ดวงตาของอี้ จิ่นหลีเป็นประกายขณะที่เขาหลุบตาลงต่ำ “บางทีเขาอาจจะรู้สึกแย่หลังจากใส่ร้ายพี่ เขาเดินทางไปต่างประเทศแล้วและถ้าเขาไม่อยากกลับมา เราก็คงจะจับเขาได้ไม่ง่ายขนาดนี้ เขายอมกลับมาเมื่อเขารู้ว่าพวกเรากำลังสอบสวนคดีนี้อีกครั้ง”แน่นอนว่าสิ่งที่เขาไม่ได้พูดออกไปก็คือว่าน หยวี่หมิงเต็มใจที่จะยอมจำนนเพราะเขาใช้วิธีการมากมายในการบีบบังคับให้ชายคนนั้นทำเช่นนี้“รู้สึกแย่เหรอ?” หลิง อี้หรานถอนหายใจ “เขามาขอโทษเพียงเพราะเขารู้สึกแย่งั้นเหรอ? มันเหมือนกับการฆ่าใครสักคนและขอการอภัยจากเหยื่อ คุณไม่คิดว่ามันไร้สาระเหรอ? ฉันไม่ได้ตายในคุก แต่ถ้าฉันตายในคุก ฉันก็คงไม่ได้มายืนอยู่ต่อหน้าเขาแบบนี้!”คำพูดของเธอบีบหัวใจเขาอย่างแรงและทำให้เขาหายใจลำบาก“ถ้าอย่างนั้น... พี่จะไม่ยกโทษให้เขาใช่ไหม?” อี้ จิ่นหลีพึมพำถาม“ใช่ ฉันจะไม่มีวันให้อภัยผู้ชายที่ทำร้ายฉันขนาดนี้!” หลิง อี้หรานตอบโดยไม่ได้สังเกตุท่าทางที่ผิดปกติของอี้ จิ่นหลีเธออยู่ในความทุกข์ทรมานจากการถูกใส่ร้ายมายาวนาน “เขากล้าดียังไงถึงมาขอให้ฉันยกโทษให้? เขากล้าดียังไง? ถ้าการคุกเข่าและขอโทษคือวิธีแก้ปัญหา แล้วทำไมต้องมาลากกฎหมายมาเก
“คุณอี้ ผม... ผมทำตามที่คุณบอกแล้ว ได้โปรดไว้ชีวิตผมด้วย!” ว่าน หยวี่หมิงพูดออกมาอย่างร้อนรนดวงตาของอี้ จิ่นหลีมืดม่นลง เขาจ้องมองผู้ชายที่อยู่ข้างหน้าเขา ชายคนนี้เป็นหนึ่งในผู้กระทำผิดที่ทำให้อี้หรานต้องมาแบกรับความผิดแทนเขา “ตราบใดที่คุณไม่พูดอะไรออกไป ผมก็ยังจะไม่ทำอะไรคุณ”ว่าน หยวี่หมิงรู้สึกโล่งใจเขาไม่เคยคิดแม้แต่จะมอบตัว นอกจากเขาจะถูกอี้ จิ่นหลีบังคับเท่านั้นแม้ว่าเขาจะอยู่ต่างประเทศ แต่ถ้าอี้ จิ่นหลีต้องการจะตามล่าเขา เขาก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้“ถ้าอย่างนั้น ครอบครัวของผม...” ว่าน หยวี่หมิงพูดอย่างประหม่า“ผมจะไม่แตะต้องครอบครัวของคุณเพราะพวกเขาไม่รู้ว่าคุณทำอะไรลงไป แต่…” อี้ จิ่นหลีหยุดพูดชั่วคราว ว่าน หยวี่หมิงที่เพิ่งรู้สึกโล่งใจเล็กน้อยกลับรู้สึกประหม่าอีกครั้ง “การกระทำของคุณทำให้ อี้หรานต้องทุกข์ทรมานและคุณต้องชดใช้คืนให้เธอ คุณจะต้องชดใช้คืนเป็นสองเท่า”ว่าน หยวี่หมิงพยายามที่จะพูดปกป้องตัวเอง แต่อี้ จิ่นหลีกลับไม่เว้นช่องว่างให้เขาได้พูดแก้ต่าง “ว่าน หยวี่หมิง ผมจะไว้ชีวิตคุณ คุณควรขอบคุณอี้หรานซะ ที่เธออยากทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่อย่างนั้น คุณคงจ
“ทำไมพี่ถึงอยากมาที่นี่?” อี้ จิ่นหลีถามด้วยน้ำเสียงแหบเล็กน้อย“ตอนเด็ก ๆ ฉันเคยขึ้นมาเล่นบนเนินเขานี้ ถึงผู้ใหญ่จะบอกว่าอันตราย แต่ฉันก็ยังแอบขึ้นไปบนเนินเขา ฉันรู้สึกเหมือนเป็นนักสำรวจ” หลิง อี้หรานพูดในทางกลับกัน หวา ลี่ฟางไม่ชอบมาเล่นที่เนินเขาลูกนี้“เด็กทุกคนก็ทำอย่างนั้น” เขาพูด“ในตอนนั้น ฉันเคยคิดว่าฉันจะได้พบความลับบนเนินเขานี้ เช่น สมบัติ ยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาว หรือบางทีฉันอาจจะค้นพบมิติเวลา ไม่ได้ดูไร้สาระใช่ไหม?” หลิง อี้หรานถามบางทีในสายตาของผู้ใหญ่ เนินเขานี้อาจจะไม่ได้ใหญ่มากนัก แม้ว่ามันจะเชื่อมต่อกับภูเขาด้านหลังก็ตาม แต่ในสายตาของเด็ก ๆ มันเหมือนกับโลกอีกใบ“ไม่ น่ารักดีออก แต่ตอนนี้พี่โตขึ้นแล้ว มันก็เป็นแค่เนินเขา มาเถอะ ดึกแล้ว เรารีบกลับไปที่เมืองเฉินกันเถอะ” อี้ จิ่นหลีพูดหลิง อี้หรานพยักหน้า เธอหันกลับไปมองที่เนินเขาอีกครั้งก่อนจะจากไปเธอไม่ได้สังเกตว่าขณะที่เธอหันไปมองที่เนินเขา มือที่อยู่ข้างลำตัวของอี้ จิ่นหลีกำลังกำแน่น นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกแปลก ๆ…ห่าว อี้เหมิงถูกกลุ่มนักข่าวรุมถามคำถามเมื่อเธอออกมาจากการถ่ายละคร“คุณห่าว คุณ
“ถึงพวกเขาจะพลิกคดีได้ แต่มันก็ไม่ควรเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้! ตามขั้นตอนปกติ…”ก่อนที่ห่าว อี้เหมิงจะพูดจบ เธอก็ถูกห่าว ฉี่หลงขัดจังหวะ “อย่าลืมว่าใครเป็นคนช่วยเหลือเธอ!”ห่าว อี้เหมิงเงียบ ‘อี้ จิ่นหลี!’ตามขั้นตอนไต่สวนเพื่อพลิกคดีความนั้น ปกติแล้วจะใช้ได้กับคนธรรมดาเท่านั้น“ไม่ว่ายังไง เมื่อข่าวถูกรายงาน ตระกูลห่าวจะต้องแสดงให้ผู้คนเห็นว่าพวกเราไม่สามารถขัดขวางตระกูลอี้ในเรื่องนี้ได้ เข้าใจไหม?” ห่าว ฉี่หลงเตือนลูกสาวของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าห่าว อี้เหมิงจิกเล็บที่ตกแต่งอย่างประณีตลงบนโทรศัพท์ของเธอเธอเหยียบย่ำหลิง อี้หรานต่อหน้าสื่อมากมายและสร้างความฮือฮาอย่างมากเกี่ยวกับความจริงที่ว่าหลิง อี้หรานฆ่าพี่สาวของเธอแต่ตอนนี้ สิ่งที่พ่อของเธอพูดนั้นเทียบเท่ากับการขอให้เธอขอโทษหลิง อี้หรานต่อหน้าสื่อ นั่นไม่ใช่การตบหน้าตัวเองในที่สาธารณะเหรอ?“อี้เหมิง ได้ยินพ่อไหม?” เสียงของห่าว ฉี่หลงดึงขึ้น “อย่าลากตระกูลห่าวลงไปในโคลน พ่ออยากให้ตระกูลห่าวยังคงอยู่ตลอดไป!”ห่าว อี้เหมิงสูดหายใจลึกและพูดว่า “เข้าใจแล้วค่ะ!”หลังจากวางสาย ห่าว อี้เหมิงก็ปาโทรศัพท์ของเธอลงกับพื้นเธอจะต้องกล้ำกลืนศ
เขาก้มศรีษะลงเพื่อจ้องมองเธอที่พิงไหล่ของเขาอยู่ ‘ถ้าเธอรู้ความจริง เธอยังจะคิดว่า... โชคดีที่ได้พบฉันอยู่ไหม?’‘อาจจะไม่’เมื่อหลิง อี้หรานหลับสนิทแล้ว อี้ จิ่นหลีก็ขยับตัวเบา ๆ และช้อนตัวหลิง อี้หรานขึ้นมาอย่างระมัดระวัง พาเธอไปที่ห้องนอนและวางเธอลงบนเตียงนุ่ม จากนั้นเขาก็ใช้ปรายนิ้วปัดลูกผมของเธอเบา ๆ “อี้หราน ให้มันจบแค่นี้ ตกลงไหม?”ความจริงในคดีความของเธอจบลงแล้ว และอดีตของเธอกับกู้ ลี่เฉินก็จบลงเช่นกัน‘อย่าค้นหาคำตอบอะไรอีก!’‘มันจะที่ดีที่สุด!’...นักข่าวเผยแพร่ข่าวเรื่องการพลิกคดีความของหลิง อี้หรานลงบนอินเทอร์เน็ตสักพักก็มีการพูดคุยกันถึงเรื่องนี้แน่นอน หลิง อี้หรานเป็นเพียงทนายความมือใหม่ที่มีแนวโน้มว่าจะถูกตัดสินลงโทษโดยมิชอบ อดีตแฟนหนุ่มของหลิง อี้หราน เซียว จื่อฉีและห่าว อี้เหมิงกำลังเป็นคนดังที่ถูกพูดถึงในขณะนี้แม้ว่านักข่าวที่ปล่อยเรื่องได้กล่าวว่าเขาได้สัมภาษณ์ห่าว อี้เหมิงก่อนหน้านี้ แต่ห่าว อี้เหมิงดูเหมือนจะไม่รู้เกี่ยวกับคดีนี้ หลังจากนั้นเธอก็ไม่ได้พูดอะไร!ด้วยเหตุนี้ ผู้คนจำนวนมากขึ้นจึงไปดูโซเชียลมีเดียของห่าว อี้เหมิง เพื่อถามว่าเธอคิดอย่างไรเก
“ถ้าเธอพูดอย่างนั้นก็เหมือนกับว่าฉันเป็นคนนอก อี้หราน เราบอกว่าเราจะเป็นเพื่อนกันตลอดไปไง คราวหน้าเธอต้องบอกฉันนะ ฉันไม่อยากเรียนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนของฉันจากข่าวบนอินเทอร์เน็ต” ชิน เหลียนอีพูด“เข้าใจแล้ว” หลิง อี้หรานตอบกลับด้วยความรู้สึกทีเอ่อล้นนั่นคือสิ่งที่เหลียนอี เมื่อเธอมองว่าใครคือเพื่อนของเธอ เธอก็จะให้ใจกับเพื่อนเต็มร้อยวันรุ่งขึ้น ชิน เหลียนอีได้มาพบกับหลิง อี้หราน และได้รู้รายละเอียดของคดีนี้ รวมถึงเรื่องที่ว่าน หยวี่หมิงเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลัง“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะใส่ร้ายคนอื่นเพียงเพราะเขากลัวที่จะโดนเอี่ยวด้วย ถ้าเธอพิสูจน์ได้ว่าเธอบริสุทธิ์ เธอจะทำยังไงต่อไป?” ชิน เหลียนอีถามอย่างอารมณ์ดี“ฉันไม่รู้เลย” หลิง อี้หรานตอบ ถึงเธอจะคาดหวังบางอย่างไว้บ้าง แต่เธอก็ยังรู้สึกลังเลกับอนาคตของเธอ“เธอจะกลับไปเป็นทนายความอีกไหม?” ชิน เหลียนอีถามหลิง อี้หรานหัวเราะอย่างขมขื่น “ฉันไม่ได้เป็นทนายความมาสี่ปีแล้ว ฉันยังไม่รู้เลยว่าฉันจะทำมันอีกครั้งได้ไหม ฉันจำไม่ได้แม้แต่บทบัญญัติทางกฎหมาย”“น่าเสียดายนะ ถ้าเธอเลิกเป็นทนายความ แต่เธอไม่ต้องรีบร้อนหรอก ค่อ
ผู้ชานคนนั้นพูดรัวออกมา เพื่อป้องกันห่าว อี้เหมิง เขาทำตัวเหมือนเป็นแฟนของห่าว อี้เหมิงหลิง อี้หรานขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอหยิบหนังสือสองสามเล่มที่เธอเลือกและเดินไปที่แคชเชียร์เพื่อจ่ายเงินและหลังจากนั้นจึงมองหาชิน เหลียนอีแต่ผู้ชายคนนี้กลับไม่ยอมแพ้และติดตามหลิง อี้หรานต่อไป เขายังคงพูดต่อหยิบโทรศัพท์ของเขาขึ้นมาเพื่อถ่ายวิดีโอ โดยเขาต้องการให้หลิง อี้หรานออกมาพูดว่าเธอเต็มใจให้อภัยห่าว อี้เหมิง หลิง อี้หรานขมวดคิ้วแน่นขึ้น “คุณไม่มีสิทธิ์มาถ่ายรูปฉัน ถ้าฉันไม่ยินยอม!”“คุณรู้สึกผิดใช่ไหม? ผมแค่ใช้โทรศัพท์ของตัวเองถ่าย แล้วเกี่ยวอะไรกับคุณ? เป็นไปได้ไหมที่คุณต้องการจะจุดไฟสร้างความสัมพันธ์ของคุณกับเซียว จื่อฉีอีกครั้ง?ชายคนนั้นพูดเกินจริงราวกับต้องการจะกระตุ้นให้กลายเป็นเรื่องซุบซิบประเด็นร้อนหลิง อี้หรานรีบจ่ายเงินเพื่อตามหาชิน เหลียนอี แต่กลับมีผู้คนมากมายมาล้อมเธอเอาไว้เพราะชายคนแปลกหน้าพูดแบบนั้น จึงทำให้คนรอบ ๆ รู้ว่าเธอเป็นใคร และคำขอโทษของห่าว อี้เหมิงก็กำลังเป็นประเด็นร้อนบนอินเทอร์เน็ตในทุกวันนี้“นั่นหลิง อี้หรานหนิ!”“เธอคือหลิง อี้หรานที่พลิกคดีความใช่ไหม?”“
คนจำนวนมากมารวมตัวกันที่ฝั่งของหลิง อี้หราน ด้วยเสียงกรีดร้องที่ดังสนั่น ทำให้ผู้คนจำนวนมากเข้ามาล้อมรอบตัวเธอกู้ ลี่เฉินขมวดคิ้ว เขารีบพาหลิง อี้หรานเข้าไปในรถที่จอดอยู่และขับรถออกไปฝูงชนที่รายล้อมอยู่ไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากจ้องเขม็งไปที่รถที่แล่นออกไป จากนั้นพวกเขาก็เริ่มพูดคุยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของหลิง อี้หรานและกู้ ลี่เฉินหลังจากขึ้นรถแล้ว หลิง อี้หรานก็พูดกับกู้ ลี่เฉินว่า “ขอบคุณมากนะคะ แค่ส่งฉันไว้แถวนี้ก็ได้”แทนที่เขาจะหยุดรถ แต่กู้ ลี่เฉินกลับถามว่า “เกิดบ้าอะไรขึ้น?”“มีคนแปลกหน้าบางคนจำฉันได้ ตอนนี้ข่าวเรื่องย้อนคดีของฉันกลายเป็นประเด็นร้อนบนอินเทอร์เน็ตเพราะคำขอโทษของห่าว อี้เหมิง ได้โปรดหยุดรถเถอะค่ะ เพื่อนของฉันยังอยู่ที่ร้านหนังสือ และฉันต้องไปหาเพื่อน!” หลิง อี้หรานพูดกู้ ลี่เฉินเม้มริมฝีปากบางของเขาเข้าหากัน จากนั้นเขาก็ขับรถไปเลียบกับข้างถนนหลิง อี้หรานพยายามลงจากรถ แต่กู้ ลี่เฉินกลับหยุดเธอ “มันห่างจากทางเข้าร้านหนังสือแค่ 300 เมตร บางทีคนเหล่านั้นอาจจะกำลังตามคุณมาและล้อมคุณไว้อีกครั้ง คุณติดต่อเพื่อนของคุณและเมื่อเพื่อนของคุณมาถึงที่นี่ คุณจะลงไปก็