บางทีนี่อาจจะเป็นโชคชะตาของเธอ“จิน ฉัน... ฉันเคยรู้สึกว่าความรักเป็นสิ่งที่เกินตัวสำหรับฉันหลังจากที่ฉันออกจากคุก ฉันไม่เคยคิดที่จะรักใครอีกเลย แต่ตอนนี้ ฉันมีความสุขมากที่ได้พบคุณและตกหลุมรักคุณ บางครั้งฉันรู้สึกราวกับว่าคุณเป็นของขวัญจากพระเจ้า”เธอพึมพำบอกเขาว่าเธอรู้สึกอย่างไรเขาให้ความหวังกับเธออีกครั้ง เขาเป็นเหมือนอัศวินขี่ม้าขาวที่พระเจ้าส่งมาเพื่อดึงเธอขึ้นจากโคลนตมแห่งความสิ้นหวัง พระเจ้าคงคิดว่าเธอน่าสังเวชเกินไปอี้ จิ่นหลีแข็งทื่อ ‘ของขวัญจากพระเจ้า? ถ้าวันหนึ่งเธอรู้ว่าความจริง เธอจะยังคิดแบบนี้อยู่ไหม?’ไม่ เขาจะไม่ยอมให้เธอรู้เด็ดขาดจะไม่มีวันนั้น!อันที่จริง... เธอต่างหากที่เป็นของขวัญสำหรับเขา ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ เขาอาจจะไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกที่ได้รักใครสักคนเขาต้องการทำให้เธอเป็นของเขาคนเดียว แม้ว่าเขาจะกอดเธอทุกวันและแม้ว่าเขาจะแบ่งปันเรื่องราวส่วนตัวแล้วก็ตาม... แต่มันก็ยังไม่พอ มันยังไม่พอสำหรับเขา!“แต่งงานกันเถอะ อี้หราน!” อี้ จิ่นหลีพูดคำเหล่านี้ออกมาด้วยความปรารถนาที่เขาไม่อาจระงับได้ “แต่งงานกับฉันนะ มาเป็นภรรยาของฉันเถอะ!”…แต่งงาน?หลิง อี
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง... ตระกูลของเขาให้ความสำคัญกับทายาทผู้สืบทอดตระกูลมาก“แล้วยังไง? ตอนที่เราเริ่มออกเดทกันครั้งแรก ผมบอกพี่แล้วไงว่าแม้ว่าผมจะมีลูกเป็นของตัวเองไม่ได้ ก็ไม่เป็นอะไร ผมรักพี่ ไม่ใช่ลูก” เธอคือสิ่งเดียวในโลกที่มีความสำคัญต่อเขา“แต่ว่า...” เธอยังคงชั่งใจ‘มันไม่สำคัญจริง ๆ เหรอ? จะมีผู้ชายกี่คนในโลกนี้ที่ยอมรับการไม่มีลูกได้?’“อี้หราน! สำหรับฉัน ลูกเป็นเพียงทายาทของตระกูลอี้เท่านั้น ฉันไม่ใช่คนที่รักใครไปทั่ว ถ้าเธอและฉันมีลูกด้วยกันในอนาคต ฉันอาจจะรักพวกเขา ถ้าเราไม่มีลูก เราก็รับเลี้ยงเด็กจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าหรือจากญาติคนอื่นในตระกูลอี้ได้ ทุกอย่างไม่มีปัญหาสำหรับฉันเลย ทั้งหมดที่ฉันสนใจก็คือเธอจะแต่งงานกับฉันไหม?” เขากล่าวในช่วงท้ายของประโยค เขาจ้องมองเธอด้วยสายตาร้อนแรง เธอรู้สึกราวกับว่าเธอถูกเขาจับขังอยู่ในตาข่าย เธอไม่สามารถซ่อนตัวหรือหนีจากเขาไปได้และยิ่งไปกว่านั้น... เธอไม่จะหนี!เธอรักเขามากเกินกว่าจะซ่อนตัวหรือวิ่งหนี“ตกลง” เพียงสองคำนั้นที่หลุดออกจากปากเธอรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา จากนั้นเขาก็จับมือเธอและจูบเรียวนิ้วยาวของเธอ “ผมจะไม่มีว
