ในแวดวงวงการบันเทิง เรื่องบางเรื่องมักจะถูกบุคคลภายนอกพูดเกินจริงเสมอในช่วงเวลานี้ กู้ ลี่เฉินและเธอไม่ได้ปรากฏตัวต่อสาธารณะ และมีการคาดเดามากมายว่าเธอกำลังถูกเขาเขี่ยทิ้งดังนั้นเธอจึงจำเป็นต้องปรากฏตัวในที่สาธารณะพร้อมกับกู้ ลี่เฉินโดยด่วนเพื่อปฏิเสธข่าวลือเหล่านั้นแต่... เธอกลับไม่สามารถพบเขาได้เลย“คุณช่วยฉันไม่ได้เหรอคะ เลขาจาง?” หลิง ลั่วอินกล่าวอย่างถ่อมตน“ผมช่วยอะไรไม่ได้จริง ๆ ครับ คุณกู้บอกเองว่าเขาจะมาไม่เจอคุณ ดังนั้นเขาก็จะไม่เจอ” เลขาบอกราวกับว่าไม่มีอะไรสามารถเปลี่ยนแปลงได้หลิง ลั่วอินเห็นสายตาที่เยาะเย้ยของเขาและท่าทีสังเวชราวกับว่าเขาดีกว่าเธอเลขาจางกำลังคิดว่าลี่เฉินจะเขี่ยเธอทิ้งและตัวตนของเธอก็จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมในอดีตใช่ไหม? หลิง ลั่วอินคิดในใจ แต่สำหรับตอนนี้ มันน่าอับอายที่จะยืนกร้านอยู่ที่นี่อีกต่อไปหลิง ลั่วอินทำได้แค่กลับออกไปก่อน จากนั้นเธอก็ขับรถไปจอดที่อาคารจอดรถ เธอจอดรถไว้ที่นั่นและวางแผนรอให้กู้ ลี่เฉินออกมาวันนี้เธอลางานหนึ่งวันจากกองถ่ายเพื่อมาหาลี่เฉินครู่ต่อมา รถของกู้ ลี่เฉินก็ปรากฏตัวต่อหน้าหลิง ลั่วอิน เธอต้องรีบตามรถของเขาให้
เขาคือ... กู้ ลี่เฉิน!เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสีเบจ ดูสบาย ๆ และผ่อนคลายเล็กน้อย ผมสีดำของเขากระเซอะกระเซิง แสงจันทร์สาดส่องกระทบผิวขาว ทำให้เห็นร่างแกร่งเพียงเสี้ยวเดียวเธอรู้สึกว่าเขาแตกต่างจากปกติ เขามองมาที่เธอ นัยน์ตาสีดำนิลแข็งแกร่งกลับดูเศร้าโศกสายตาของเขาที่มองมาที่เธอ ทำให้หลิง อี้หรานรู้สึกไม่สบายใจ ราวกับว่าเขากำลังมองทะลุเข้ามาในตัวเธอกู้ ลี่เฉินเดินเข้ามาหาเธอทีละก้าว อี้หรานก็รู้สึกถึงกลิ่นแอลกอฮอล์ลอยมากระทบบนใบหน้าของเธอ“คุณดื่มมาเหรอ?” เธอถามออกไปโดยไม่รู้ตัว“อืม นิดหน่อย” เขาพูดพร้อมกับหัวเราะ ดวงตาของเขาจดจ่ออยู่กับเธอหลิง อี้หรานเม้มริมฝีปาก “มันดึกแล้ว ฉันต้องกลับบ้านก่อน ลาก่อนนะ” เธอพูดขณะก้าวเท้าจะเดินจากไปเมื่อเธอก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว มือหนาก็คว้าแขนของเธอและดึงเธอเข้าไปในอ้อมกอดเธอตกอยู่ในอ้อมแขนกว้าง กลิ่นฉุนของแอลกอฮอล์นั้นแย่กว่าที่เธอได้กลิ่นในตอนแรกเสียอีกเขาเมามาก! เขาดื่มมากขนาดไหน?“ปล่อยฉัน!” หลิง อี้หรานตะโกนมือของเขายังคงกอดเธอไว้แน่น “บอกผมที ผมจะหาเธอเจอได้ที่ไหน? ผมตามหาเธอมานานแล้ว แต่ผมกลับหาเธอไม่เจอ! ผมหาเธอไม่เ
น้ำตา...ราวกับว่ามีเข็มทิ่มอยู่ในใจ เธอรู้สึกเจ็บปวดกะทันหัน…“คุณรู้อะไรไหม? ผมคิดถึงคุณมาก… ผมคิดถึงคุณ...” เขาพึมพำขณะที่ใบหน้าของเขาขยับเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ ริมฝีปากของเขาเกือบจะสัมผัสกับริมฝีปากของเธอเพียะ!เสียงตบดังขึ้นชัดเจนในความมืดหลิง อี้หรานหอบเล็กน้อย เธอรู้สึกถึงอาการปวดแสบปวดร้อนที่ฝ่ามือของเธอ บ่งบอกได้ว่าเธอตบเขาแรงแค่ไหนใบหน้าของกู้ ลี่เฉินเป็นรอยแดงช้ำ อากาศรอบตัวเขาหยุดนิ่งมีเพียงความเงียบงำปกคลุมเขาก็ค่อย ๆ หันหน้ามาสบตากับเธอ ดวงตาที่ดูเศร้าโศกกลับดูเป็นปกติอีกครั้งเขาค่อย ๆ คลายอ้อมกอดออกและไม่พูดอะไร จากนั้นจึงหันหลังและเดินโซเซไปที่รถที่จอดอยู่ใกล้ ๆขณะเดียวกัน หลิง อี้หรานเอามือขึ้นแนบศีรษะที่ยังคงสั่นอยู่ทำไมเธอถึงปวดหัวเมื่อเห็นน้ำตาของกู้ ลี่เฉิน? ราวกับว่าเธอถูกกระตุ้นโดยบางสิ่งบางอย่าง ความรู้สึกแย่ ๆ ได้ก่อตัวขึ้นในหัวใจของเธอทำไม... เธออารมณ์เสียอย่างนั้นเหรอ? ราวกับว่าร่างกายของเธอไม่ต้องการเห็นเขาร้องไห้แม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมเธอถึงรู้สึกแบบนี้อีกมุมหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก หลิง ลั่วอินกัดฟันขณะมองไ
เหตุผลนั้นทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิด เธอไม่รู้ว่าควรจะร้องไห้หรือหัวเราะดีเธอจ้องมองดูเขาเงียบ ๆ ในงานเลี้ยงฉลองก็เช่นกัน เธอไม่เคยคิดว่าสักวันหนึ่ง เขาทั้งสองจะได้ยืนเคียงข้างกันแบบนี้เขาจดจ่ออยู่กับงาน เขาอ่านเอกสารพร้อมกับปากกาในมือที่เคลื่อนไหวตลอดเวลาขณะจดบันทึกเธอพบว่าเขาเป็นคนทำอะไรรวดเร็วและในขณะเดียวกัน เขาก็ออกคำสั่งติดตามสินค้าให้ผู้บริหารระดับสูงที่อยู่อีกด้านของคอมพิวเตอร์เป็นครั้งคราวหลิง อี้หรานรู้สึกเศร้าใจเมื่อมองไปที่อี้ จิ่นหลี เธอเคยได้ยินคนพูดว่าผู้ชายจะมีเสน่ห์ที่สุดตอนเวลาทำงาน ดูเหมือนว่าจะเป็นความจริงทุกคนรู้จักอี้ จิ่นหลีในฐานะราชาแห่งโลกธุรกิจเพราะเขามาจากตระกูลที่ร่ำรวยและเป็นตระกูลที่สืบทอดกันมาหลายศตวรรษ แต่ไม่มีใครเกิดมาแล้วจะเป็นราชาได้เลย แม้ว่าเขาจะมีตระกูลอี้คอยสนับสนุน แต่เขาก็สามารถถูกปลดออกจากตำแหน่งได้ทุกเมื่อ ถ้าเขาไม่ทุ่มเทให้กับงานความก้าวหน้าของตระกูลอี้ รวมถึงตำแหน่งของเขาเองเป็นผลลัพธ์มาจากการที่เขาทำงานอย่างหนักเธอมองดูอี้ จิ่นหลี จากระยะของเธอ เธอมองเห็นสันจมูกโด่งได้รูปของเขา โครงหน้าที่เห็นกรอบชัดเจน ริมฝีปากบางเซ็กซี่งและคางที
“ถ้าพี่อยากเห็นผมร้องไห้ ผมก็จะร้องไห้” เสียงของเขาดังขึ้นอีกครั้งดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความตกใจ ใบหน้าของเธอแสดงออกว่าไม่เชื่อสิ่งที่เขาบอก เขาพูดว่า... เขาจะร้องไห้เหรอ?“ทำไมล่ะ?” เขาถามด้วยรอยยิ้ม“คุณบอกว่าคุณ...”“ถ้าพี่อยากเห็น ผมก็จะทำ ผมจะพยายามทำทุกอย่างที่พี่ต้องการ” เขาพูดขณะที่ก้มหน้าลงช้า ๆ ใบหน้าหล่อเหลาของเขาขยับเข้ามาใกล้เพื่อให้เธอได้เห็นชัด ๆหลิง อี้หรานจ้องมองด้วยความรู้สึกว่างเปล่า ใบหน้าของเขาอยู่ใกล้กับเธอมากจนเธอสามารถเห็นเงาตัวเองสะท้อนอยู่ในดวงตาของเขา เขายิ้มและพูดด้วยสีหน้าจริงจังราวกับว่าต้องการให้ตอบว่า ‘ได้’ แล้วเขาก็จะร้องไห้และหลั่งน้ำตา“พี่ครับ?” เสียงของเขาดังขึ้นอีกครั้งในหูของเธอ เสียงกระซิบที่น่าดึงดูดเธอส่ายหัวและตอบว่า “ไม่”คำตอบของเธอทำให้เขารู้สึกสงสัย “ทำไม?”“เพราะฉันจะรู้สึกเศร้า ถ้าคุณร้องไห้ นั่นแสดงว่าคุณเสียใจมากและฉันไม่อยากเห็นคุณเสียใจ” เธอกล่าวดวงตาของเขาเป็นประกาย คำพูดของเธอเหมือนกับความอบอุ่นที่ไหลเวียนผ่านเข้าหูของเขาและซึมเข้าไปในหัวใจและปอดโลกนี้เต็มไปด้วยผู้คนที่หวังให้เขาโชคร้าย แม้แต่เพื่อน ๆ ส่วนใหญ่ที่เ
แม้ว่าเขาจะตามหาเธอมาหลายปี เขาก็ไม่เคยเจอเธออีกเลยยิ่งนึกถึงผู้หญิงคนนั้นมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งเสียใจมากเท่านั้นเมื่อวานเขาเมามากและรู้สึกเศร้า ความเสียใจที่บีบคั้นอยู่ในใจของเขาเปรียบเสมือนน้ำที่ท่วมท้นและเขากำลังจมน้ำตายเขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขามาที่ร้านอาหารนี้ได้อย่างไร ทั้งหมดที่เขาคิดได้ก็คือเขาต้องการเจอเธอ เขาต้องเห็นหน้าเธอราวกับว่าการได้เห็นเธอจะทำให้เขารู้สึกดีขึ้นแต่เมื่อเขาเห็นเธอ เขากลับเห็นภาพของเด็กหญิงคนนั้นซ้อนทับ ทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่ได้และเสียมารยาทไป แม้ว่าเมื่อวานนี้เขาจะเมามาก แต่เขากลับยังจำสิ่งที่เขาทำกับเธอได้เขาคงไม่สนใจถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นแต่หลิง อี้หราน เธอแตกต่างออกไปไม่ใช่เพราะเธอเป็นแฟนของอี้ จิ่นหลี แต่เป็นเพราะเธอดูคล้ายกับเด็กหญิงคนนั้นที่เขาจินตนาการใบหน้าของเธอตอนโตไว้แม้ว่าเธอจะไม่ใช่เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ แต่เขาก็ไม่อยากให้เธอไม่ชอบเขา“ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกค่ะ ถือว่าหายกันนะคะ” หลิง อี้หรานตอบกลับและนึกถึงที่เธอตบเขาเมื่อคืนนี้หายกัน... ด้วยเหตุผลบางอย่างกู้ ลี่เฉินรู้สึกไม่ค่อยดีกับคำพูดนั้น “ไม่ถามหน่อยเหรอว่าเมื่อคืนเกิดอะไ
ในบ่ายวันเสาร์ ระหว่างช่วงพัก หลิง อี้หรานถูกเพื่อนรักลากไปร่วมงานโรดโชว์ “เธอรู้ไหมว่ามันยากแค่ไหนที่กว่าฉันจะได้ตั๋วสองใบนี้ได้ เกา จิ้งชานกำลังจะมาที่โรดโชว์ในวันนี้และเขาน่าจะรู้จักเธอ เธอต้องคุยกับเขาเพื่อฉันนะ อย่างน้อยก็ให้เขาได้ถ่ายรูปกับฉัน” ชิน เหลียนอีพูดวางแผน ราวกับว่าเธอเต็มใจที่จะผ่านทุกข์และสุขเพื่อจะได้เห็นเกา จิ้งชาน“ทำไมเธอไม่มากับไป๋ ทิงซินล่ะ?” หลิง อี้หรานถามด้วยความสงสัย มันจะดีกว่าถ้าไป๋ ทิงซินมาด้วยชิน เหลียนอีจิ๊ปาก เธอกำลังซ่อนเรื่องนี้จากไป๋ ทิงซินถ้าไป๋ ทิงซินรู้ว่าเธอมาที่งานโรดโชว์ของเกา จิ้งชาน เขาคงจะทำหน้าบูดหน้าเบี้ยวนานทีเดียวคราวที่แล้ว ไป๋ ทิงซินบังคับให้เธอดื่มเพียงเพื่อโปสเตอร์ของเกา จิ้งชานและสุดท้ายเธอก็เมาเละ แถมพ่อแม่ของเธอยังดึงหูเกือบขาดและให้เธอคุกเข่าบนกระดานซักผ้าแน่นอนว่าไป๋ ทิงซินบังคับให้เธอดื่มแค่แก้วแรกเท่านั้น แก้วที่สองเป็นเพราะไวน์สีแดงนั้นมีรสชาติดีมากจนเธอหยุดดื่มไม่ได้“ลืมมันไปเถอะ ถ้าเขามากับฉัน ฉันจะได้เห็นเกา จิ้งชานไหมล่ะ?” ชิน เหลียนอีกล่าวขณะที่เธอส่ายหัวหลิง อี้หรานหัวเราะ “เขาไม่อยากให้เธอเป็นแฟนคลับเหร
หลิง อี้หรานตกใจ เธอไม่คาดคิดว่าแขกในวันนี้จะเป็นหลิง ลั่วอินบางครั้งโรดโชว์ก็เชิญแขกมาร่วมงานเพื่อเซอร์ไพรส์ให้กับผู้ชมพวกเขามักจะเชิญดาราที่มีชื่อเสียง แต่หลิง ลั่วอินเป็นเพียงนักแสดงเกรดดี ในวงการบันเทิงก่อนที่เธอจะกลายเป็นแฟนสาวของกู้ ลี่เฉินชื่อเสียงของเธอเกิดจากกู้ ลี่เฉินและในตอนนี้หลิง ลั่วอินได้รับงานแสดงที่ดีมากมายเพราะกู้ ลี่เฉินนอกเหนือจากโฆษณาที่ได้รับการตีพิมพ์แล้ว ละครโทรทัศน์และผลงานแสดงอื่น ๆ ก็ยังอยู่ระหว่างการผลิตและยังไม่ได้ออกฉายดังนั้นหลิง ลั่วอินจึงยังไม่ได้แสดงในภาพยนตร์ เหตุผลที่เธอสามารถเป็นแขกรับเชิญได้ก็เพราะกู้ ลี่เฉินชิน เหลียนอีหันไปหาเพื่อนสนิทของเธอด้วยใบหน้าที่เสียใจและรู้สึกผิด “ขอโทษนะอี้หราน ฉันไม่รู้ว่าวันนี้หลิง ลั่วอินจะมาเป็นแขกรับเชิญ”ถ้าเธอรู้ เธอคงไม่ซื้อตั๋วโรดโชว์นี้หลิง อี้หรานยิ้ม “มีอะไรต้องขอโทษด้วย? ไม่ใช่ความผิดของเธอสักหน่อย วันนี้เรามาหาเกา จิ้งชานนะ ไม่ใช่หลิง ลั่วอิน”ชิน เหลียนอียังคงเสียใจจนเธอไม่ได้ตั้งใจดูภาพยนตร์เรื่องนี้ได้มากนัก เธอยังคงคิดถึงเรื่องที่หลิง ลั่วอินเป็นแขกรับเชิญหลังจากภาพยนตร์จบลงแล้ว ชิน
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค