หลิง อี้หรานตกใจ เธอไม่คาดคิดว่าแขกในวันนี้จะเป็นหลิง ลั่วอินบางครั้งโรดโชว์ก็เชิญแขกมาร่วมงานเพื่อเซอร์ไพรส์ให้กับผู้ชมพวกเขามักจะเชิญดาราที่มีชื่อเสียง แต่หลิง ลั่วอินเป็นเพียงนักแสดงเกรดดี ในวงการบันเทิงก่อนที่เธอจะกลายเป็นแฟนสาวของกู้ ลี่เฉินชื่อเสียงของเธอเกิดจากกู้ ลี่เฉินและในตอนนี้หลิง ลั่วอินได้รับงานแสดงที่ดีมากมายเพราะกู้ ลี่เฉินนอกเหนือจากโฆษณาที่ได้รับการตีพิมพ์แล้ว ละครโทรทัศน์และผลงานแสดงอื่น ๆ ก็ยังอยู่ระหว่างการผลิตและยังไม่ได้ออกฉายดังนั้นหลิง ลั่วอินจึงยังไม่ได้แสดงในภาพยนตร์ เหตุผลที่เธอสามารถเป็นแขกรับเชิญได้ก็เพราะกู้ ลี่เฉินชิน เหลียนอีหันไปหาเพื่อนสนิทของเธอด้วยใบหน้าที่เสียใจและรู้สึกผิด “ขอโทษนะอี้หราน ฉันไม่รู้ว่าวันนี้หลิง ลั่วอินจะมาเป็นแขกรับเชิญ”ถ้าเธอรู้ เธอคงไม่ซื้อตั๋วโรดโชว์นี้หลิง อี้หรานยิ้ม “มีอะไรต้องขอโทษด้วย? ไม่ใช่ความผิดของเธอสักหน่อย วันนี้เรามาหาเกา จิ้งชานนะ ไม่ใช่หลิง ลั่วอิน”ชิน เหลียนอียังคงเสียใจจนเธอไม่ได้ตั้งใจดูภาพยนตร์เรื่องนี้ได้มากนัก เธอยังคงคิดถึงเรื่องที่หลิง ลั่วอินเป็นแขกรับเชิญหลังจากภาพยนตร์จบลงแล้ว ชิน
ใครจะคาดคิดว่าไป๋ ทิงซินจะพูดว่า “ตอนนี้คุณเป็นแฟนของผมแล้ว ถ้าผมรู้ว่าคุณกับเกา จิ้งชานสนิทสนมกันมากกว่าแฟนคลับและไอดอลทั่วไป ผมจะขึ้นบัญชีดำเขาในวงการบันเทิงและคุณอาจไม่เห็นเขาในจออีกต่อไป”ถ้าคนอื่นพูดแบบนั้น เธอคงคิดว่าพวกเขาล้อเล่น แต่นี่คือไป๋ ทิงซิน... ชิน เหลียนอีเดาว่าด้วยความใจแคบของเขา เขาอาจจะทำอย่างนั้นจริง ๆดังนั้นเธอควรจะลืมเกี่ยวกับหมายเลขโทรศัพท์ แค่ได้ถ่ายรูปด้วยกัน ขอลายเซ็นต์และโปสเตอร์สักสองสามรูป เธอก็พอใจแล้วไม่นานนัก หญิงสาวคนหนึ่งก็เข้ามาหาหลิง อี้หรานกับชิน เหลียนอี เธอพูดว่า “สวัสดีค่ะ คุณหลิง”หลิง อี้หรานจำได้ว่าเธอเป็นผู้ช่วยของเกา จิ้งชาน ที่เธอพบกับเขาครั้งล่าสุด“สวัสดีค่ะ” หลิง อี้หรานตอบ“ตามฉันมาเลยค่ะคุณผู้หญิง” เธอนำทางหลิง อี้หรานและชิน เหลียนอีไปตามทางแยกของพนักงาน หลิง อี้หรานไม่คาดคิดว่าเธอจะเดินได้เพียงไม่กี่ก้าวก่อนที่จะชนกับหลิง ลั่วอินระหว่างทางหลิง ลั่วอินอยู่กับผู้จัดการของเธอ ดูเหมือนพวกเขาจะคุยกันถึงเรื่องบางอย่างหลิง อี้หรานแสร้งทำเป็นไม่รู้จักกัน แต่หลังจากที่หลิง ลั่วอินเห็นหลิง อี้หรานก็ริเริ่มพูดทักทายด้วยรอยยิ้ม “ชิ
