“ถ้าพี่อยากเห็นผมร้องไห้ ผมก็จะร้องไห้” เสียงของเขาดังขึ้นอีกครั้งดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความตกใจ ใบหน้าของเธอแสดงออกว่าไม่เชื่อสิ่งที่เขาบอก เขาพูดว่า... เขาจะร้องไห้เหรอ?“ทำไมล่ะ?” เขาถามด้วยรอยยิ้ม“คุณบอกว่าคุณ...”“ถ้าพี่อยากเห็น ผมก็จะทำ ผมจะพยายามทำทุกอย่างที่พี่ต้องการ” เขาพูดขณะที่ก้มหน้าลงช้า ๆ ใบหน้าหล่อเหลาของเขาขยับเข้ามาใกล้เพื่อให้เธอได้เห็นชัด ๆหลิง อี้หรานจ้องมองด้วยความรู้สึกว่างเปล่า ใบหน้าของเขาอยู่ใกล้กับเธอมากจนเธอสามารถเห็นเงาตัวเองสะท้อนอยู่ในดวงตาของเขา เขายิ้มและพูดด้วยสีหน้าจริงจังราวกับว่าต้องการให้ตอบว่า ‘ได้’ แล้วเขาก็จะร้องไห้และหลั่งน้ำตา“พี่ครับ?” เสียงของเขาดังขึ้นอีกครั้งในหูของเธอ เสียงกระซิบที่น่าดึงดูดเธอส่ายหัวและตอบว่า “ไม่”คำตอบของเธอทำให้เขารู้สึกสงสัย “ทำไม?”“เพราะฉันจะรู้สึกเศร้า ถ้าคุณร้องไห้ นั่นแสดงว่าคุณเสียใจมากและฉันไม่อยากเห็นคุณเสียใจ” เธอกล่าวดวงตาของเขาเป็นประกาย คำพูดของเธอเหมือนกับความอบอุ่นที่ไหลเวียนผ่านเข้าหูของเขาและซึมเข้าไปในหัวใจและปอดโลกนี้เต็มไปด้วยผู้คนที่หวังให้เขาโชคร้าย แม้แต่เพื่อน ๆ ส่วนใหญ่ที่เ
แม้ว่าเขาจะตามหาเธอมาหลายปี เขาก็ไม่เคยเจอเธออีกเลยยิ่งนึกถึงผู้หญิงคนนั้นมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งเสียใจมากเท่านั้นเมื่อวานเขาเมามากและรู้สึกเศร้า ความเสียใจที่บีบคั้นอยู่ในใจของเขาเปรียบเสมือนน้ำที่ท่วมท้นและเขากำลังจมน้ำตายเขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขามาที่ร้านอาหารนี้ได้อย่างไร ทั้งหมดที่เขาคิดได้ก็คือเขาต้องการเจอเธอ เขาต้องเห็นหน้าเธอราวกับว่าการได้เห็นเธอจะทำให้เขารู้สึกดีขึ้นแต่เมื่อเขาเห็นเธอ เขากลับเห็นภาพของเด็กหญิงคนนั้นซ้อนทับ ทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่ได้และเสียมารยาทไป แม้ว่าเมื่อวานนี้เขาจะเมามาก แต่เขากลับยังจำสิ่งที่เขาทำกับเธอได้เขาคงไม่สนใจถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นแต่หลิง อี้หราน เธอแตกต่างออกไปไม่ใช่เพราะเธอเป็นแฟนของอี้ จิ่นหลี แต่เป็นเพราะเธอดูคล้ายกับเด็กหญิงคนนั้นที่เขาจินตนาการใบหน้าของเธอตอนโตไว้แม้ว่าเธอจะไม่ใช่เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ แต่เขาก็ไม่อยากให้เธอไม่ชอบเขา“ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกค่ะ ถือว่าหายกันนะคะ” หลิง อี้หรานตอบกลับและนึกถึงที่เธอตบเขาเมื่อคืนนี้หายกัน... ด้วยเหตุผลบางอย่างกู้ ลี่เฉินรู้สึกไม่ค่อยดีกับคำพูดนั้น “ไม่ถามหน่อยเหรอว่าเมื่อคืนเกิดอะไ
ในบ่ายวันเสาร์ ระหว่างช่วงพัก หลิง อี้หรานถูกเพื่อนรักลากไปร่วมงานโรดโชว์ “เธอรู้ไหมว่ามันยากแค่ไหนที่กว่าฉันจะได้ตั๋วสองใบนี้ได้ เกา จิ้งชานกำลังจะมาที่โรดโชว์ในวันนี้และเขาน่าจะรู้จักเธอ เธอต้องคุยกับเขาเพื่อฉันนะ อย่างน้อยก็ให้เขาได้ถ่ายรูปกับฉัน” ชิน เหลียนอีพูดวางแผน ราวกับว่าเธอเต็มใจที่จะผ่านทุกข์และสุขเพื่อจะได้เห็นเกา จิ้งชาน“ทำไมเธอไม่มากับไป๋ ทิงซินล่ะ?” หลิง อี้หรานถามด้วยความสงสัย มันจะดีกว่าถ้าไป๋ ทิงซินมาด้วยชิน เหลียนอีจิ๊ปาก เธอกำลังซ่อนเรื่องนี้จากไป๋ ทิงซินถ้าไป๋ ทิงซินรู้ว่าเธอมาที่งานโรดโชว์ของเกา จิ้งชาน เขาคงจะทำหน้าบูดหน้าเบี้ยวนานทีเดียวคราวที่แล้ว ไป๋ ทิงซินบังคับให้เธอดื่มเพียงเพื่อโปสเตอร์ของเกา จิ้งชานและสุดท้ายเธอก็เมาเละ แถมพ่อแม่ของเธอยังดึงหูเกือบขาดและให้เธอคุกเข่าบนกระดานซักผ้าแน่นอนว่าไป๋ ทิงซินบังคับให้เธอดื่มแค่แก้วแรกเท่านั้น แก้วที่สองเป็นเพราะไวน์สีแดงนั้นมีรสชาติดีมากจนเธอหยุดดื่มไม่ได้“ลืมมันไปเถอะ ถ้าเขามากับฉัน ฉันจะได้เห็นเกา จิ้งชานไหมล่ะ?” ชิน เหลียนอีกล่าวขณะที่เธอส่ายหัวหลิง อี้หรานหัวเราะ “เขาไม่อยากให้เธอเป็นแฟนคลับเหร
หลิง อี้หรานตกใจ เธอไม่คาดคิดว่าแขกในวันนี้จะเป็นหลิง ลั่วอินบางครั้งโรดโชว์ก็เชิญแขกมาร่วมงานเพื่อเซอร์ไพรส์ให้กับผู้ชมพวกเขามักจะเชิญดาราที่มีชื่อเสียง แต่หลิง ลั่วอินเป็นเพียงนักแสดงเกรดดี ในวงการบันเทิงก่อนที่เธอจะกลายเป็นแฟนสาวของกู้ ลี่เฉินชื่อเสียงของเธอเกิดจากกู้ ลี่เฉินและในตอนนี้หลิง ลั่วอินได้รับงานแสดงที่ดีมากมายเพราะกู้ ลี่เฉินนอกเหนือจากโฆษณาที่ได้รับการตีพิมพ์แล้ว ละครโทรทัศน์และผลงานแสดงอื่น ๆ ก็ยังอยู่ระหว่างการผลิตและยังไม่ได้ออกฉายดังนั้นหลิง ลั่วอินจึงยังไม่ได้แสดงในภาพยนตร์ เหตุผลที่เธอสามารถเป็นแขกรับเชิญได้ก็เพราะกู้ ลี่เฉินชิน เหลียนอีหันไปหาเพื่อนสนิทของเธอด้วยใบหน้าที่เสียใจและรู้สึกผิด “ขอโทษนะอี้หราน ฉันไม่รู้ว่าวันนี้หลิง ลั่วอินจะมาเป็นแขกรับเชิญ”ถ้าเธอรู้ เธอคงไม่ซื้อตั๋วโรดโชว์นี้หลิง อี้หรานยิ้ม “มีอะไรต้องขอโทษด้วย? ไม่ใช่ความผิดของเธอสักหน่อย วันนี้เรามาหาเกา จิ้งชานนะ ไม่ใช่หลิง ลั่วอิน”ชิน เหลียนอียังคงเสียใจจนเธอไม่ได้ตั้งใจดูภาพยนตร์เรื่องนี้ได้มากนัก เธอยังคงคิดถึงเรื่องที่หลิง ลั่วอินเป็นแขกรับเชิญหลังจากภาพยนตร์จบลงแล้ว ชิน
ใครจะคาดคิดว่าไป๋ ทิงซินจะพูดว่า “ตอนนี้คุณเป็นแฟนของผมแล้ว ถ้าผมรู้ว่าคุณกับเกา จิ้งชานสนิทสนมกันมากกว่าแฟนคลับและไอดอลทั่วไป ผมจะขึ้นบัญชีดำเขาในวงการบันเทิงและคุณอาจไม่เห็นเขาในจออีกต่อไป”ถ้าคนอื่นพูดแบบนั้น เธอคงคิดว่าพวกเขาล้อเล่น แต่นี่คือไป๋ ทิงซิน... ชิน เหลียนอีเดาว่าด้วยความใจแคบของเขา เขาอาจจะทำอย่างนั้นจริง ๆดังนั้นเธอควรจะลืมเกี่ยวกับหมายเลขโทรศัพท์ แค่ได้ถ่ายรูปด้วยกัน ขอลายเซ็นต์และโปสเตอร์สักสองสามรูป เธอก็พอใจแล้วไม่นานนัก หญิงสาวคนหนึ่งก็เข้ามาหาหลิง อี้หรานกับชิน เหลียนอี เธอพูดว่า “สวัสดีค่ะ คุณหลิง”หลิง อี้หรานจำได้ว่าเธอเป็นผู้ช่วยของเกา จิ้งชาน ที่เธอพบกับเขาครั้งล่าสุด“สวัสดีค่ะ” หลิง อี้หรานตอบ“ตามฉันมาเลยค่ะคุณผู้หญิง” เธอนำทางหลิง อี้หรานและชิน เหลียนอีไปตามทางแยกของพนักงาน หลิง อี้หรานไม่คาดคิดว่าเธอจะเดินได้เพียงไม่กี่ก้าวก่อนที่จะชนกับหลิง ลั่วอินระหว่างทางหลิง ลั่วอินอยู่กับผู้จัดการของเธอ ดูเหมือนพวกเขาจะคุยกันถึงเรื่องบางอย่างหลิง อี้หรานแสร้งทำเป็นไม่รู้จักกัน แต่หลังจากที่หลิง ลั่วอินเห็นหลิง อี้หรานก็ริเริ่มพูดทักทายด้วยรอยยิ้ม “ชิ
เธอเดินโซเซถอยหลังไปสามก้าวและในชั่วพริบตา เธอล้มลงกองอยู่กับพื้น จากนั้นเสียงร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดก็เล็ดลอดออกมาจากปากของหลิง ลั่วอิน“ฉันแค่อยากทำดีกับพี่ ทำไมพี่ถึงผลักฉันแบบนี้…” หลิง ลั่วอินถามออกมาอย่างเจ็บปวด น้ำตาคลอเบ้า ทำให้เธอดูน่าสมเพชเหตุการณ์ที่พลิกผันอย่างกะทันหันดึงความสนใจของแฟน ๆ ที่ทางเข้า หลายคนเริ่มหยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปและบันทึกหลิง อี้หรานจ้องมองหลิง ลั่วอินอย่างเย็นชา “เธอรู้ดีว่าฉันเคยผลักเธอหรือไม่”“ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะ พี่คะ? ฉันรู้… ว่าพี่เพิ่งออกมาจากคุกได้สักพัก พี่คงรู้สึกว่าถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม แต่ฉัน... ฉันจะไม่ถือโกรธอะไรพี่ทั้งนั้น”หลิง ลั่วอินยังคงเล่นเป็นน้องสาวตัวน้อยที่ถูกขมเหงต่อหน้าฝูงชนในขณะที่ป่าวประกาศให้ทุกคนได้รู้ว่าหลิง อี้หรานเคยติดคุกสำหรับแฟนคลับที่มีจมูกยาว เรื่องนี้กลายเป็นข่าวซุบซิบที่ร้อนแรงชิน เหลียนอีตื่นตระหนก “เธอใจร้ายมาก หลิง ลั่วอิน!”หลิง ลั่วอินโต้ตอบด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจว่า “พี่จะด่าอะไรฉันก็ได้ที่พี่ต้องการ พี่เป็นเพื่อนของพี่อี้หรานหนิ ฉันแค่หวังว่าพี่เหลียนอีจะสามารถเกลี้ยกล่อมไม่ให้พี่เอาหัวโขก
แต่... มันไม่สมเหตุสมผล นายน้อยกู้เป็นแฟนของหลิง ลั่วอินและตอนนี้เธอกำลังพยายามทวงถามความยุติธรรมให้กับลั่วอิน ถ้านายน้อยกู้ไม่ชอบคนแบบนั้น เขาคงจะไม่ชอบพี่สาวของลั่วอินด้วยกู้ ลี่เฉินเดินไปข้างหน้า แต่ก่อนที่เขาจะพูดขึ้น ผู้จัดการรีบโพล่งออกมาอย่างกระตือรือร้นว่า “นายน้อยกู้ ลั่วอินเพียงต้องการพาพี่สาวของเธอไปหาเกา จิ้งชานเท่านั้น แต่พี่สาวของเธอผลักเธอออกมาและทำให้เธอข้อเท้าแพลง”เธอกำลังชี้แนะให้กู้ ลี่เฉินเข้าข้างหลิง ลั่วอินดวงตาของหลิง ลั่วอินเศร้าหมองและเธอดูบอบบาง ราวกับว่าเธอพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ “ลี่เฉิน… อย่า… อย่าไปฟังเธอ พี่… ไม่ได้ตั้งใจ ฉันล้มลงเพราะทรงตัวไม่ดีเอง”แต่ยิ่งเธอพูดแบบนั้น ความสนใจก็ยิ่งตกไปอยู่ที่หลิง อี้หรานมากขึ้นเท่านั้น มันทำให้ผู้คนรู้สึกว่าพี่สาวของเธอเย่อหยิ่งและโหดร้าย นอกจากนี้ผู้คนต่างรู้สึกว่าน้องสาวคนเล็กเป็นคนที่ถูกทำร้ายและทนทุกข์อยู่เงียบ ๆ ในขณะที่พี่สาวคอยรังแกเธอมาตลอดหลิง ลั่วอินต้องการใช้แฟน ๆ ของเธอและความคิดเห็นของสาธารณชนเหยียบย่ำหลิง อี้หรานเพื่อที่จะได้ไม่มีใครมาขัดขวางเธอได้และแม้แต่อี้ จิ่นหลีก็ไม่มีเหตุผลที่จะยืนหยัดเพ
หลิง อี้หรานกับชิน เหลียนอีติดตามผู้ช่วยไปยังห้องรับรองของเกา จิ้งชานเกา จิ้งชานแสดงความจริงใจต่อพวกเขาและเสนอให้ถ่ายรูปร่วมกัน เขายังพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าคุณต้องการตั๋วหนังเรื่องไหนของผมในอนาคต โทรหาผมได้เลยนะครับ แล้วผมจะส่งไปให้”เขาพูดพร้อมกับส่งหมายเลขโทรศัพท์แก่ชิน เหลียนอีเกา จิ้งชานคิดว่าในเมื่อหลิง อี้หรานเป็นแฟนกับนายน้อยอี้ ดังนั้นเขาควรจะผูกมิตรกับเธอไว้เพราะการอยู่ในวงการบันเทิงนั้น ยิ่งมีผู้คอยช่วยเหลือมากเท่าไหร่ก็ยิ่งประสบความสำเร็จมากเท่านั้นชิน เหลียนอีเป็นเพื่อนสนิทของหลิง อี้หราน ดังนั้นเกา จิ้งชานจึงรู้สึกยินดีที่จะแสดงความเป็นมิตรกับเธอถ้าก่อนหน้านี้เกา จิ้งชานให้หมายเลขโทรศัพท์กับชิน เหลียนอีด้วยตนเอง เธอคงจะตื่นเต้นไม่น้อย แต่ในตอนนี้... เธอเพียงแค่รับมันมาและกล่าวขอบคุณอย่างสุภาพหลังจากได้รับลายเซ็นและโปสเตอร์ของเกา จิ้งชานแล้ว ชิน เหลียนอีจึงเริ่มพูดกับเกา จิ้งชานว่า “ต้องขอโทษที่มารบกวนคุณในวันนี้ด้วยนะคะ เราคงต้องไปแล้ว ขอบคุณมากค่ะ!”จากนั้นชิน เหลียนอีก็ลากหลิง อี้หรานออกไปหลิง อี้หรานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เธอคิดว่าเหลียนอีจะอยากจะอยู่ต่