“เธอรู้จักเขาดีพอหรือเปล่า?” ชิน เหลียนอีถาม“ประมาณนั้น ไม่มีอะไรที่ฉันไม่รู้เกี่ยวกับตระกูล อาชีพ ชีวิตและบุคลิกภาพของเขา แถมฉันยังอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์อี้มาระยะหนึ่งแล้ว” หลิง อี้หรานกล่าว“แล้วด้านมืดของเขาล่ะ?” ชิน เหลียนอีโพล่งออกมาหลิง อี้หรานมองเพื่อนของเธอด้วยความประหลาดใจ ขณะที่ชิน เหลียนอีทำตัวไม่ถูก “ฉันหมายถึงว่า เขาคืออี้ จิ่นหลี คนมักจะพูดกันว่าเขาโหดเหี้ยมและถ้าใครทำให้เขาขุ่นเคือง ก็จะไม่จบลงด้วยดีไม่ใช่เหรอ?”หลิง อี้หรานหลับตาลงเล็กน้อย เธอรู้ว่าเพื่อนสนิทของเธอหมายถึงอะไรใน เหมือนตอนที่เธออยู่ในคุก หลายคนเลือกทำลายเธอเพราะอี้ จิ่นหลีอย่างไรก็ตาม... “เหลียนอี ถ้าเธอไม่ได้มาอยู่ตรงนี้ เธอจะไม่มีทางรู้ว่าอนาคตของเธอจะเป็นยังไง ฉันต้องการทำแบบนั้นเพราะฉันคิดว่าไม่มีใครในโลกนี้จะรักฉันมากไปกว่าเขาอีกแล้ว” หลิง อี้หรานกล่าวขณะที่เธอมองไปที่ชิน เหลียนอีหัวใจของชิน เหลียนอีสั่นสะท้านเมื่อเธอมาไปที่เพื่อนสนิทของเธอ ทั้งสองรู้จักกันมาหลายปี เธอรู้ว่าอี้หรานต้องการมีครอบครัวมากแค่ไหนนั่นคือสิ่งที่ผู้คนเป็น ยิ่งพวกเขาขาดอะไรไปมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งต้องการมันมากขึ้นเท
เขาน่าจะกอดเธอไว้ให้แน่นตั้งแต่แรก!“เฮ้ ทำไมนายมาดื่มคนเดียวล่ะ?” เสียงของเย่ ฉงเว่ยดังขึ้นขัดจังหวะกู้ ลี่เฉิน “นายมาที่นี่ไม่บ่อย ดื่มคนเดียวไม่น่าเบื่อเหรอ?”‘น่าเบื่อเหรอ?’กู้ ลี่เฉินหมุนแก้วในมือและเหลือบมองผู้คนรอบตัวเขาเหตุผลเดียวที่เขาตกลงเข้าร่วมงานของเย่ ฉงเว่ยในวันนี้เพราะเขาต้องการขจัดความเครียดของเขาแต่เขากลับพบว่ามันมีค่าเท่าเดิมเขาเอาแต่นึกถึงหลิง อี้หรานและไม่สามารถเอาเธอออกจากหัวได้“ยังไงก็เถอะ ฉันได้ยินมาว่านายกับจิ่นหลีทะเลาะกันเหรอ? เกิดอะไรขึ้น?” เย่ ฉงเว่ยถามกู้ ลี่เฉินหันไปมองเพื่อนสนิทขณะที่ยิ้มมุมปาก “นายก็รู้อยู่แล้วหนิ”เย่ ฉงเว่ยตกตะลึง “จริงดิ?” เขาได้ยินข่าวโครมลอยแต่มันกลับกลายเป็นเรื่องจริง “นายทะเลาะกับจิ่นหลีได้ยังไง?”พวกเขารู้จักกันตั้งแต่เด็ก เย่ ฉงเว่ยคิดมาตลอดว่าบุคคลที่จะมีปัญหากันน้อยสุดคืออี้ จิ่นหลีกับกู้ ลี่เฉินผู้ชายทั้งสองคนนี้ต่างมีเหตุผลและชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียของทุกสิ่งอย่าง อี้ จิ่นหลีไม่เคยแยแสกับอะไร แน่นอนว่านั่นคือก่อนที่เขาได้พบกับหลิง อี้หราน เย่ ฉงเว่ยสังเกตได้ว่าเขาห่วงใยผู้หญิงคนนั้นมากสำหรับลี่เฉิน ใน
‘เกิดอะไรขึ้น?’ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นลี่เฉินแสดงอาการวิตกกังวลและประหม่าเพราะผู้หญิงคนหนึ่ง และ... รีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว!‘หลิง อี้หรานเป็นผู้หญิงแบบไหนกัน?’เขาคิดว่ามันเป็นแค่ความขัดแย้งที่โง่เขลา แม้ว่าจะเป็นเรื่องของผู้หญิงคนหนึ่งก็ตามตอนนี้... เขารู้สึกถึงความกังวลที่คลุมเครือ ถ้าสองคนนี้ทะเลาะกันเพื่อแย่งชิงผู้หญิงจริง ๆ... เมืองเฉินก็คงจะถล่มลงมาราวกับสายฟ้าฟาด!‘เดี๋ยวนะ! แล้วลี่เฉินไม่ตามหาเจ้าของสร้อยข้อมือแล้วเหรอ?’‘เว้นแต่ว่า…’ เย่ ฉงเว่ยรู้สึกกลัวที่สันนิฐานเรื่องนี้ข้อสันนิฐานในใจเขา จุดประกายขึ้นจนเขารู้สึกกลัว!...กู้ ลี่เฉินขับรถไปที่ร้านอาหาร‘แต่งงาน? เธอจะแต่งงานกับอี้ จิ่นหลีจริง ๆ หรือเปล่า?’ก่อนที่เขาจะค้นพบความจริง... ไม่ ไม่มีวัน เขาจะไม่ยอมให้เธอแต่งงานกับอี้ จิ่นหลี!เขาตามหาเธอมาหลายปี น้ำเสียงและใบหน้าของเธอยังคงตราตรึงอยู่ในใจของเขา แล้วเขาจะยอมรับเรื่องนี้ได้อย่างไร?กู้ ลี่เฉินกำพวงมาลัยแน่น...อีกด้านหนึ่งในร้านอาหาร หลิง อี้หรานพูดคุยกับโจว เชียนหยุนอย่างเขินอายว่าเธอกำลังจะออกจากงานหลังจากนี้อีกไม่นานเพราะถ้าหากจะแต่งงานกัน
เธอรับไม่ได้ เธอไม่สามารถสูญเสียอาหยันน้อยไปได้ อาหยันน้อยเป็นแรงบันดาลใจให้เธอมีชีวิตอยู่!หลิง อี้หรานรู้ว่าเธอไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้ ดังนั้นเธอจึงพูดเพียงว่า “เมื่อไหร่ที่พี่ต้องการความช่วยเหลือจากฉัน พี่บอกฉันได้เสมอนะคะ”“ขอบใจนะ!” โจว เชียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “อันที่จริง เธอช่วยฉันมามากพอแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ อาหยันน้อยอาจจะไม่สามารถ…”ทันใดนั้น ร่างหนึ่งก็บุกเข้ามาในร้านอาหาร ขัดจังหวะการสนทนาของโจว เชียนหยุนกู้ ลี่เฉินวิ่งหอบเข้ามา ดวงตาของโจว เชียนหยุนและหลิง อี้หรานเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ เขาคว้าแขนหลิง อี้หรานและถามว่า “คุณกำลังจะแต่งงานกับอี้ จิ่นหลีเหรอ?”หลิง อี้หรานตกตะลึง เธอยังไม่ได้ป่าวประกาศเรื่องนี้ต่อสาธารณะชน เธอพูดเรื่องนี้กับเหลียนอีและพี่โจวเท่านั้น“ค่ะ” เธอตอบตกลง“ทำไม?”“เพราะฉันรักเขาและเขาก็รักฉัน มันยังไม่สำคัญพอที่เราจะแต่งงานกันเหรอ?” เธอจ้องมองเขาด้วยท่าทีนิ่งเฉยและพูดว่า “ได้โปรดปล่อยฉันค่ะ คุณกู้!”โชคดีที่ตอนนี้เป็นเวลาเย็นมากแล้วและใกล้จะปิดร้าน จึงมีลูกค้าเพียงไม่กี่คนในร้าน มิเช่นนั้นอาจเกิดการรบกวนลูกค้าขึ้นอีก“คุณรักเข
“คุณเข้าใจผิดว่าฉันเป็นคนอื่น คุณกู้ ถึงคุณจะไม่ได้เข้าใจผิดว่าฉันเป็นคนอื่น มันก็ไม่ต่างกันเลย เพราะคนที่ฉันรักคือจิ่นหลีและเขาก็เป็นคนที่ฉันอยากแต่งงานด้วย ฉันจะไม่มีวันมีความรู้สึกอะไรกับคุณ” หลิง อี้หรานกล่าวเธอพูดออกมาอย่างเลือดเย็น ทำให้ร่างกายของเขาแข็งทื่อ หลิง อี้หรานใช้โอกาสนี้ดึงแขนของเธอออกจากมือของเขา “ฉันหวังว่าคุณจะไม่มาถามหาเรื่องนี้กับฉันอีกในอนาคต ไม่ว่าฉันจะเป็นเธอหรือไม่ก็ตาม”ด้วยเหตุนี้ หลิง อี้หรานจึงหันไปมองโจว เชียนหยุนและพูดว่า “ฉันกลับบ้านก่อนนะคะ พี่โจว”“ได้สิ” โจว เชียนหยุนตอบหลิง อี้หรานเดินออกมาจากร้านอาหาร แต่กู้ ลี่เฉินยังคงยืนอยู่ที่นั่นในขณะที่จ้องมองมือของเขาอย่างว่างเปล่าว่างเปล่า!‘มันไม่มีข้อแตกต่างอะไรเลยว่าเธอจะใช่หรือไม่ใช่เด็กหญิงคนนั้น’‘ทำไมล่ะ? ทำไม?’ กู้ ลี่เฉินค่อย ๆ ดึงมือตัวเองกลับมาและกำหมัดแน่น เขาจิกเล็บแทงลึกเข้าไปในฝ่ามือของตัวเองโจว เชียนหยุนจ้องมองกู้ ลี่เฉินด้วยใบหน้าตกใจใบหน้าของเจ้าชายแห่งวงการบันเทิงดูโศกเศร้าและเต็มไปด้วยความสิ้นหวังราวกับว่าเขาสูญเสียสิ่งที่สำคัญที่สุดของเขาไป!…“นายรู้อะไรไหม? ฉันรู้ส
‘เกิดอะไรขึ้น?’ สิ่งที่เด็กคนนั้นพูดในความฝันของเธอคล้ายกับที่ประโยคที่กู้ ลี่เฉินพูดกับเธอก่อนหน้า‘เป็นเพราะฉันเก็บเอาคำพูดเหล่านั้นมาฝันหรือเปล่า?’หลิง อี้หรานขมวดคิ้วกับความคิดนี้และรู้สึกปวดหัวอีกครั้ง“ทำไม? พี่ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?” เสียงของอี้ จิ่นหลีดังขึ้น“ไม่มีอะไร แค่ปวดหัวนิดหน่อย” เธอตอบเขายกมือขึ้น เอาปลายนิ้วของเขานวดเบา ๆ บนหน้าผากและขมับของเธอ การนวดของเขา ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น“ดีขึ้นไหม?” เขาถาม“อืม ดีขึ้น” เธอตอบพร้อมกับพยักหน้า“ทำไมพรุ่งนี้ไม่ไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกายดูล่ะ? เราจะได้หาสาเหตุของอาการปวดหัว” อี้ จิ่น หลีถาม“ไม่ล่ะ ขอบคุณ อาการปวดหัวของฉันคงเป็นเพราะเรื่องที่ฉันฝันถึง น่าจะเป็นเพราะสิ่งที่ก็ ลี่เฉินพูด” หลิง อี้หรานตอบอี้ จิ่นหลีหยุดนวดทันที “พี่พูดว่าอะไรนะ? กู้ ลี่เฉินพูดอะไร?”“วันนี้เขามาที่ร้านอาหาร เขายังคิดว่าฉันเป็นคนที่เขาตามหาและพูดจาแปลก ๆ ใส่ฉัน… ฉันเลยฝันถึง ฉันฝันถึงเด็กสองคนพูดคุยกันแบบเดียวกับที่กู้ ลี่เฉินพูดกับฉันในวันนี้” หลิง อี้หรานอธิบายใบหน้าของอี้ จิ่นหลีหม่นหมองลง “พี่ฝันเกี่ยวกับอะไรกันแน่?”หลิง อี้