เธอเดินโซเซถอยหลังไปสามก้าวและในชั่วพริบตา เธอล้มลงกองอยู่กับพื้น จากนั้นเสียงร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดก็เล็ดลอดออกมาจากปากของหลิง ลั่วอิน“ฉันแค่อยากทำดีกับพี่ ทำไมพี่ถึงผลักฉันแบบนี้…” หลิง ลั่วอินถามออกมาอย่างเจ็บปวด น้ำตาคลอเบ้า ทำให้เธอดูน่าสมเพชเหตุการณ์ที่พลิกผันอย่างกะทันหันดึงความสนใจของแฟน ๆ ที่ทางเข้า หลายคนเริ่มหยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปและบันทึกหลิง อี้หรานจ้องมองหลิง ลั่วอินอย่างเย็นชา “เธอรู้ดีว่าฉันเคยผลักเธอหรือไม่”“ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะ พี่คะ? ฉันรู้… ว่าพี่เพิ่งออกมาจากคุกได้สักพัก พี่คงรู้สึกว่าถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม แต่ฉัน... ฉันจะไม่ถือโกรธอะไรพี่ทั้งนั้น”หลิง ลั่วอินยังคงเล่นเป็นน้องสาวตัวน้อยที่ถูกขมเหงต่อหน้าฝูงชนในขณะที่ป่าวประกาศให้ทุกคนได้รู้ว่าหลิง อี้หรานเคยติดคุกสำหรับแฟนคลับที่มีจมูกยาว เรื่องนี้กลายเป็นข่าวซุบซิบที่ร้อนแรงชิน เหลียนอีตื่นตระหนก “เธอใจร้ายมาก หลิง ลั่วอิน!”หลิง ลั่วอินโต้ตอบด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจว่า “พี่จะด่าอะไรฉันก็ได้ที่พี่ต้องการ พี่เป็นเพื่อนของพี่อี้หรานหนิ ฉันแค่หวังว่าพี่เหลียนอีจะสามารถเกลี้ยกล่อมไม่ให้พี่เอาหัวโขก
แต่... มันไม่สมเหตุสมผล นายน้อยกู้เป็นแฟนของหลิง ลั่วอินและตอนนี้เธอกำลังพยายามทวงถามความยุติธรรมให้กับลั่วอิน ถ้านายน้อยกู้ไม่ชอบคนแบบนั้น เขาคงจะไม่ชอบพี่สาวของลั่วอินด้วยกู้ ลี่เฉินเดินไปข้างหน้า แต่ก่อนที่เขาจะพูดขึ้น ผู้จัดการรีบโพล่งออกมาอย่างกระตือรือร้นว่า “นายน้อยกู้ ลั่วอินเพียงต้องการพาพี่สาวของเธอไปหาเกา จิ้งชานเท่านั้น แต่พี่สาวของเธอผลักเธอออกมาและทำให้เธอข้อเท้าแพลง”เธอกำลังชี้แนะให้กู้ ลี่เฉินเข้าข้างหลิง ลั่วอินดวงตาของหลิง ลั่วอินเศร้าหมองและเธอดูบอบบาง ราวกับว่าเธอพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ “ลี่เฉิน… อย่า… อย่าไปฟังเธอ พี่… ไม่ได้ตั้งใจ ฉันล้มลงเพราะทรงตัวไม่ดีเอง”แต่ยิ่งเธอพูดแบบนั้น ความสนใจก็ยิ่งตกไปอยู่ที่หลิง อี้หรานมากขึ้นเท่านั้น มันทำให้ผู้คนรู้สึกว่าพี่สาวของเธอเย่อหยิ่งและโหดร้าย นอกจากนี้ผู้คนต่างรู้สึกว่าน้องสาวคนเล็กเป็นคนที่ถูกทำร้ายและทนทุกข์อยู่เงียบ ๆ ในขณะที่พี่สาวคอยรังแกเธอมาตลอดหลิง ลั่วอินต้องการใช้แฟน ๆ ของเธอและความคิดเห็นของสาธารณชนเหยียบย่ำหลิง อี้หรานเพื่อที่จะได้ไม่มีใครมาขัดขวางเธอได้และแม้แต่อี้ จิ่นหลีก็ไม่มีเหตุผลที่จะยืนหยัดเพ
หลิง อี้หรานกับชิน เหลียนอีติดตามผู้ช่วยไปยังห้องรับรองของเกา จิ้งชานเกา จิ้งชานแสดงความจริงใจต่อพวกเขาและเสนอให้ถ่ายรูปร่วมกัน เขายังพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าคุณต้องการตั๋วหนังเรื่องไหนของผมในอนาคต โทรหาผมได้เลยนะครับ แล้วผมจะส่งไปให้”เขาพูดพร้อมกับส่งหมายเลขโทรศัพท์แก่ชิน เหลียนอีเกา จิ้งชานคิดว่าในเมื่อหลิง อี้หรานเป็นแฟนกับนายน้อยอี้ ดังนั้นเขาควรจะผูกมิตรกับเธอไว้เพราะการอยู่ในวงการบันเทิงนั้น ยิ่งมีผู้คอยช่วยเหลือมากเท่าไหร่ก็ยิ่งประสบความสำเร็จมากเท่านั้นชิน เหลียนอีเป็นเพื่อนสนิทของหลิง อี้หราน ดังนั้นเกา จิ้งชานจึงรู้สึกยินดีที่จะแสดงความเป็นมิตรกับเธอถ้าก่อนหน้านี้เกา จิ้งชานให้หมายเลขโทรศัพท์กับชิน เหลียนอีด้วยตนเอง เธอคงจะตื่นเต้นไม่น้อย แต่ในตอนนี้... เธอเพียงแค่รับมันมาและกล่าวขอบคุณอย่างสุภาพหลังจากได้รับลายเซ็นและโปสเตอร์ของเกา จิ้งชานแล้ว ชิน เหลียนอีจึงเริ่มพูดกับเกา จิ้งชานว่า “ต้องขอโทษที่มารบกวนคุณในวันนี้ด้วยนะคะ เราคงต้องไปแล้ว ขอบคุณมากค่ะ!”จากนั้นชิน เหลียนอีก็ลากหลิง อี้หรานออกไปหลิง อี้หรานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เธอคิดว่าเหลียนอีจะอยากจะอยู่ต่
ชิน เหลียนอีหัวเราะออกมา “ฮิฮิ…” นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมคนเราถึงไม่ควรโกหก เพราะความลับไม่มีอยู่ในโลกไงล่ะไป๋ ทิงซินหันไปมองหลิง อี้หรานอีกครั้ง “สวัสดีครับ ขอโทษที่ปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้ไปทำให้คุณลำบาก หนังจบแล้วเหรอ? ถ้าเสร็จแล้ว ทำไมเราไม่กินข้าวด้วยกันล่ะ?”“เอ่อ คือฉันมีอย่างอื่นที่ต้องทำ คุณไปกินข้าวกับเหลียนอีเถอะค่ะ” หลิง อี้หรานกล่าว เธอไม่ต้องการไปเป็นคนคั่นกลาง“งั้นให้ผมไปส่งคุณนะครับ” ไป๋ ทิงซินกล่าว“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันจะนั่งรถไฟใต้ดินที่หน้าโรงหนังกลับบ้าน รถไม่ติดด้วย” หลิง อี้หรานกล่าวขณะบอกลาชิน เหลียนอีหลังจากที่หลิง อี้หรานจากไป ไป๋ ทิงซินที่อยู่ในท่ายืนกอดอกก็จ้องไปที่ชิน เหลียนอีด้วยรอยยิ้มมุมปาก “ผมคิดว่าคุณควรอธิบายเรื่องในวันนี้ให้ผมฟัง”ชิน เหลียนอีตอบ “ก็ฉันเหนื่อยจากการทำงานล่วงเวลานี่ ฉันก็เลยมาที่นี่เพื่อพักผ่อนกับอี้หราน”“อย่างนั้นเหรอ?” เขาคร่ำครวญ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เชื่อคำอธิบายของเธอ“แล้วทำไมคุณมาที่นี่ล่ะ?” เธอถามเพื่อเปลี่ยนเรื่อง เมื่อคำถามหลุดออกจากปากของเธอ เธอก็ตระหนักได้ว่าเธอรู้สึกสับสนเมื่อเธอเห็นเขากับกู้ ลี่เฉิน“แล้วคิดว่าไงล่ะ?” เขา
“ไปเถอะ ไปกินข้าวกันก่อน” ไป๋ ทิงซินกล่าวทันทีที่ชิน เหลียนอีได้ยินแบบนั้น เธอก็เงยขึ้น ข้อดีอย่างหนึ่งของการออกเดทกับไป๋ ทิงซินก็คือเธอจะกินอะไรก็ได้เมื่ออยู่กับเขาเมื่อออกจากโรงหนังแล้ว ไป๋ ทิงซินก็ขับรถพาชิน เหลียนอีไปร้านอาหารชื่อดัง เธอจำได้ว่าเธอเคยเห็นร้านอาหารชื่อดังนี้ในนิตยสารมาก่อนและไม่เคยมีโอกาสได้ที่ร้านนี้เลยแต่หลังจากที่ได้เดทกับไป๋ ทิงซิน พวกเขาก็มาทานอาหารที่นี้กันหลายครั้งอาหารในร้านอาหารเป็นอาหารแนวที่เธอชอบเมื่อเข้าไปในร้านอาหาร ไป๋ ทิงซินขอห้องอาหารส่วนตัวกับทางพนักงาน เมื่อพวกเขาเข้าไปนั่งอยู่ในห้องอาหารส่วนตัว ชิน เหลียนอีไม่ได้สนใจโปสเตอร์ของเกา จิ้งชานที่เธอได้รับในวันนี้ แต่เธอกลับเปิดดูโทรศัพท์แทนหลังจากนั้นไม่นาน ใบหน้าของชิน เหลียนอีก็ดูน่ากลัวขึ้น“เกิดอะไรขึ้น?” ไป๋ ทิงซินถามชิน เหลียนอีกล่าวอย่างโกรธเคือง “คนพวกนี้คิดกันไปไกล พวกเขาไม่รู้ความจริงอะไรเลย คนเราก็ใช้เพียงปากหนึ่งปากเพื่อสร้างข่าวลือ แต่กลับต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการลบข่าวลือนั่น”ไป๋ ทิงซินคว้าโทรศัพท์ของชิน เหลียนอีจากมือของเธอแล้วมองดูวิดีโอบนหน้าจอโทรศัพท์ มันเป็นวิด
ไป๋ ทิงซินรู้สึกขบขัน เมื่อเห็นว่าเธอดูไม่สนใจลายเซ็นและโปสเตอร์ของเกา จิ้งชานที่เธอต้องการมาโดยตลอด แต่เมื่อพูดถึงเพื่อนของเธอ เธอกลับเป็นห่วงเป็นใยมากกว่าสิ่งอื่นใดเธอใส่ใจอี้หรานมากจนทำให้เขารู้สึกอิจฉาเมื่อไหร่ผู้หญิงคนนี้จะสนใจเขามากกว่านี้?“บอกฉันมา!” ชิน เหลียนอีเร่งเอาคำตอบ“ถ้าผมบอกคุณแล้วผมจะได้อะไรจากคุณบ้าง?” ไป๋ ทิงซินกล่าวอย่างเกียจคร้าน‘ได้อะไรจากฉันอย่างนั้นเหรอ?’ชิน เหลียนอีกระพริบตาด้วยความสับสน เอ่อ เธอจะทำอะไรให้เขาดี? เขาคงไม่ต้องการเศษเงินหรือสำเนาโปสเตอร์ของเกา จิ้งชานหรอกมั้ง“คุณต้องการอะไร?”“จุ๊บผมสิ” เขาพูดออกมาด้วยท่าทีสบาย ๆ เพื่อดูว่าเธอจะตอบสนองอย่างไรแต่เธอกลับประคองใบหน้าของเขาทันทีและจุ๊บลงที่ข้างแก้มของเขา “เร็วสิ บอกมา!” เธอไม่ได้รู้สึกเขินอายแม้แต่น้อย การกระทำของเธอทำให้ไป๋ ทิงซินรู้สึกไม่สบายใจแต่อย่างน้อยเธอก็หน้าแดงตอนที่เขาบอกให้เธอจุ๊บเขาแต่ตอนนี้สีหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นปกติไป๋ ทิงซินไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกระแอมเบา ๆ ต่อหน้าเธอที่คาดหวังคำตอบของเขา “หลิง ลั่วอินทำให้กู้ ลี่เฉินเสื่อมเสียชื่อเสียง เธอวางแผนกลั่นแกล้งหลิง อ
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค