ใครจะคาดคิดว่าไป๋ ทิงซินจะพูดว่า “ตอนนี้คุณเป็นแฟนของผมแล้ว ถ้าผมรู้ว่าคุณกับเกา จิ้งชานสนิทสนมกันมากกว่าแฟนคลับและไอดอลทั่วไป ผมจะขึ้นบัญชีดำเขาในวงการบันเทิงและคุณอาจไม่เห็นเขาในจออีกต่อไป”ถ้าคนอื่นพูดแบบนั้น เธอคงคิดว่าพวกเขาล้อเล่น แต่นี่คือไป๋ ทิงซิน... ชิน เหลียนอีเดาว่าด้วยความใจแคบของเขา เขาอาจจะทำอย่างนั้นจริง ๆดังนั้นเธอควรจะลืมเกี่ยวกับหมายเลขโทรศัพท์ แค่ได้ถ่ายรูปด้วยกัน ขอลายเซ็นต์และโปสเตอร์สักสองสามรูป เธอก็พอใจแล้วไม่นานนัก หญิงสาวคนหนึ่งก็เข้ามาหาหลิง อี้หรานกับชิน เหลียนอี เธอพูดว่า “สวัสดีค่ะ คุณหลิง”หลิง อี้หรานจำได้ว่าเธอเป็นผู้ช่วยของเกา จิ้งชาน ที่เธอพบกับเขาครั้งล่าสุด“สวัสดีค่ะ” หลิง อี้หรานตอบ“ตามฉันมาเลยค่ะคุณผู้หญิง” เธอนำทางหลิง อี้หรานและชิน เหลียนอีไปตามทางแยกของพนักงาน หลิง อี้หรานไม่คาดคิดว่าเธอจะเดินได้เพียงไม่กี่ก้าวก่อนที่จะชนกับหลิง ลั่วอินระหว่างทางหลิง ลั่วอินอยู่กับผู้จัดการของเธอ ดูเหมือนพวกเขาจะคุยกันถึงเรื่องบางอย่างหลิง อี้หรานแสร้งทำเป็นไม่รู้จักกัน แต่หลังจากที่หลิง ลั่วอินเห็นหลิง อี้หรานก็ริเริ่มพูดทักทายด้วยรอยยิ้ม “ชิ
เธอเดินโซเซถอยหลังไปสามก้าวและในชั่วพริบตา เธอล้มลงกองอยู่กับพื้น จากนั้นเสียงร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดก็เล็ดลอดออกมาจากปากของหลิง ลั่วอิน“ฉันแค่อยากทำดีกับพี่ ทำไมพี่ถึงผลักฉันแบบนี้…” หลิง ลั่วอินถามออกมาอย่างเจ็บปวด น้ำตาคลอเบ้า ทำให้เธอดูน่าสมเพชเหตุการณ์ที่พลิกผันอย่างกะทันหันดึงความสนใจของแฟน ๆ ที่ทางเข้า หลายคนเริ่มหยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปและบันทึกหลิง อี้หรานจ้องมองหลิง ลั่วอินอย่างเย็นชา “เธอรู้ดีว่าฉันเคยผลักเธอหรือไม่”“ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะ พี่คะ? ฉันรู้… ว่าพี่เพิ่งออกมาจากคุกได้สักพัก พี่คงรู้สึกว่าถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม แต่ฉัน... ฉันจะไม่ถือโกรธอะไรพี่ทั้งนั้น”หลิง ลั่วอินยังคงเล่นเป็นน้องสาวตัวน้อยที่ถูกขมเหงต่อหน้าฝูงชนในขณะที่ป่าวประกาศให้ทุกคนได้รู้ว่าหลิง อี้หรานเคยติดคุกสำหรับแฟนคลับที่มีจมูกยาว เรื่องนี้กลายเป็นข่าวซุบซิบที่ร้อนแรงชิน เหลียนอีตื่นตระหนก “เธอใจร้ายมาก หลิง ลั่วอิน!”หลิง ลั่วอินโต้ตอบด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจว่า “พี่จะด่าอะไรฉันก็ได้ที่พี่ต้องการ พี่เป็นเพื่อนของพี่อี้หรานหนิ ฉันแค่หวังว่าพี่เหลียนอีจะสามารถเกลี้ยกล่อมไม่ให้พี่เอาหัวโขก
แต่... มันไม่สมเหตุสมผล นายน้อยกู้เป็นแฟนของหลิง ลั่วอินและตอนนี้เธอกำลังพยายามทวงถามความยุติธรรมให้กับลั่วอิน ถ้านายน้อยกู้ไม่ชอบคนแบบนั้น เขาคงจะไม่ชอบพี่สาวของลั่วอินด้วยกู้ ลี่เฉินเดินไปข้างหน้า แต่ก่อนที่เขาจะพูดขึ้น ผู้จัดการรีบโพล่งออกมาอย่างกระตือรือร้นว่า “นายน้อยกู้ ลั่วอินเพียงต้องการพาพี่สาวของเธอไปหาเกา จิ้งชานเท่านั้น แต่พี่สาวของเธอผลักเธอออกมาและทำให้เธอข้อเท้าแพลง”เธอกำลังชี้แนะให้กู้ ลี่เฉินเข้าข้างหลิง ลั่วอินดวงตาของหลิง ลั่วอินเศร้าหมองและเธอดูบอบบาง ราวกับว่าเธอพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ “ลี่เฉิน… อย่า… อย่าไปฟังเธอ พี่… ไม่ได้ตั้งใจ ฉันล้มลงเพราะทรงตัวไม่ดีเอง”แต่ยิ่งเธอพูดแบบนั้น ความสนใจก็ยิ่งตกไปอยู่ที่หลิง อี้หรานมากขึ้นเท่านั้น มันทำให้ผู้คนรู้สึกว่าพี่สาวของเธอเย่อหยิ่งและโหดร้าย นอกจากนี้ผู้คนต่างรู้สึกว่าน้องสาวคนเล็กเป็นคนที่ถูกทำร้ายและทนทุกข์อยู่เงียบ ๆ ในขณะที่พี่สาวคอยรังแกเธอมาตลอดหลิง ลั่วอินต้องการใช้แฟน ๆ ของเธอและความคิดเห็นของสาธารณชนเหยียบย่ำหลิง อี้หรานเพื่อที่จะได้ไม่มีใครมาขัดขวางเธอได้และแม้แต่อี้ จิ่นหลีก็ไม่มีเหตุผลที่จะยืนหยัดเพ
หลิง อี้หรานกับชิน เหลียนอีติดตามผู้ช่วยไปยังห้องรับรองของเกา จิ้งชานเกา จิ้งชานแสดงความจริงใจต่อพวกเขาและเสนอให้ถ่ายรูปร่วมกัน เขายังพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าคุณต้องการตั๋วหนังเรื่องไหนของผมในอนาคต โทรหาผมได้เลยนะครับ แล้วผมจะส่งไปให้”เขาพูดพร้อมกับส่งหมายเลขโทรศัพท์แก่ชิน เหลียนอีเกา จิ้งชานคิดว่าในเมื่อหลิง อี้หรานเป็นแฟนกับนายน้อยอี้ ดังนั้นเขาควรจะผูกมิตรกับเธอไว้เพราะการอยู่ในวงการบันเทิงนั้น ยิ่งมีผู้คอยช่วยเหลือมากเท่าไหร่ก็ยิ่งประสบความสำเร็จมากเท่านั้นชิน เหลียนอีเป็นเพื่อนสนิทของหลิง อี้หราน ดังนั้นเกา จิ้งชานจึงรู้สึกยินดีที่จะแสดงความเป็นมิตรกับเธอถ้าก่อนหน้านี้เกา จิ้งชานให้หมายเลขโทรศัพท์กับชิน เหลียนอีด้วยตนเอง เธอคงจะตื่นเต้นไม่น้อย แต่ในตอนนี้... เธอเพียงแค่รับมันมาและกล่าวขอบคุณอย่างสุภาพหลังจากได้รับลายเซ็นและโปสเตอร์ของเกา จิ้งชานแล้ว ชิน เหลียนอีจึงเริ่มพูดกับเกา จิ้งชานว่า “ต้องขอโทษที่มารบกวนคุณในวันนี้ด้วยนะคะ เราคงต้องไปแล้ว ขอบคุณมากค่ะ!”จากนั้นชิน เหลียนอีก็ลากหลิง อี้หรานออกไปหลิง อี้หรานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เธอคิดว่าเหลียนอีจะอยากจะอยู่ต่
ชิน เหลียนอีหัวเราะออกมา “ฮิฮิ…” นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมคนเราถึงไม่ควรโกหก เพราะความลับไม่มีอยู่ในโลกไงล่ะไป๋ ทิงซินหันไปมองหลิง อี้หรานอีกครั้ง “สวัสดีครับ ขอโทษที่ปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้ไปทำให้คุณลำบาก หนังจบแล้วเหรอ? ถ้าเสร็จแล้ว ทำไมเราไม่กินข้าวด้วยกันล่ะ?”“เอ่อ คือฉันมีอย่างอื่นที่ต้องทำ คุณไปกินข้าวกับเหลียนอีเถอะค่ะ” หลิง อี้หรานกล่าว เธอไม่ต้องการไปเป็นคนคั่นกลาง“งั้นให้ผมไปส่งคุณนะครับ” ไป๋ ทิงซินกล่าว“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันจะนั่งรถไฟใต้ดินที่หน้าโรงหนังกลับบ้าน รถไม่ติดด้วย” หลิง อี้หรานกล่าวขณะบอกลาชิน เหลียนอีหลังจากที่หลิง อี้หรานจากไป ไป๋ ทิงซินที่อยู่ในท่ายืนกอดอกก็จ้องไปที่ชิน เหลียนอีด้วยรอยยิ้มมุมปาก “ผมคิดว่าคุณควรอธิบายเรื่องในวันนี้ให้ผมฟัง”ชิน เหลียนอีตอบ “ก็ฉันเหนื่อยจากการทำงานล่วงเวลานี่ ฉันก็เลยมาที่นี่เพื่อพักผ่อนกับอี้หราน”“อย่างนั้นเหรอ?” เขาคร่ำครวญ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เชื่อคำอธิบายของเธอ“แล้วทำไมคุณมาที่นี่ล่ะ?” เธอถามเพื่อเปลี่ยนเรื่อง เมื่อคำถามหลุดออกจากปากของเธอ เธอก็ตระหนักได้ว่าเธอรู้สึกสับสนเมื่อเธอเห็นเขากับกู้ ลี่เฉิน“แล้วคิดว่าไงล่ะ?” เขา
“ไปเถอะ ไปกินข้าวกันก่อน” ไป๋ ทิงซินกล่าวทันทีที่ชิน เหลียนอีได้ยินแบบนั้น เธอก็เงยขึ้น ข้อดีอย่างหนึ่งของการออกเดทกับไป๋ ทิงซินก็คือเธอจะกินอะไรก็ได้เมื่ออยู่กับเขาเมื่อออกจากโรงหนังแล้ว ไป๋ ทิงซินก็ขับรถพาชิน เหลียนอีไปร้านอาหารชื่อดัง เธอจำได้ว่าเธอเคยเห็นร้านอาหารชื่อดังนี้ในนิตยสารมาก่อนและไม่เคยมีโอกาสได้ที่ร้านนี้เลยแต่หลังจากที่ได้เดทกับไป๋ ทิงซิน พวกเขาก็มาทานอาหารที่นี้กันหลายครั้งอาหารในร้านอาหารเป็นอาหารแนวที่เธอชอบเมื่อเข้าไปในร้านอาหาร ไป๋ ทิงซินขอห้องอาหารส่วนตัวกับทางพนักงาน เมื่อพวกเขาเข้าไปนั่งอยู่ในห้องอาหารส่วนตัว ชิน เหลียนอีไม่ได้สนใจโปสเตอร์ของเกา จิ้งชานที่เธอได้รับในวันนี้ แต่เธอกลับเปิดดูโทรศัพท์แทนหลังจากนั้นไม่นาน ใบหน้าของชิน เหลียนอีก็ดูน่ากลัวขึ้น“เกิดอะไรขึ้น?” ไป๋ ทิงซินถามชิน เหลียนอีกล่าวอย่างโกรธเคือง “คนพวกนี้คิดกันไปไกล พวกเขาไม่รู้ความจริงอะไรเลย คนเราก็ใช้เพียงปากหนึ่งปากเพื่อสร้างข่าวลือ แต่กลับต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการลบข่าวลือนั่น”ไป๋ ทิงซินคว้าโทรศัพท์ของชิน เหลียนอีจากมือของเธอแล้วมองดูวิดีโอบนหน้าจอโทรศัพท์ มันเป็นวิด
ไป๋ ทิงซินรู้สึกขบขัน เมื่อเห็นว่าเธอดูไม่สนใจลายเซ็นและโปสเตอร์ของเกา จิ้งชานที่เธอต้องการมาโดยตลอด แต่เมื่อพูดถึงเพื่อนของเธอ เธอกลับเป็นห่วงเป็นใยมากกว่าสิ่งอื่นใดเธอใส่ใจอี้หรานมากจนทำให้เขารู้สึกอิจฉาเมื่อไหร่ผู้หญิงคนนี้จะสนใจเขามากกว่านี้?“บอกฉันมา!” ชิน เหลียนอีเร่งเอาคำตอบ“ถ้าผมบอกคุณแล้วผมจะได้อะไรจากคุณบ้าง?” ไป๋ ทิงซินกล่าวอย่างเกียจคร้าน‘ได้อะไรจากฉันอย่างนั้นเหรอ?’ชิน เหลียนอีกระพริบตาด้วยความสับสน เอ่อ เธอจะทำอะไรให้เขาดี? เขาคงไม่ต้องการเศษเงินหรือสำเนาโปสเตอร์ของเกา จิ้งชานหรอกมั้ง“คุณต้องการอะไร?”“จุ๊บผมสิ” เขาพูดออกมาด้วยท่าทีสบาย ๆ เพื่อดูว่าเธอจะตอบสนองอย่างไรแต่เธอกลับประคองใบหน้าของเขาทันทีและจุ๊บลงที่ข้างแก้มของเขา “เร็วสิ บอกมา!” เธอไม่ได้รู้สึกเขินอายแม้แต่น้อย การกระทำของเธอทำให้ไป๋ ทิงซินรู้สึกไม่สบายใจแต่อย่างน้อยเธอก็หน้าแดงตอนที่เขาบอกให้เธอจุ๊บเขาแต่ตอนนี้สีหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นปกติไป๋ ทิงซินไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกระแอมเบา ๆ ต่อหน้าเธอที่คาดหวังคำตอบของเขา “หลิง ลั่วอินทำให้กู้ ลี่เฉินเสื่อมเสียชื่อเสียง เธอวางแผนกลั่นแกล้งหลิง อ
ท้ายที่สุด หลายความเห็นต่างเห็นด้วยกับผู้เชี่ยวชาญสำหรับการตั้งคำถามของผู้เชี่ยวชาญคือว่าเป็นการวิเคราะห์ที่ค่อนข้างดีเดียวและผู้เชี่ยวชาญคนนั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหลิง อี้หราน!ผู้จัดการของหลิง ลั่วอินรีบโทรหาเธอและพูดว่า “ลั่วอิน สถานการณ์บนอินเทอร์เน็ตเริ่มจะรับมือไม่อยู่แล้วและผู้เชี่ยวชาญบางคนได้ชี้ให้เห็นว่าคุณตั้งใจทำโดยเจตนา ทำไมคุณไม่ขอความช่วยเหลือจากนายน้อยกู้ล่ะ? ไม่อย่างนั้นมันคงจบไม่สวยแน่ ๆ”หลิง ลั่วอินกัดฟันด้วยความโกรธ เธอได้เห็นเนื้อหาบนอินเทอร์เน็ตแล้วและพบว่าในตอนแรกทุกคนต่างวิพากษ์วิจารณ์หลิง อี้หราน ทำให้อี้ จิ่นหลีทนดูต่อไม่ไหวจนเอื้อมมือเข้ามาด้วย จะดีกว่านี้หากปัญหานี้เกิดขึ้นระหว่างอี้ จิ่นหลีกับหลิง อี้หรานถ้าลี่เฉินออกตัวมาปกป้องหลิง อี้หราน มันไม่เพียงแต่จะทำให้อี้ จิ่นหลีขายขี้หน้า แต่ยังทำลายชื่อเสียงของเขาด้วยส่วนตัวเธอแค่เล่นบทเป็นเหยื่อเท่านั้นใครจะคิดว่าอยู่ ๆ จะมีผู้เชี่ยวชาญเสียสละเวลามาสร้างสถานการณ์และวิเคราะห์มันโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้เชี่ยวชาญคนนี้เป็นผู้มีอำนาจในเรื่องนี้ ไม่ใช่ “ผู้เชี่ยวชาญ” ธรรมดาที่ไล่เกาะตามกระแสข่าวดาราหลิง