นเขาก็จอดรถห่างจากร้านหนังสือไปสองสามร้อยเมตร และฉันก็ออกไปพบกับเหลียนอี”เธอให้เรื่องราวคร่าว ๆ เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น“จิน ฉันไม่อยากให้คุณเข้าใจผิดอะไรทั้งนั้น วันนี้กู้ ลี่เฉินแค่ผ่านมาพอดี” หลิง อี้หรานบอกที่เธอรู้สึกแปลก ๆ เกี่ยวกับกู้ ลี่เฉิน เป็นเพียงเพราะความฝันแปลก ๆ ของเธอที่ทำให้เธอสงสัยดวงตาของเขาสั่นเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ยื่นแขนออกมาโอบกอดเธอ “ผมจะไม่เข้าใจผิดอะไรทั้งนั้น เพราะผมรู้ว่าผมคือคนที่พี่รักมากที่สุด ใช่ไหม?”“อืม” เธอตอบเบา ๆ พลางเอนตัวพิงหน้าอกของเขาและสัมผัสถึงอุณหภูมิร่างกายที่เย็นเฉียบของเขา “จิน คุณคือคนเดียวที่ฉันรัก ไม่มีใครอีก”มือของเขาที่โอบรอบเธอแน่นขึ้นเล็กน้อย “อี้หราน พี่ห้ามไปรักใครอีก ไม่อย่างนั้นผมจะไม่ทน”“จะเป็นไปได้ยังไงล่ะ?” หลิง อี้หรา
“จิน ฉันต้องการคุณ” ริมฝีปากสีแดงสดพูดตามสิ่งที่เขาต้องการทันใดนั้น ร่างกายของเขาก็ปกคลุมร่างของเธอ......หวา ลี่ฟางมองรูปภาพที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนบนโทรศัพท์ของเธอข่าวของกู้ ลี่เฉินที่จับมือของหลิง อี้หรานกำลังเป็นประเด็นร้อนอยู่บนทางอินเทอร์เน็ต เธอมองดูรูปถ่ายที่ขยาดสายตา‘ในความคิดของลี่เฉิน ฉันเป็นคนที่ช่วยเขา! แล้วทำไมเขาต้องช่วยหลิง อี้หรานและลากหลิง อี้หรานเข้าไปในรถของเขาด้วย?’ในรูป สายตาที่เขามองหลิง อี้หราน... ราวกับว่า... เขาห่วงใยเธอมากกว่าสิ่งใด!‘ถ้าลี่เฉินรู้ว่าหลิง อี้หรานคือคนที่เขาตามหา...’ หวา ลี่ฟางไม่กล้าคิดมากไปกว่านี้ทันใดนั้น ก็มีเสียงดังขึ้นว่า “นี่ ทำไมยังมีคนเอาแต่จ้องโทรศัพท์อยู่นั่นล่ะ? เรื่องซุบซิบเกี่ยวกับเจ้าชายก็ถูกลบออกจากเว็บนานแล้วหนิ เขาก็แค่ทำเพื่อปกป้องผู้หญิงคนนั้น!”จากนั้นอีกเสียงหนึ่งก็พูดอย่างเห็นด้วยว่า “ถูกต้อง ใครบางคนคิดว่าเธอจะสามารถเข้าไปในตระกูลที่ร่ำรวยและมีอำนาจได้เพราะเพียงแค่เธอช่วยเจ้าชายเมื่อตอนที่เธอยังเป็นเด็ก เธอคิดว่าเธอเป็นใคร?”“นั่นสิ เธอคิดว่าเธอจะดูสูงส่งขึ้นเพียงเพราะเข้ามหาวิทยาลัยงั้นเหรอ? เธอคงก้าวเข้า
ผมของเขาที่ถูกจัดทรงอย่างเรียบร้อย แต่ตอนนี้กลับดูยุ่งเหยิงและใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาไม่ได้ดูเฉยเมยและเหินห่างเหมือนปกติ แต่กลับดูเศร้าหมองในขณะที่เขาถือสร้อยข้อมือขนาดเล็กดวงตาของฟีนิกซ์คู่นั้นยังคงจ้องมองที่สร้อยข้อมือเมื่อเห็นสร้อยข้อมือ หวา ลี่ฟางกลับรู้สึกสับสนแทนที่เขาจะมอบสร้อยข้อมือเงินให้เธอหลังจากที่เธอสวมรอยเป็นหลิง อี้หราน แต่กู้ ลี่เฉินกลับเก็บสร้อยข้อมือนั้นไว้กับตัวแม้แต่ตอนที่เธออยู่กับเขา บางครั้งเขาก็มองสร้อยข้อมือราวกับว่าเขากำลังมองอะไรบางอย่างจากมัน‘เขามองอะไร? เขาคิดถึงหลิง อี้หรานเมื่อตอนที่เธอยังเป็นเด็กอยู่หรือเปล่า?’ ความคิดนี้ทำให้หวา ลี่ฟางรู้สึกหึงหวง“ลี่เฉิน” หวา ลี่ฟางกัดริมฝีปากของเธอและแสร้งทำเป็นว่าไม่รู้เรื่องอะไร “ทำไมวันนี้คุณไม่มาหาฉันที่มหาวิทยาลัยล่ะคะ? แต่คุณกลับเอาแต่ดื่มคนเดียว คุณไม่รู้เหรอว่าฉันเป็นห่วงคุณแค่ไหน ฉันกลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับคุณ”กู้ ลี่เฉินเงยหน้าขึ้นมองอย่างเฉยเมยและมองที่หวา ลี่ฟาง เขาส่งยิ้มให้เธอยิ้มเล็กน้อย แต่ดูเหมือนว่ามันเป็นรอยยิ้มที่ไม่จริงใจ“ผมลืมไป ผมขอโทษที่ทำให้คุณเป็นห่วง” เขาพูดแต่คำพูดของเ
หลิง อี้หรานไม่ได้อ่านหนังสือกฎหมายมืออาชีพเช่นนี้มาเกือบสี่ปีแล้ว เธอคิดว่าความรู้ของเธอคงจะขึ้นสนิมและอาจจะจำบทบัญญัติทางกฎหมายไม่ได้ด้วยซ้ำแต่ดูเหมือนว่าเธอจะจำพวกมันได้อย่างง่ายดายเหมือนเมื่อก่อน เธอเป็นเหมือนฟองน้ำที่สามารถซึมซับอะไรได้ง่าย เพียงแค่ศึกษาคดีความทุกประเภทและซึมซับจากประสบการณ์เก่า ๆบางทีนี่อาจเป็นเพราะสัญชาตญาณของสมองที่จะเติมเต็มช่องว่างที่เหลืออยู่ในช่วงสี่ปีที่ผ่านมาหลิง อี้หรานรู้สึกเพลิดเพลินกับหนังสือกฎหมายสองเล่มในห้องทำงานของอี้ จิ่นหลี ถัดจากโต๊ะทำงานของเขาแล้ว มีโต๊ะอีกชุดหนึ่งสำหรับหลิง อี้หรานหลิง อี้หรานตั้งใจศึกษากฎหมายอย่างระมัดระวังและหากเธอมีข้อสงสัยอะไร เธอก็มักจะทำเครื่องหมายไว้ในหนังสือก่อนที่จะใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องขณะที่หลิง อี้หรานหนังอ่านหนังสือ เธอไม่ได้สังเกตอี้ จิ่นหลีที่นั่งมองเธอด้วยสายตาอันลึกซึ้งเขาไม่เคยเห็นเธอในบทบาททนายความมาก่อนและเขาก็ไม่เคยสนใจที่จะมองดูเธอแม้แต่ตอนที่เธอเป็นนักโทษครั้งแรกที่เขาพบเธอ เธอสวมชุดพนักงานบริการสุขาภิบาลเรืองแสงและดูเคอะเขินเขาคิดว่าเขาเห็นเธอมามากแล้วตั้งแต่นั้น